ตอนที่ 560 คลื่นน้ำเงิน
เสี่ยวอวี่เอาผ้าห่มคลุมพี่ชายอย่างระมัดระวังทั้งที่ตายังแดง
"เขาปลอดภัยแล้วใช่ไหม?" ถังเทียนถามเสี่ยวอวี่ด้วยสีหน้ากังวล ไม่ว่าเขาจะโง่เพียงไหนแต่เขาก็บอกได้ว่าเสี่ยวอวี่พบเรื่องลำบาก อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือ เสี่ยวอวี่จะเก่งในทางรักษา เขาบดส่วนผสมที่ไม่รู้จักจนเป็นผงและผสมกับน้ำป้อนให้พี่ชายกิน
"ถ้าเขาผ่านสองสามวันนี้ไปได้เขาจะรอด" เสียงของเสี่ยวอวี่แหบแห้งตาของเขาแดง
"เกิดอะไรขึ้น?" ถังเทียนตบอก "ถ้าเจ้าต้องการความช่วยเหลืออะไรบอกข้าได้"
"ขอบคุณพี่เหมิ่งหนาน!" เสี่ยวอวี่พูดขอบคุณ เขาชำเลืองมองพี่ชายบนเตียง ใบหน้าที่อ่อนเยาว์และอ่อนโยนมีความเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่เข้ากันกับวัยของเขา เขาส่ายศีรษะ "บาดแผลบนตัวของพี่ชายเป็นฝีมือของคนเเคระน้ำเงินข้าเคยขอพวกเขามาก่อนแล้วว่า ไม่ว่ายังไง ก็อย่าไปบึงน้ำฟ้ามา ถ้าไม่ไป เขาจะพบกับคนเเคระน้ำเงินได้ยังไง? ข้าสงสัยว่าบึงน้ำฟ้าจะเป็นจุดเริ่มต้นหรือไม่?"
"คนเเคระน้ำเงิน!" ตาถังเทียนเป็นประกายแวววาว เขาสนใจคำพูดอื่นของเสี่ยวอวี่อย่างรวดเร็ว "คลื่นน้ำเงิน?"
"ใช่แล้ว" หน้าของเสี่ยวอวี่เต็มไปด้วยความกังวล "ความสามารถในการขยายพันธุ์ของคนแคระน้ำเงินน่ากลัวมาก ตำนานบอกว่าดินแดนเกิดของพวกมันเคยอยู่ในอวกาศมิติว่างเปล่าแต่ผ่านรอยแยกมิติว่างออกมา พวกมันสามารถเข้าไปในทวีปต่างๆ ได้ ดินเเดนที่คนแคระน้ำเงินอยู่จะกลายเป็นบึงน้ำฟ้า หลังจากผ่านไปช่วงเวลาหนึ่งเมื่อคนแคระน้ำเงินมีพลเมืองแพร่พันธุ์ในระดับสูง คนแคระน้ำเงินที่แพร่พันธุ์ได้เร็วก็จะไม่มีทางเลือกได้แต่ขยายพื้นที่ออกไป พวกมันจะบุกออกมาจากบึงน้ำฟ้า กลืนกินและยึดทั้งทวีป นี่คือคลื่นน้ำเงิน"
ดังนั้นสถานที่หลักซึ่งคนแคระน้ำเงินอยู่ก็มาจากมิติว่าง ถังเทียนมีท่าทางรำพึง
ถ้าบึงน้ำฟ้ามีรอยแยกที่ทำให้พวกมันมาจากมิติว่าง อย่างนั้นก็หมายความว่า แม้แต่บึงน้ำฟ้าพวกมันก็สามารถสู้เพื่อไปถึงฐานหลักของคนแคระฟ้าหรือไม่?
ถังเทียนคาดว่าเสี่ยวซิ่วซิ่วและพวกที่เหลือมีความเป็นไปได้มากที่จะตกอยู่ในมือของคนแคระน้ำเงิน
เขาเตรียมถามถึงที่ตั้งของบึงน้ำฟ้าที่ใกล้ที่สุด ทันใดนั้นเมื่อมีเสียงดังก้องมาจากข้างนอกเป็นเสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความกลัวดังสั่นสะท้านแก้วหู
"คนแคระน้ำเงิน!"
"โอวพระเจ้า คนแคระน้ำเงิน!"
