ตอนที่ 17-7 วิกฤติของตระกูล
ตระกูลสาขายูลานของเผ่ามังกรฟ้ามีประวัติศาสตร์สั้นเกินไป ครอบคลุมเวลาไม่กี่พันปี ช่วงเวลาไม่กี่พันปีของประวัติศาสตร์ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ นับได้ว่าแค่เพียงน้ำทะเลหยดเดียว
ประวัติศาสตร์ที่สั้นเป็นผลให้พลังอำนาจอ่อนแอ!
ในหุบเขานี้ภายในเทือกเขาสกายไรท์ ตระกูลสาขาอื่นของเผ่ามังกรฟ้าต่างดูถูกดูแคลนและเยาะเย้ยพวกเขา นี่เป็นเรื่องธรรมดามาก โชคดีที่ในเผ่ามีกฎเคร่งครัดห้ามสมาชิกเผ่าเดียวกันเข่นฆ่ากันเอง
นี่เป็นกฎที่เฉียบขาดรุนแรง ไม่มีใครละเมิดได้
เพราะเหตุนี้เองแม้ว่าสาขายูลานจะใช้ชีวิตอย่างอดสูอยู่บ้าง แต่พวกเขาไม่ถึงกับอยู่ในอันตรายร้ายแรง บาลุคและคนอื่นจึงทนอยู่ได้ ที่สำคัญ ถ้าพวกเขาตอบโต้พวกเขามีแต่จะขายหน้าเพิ่มขึ้น
พวกเขาอ่อนแอ ไม่มีอะไรที่พวกเขาจะทำได้!
แต่ลูกหลานของตระกูลที่พวกเขากำลังต้อนรับกลับบ้านลูกหลานที่มาจากสาขายูลานกลับเล่นงานเทพชั้นสูงและเทพแท้หลายคนโดยไม่ต้องใช้ความพยายามอะไร
บาลุคไรอันและคนอื่นจ้องมองลินลี่ย์ด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ
“ลินลี่ย์?” บาลุคพึมพำ
ลินลี่ย์มองดูบาลุค จากนั้นหัวเราะ “หัวหน้าตระกูล รีบกลับเถอะ ข้ายังไม่รู้เลยว่าข้าจะพักอยู่ตรงที่ใด?”
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว” บาลุคค่อยหายตกใจแม้ว่าเขาไม่เข้าใจว่าลินลี่ย์ทรงพลังขนาดไหน แต่บาลุคไม่ควรจะถามตอนนี้ เขาหัวเราะทันที “ไปกันเถอะ กลับกันเถอะ”
ชาวตระกูลสาขายูลานคนอื่นๆ จ้องมองลินลี่ย์ด้วยความทึ่งลูกหลานผู้นี้แข็งแกร่งมากจริงๆ
“พวกเจ้ามองอะไร?” เสียงของบีบีดังขึ้น “อะไร?หรือว่าพี่ใหญ่ข้าให้บทเรียนเจ้าแค่นั้นยังไม่พอ? เจ้าต้องการลองดีกับเขาอีกใช่ไหม?”
ลินลี่ย์หันไปมอง
อัสซูร์และคนอื่นกำลังจ้องมองลินลี่ย์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความตกใจและกลัว พวกเขาไม่อยากเชื่อว่านี่เป็นเรื่องจริง
“อัสซูร์” ลินลี่ย์พูดขึ้น“เจ้ากับข้าเป็นสมาชิกของเผ่ามังกรฟ้าทั้งคู่ เราเป็นสมาชิกของตระกูลเรดดิง! เนื่องจากเราทุกคนเป็นสมาชิกของเผ่าพันธุ์ การต่อสู้กันเองมีแต่จะทำให้คนอื่นหัวเราะเยาะหยัน”
อัสซูร์ตะลึง
“สาขายูลานยังคงเป็นสมาชิกของตระกูลเรดดิง” ลินลี่ย์หัวเราะอย่างใจเย็น “ข้าก็เป็นสมาชิกของสาขายูลาน และยังเป็นสมาชิกของตระกูลเรดดิงด้วย ข้าไม่ต้องการเห็นเจ้าสร้างความลำบากใจให้เราต่อไปในอนาคต ถ้าเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอีก อย่างนั้นข้าจะไม่เกรงใจและให้บทเรียนกับพวกเจ้าอีก”
โอเบรียน ซีซาร์ ทารอสและคนอื่นๆ ลอบหัวเราะ
พวกเขารู้ดีว่าลินลี่ย์แข็งแกร่งทรงพลังเพียงไหน ระหว่างการต่อสู้ครั้งใหญ่ที่เกาะมิลัวร์พลังของลินลี่ย์ถูกเปิดเผยออกมาอย่างสมบูรณ์ ไม่มีอะไรต้องสงสัย
“ไปกันเถอะ” ลินลี่ย์กุมมือเดเลีย จากนั้นเดินตามบาลุคไรอันและสมาชิกคนอื่นของตระกูลไปยังที่พำนักของสาขายูลาน เหลืออยู่แต่อัสซูร์กับพวก
