ตอนที่ 17-8 ความลับพิธีชุบตัวของบรรพบุรุษ!
ถามเรื่องพลังของเขาหรือ?
ลินลี่ย์มองดูบาลุค หลังจากชะงักไปชั่วครู่ เขากล่าว“ข้าเป็นเทพแท้!”
ใบหน้าของบาลุคมีสีหน้าประหลาดใจและจากนั้นเขาถอนหายใจชื่นชม“ลินลี่ย์, เจ้าเป็นเทพแท้แต่สามารถเอาชนะอัสซูร์ได้โดยไม่ต้องใช้กำลังอะไรเลยนี่เป็นเรื่องนึกไม่ถึง เจ้าสร้างความสำเร็จขนาดนี้ได้ยังไง?”
ลินลี่ย์ไม่รู้จะตอบยังไงอยู่ครู่หนึ่ง
เหตุผลที่เขาเป็นเทพแท้แล้วยังทรงพลังมากมีองค์ประกอบหลายอย่าง
“โอว” บาลุคดูเหมือนจะตระหนักได้ว่าถามปัญหาที่เขาไม่ควรถาม เขาหัวเราะ “เรื่องนั้นพักไว้ก่อนก็ได้เนื่องจากเจ้าเป็นเทพแท้ที่น่าเกรงขามเมื่อเจ้ากลายเป็นเทพชั้นสูงเจ้าจะกลายเป็นยอดฝีมือที่แท้จริงของเผ่ามังกรฟ้าของเราเพราะเหตุนั้นมีหลายอย่างที่ข้าจะต้องบอกเจ้าไว้ล่วงหน้าก่อน”
ลินลี่ย์ตั้งใจฟัง
“กิจกรรมเผ่ามังกรฟ้าเราเหล่านี้จะไม่บอกกับคนในตระกูลที่อ่อนแอ”บาลุคถอนหายใจ
ลินลี่ย์อดรู้สึกสงสัยไม่ได้ “คนอ่อนแอ? แต่ท่านหัวหน้าตระกูลก็เป็นเพียงเทพแท้ เขารู้ได้ยังไง?” ขณะที่ลินลี่ย์กล่าวในตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ ตระกูลบาลุคเป็นตระกูลที่อ่อนแอและเล็กมากจริงๆ
บาลุคคุยต่อ “ลินลี่ย์เจ้ารู้ไหมว่าตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ของเราเคยเจริญรุ่งเรืองมาในอดีตขนาดไหน?”
“ข้าทราบ” ลินลี่ย์พยักหน้า “ข้าอ่านหนังสือแนะนำตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์มาแล้ว ในอดีตอำนาจของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์แผ่ขยายไปตลอดพิภพชั้นสูงทั้งสี่และโลกธาตุศักดิ์สิทธิ์หลายแห่งแต่ดูเหมือนเมื่อหมื่นปีที่แล้วกองกำลังของตระกูลของเราทั้งหมดถอนกำลังออกมาจากพิภพอื่นและกลับมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ในแดนนรก”
“ถูกแล้ว”
บาลุคถอนหายใจ “อำนาจของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ของเราแผ่กระจายไปตลอดพิภพชั้นสูงทั้งสี่ แต่เจ้ารู้ไหมว่าอะไรเป็นสาเหตุแห่งความเจริญรุ่งเรืองแต่แรก?”
ลินลี่ย์ส่ายศีรษะ
ลินลี่ย์สงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน ทำไมพวกเขาถึงทรงพลังอำนาจมากมายนัก?
“ข้าบอกเจ้าให้ก็ได้ เหตุผลที่ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ของเราเมื่อในอดีตแข็งแกร่งมากมายนักเป็นเพราะ...” ลินลี่ย์ตาเป็นประกายและลมหายใจของเขาเริ่มถี่กระชั้น หน้าของเขาแดงด้วยความตื่นเต้น “บรรพบุรุษของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์เป็นมหาเทพทั้งสี่คน!!!”