สีหน้าของเสี่ยวอวี่เปลี่ยน ถังเทียนอุ้มเขาขึ้นและวิ่งออกไปข้างนอก
เมื่อเขากระโดดขึ้นไปบนรั้วของหมู่บ้านเขามองเห็นฉากภาพไกลออกไปและอดสูดหายใจหนาวเหน็บไม่ได้ ในท้ายของร่องแม่น้ำสีดำแห้งแล้งและกว้างแถวสีน้ำเงินสายหนึ่งกำลังเดินหน้ามาทางหมู่บ้าน! แนวแถวสีน้ำเงินเป็นกลุ่มหนาแน่นมันคือคนแคระน้ำเงินจำนวนมาก
หน้าของเสี่ยวอวี่ซีดขาวและเขาสั่นไปทั้งตัว
ชาวบ้านทุกคนหน้าซีดขาวเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
เราต้องหนี!
เสี่ยวอวี่หันมาทางถังเทียนเพื่อต้องการเตือนให้เขาหลบหนีโดยเร็ว แต่เมื่อเขาเห็นสีหน้าของพี่เหมิ่งหนาน เขาสะดุ้ง หน้าของพี่เหมิ่งหนานโหดเหี้ยม ดุร้ายและกระหายเลือด เขาพึมพำกับตนเองเบาๆแต่แฝงรังสีฆ่าฟันอยู่ในคำพูดของเขา
"ดีเลย ข้าเตรียมจะไปหาพวกเจ้าอยู่พอดี..."
ความบ้าคลั่งของถังเทียนทำให้เสี่ยวอวี่รู้สึกว่าพี่เหมิ่งหนานเกลียดคนแคระน้ำเงินอย่างลึกล้ำแน่นอน
ในสวรรค์วิถี มันเรียกว่าทะเลน้ำเงิน ในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์มันเรียกว่าคลื่นน้ำเงิน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เมื่อฉากภาพอย่างนั้นปรากฏต่อหน้าต่อตาเจ้า มันหมายถึงความตาย มันแสดงถึงโลกที่เต็มไปด้วยเลือดในระยะพันไมล์
แต่ภายในดวงตาที่โกรธเกรี้ยวสีแดง มีแต่ทำให้เขาคิดถึงเรื่องการสู้รบภายในทะเลน้ำเงินทั้งยังทำให้เขาสูญเสียสหาย มันทำให้ใจของเขาเดือดดาลด้วยความตั้งใจฆ่า
"ไปกันเถอะ ลุงปิง!"
เสี่ยวอวี่ได้ยินพี่เหมิ่งหนานพูดกับอากาศและชะงักค้าง
ทันใดนั้นสายตาของเขามองเห็นภาพเงาขนาดใหญ่ที่บดบังร่างได้มีร่างยักษ์ทำด้วยโลหะแปลกประหลาดปรากฏอยู่ต่อหน้าเขา
"หุ่นยักษ์!" เสี่ยวอวี่มีสีหน้าดีใจไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น แม้แต่สายตาของชาวหมู่บ้านที่จ้องมองถังเทียนกลับมองแตกต่างทันที
ทุกคนตะลึงกับลักษณะที่สวยงามของพยัคฆ์ฟ้า และไม่มีใครสังเกตว่าหยาหยาอยู่ที่หน้าผากของพยัคฆ์ฟ้า
หยาหยายืนอยู่บนหัวของพยัคฆ์ฟ้า มองไปรอบๆ ด้วยความปรารถนาที่เต็มอยู่ในดวงตาดูแข็งแกร่งยิ่งนัก
หลังจากต่อสู้มามากหลายศึกและหลายสนามรบ แม้ว่าปัจจุบันนี้ถังเทียนจะไม่สามารถได้รับการยกย่องว่าเป็นขุนพลที่มีชื่อเสียงแต่เขาไม่ใช่มือใหม่แน่นอน ถึงคนแคระน้ำเงินจะห้าวระห่ำและดุร้าย ขวัญกำลังใจดี แต่การบุกเข้าใส่ในปัจจุบันก็เท่ากับหาความตาย
"เตรียมป้องกัน!" ถังเทียนกระโดดไปบนอาคารสูง เขาตะโกนไปทางชาวบ้านที่ยืนมึนงง "พวกที่ไม่อยากตายให้มารวมตัวรอบๆ ข้า!"