“ท่านอัสซูร์, นี่มัน...” เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่อยู่ด้านหลังอัสซูร์มีสีหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อตกใจและโกรธ
หน้าของอัสซูร์หม่นหมอง
“ใครจะคิดกันเล่าว่ายอดฝีมือคนหนึ่งจะปรากฏตัวในสาขายูลาน” อัสซูร์พูดเสียงเบา
“แต่เขาเป็นแค่เทพแท้” ใครบางคนพูดทันที
อัสซูร์ส่ายศีรษะ “เป็นไปไม่ได้ สนามพลังโน้มถ่วงทรงพลังขนาดนั้นข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน พลังโน้มถ่วงที่ทรงพลังอย่างนั้น เขาสามารถฆ่าเราได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายามอะไร มีแต่เทพชั้นสูงที่ทรงพลังเท่านั้นถึงจะฝึกสนามพลังโน้มถ่วงได้ถึงระดับนั้น”
“ทรงพลังขนาดไหน?” พวกเทพแท้ด้านหลังเขาพากันงงงวย
“ระดับอสูรหกดาว หรือบางทีอาจถึงเจ็ดดาว!” อัสซูร์พูดเบาๆ
ทันใดนั้นพวกวัยรุ่นเทพแท้เหล่านั้นพากันตะลึงทั้งหมดคนเหล่านี้เมื่อเผชิญกับเทพชั้นสูงจะให้ความเคารพนับถือเป็นธรรมดา พูดโดยทั่วไปเทพชั้นสูงจะมีพลังเทียบเท่าอสูรสี่ดาว ใครก็ตามที่สามารถถึงระดับอสูรหกดาวหรือเจ็ดดาวได้สถานะในเผ่าจะสูงส่ง
“แต่เราสังเกตว่าเขาเป็นแค่เทพแท้นะ” เด็กหนุ่มผมน้ำเงินอีกคนรีบกล่าว
อัสซูร์หันไปมองเขาอย่างเย้ยหยัน จากนั้นหมุนตัวจากไปและไม่ให้ความสนใจพวกเทพแท้ทั้งหมด
“ข้าพูดอะไรผิด?” เด็กหนุ่มผมฟ้ายังคงไม่รู้ตัว
“เจ้ายังเดาไม่ออกอีกหรือว่าเขาเป็นยอดฝีมือที่ซ่อนงำพลังไว้?”เทพแท้อีกคนหนึ่งแค่นเสียง “ไปกันเถอะข้านึกไม่ถึงเลยว่าสาขายูลานที่อยู่กันมาในช่วงสั้นจะสร้างยอดฝีมือที่ทรงพลังขนาดนั้นออกมาได้”
ขณะที่พวกเขายังคงบ่นกันเอง เทพแท้ทั้งหมดเหล่านั้นก็จากไป
ลินลี่ย์รู้ดีว่าแม้แต่พี่น้องพ่อแม่เดียวกันที่มีน้อยในสาขาตระกูลเดียวกันก็ยังสู้กันเองเพื่อสถานะที่ดีกว่า คนอ่อนแอจะรู้สึกต้อยต่ำและอับอาย
นี่เป็นเรื่องธรรมดา
“สมาชิกระดับสูงของตระกูลเรดดิงไม่สนใจเรื่องเหล่านี้ ประการแรก ไม่สะดวกเข้าไปแทรกแซงและประการที่สองบางทีพวกเขาอาจจะพอใจกับสถานการณ์เช่นนั้น” ลินลี่ย์เข้าใจว่าเมื่อคนอ่อนแอถูกมองอย่างรังเกียจ ความโกรธที่ถูกทำให้อับอายนี้จะเป็นแรงผลักดันที่ทรงพลังทำให้ตระกูลเติบโตแข็งแกร่งขึ้น
บางทียอดฝีมือคนหนึ่งอาจปรากฏตัวขึ้นได้
ในท้ายที่สุดกฎของเผ่าห้ามคนในเผ่าฆ่ากันเองด้วยกฎประจำที่นี้ ไม่ต้องมีความกลัวว่าเผ่าจะสูญเสียกำลังของเขาไป
“เพียงแต่เมื่อมีการแข่งขัน เมื่อความความเหลื่อมล้ำต่ำสูงของระดับพลังก็จะก่อให้เกิดความก้าวหน้าได้” ลินลี่ย์ถอนหายใจ
โชคไม่ดีที่สาขาตระกูลยูลานของเขากลายเป็นสาขาที่อ่อนแอที่สุด รากฐานของตระกูลอ่อนแอและประวัติศาสตร์สั้นไม่มีอะไรที่สามารถทำได้
“ลินลี่ย์,อีกด้านหนึ่งของทุ่งหญ้าเป็นที่อยู่ของสาขายูลานของเรา” บาลุคชี้ข้างหน้า ลินลี่ย์มองดูตามตำแหน่งนั้นเห็นว่าที่ท้ายทุ่งหญ้ามีอาคารสองชั้นหลายหลัง คล้ายกับวังกินพื้นที่กว้างขวางมาก
เมื่อกลุ่มของลินลี่ย์เดินผ่านทุ่งหญ้ามีบุรุษสตรีสองสามคนออกมาต้อนรับพวกเขารวมทั้งเด็กสองคน
“ท่านหัวหน้าตระกูล!”