“อะไรนะ?”ลินลี่ย์ตกตะลึงสิ้นเชิง
“หัวหน้าตระกูล, ท่านว่ากระไร? มหาเทพ?ข้าฟังผิดไปหรือเปล่า?” ลินลี่ย์รีบกล่าว
มหาเทพอยู่เหนือบรรดาสรรพชีวิตทั้งหลายที่เขาจับจ้องมองลงมา แม้แต่เทพอสูรที่ทรงพลังที่สุดหรือแม่ทัพนรกเมื่ออยู่ต่อหน้ามหาเทพก็เป็นเหมือนกับมดแมลง แค่เพียงคิดมหาเทพก็สามารถฆ่าเทพอสูรได้
บรรพบุรุษของตระกูลเขาเป็นมหาเทพ?
บรรพบุรุษของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์เป็นมหาเทพถึงสี่คนเชียวหรือ?
“ถูกแล้ว! เจ้าได้ยินไม่ผิด!” บาลุคกล่าวเคร่งขรึม“บรรพบุรุษของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ของเราเป็นมหาเทพสี่คน มหาเทพผู้ทรงพลานุภาพทั้งสี่มีความผูกพันกลมเกลียวกันมากและลูกหลานของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ซึ่งพวกเขาเลี้ยงดูล้วนทรงพลังตั้งแต่แรกเมื่อพวกเขายังอยู่ความช่วยเหลือของบรรพบุรุษทั้งสี่ทำให้ตระกูลพวกเขาครองอำนาจในสี่พิภพชั้นสูงและคงอยู่อย่างมั่นคง!”
ลินลี่ย์รู้สึกว่าใจของเขาปั่นป่วน
มหาเทพ? และมีถึงสี่คน?
ต้องเข้าใจก่อนว่าเจ็ดธาตุหลัก ดิน ไฟ น้ำ ลม สายฟ้าความสว่าง และความมืดมีมหาเทพเจ็ดคน!มหาเทพทั้งหลายกระจายอยู่ทั่วพิภพศักดิ์สิทธิ์และพิภพชั้นสูงทั้งสี่ และสำหรับความเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความภูมิใจในตัวเองเป็นเรื่องยากมากที่พวกเขาจะสร้างความเป็นพันธมิตรกัน
แต่สี่มหาเทพร่วมกำลังกันได้ คงเป็นเรื่องที่แปลกถ้าตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์จะไม่ทรงพลังอำนาจ
ส่วนใหญ่แล้วมหาเทพอื่นคงไม่ยินดีรุกรานสี่มหาเทพเหล่านี้โดยปราศจากเหตุผลอันควรแน่
“บรรพบุรุษของเผ่ามังกรฟ้าเราเป็นมหาเทพสายธาตุน้ำ บรรพบุรุษเผ่าพยัคฆ์ขาวเป็นมหาเทพธาตุลม ขณะที่บรรพบุรุษเผ่าพญาหงส์เพลิงเป็นมหาเทพธาตุไฟ สำหรับบรรพบุรุษเผ่าพญาเต่าดำเป็นมหาเทพธาตุดิน”บาลุคเล่าให้ฟังอย่างเคร่งขรึม
ใจของลินลี่ย์สั่นคลอน
มหาเทพอยู่พวกเขาห่างไกลและยังอยู่เบื้องหลังตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ มีมหาเทพถึงสี่คน
คงเป็นไปไม่ได้ที่ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์จะอ่อนแอ ต่อให้พวกเขาต้องการก็ตาม
“ถ้ายังเป็นแบบนั้นตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ของเราก็คงยืนยงอยู่ในพิภพต่างๆ! แต่ความเปลี่ยนแปลงทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อหนึ่งหมื่นหนึ่งพันปีที่แล้ว!” บาลุคกล่าว
ลินลี่ย์ยังคงรู้ว่าเมื่อหมื่นปีที่แล้วเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่กับตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ การเปลี่ยนแปลงที่ทำให้ตระกูลของเขาตกต่ำลง?
สำหรับตระกูลของสี่มหาเทพมีความอ่อนแออย่างต่อเนื่องมีแนวโน้มว่าอาจจะถูกทำลายไปได้ พลังที่ค้ำจุนตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ถูกทำลาย! ขณะที่เขาคิดถึงความเป็นไปได้นี้ลินลี่ย์พบว่าเป็นเรื่องเหลือเชื่อ“เป็นไปได้ยังไงที่จะมีคนเอาชนะสี่มหาเทพผู้ทรงพลานุภาพได้? เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้อย่างสิ้นเชิง!”
แม้ว่าเขาคิดเรื่องนี้ เขาก็ยังมองบาลุค รอคำตอบจากบาลุค!