ถังเทียนไม่มีความสุภาพแม้แต่น้อยน้ำเสียงของเขาเปี่ยมไปด้วยอำนาจ ประหนึ่งว่าเขากลายเป็นผู้นำชาวบ้านขณะยืนอยู่ที่หลังคาที่สูงที่สุดในหมู่บ้านสั่งผู้คนรอบๆ
ยังคงมีความลังเลใจหลงเหลืออยู่ในใบหน้าของพวกชาวบ้าน แต่พวกเขาก็มารวมตัวหน้าถังเทียนโดยไม่รู้ตัว มีพยัคฆ์ฟ้าลอยตัวอยู่ข้างถังเทียนทำให้หลายคนแอบคิดว่าถังเทียนเป็นผู้ยิ่งใหญ่จากในเมืองใหญ่เป็นแน่
ในหมู่บ้านนี้มีคนไม่มาก ประชากร 146 คนแต่ก็ทำให้ถังเทียนรู้สึกสบายใจที่คนพวกนี้ล้วนเป็นเซียนทั้งนั้น
แม้ว่ารังสีพวกเขาจะไม่ใช่เซียนที่กล้าแข็งจากสวรรค์วิถี แต่ถังเทียนไม่เคยรับความรู้สึกถึงเซียนผิด เขามีความสงสัยบางส่วน แม้ว่าพวกเขาจะเป็นเซียนกันหมด แต่เซียนในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับสวรรค์วิถีอย่างเห็นได้ชัด
อย่างไรก็ตามเขาไม่อาจสนใจได้มากนักในช่วงเวลาอย่างนี้ ถังเทียนบอกปิง "ลุงปิง, ตั้งแนวป้องกัน"
"ได้เลย!"ปิงไม่ปฏิเสธ เขาเริ่มจัดแนวป้องกันแทน เดิมทีเมื่อเขารู้สึกว่าถังเทียนบาดเจ็บก็แทบจะทำให้หัวใจเขากระดอนถึงคอแล้ว แต่ถังเทียนหมดสติ ทำให้เขาไม่สามารถออกมาได้
เขาจึงเตรียมพร้อมอยู่เสมอและรู้สึกเสียใจเนื่องจากเป็นผู้บัญชาการทหารที่โดดเด่น เขามีความสามารถในการมองไปข้างหน้า
ถังห้าวคือรากฐานที่แท้จริงของพวกเขา ตราบใดที่ถังห้าวยังปลอดภัยอย่างนั้นไม่ว่าพวกเขาจะเผชิญปัญหาอะไร พวกเขาก็มีโอกาสชนะได้เสมอ และถ้าถังห้าวพบกับปัญหาใดๆ อย่างนั้นกองทัพดาวกางเขนใต้หรือกลุ่มดาวหมีใหญ่ก็เช่นกัน พวกเขาจะต้องเผชิญกับหายนะเป็นแน่
ดังนั้นเมื่อเขาได้ยินถังเทียนเรียกเขาออกมาเขาถอนหายใจโล่งอก
สงครามไม่ใช่สาเหตุให้เขากังวล เขามีประสบการณ์กับสงครามมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นสงครามโหดร้ายเพียงใดก็ตาม สำหรับสิ่งที่เขาเห็นแม้ว่าเขาจะไม่ได้รับชัยชนะ แต่การปกป้องความปลอดภัยของถังเทียนก็ไม่เป็นปัญหา
แต่ถ้าเขาไม่อยู่ข้างกายถังเทียน ถ้าถังเทียนพบอันตราย...