กลุ่มผู้คนรีบออกมาต้อนรับ
“ฮ่าฮ่า,รีบไปเตรียมงานจัดเลี้ยงฉลองต้อนรับการมาถึงของลินลี่ย์ เร็วเข้า”บาลุคหัวเราะลั่น
“หัวหน้าตระกูล, ลินลี่ย์คือใคร?” ที่นี่ไม่มีใครรู้จักลินลี่ย์
ลินลี่ย์มองดูคนกลุ่มนี้อย่างระมัดระวังทุกคนมีกลิ่นอายที่ให้ความรู้สึกคุ้นเคยกับวิญญาณของเขา คนเหล่านี้เป็นคนจากตระกูลของเขามีสายเลือดเช่นเดียวกับเขา “ตระกูลบาลุคของเรามีคนน้อยในทวีปยูลาน แต่ในแดนนรก เรามีประชากรมาก”
พวกเขาทุกคนในแดนนรกมีอายุขัยที่ไม่จำกัดจำนวนคนจึงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นธรรมดา
“ลินลี่ย์คือใคร?” บาลุคหัวเราะทันที “เขาคือคนที่มาจากสาขายูลานของเรา”
“เขามาจากทวีปยูลาน” ไรอันเสริม “ดูให้ดี เขาคือลินลี่ย์อย่าเข้าใจเขาผิดในอนาคตเล่า” ขณะที่เขาพูด เขาวางมือบนไหล่ของลินลี่ย์
ทันใดนั้นทุกคนมองดูลินลี่ย์ และเกิดความวุ่นวายขึ้น
“เขามาจากทวีปยูลานหรือ?”
“เขามาจากทวีปยูลานจริงๆ เฮ้, ลินลี่ย์ตระกูลบาลุคของเราเป็นยังไงบ้าง?”
“ลินลี่ย์, เจ้ารู้จักโบซาร์ทไหม? เขาคือลูกชายของข้าเอง!”
กลุ่มพวกเขาตื่นเต้นกันทุกคนและไต่ถามกันไม่หยุดหย่อน ในแดนนรกพวกเขาเป็นสาขาที่อ่อนแอที่สุดของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ อย่างไรก็ตามในทวีปยูลานพวกเขาคือตระกูลนักรบเลือดมังกรซึ่งครอบครองทั้งทวีป
ความอับอายที่พวกเขาจำต้องอดทนแบกรับในตอนนี้ทำให้พวกเขาคิดถึงวันคืนรุ่งเรืองในทวีปยูลาน
พวกเขาโหยหาคิดถึงทวีปยูลาน
“ถ้าพวกเจ้าทุกคนเอาแต่ตั้งคำถามมากมายก่ายกองอย่างนี้ลินลี่ย์จะตอบหมดได้ยังไง?” บาลุคแค่นเสียงเย็นชา “พอแค่นี้ก่อน รีบไปเตรียมงานจัดเลี้ยง วันนี้สมาชิกทุกคนของสาขายูลานเราจะมาร่วมงานเลี้ยงพร้อมกันระหว่างงานเลี้ยงพวกเจ้าค่อยถามคำถามของพวกเจ้า”
“ข้าจะไปจัดการทันที” ทันใดนั้นสตรีผมน้ำตาลคนหนึ่งหัวเราะและยิ้มสดใสให้ลินลี่ย์
ไม่ใช่แค่สตรีนี้เท่านั้นสมาชิกคนอื่นของตระกูลล้วนยิ้มต้อนรับลินลี่ย์ พวกเขาล้วนแต่ต้อนรับคนในตระกูลพวกเขาที่มาจากทวีปยูลาน
งานเลี้ยงของตระกูลมีสมาชิกของตระกูลสาขายูลานเข้าร่วมคนหลายร้อยอัดยัดเยียดอยู่ในวังระหว่างช่วงที่มีงานเลี้ยงบรรยากาศมีชีวิตชีวาเป็นอย่างมาก
ที่สำคัญในบรรดาคนหลายร้อยที่มาร่วมมีอยู่ไม่กี่สิบคนที่มาจากทวีปยูลาน ส่วนคนอื่นล้วนเกิดในแดนนรก