“บรรพบุรุษทั้งสี่ตายหมดแล้ว!” บาลุคพูดเสียงแหบ
ลินลี่ย์กลั้นหายใจอย่างช่วยไม่ได้
อย่างนั้นก็เป็นเรื่องจริง
“สี่มหาเทพ...ตายหมด? เป็นไปได้อย่างไร?” ลินลี่ย์รีบกล่าว จะฆ่ามหาเทพคนหนึ่งอย่างน้อยก็ต้องเป็นมหาเทพ แต่บรรพบุรุษทั้งสี่ของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์เป็นมหาเทพทั้งหมด!
ใครกันสามารถฆ่าสี่มหาเทพได้?
“พวกเขาพ่ายแพ้จริงๆ” บาลุคพูดอย่างจนใจ “แม้ว่าเราไม่รู้เหตุผลที่พวกเขาตายแต่ไม่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับความจริงที่ว่าบรรพบุรุษทั้งสี่ตายแล้ว! และเพราะบรรพบุรุษทั้งสี่ตายช่วงเวลาวิกฤติของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ก็มาถึง!”
“วิกฤติ?” ลินลี่ย์ขมวดคิ้ว
“ถูกแล้ว” บาลุคขมวดคิ้วด้วยความกังวลเช่นกัน “บรรพบุรุษทั้งสี่มีข้อตกลงร่วมกันเป็นอย่างดี ทั้งสี่ล้วนเป็นมหาเทพและมีชีวิตมานานนับอสงไขยปีทำให้ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์และสมาชิกหยิ่งผยอง”
ลินลี่ย์พยักหน้าเข้าใจ มีบรรพบุรุษเป็นมหาเทพถึงสี่คนตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์จะไม่หยิ่งผยองได้ยังไง!
“ไม่ว่าที่ใดมีผู้คนก็ต้องมีการดิ้นรนต่อสู้ เพราะความหยิ่งผยองของพวกเขา เพราะอำนาจของพวกเขา! ในอดีตเมื่อตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ต่อสู้กับตระกูลอื่น ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ไม่เคยใส่ใจและหยิ่งผยองเป็นธรรมดา” บาลุคกล่าว
ลินลี่ย์เข้าใจ
“หลังจากผ่านไปนานนับปีไม่ถ้วนก็มีการสู้รบกันบ่อยขึ้น ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์มีศัตรูมากมาย แต่ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ไม่เคยใส่ใจ เพราะพวกเขาทรงพลังมาก พวกเขาไม่กลัวศัตรูของพวกเขา!”
บาลุคส่ายศีรษะ“แต่จากนั้น เมื่อบรรพบุรุษทั้งสี่ตาย!”
บาลุคมองดูลินลี่ย์ “ตระกูลที่กล้าต่อกรกับตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ แม้ว่าพวกเขาจะอ่อนแอกว่าแต่ก็อ่อนแอกว่าไม่มากนัก
ลินลี่ย์พยักหน้ารับทราบ
“ตระกูลเหล่านั้นในพิภพของพวกเขาเองก็น่าเกรงขามมากอยู่แล้ว แต่เทียบกับตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ยังมีความแตกต่างกันมากอยู่บ้าง ที่สำคัญเบื้องหลังของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ก็คือสี่มหาเทพ แต่เมื่อสี่มหาเทพตาย...”
บาลุคส่ายศีรษะและถอนหายใจ
ลินลี่ย์เริ่มเข้าใจ
“ตระกูลเหล่านั้นในอดีตได้รับความอัปยศอดสูจากตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์มากเกินไป” บาลุคส่ายศีรษะ “เมื่อสี่มหาเทพตายตระกูลเหล่านี้ก็ไม่มีความผิดพลาดอีกต่อไป พวกเขาเริ่มทำร้ายตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์อย่างบ้าคลั่ง!”