โดยไม่รู้ตัวเจ้าเด็กวัยรุ่นระห่ำกลายเป็นผู้นำของทุกกลุ่มไปแล้วโดยปริยายสถานะของเขาไม่มีใครแทนที่ได้อีกต่อไป
เมื่อทหารผ่านศึกคนหนึ่งเคลื่อนไหว จะเห็นได้ชัดว่าไม่ว่าเขาจะเป็นยอดฝีมือผู้เชี่ยวชาญหรือไม่ปิงก่อตั้งแนวป้องกันไปตามแนวป้องกันของหมู่บ้าน พวกชาวบ้านเห็นความหวัง แต่ละคนมีความกระตือรือร้นเพิ่มขึ้น
หลังจากแนวป้องกันของปิงถูกวางเสร็จแล้วไม่มีที่ซึ่งปลอดภัยมากกว่าภายในหมู่บ้าน และถ้าใครจะทำลายหนีไปจากกองทัพใหญ่ โอกาสที่เขาจะรอดไปได้จะต่ำมาก
"พี่เหมิ่งหนานหุ่นยักษ์ของท่านแข็งแกร่งทรงพลังนัก! นั่นคือขุนพลหรือ?" เสี่ยวอวี่มองพยัคฆ์ฟ้าใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
"ใช่ เขาคือแม่ทัพที่มีชื่อ" ถังเทียนดีใจ ปิงคือแม่ทัพที่มีชื่อเสียงแน่นอน
"เขาคือไฟร์วอล์คเกอร์หรืออากัสตัน"ตาของเสี่ยวอวี่เป็นประกาย แต่เขาส่ายศีรษะและรำพึงกับตนเอง "ไม่สิ, ผิดแล้ว ไฟร์วอล์คเกอร์จะสีแดงอากัสตันสีเทา"
ถังเทียนสับสนเมื่อได้ยินเขาพูด ไฟร์วอล์คเกอร์หรืออากัสตันอะไรกันเขาสังเกตอะไรได้อีกอย่างหนึ่ง มีแต่เสี่ยวอวี่ที่ไม่ใช่เซียน ต่างจากคนอื่น
"เสี่ยวอวี่ดูเหมือนว่าเจ้าจะแตกต่างจากพวกเขา" ถังเทียนลังเลใจ แต่ก็ยังถาม
"ถูกแล้วข้าไม่มีสนามพลังเซียนตั้งแต่เกิด และข้าไม่รู้ว่าทำไม" เสี่ยวอวี่พูดตามตรงแต่ดวงตาของเขามีวี่แววเสียใจ
เขารีบยืดอกและพูดด้วยความภูมิใจ "แต่ข้ารู้อะไรหลายๆ อย่าง"
เขาเอาหญ้าดาบแดงออกมาและให้ถังเทียน "พี่เหมิ่งหนาน ข้าจะให้ดาบหญ้ากับท่าน นี่คืออาวุธที่ข้าสร้างขึ้นมา"
ดาบหญ้า?
ถังเทียนรับดาบหญ้าแดงด้วยความสงสัย ดาบหญ้าแดงเกิดจากการผสมแก่นกอหญ้าดาบแดง มันอุ่นเมื่อสัมผัส
มือนุ่มและเนียนคว้าหญ้าดาบแดงออกมาจากมือของเขา
เสี่ยวเอ้อเพิ่งตื่นจากหลับไหล หน้าน้อยๆ ของเขาดูลึกและเครียด
"พี่เหมิ่งหนาน! นี่คือระ.ร่าง.." เสี่ยวอวี่ตื่นเต้นแต่เขาพูดไม่ออก
ถังเทียนอยากจะพูดแต่ถูกเสี่ยวเอ้อขัดขึ้นก่อน "ถูกแล้ว"
เสี่ยวอวี่รู้สึกมีสีหน้าละอาย เขารู้สึกว่าเขาแสดงฝีมืออยู่ต่อหน้ายอดฝีมือจริงๆ มันเป็นดาบหญ้าหยาบๆต่อหน้าผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้ไม่คู่ควรอวดอ้าง
เสี่ยวเอ้อถือดาบหญ้าไว้ เขาเหยียดมันตรงไปข้างหน้าทันที
วืดดด!
รังสีแดงพุ่งผ่านดวงตาของถังเทียนวูบหนึ่ง
แสงรังสีแดงที่ยิงใส่ผนังบ้านทิ้งรอยนิ้วไว้สามรูและทะลุเข้าไปในบ้าน โชคดีที่บ้านว่างเปล่า ถ้าไม่อย่างนั้นคงอันตรายแน่
ถังเทียนตื่นเต้นตกใจ เขารู้สึกได้ชัดเจนถึงภาพดาบที่คมชัดจากแสงสลัวสีแดงนั้น
เสี่ยวเอ้อพูดกับตนเอง "ใช้ภาพกระบี่สะสมอยู่ในร่างของเจ้าเป็นความคิดที่ดีแต่น่าเสียดายที่วิธีการของเจ้าทื่อตรงเกินไปโดยไม่ผ่านการใช้เพลิงสำหรับปรับแต่งมีพลังบริสุทธิ์อยู่ภายในมากมาย และพลังที่ปล่อยออกมาก็ยังอ่อนเกินไป..."