ดังนั้นพวกเขาจึงสงสัยรากฐานของสาขายูลาน หรือทวีปยูลาน
สำหรับคนที่มาจากทวีปยูลานจริงๆ อย่างเช่นบาลุคไรอันและคนอื่นอีกหลายคนพวกเขาสนใจเรียนรู้สถานการณ์ของลูกหลานตระกูลของพวกเขา ทั่วทั้งงานเลี้ยงกลายเป็นเรื่องบอกเล่าสำหรับลินลี่ย์ ซีซาร์และคนอื่นๆ และซีซาร์กับโอเบรียนจำต้องคุยเรื่องที่เกิดขึ้นในทวีปยูลานไม่มีหยุด
ขณะเดียวกันพวกเขาบอกเล่าเรื่องราวที่ลินลี่ย์โดดเด่นขึ้นมาในทวีปยูลาน
ปรมาจารย์นักสลัก เซียนจอมเวท นักรบเลือดมังกร...
เรื่องราวของลินลี่ย์ทำให้ลูกหลานของตระกูลในแดนนรกรู้สึกอิจฉาแม้ว่าพวกเขาจะเป็นผู้แข็งแกร่งทรงพลังเช่นกัน แต่ในตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ พวกเขายังเป็นแค่ระดับชั้นล่าง จะไปเทียบกับประสบการณ์ร้อนแรงของลินลี่ย์ได้ยังไง?
งานเลี้ยงดำเนินต่อไปจนกระทั่งมืดถึงตอนนี้คนในตระกูลเริ่มแยกย้ายทะยอยกลับ
ไรอันพาลินลี่ย์และพวกพ้องไปยังที่พักของพวกเขา
“ลินลี่ย์, อาคารสามหลังนี้จะใช้เป็นที่พักของพวกเจ้าทุกคน พวกเจ้าจัดการกันเองได้เลยจะให้ใครอยู่ตรงที่ใด” ไรอันพูดอย่างเป็นกันเอง
“เข้าใจแล้ว, คงไม่ต้องรบกวนท่าน ข้าจะจัดการเอง” ลินลี่ย์หัวเราะ
ไรอันยิ้ม จากนั้นเดินออกมา ขณะที่ลินลี่ย์ เดเลีย บีบีโอเบรียน..และคนในกลุ่มถอนหายใจโล่งอก
“ในที่สุดงานเลี้ยงก็จบลงจนได้” โอเบรียนหัวเราะ จากนั้นถอนหายใจ “แม้ว่าจะอยู่ในแดนนรกมานานมากแต่ข้าไม่เคยพูดมากรวดเดียวแบบนี้มาก่อน ลินลี่ย์! คนในตระกูลเจ้าช่างสงสัยทุกเรื่องราวเกี่ยวกับทวีปยูลานจริงๆ”
“พวกเขาส่วนใหญ่ไม่เคยอยู่ในทวีปยูลานมาก่อนย่อมต้องสงสัยเป็นธรรมดา”
ลินลี่ย์หัวเราะ “พอเถอะทุกคน ไปพักกันเถอะทุกท่านสามารถเลือกที่พำนักของตนเองได้เลย” ในที่สุดลินลี่ย์ เดเลียและบีบีเลือกอาคารหลังหนึ่ง โอลิเวอร์ โอเบรียนซีซาร์และทารอสเลือกหลังที่สอง ขณะที่ไดลินกับลูกทั้งสองเลือกไว้หลังหนึ่ง”
ราตรีเงียบสงัด
ลินลี่ย์กับเดเลียตะกองกอดอยู่บนเตียงมีรอยยิ้มเต็มใบหน้า
“ลินลี่ย์ ตอนนี้เจ้าดีใจมากหรือเปล่า?” เดเลียพูดอ่อนโยน
“ถูกแล้ว”เมื่อคิดถึงในงานเลี้ยงตอนกลางวันและฉากภาพที่คนในตระกูลถามคำถามเขาลินลี่ย์อดขำไม่ได้ “เมื่อข้าอยู่กับคนในตระกูลเหล่านั้น ข้ารู้สึกเหมือนกับว่ากลับไปอยู่ในครอบครัวใหญ่ จะยอดเยี่ยมเพียงไหนถ้าท่านพ่อข้าสามารถพบเจอพวกเขาเช่นกัน เขาคงจะมีความสุขยินดีมาก”