ลินลี่ย์สูดหายใจลึก เขาสามารถนึกภาพตามได้
“ดังนั้นกองกำลังของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์จึงถอนกำลังกลับ และลูกหลานในดินแดนต่างๆก็ถอยกลับมารวมกลุ่มกันอยู่ที่แดนนรก!” บาลุคพูดอยางเคร่งขรึม “หมื่นปีที่ผ่านมา แค่ช่วงระหว่างถอนกำลังกลับเทพชั้นสูงที่ตายไปมีจำนวนน่าตกใจ แม้แต่อสูรหกดาว และอสูรเจ็ดดาวก็ตายไปด้วย”
ลินลี่ย์ใจสั่นสะท้าน
“ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์แข็งแกร่ง แข็งแกร่งมาก” บาลุคกล่าว “แต่เดิมทีเมื่อบรรพบุรุษทั้งสี่ยังมีชีวิตพวกเขาปลูกฝังลูกหลานทำให้สี่ตระกูลอสูรศักดิ์สิทธิ์สร้างยอดฝีมือออกมามากมาย อสูรเจ็ดดาวและแม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพอสูร”
ลินลี่ย์เข้าใจเรื่องนี้ สี่มหาเทพได้ปลูกฝังลูกหลานมานานนับปีไม่ถ้วน หากว่าคนในตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ได้รับพรสวรรค์ธรรมชาติแต่แรกเริ่มนั่นก็ทำให้พวกเขารู้สึกมีพลังอำนาจ
ถ้าพวกเขาไม่มีมีพลังอำนาจ พวกเขาจะครอบครองดินแดนต่างๆ มากมายได้อย่างไร?
ที่สำคัญการครอบครองดินแดนอื่น พลังอำนาจของบรรพบุรุษเป็นส่วนประกอบอย่างหนึ่ง ยอดฝีมือที่ทรงพลังมากมายซึ่งตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์มีก็เป็นอีกองค์ประกอบหนึ่ง
“พวกเขาทรงพลังอำนาจ แต่พวกเขาไม่สามารถเอาชนะศัตรูที่มีจำนวนมากกว่าและนอกจากนี้ศัตรูของพวกเขาก็ทรงพลังด้วยเช่นกัน” บาลุคถอนหายใจ “ส่วนที่แย่ที่สุดก็คือ แปดตระกูลที่มีความแค้นและเกลียดชังตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์อย่างลึกล้ำได้เข่นฆ่ามาตลอดเส้นทางถึงแดนนรก!”
“พวกเขาโจมตีที่นี่ในแดนนรกด้วยหรือ?” ลินลี่ย์ประหลาดใจ
“ถูกแล้ว ตระกูลเหล่านั้นได้ย้ายตระกูลของพวกเขาทั้งหมดมาแดนนรกเพื่อไล่ล่าตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์” บาลุคกล่าว
ลินลี่ย์ตะลึง
“บรรดาตระกูลเหล่านั้นก็ได้แก่ตระกูลบาร์บารีย์ซึ่งโจมตีจากโลกธาตุน้ำศักดิ์สิทธิ์ตระกูลดีนจากโลกธาตุดินศักดิ์สิทธิ์ ตระกูลเฮนดริคจากพิภพแห่งชีวิต ตระกูลเวียนนาจากโลกธาตุลมศักดิ์สิทธิ์ ตระกูลแอชครอฟท์จากแดนยมโลก ตระกูลแชนเนลจากโลกธาตุเพลิงศักดิ์สิทธิ์และตระกูลโบลีนจากแดนสวรรค์!” บาลุคพูดอย่างเคร่งขรึม
ลินลี่ย์งงไปหมด
ค่าขนส่งสำหรับเคลื่อนย้ายระหว่างพิภพชั้นสูงมากจนน่าทึ่งการย้ายทั้งตระกูลจำเป็นต้องใช้สมบัติมากมายมหาศาล แต่ตระกูลเหล่านี้สามารถทำได้สำเร็จซึ่งพิสูจน์ให้เห็นถึงความมั่งคั่งของพวกเขา
นอกจากนี้....
พวกเขายินดีย้ายจากพิภพที่อยู่ของตนเองไปยังแดนนรกใครจะคิดได้ว่าความเกลียดชังของพวกเขามีมากขนาดไหน!