เสี่ยวอวี่ได้ยินคำพูดของเสี่ยวเอ้อหน้าของเขาแดงด้วยความอาย
แต่ในเวลารวดเร็ว เขารีบปลุกปลอบขวัญกำลังใจ เขารู้ว่าเป็นโอกาสยากจะหา เขาคำนับเสี่ยวเอ้อด้วยความเคารพ "โปรดแนะนำข้าเพิ่มเติมด้วยเถิด"
"ส่วนผสม" เสี่ยวเอ้อพูดเย็นชา
เสี่ยวอวี่มีความสุขมาก เขารีบเอาแกนกอแดงที่เขาขุดได้ออกมา
เสี่ยวเอ้อเรียกมงกุฏเกียรติยศชาวยุทธออกมา เพลิงเกียรติยศชาวยุทธรุมเผาแก่นกอหญ้าดาบแดงและเผาไหม้อยู่เงียบๆ เจ็ดหรือแปดนาที แก่นหญ้าดาบแดงที่กว้างหนึ่งนิ้วมือขนาดเหลืออยู่ครึ่งหนึ่งและสีสันของมันอ่อนลงมาก ตอนนี้มันดูโปร่งแสงเป็นเงาทำให้ดูงดงามมาก ภาพเงากระบี่ที่หมองแต่เดิมกลายเป็นชัดเจนเผยให้เห็นความคมของมัน
เสี่ยวเอ้อปรับแต่งอีกสองเส้น จากนั้นเริ่มสานเข้าด้วยกันการกระทำของเขาช้ามาก ช้ามากจนเสี่ยวอวี่เห็นได้ชัดเจน เสี่ยวอวี่รู้ได้ว่าเขากำลังสอนและแนะนำเขา ดังนั้นเขาจดจำทุกอย่างไว้ในใจ
หลังจากสองนาทีกระบี่หญ้ายาวสามนิ้วสวยงามและบริสุทธิ์สีแดงเป็นเงางามปรากฏอยู่ต่อหน้าทุกคน
เมื่อเสี่ยวเอ้อขมวดปมสุดท้ายเสร็จเงากระบี่เผยออกมาทันที ตัวใบกระบี่ลอยจากพื้นช้าๆ สู่อากาศ
หน้าของเสี่ยวอวี่มีความเคารพและชื่นชม เขาสานหญ้าดาบมานับไม่ถ้วนแต่ไม่มีเล่มใดที่เทียบได้กับหญ้ากระบี่เล่มนี้
"ของขวัญให้เจ้า" เสี่ยวเอ้อโบกมือตัวใบกระบี่ก็ตกลงในมือของเสี่ยวอวี่
เหมือนกับว่าเสี่ยวอวี่ได้รับสมบัติล้ำค่าเขาโขกศีรษะคำนับสามครั้ง "ขอบคุณท่านผู้อาวุโส!"
เสี่ยวเอ้อพูดอย่างเฉยชา "เจ้าไม่มีสนามพลังวิญญาณ และเพลิงนี้ควบคุมไม่ใช่ง่ายๆอย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าจะไม่มีวิธีอื่น ข้าก็ต้องใช้เวลาไตร่ตรองเหมือนกัน ไปเถอะ ไปหล่อหลอมและเก็บเกี่ยวความรู้เอาเอง"
"ขอรับ, ผู้อาวุโส!" เสี่ยวอวี่เต็มไปด้วยความนับถือ เขานำกระบี่หญ้าออกไปและชาวบ้านที่อยู่ตามทางต่างมองดูเสี่ยวเอ้อด้วยความรู้สึกอิจฉา
สองมือของเขาหงายทาบกัน กระบี่หญ้าสีแดงลอยอยู่ในฝ่ามือของเขาปล่อยแก่นพลังบริสุทธิ์ของเงากระบี่
ถังเทียนมองดูเสี่ยวเอ้อด้วยสีหน้าประหลาดใจ เขาพูดเบาๆ "เฮ้, เสี่ยวเอ้อ, เจ้าทำอะไรอยู่? เล่นบทผู้อาวุโสเหรอ? ไม่สมกับเป็นเจ้าเลยนะ"
เนื่องจากเขารู้ว่าเสี่ยวเอ้อถือตัวเองจัด ปกติถังเทียนจะสมมติว่าเสี่ยวเอ้อเป็นตัวร้ายจิตใจดำมืด
เสี่ยวเอ้อชำเลืองมองถังเทียนและกล่าว "ที่ดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์นี่ก็แปลก"