ลินลี่ย์ยังจำได้เมื่อตอนที่บิดาของเขาใฝ่ฝันมาตลอดชีวิตว่าตระกูลจะถูกฟื้นฟูให้รุ่งเรือง
ความปรารถนาก่อนตายของเขาคือนำอาวุธของหัวหน้าตระกูลบาลุคกลับคืนมา
“ใช่แล้ว ถ้าบิดาเจ้ารู้ เขาจะต้องมีความสุขแน่นอน”เดเลียกล่าว “ถ้าบิดาของเจ้ารู้สิ่งที่เจ้าได้ทำมาตลอดหลายปีมานี้ เขาจะต้องภูมิใจมาก” เดเลียซบศีรษะลงที่อกลินลี่ย์
ลินลี่ย์กอดเดเลียไว้ในอ้อมแขน
“ข้าคิดถึงซาชากับเทย์เลอร์เหมือนกัน” เดเลียกล่าว
ลินลี่ย์อดคิดถึงบุตรและธิดาของตนไม่ได้ ใครจะรู้ว่าเขาจะได้กลับไปทวีปยูลานหรือไม่?
“เดเลีย” ลินลี่ย์พูดทันที
“มีอะไรหรือ?” เดเลียเงยหน้า
“เราลองดู จะมีอีกสักคนได้ไหม? อาจจะทำสำเร็จก็ได้” ลินลี่ย์กระซิบบอกเดเลีย เดเลียตกใจและจากนั้นนางหน้าแดงขณะมองดูลินลี่ย์ ลินลี่ย์หัวเราะจากนั้นก้มลงจูบเดเลีย...
ลินลี่ย์ลุกขึ้นแต่เช้าตรู่และไปที่หน้าประตูบ้านพักของเขา
“อากาศยามเช้ายอดเยี่ยมจริงๆ” ลินลี่ย์มองดูขณะที่หมอกม้วนตัวรายรอบหุบเขาจากที่ไกลมีอาคารต่างๆ มากมายมองเห็นได้อย่างเลือนรางและถนนมังกรที่คดเคี้ยวมองเห็นได้จากในท้องฟ้า จากสายตาของเขาเขาสามารถมองเห็นพลตระเวนเดินไปตามถนนมังกร
“นี่คือตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ของข้า!”
ลินลี่ย์ถอนหายใจ
ทันใดนั้นลินลี่ย์มีความรู้สึกอย่างหนึ่ง เขาหันไปมองในที่ห่างออกไปไม่ไกล มีร่างหนึ่งเดินเข้ามาหาเขา เป็นหัวหน้าตระกูลสาขายูลานบาลุค หน้าของบาลุคประดับด้วยรอยยิ้ม“ลินลี่ย์!”
“หัวหน้าตระกูล”ลินลี่ย์รีบทักทายเขา
“มาเถอะ มาหาที่สนทนากัน มีบางเรื่องที่ข้าต้องการคุยกับเจ้า” บาลุคกล่าว
“ในที่ของข้าเป็นยังไง?” ลินลี่ย์เสนอ
บาลุคมองดูรอบๆ จากนั้นพยักหน้า “ก็ดีเหมือนกันไม่มีคนนอกอยู่ที่นี่ ในที่ของเจ้า ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะมีคนอื่นแอบฟัง”
ลินลี่ย์ค่อนข้างประหลาดใจ จากสิ่งที่บาลุคพูดดูเหมือนกว่าพวกเขากำลังจะปรึกษาเรื่องสำคัญ ลินลี่ย์นำบาลุคไปที่ห้องรับแขกของเขาจากนั้นเริ่มปรึกษากัน
ลินลี่ย์และบาลุคนั่งลงทั้งคู่
“หัวหน้าตระกูล, เชิญท่านว่าได้เลย” ลินลี่ย์กล่าว
บาลุคมองดูลินลี่ย์ เขาหยุดเล็กน้อยจากนั้นพูดขึ้น“ลินลี่ย์! บอกข้ามาก่อน เจ้าเป็นเทพแท้หรือเทพชั้นสูง”