“มีตระกูลใหญ่โดยรวมเจ็ดตระกูล นอกจากเจ็ดตระกูลเหล่านี้ในแดนนรกยังมีอีกตระกูลหนึ่งซึ่งปัจจุบันเป็นปฏิปักษ์กับตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์นั่นคือตระกูลไรเนล” บาลุคตอบ
ลินลี่ย์ลอบถอนหายใจ
พวกเขายังมีศัตรูในดินแดนของพวกเขาด้วย
“ในแปดตระกูลใหญ่นี้ไม่มีอ่อนแอกว่าเผ่าตระกูลมังกรฟ้าของเราเลย”บาลุคพูดจริงจัง
ลินลี่ย์รู้สึกขมขื่นในใจ
ไม่มีตระกูลใดในนี้อ่อนแอกว่าเผ่ามังกรฟ้าหรือ? ลินลี่ย์รู้ว่าในตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ เผ่ามังกรฟ้าเป็นผู้นำ แม้ว่าในทางทฤษฎีตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์จะมีอำนาจเสมอกันผูกพันเป็นพันธมิตร พวกเขาก็ยังไม่สามารถเหนือกว่าตระกูลศัตรูทั้งแปดตระกูล
“แปดตระกูลผนึกกำลังกัน ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่สามารถต้านทานได้ใช่ไหม?” ลินลี่ย์งง
ถ้าไม่มีใครในพวกเขาอ่อนแอกว่าเผ่ามังกรฟ้า เมื่อแปดตระกูลร่วมกำลังกันตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์จะต่อต้านพวกเขาได้ยังไง?
“ถูกแล้ว เราไม่อาจต้านทานได้” บาลุคกล่าว “อย่างไรก็ตามเราได้รับความช่วยเหลือจากท่านเจ้าแคว้นอินดิโก”
“เจ้าแคว้นอินดิโก?” ลินลี่ย์ประหลาดใจ เจ้าแคว้นอินดิโกเป็นเทพอสูร!
“เจ้าแคว้นอินดิโกมีตัวแทนอยู่ภายใต้คำสั่งเขาสี่คนแต่ละคนแข็งแกร่งทรงพลังทั้งนั้น นอกจากนี้เจ้าแคว้นอินดิโกยังคุมกำลังกองทัพประจำแคว้น” บาลุคกล่าว “ท่านเจ้าแคว้นห้ามแปดตระกูลไม่ให้โจมตีเทือกเขาสกายไรท์ อย่างไรก็ตามถ้าการสู้รบเกิดขึ้นข้างนอกภูเขาสกายไรท์ เขาจะไม่เข้ามาแทรกแซง”
ตอนนี้ลินลี่ย์เข้าใจแล้ว ถ้าศัตรูตกลงยอมรับแล้ว อย่างนั้นตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์คงไม่ถูกทำลายสิ้นเชิงเป็นอย่างน้อย
พวกเขาแค่ต้องซ่อนตัวอยู่ในเทือกเขาสกายไรท์
แต่เป็นไปไม่ได้ที่ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์จะอยู่ภายในเทือกเขาตลอดไปโดยไม่ยอมจากไปไหนทันทีที่พวกเขาออกไป พวกเขาจะถูกโจมตีอย่างหนักหน่วง
“แปดตระกูลยอมเชื่อฟัง เจ้าแคว้นอินดิโกหรือ?” ลินลี่ย์สงสัย
บรรดาแปดตระกูลเหล่านี้ มีเจ็ดตระกูลมาจากดินแดนอื่นและแต่ละตระกูลก็ทรงพลังมาก แปดตระกูลใหญ่เหล่านี้จะสนใจแค่เจ้าปกครองแคว้นคนเดียวหรือ? แต่แน่นอนว่าเบื้องหลังของเจ้าแคว้นก็คือกองทัพประจำแคว้นขนาดใหญ่
“แปดตระกูลยอมเชื่อฟัง” บาลุคหัวเราะ “ตลอดหลายปีมานี้พวกเขาไม่เคยโจมตีเทือกเขาสกายไรท์จริงๆ”
ลินลี่ย์ลอบตกใจในอิทธิพลของเจ้าแคว้นอินดิโกจริงๆ
“เจ้าแคว้นอินดิโกยินดีจะช่วยตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์เรา”ลินลี่ย์ลอบถอนหายใจ
“ข้าไม่ค่อยแน่ใจเหตุผลนัก บางทีอาจมีความลับซ่อนอยู่ในนั้นก็ได้” บาลุคกล่าว “บางทีนี่เป็นเหตุผลที่ทำให้ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ของเราต้องถอนกำลังกลับมาตั้งหลักที่แคว้นอินดิโก”
ลินลี่ย์พยักหน้า
“ตระกูลของเราไม่อาจถูกกักอยู่ภายในเทือกเขาตลอดไป”บาลุคถอนหายใจ “ดังนั้นการต่อสู้ก็ยังเกิดขึ้นบ่อยครั้ง นอกจากนี้เมื่อพวกเขาเริ่มแล้ว จะต้องจบลงด้วยความตายของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไม่เป็นท่านตายก็เป็นเราตาย”
ลินลี่ย์จำฉากภาพที่เขาพบเจอเมื่อมาถึงแคว้นอินดิโกได้ชัดเจนเมื่อตระกูลโบลีนไล่เข่นฆ่าอย่างป่าเถื่อนถึงตอนนี้ลินลี่ย์เข้าใจแล้วว่าตระกูลโบลีนเป็นหนึ่งในแปดตระกูลเหล่านั้นที่มาจากแดนสวรรค์
“ลินลี่ย์ เจ้าเองก็แข็งแกร่งทรงพลัง เมื่อเจ้ากลายเป็นเทพชั้นสูง เจ้าจะกลายเป็นเทพนักรบที่น่ากลัวของตระกูลเรา ดังนั้นข้าต้องการเตือนเจ้าล่วงหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพื่อที่ว่าเจ้าจะได้ฝึกฝนหนักต่อไป” บาลุคกล่าว
“เข้าใจแล้ว” ลินลี่ย์พยักหน้า
“ข้าแค่กลัวว่าเรื่องที่น่ากลัวจะเกิดขึ้นกับเจ้าในการสู้รบอย่างนั้นฮ่าฮ่า.. ข้าคิดมากเกินไปแล้ว” บาลุคส่ายศีรษะทันทีและหัวเราะ “เจ้ายังไม่ผ่านพิธีชุบตัว แต่ก็ยังแข็งแกร่งทรงพลังมากมาย เมื่อเจ้าผ่านพิธีชุบตัวของบรรพบุรุษ เจ้าจะทรงพลังมากขึ้นอย่างแน่นอน”
“พิธีชุบตัวของบรรพบุรุษ?”
ลินลี่ย์สงสัยมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ “หัวหน้าตระกูล! พิธีชุบตัวของบรรพบุรุษคืออะไรกันแน่และต้องทำยังไง?”
บาลุคหัวเราะ “พิธีชุบตัวของบรรพบุรุษก็คือกระบวนการที่ดึงเอาความสามารถตามธรรมชาติของเผ่ามังกรฟ้าของเราออกมา ในฐานะสมาชิกของเผ่ามังกรฟ้าเราทุกคนอย่างน้อยจะได้รับร่างแปลงมังกรฟ้า แต่ในฐานะเป็นลูกหลานสืบเชื้อสายมาจากอสูรศักดิ์สิทธิ์เราต้องมีทักษะเทพโดยธรรมชาติเป็นอย่างน้อยไม่ใช่หรือ?”
“ร่างแปลงมังกรฟ้า? ทักษะเทพโดยธรรมชาติ?” ลินลี่ย์ค่อนข้างงง
ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์เป็นตระกูลอสูรเทพอย่างหนึ่ง ตามธรรมดาพวกเขาจะต้องมีทักษะเทพตามธรรมชาติ
“อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเราจะเป็นชาวเผ่ามังกรฟ้า แต่มีแต่เพียงบรรพบุรุษเท่านั้นที่เป็นมังกรฟ้าที่แท้จริงเราผู้เป็นทายาทของเขาไม่มีสายเลือดบริสุทธิ์เท่ากับเขาดังนั้นจึงมีความแตกต่างในร่างแปลงมังกรฟ้าของเราและเรามีระดับของพลังที่แตกต่างในพลังเทพธรรมชาติด้วย” บาลุคกล่าว
“ระดับของพลัง?” ลินลี่ย์ขมวดคิ้ว
“ถูกแล้ว ยิ่งมีเลือดของบรรพบุรุษไหลเวียนอยู่ในสายเลือดเราเลือดก็บริสุทธิ์มาก อย่างนั้นร่างแปลงมังกรฟ้าก็จะทรงพลังมากขึ้น ทักษะเทพโดยธรรมชาติจะเพิ่มทรงพลังมากขึ้นไปด้วย” บาลุคกล่าว “แต่น่าเสียดาย หลังจากผ่านไปหลายชั่วคนสายเลือดของลูกหลานเริ่มเจือจางเบาบางลง”