ตอนที่ 129 สุขสันต์การล่า (อ่านฟรี)
แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ สายเลือดแห่งมังกร
ตอนที่ 129 สุขสันต์การล่า
"คุณต้องการซื้อบริษัทนิมบัสงั้นหรอ?" คุณไวท์ฮอร์นถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง ธุรกิจของเขากำลังไปได้สวย และเขาไม่มีเหตุผลที่จะขายมัน
"แต่... ผมไม่ต้องการขายมัน" เขาพูดว่า
แม็กนัสพยายามโน้มน้าวเขาว่า "แต่คุณต้องทำ พวกมันจะตามล่าคุณอย่างแน่นอน ไม่ใช่เพราะธุรกิจของคุณ แต่เพราะชีวิตส่วนตัวของคุณ คุณเป็นตระกูลเลือดบริสุทธิ์ที่ไม่สนับสนุนพวกมัน พวกมันจะเรียกคุณว่าพวกทรยศต่อเลือดและตามล่าคุณ
แต่พวกมันจะไม่มาตามคุณถ้าคุณเกี่ยวข้องกับผม ดังนั้นผมจะซื้อธุรกิจของคุณ 50 เปอร์เซ็นต์ ทำให้เราเป็นหุ้นส่วนกัน ด้วยวิธีนี้จากที่จะโจมตีคุณก็จะเปลี่ยนมาโจมตีผมแทน”
คุณไวท์ฮอร์นผงะ “แต่... ทำไมคุณถึงต้องมาเสี่ยงกับผมแบบนี้ล่ะ?”
“เพราะผมไม่ต้องการให้เกิดอะไรขึ้นกับพวกคุณเพียงเพราะเอ็มม่าเป็นเพื่อนของผม นอกจากนี้ ฉันเคยปะทะกับพวกมันมาแล้ว ไม่ว่าทางไหนเราก็เป็นศัตรูกัน” เขาอธิบาย
นายไวท์ฮอร์นมองไปที่ภรรยาเพื่อขอคำแนะนำ แต่เธอตอบทันทีว่า "
คุณมัวรออะไรอยู่คะ? ชีวิตครอบครัวของเราอยู่เหนือสิ่งอื่นใด ขายทั้งบริษัทเลยถ้าคุณจำเป็น"
แต่แม็กนัสพยายามทำให้เธอสงบลง "ไม่ต้องกังวลครับคุณนายวานิตี้ ผมไม่ได้ยึดบริษัทไปตลอด ทันทีที่การล่มสลายของพวกผู้เสพความตายจบลง ผมจะรีบคืนทุกอย่างให้พวกคุณทันที ผมพร้อมที่จะให้คำปฏิญาณไม่คืนคำหากพวกคุณต้องการ"
"ฉันเชื่อใจนาย" เอ็มม่าโพล่งกลางป้อง
-_-
~เธอมันเพี้ยน~ แม็กนัสคิดกับตัวเอง
"ผมก็เชื่อใจคุณเช่นกัน คุณมาที่นี่เพื่อช่วยเรา คงเป็นเรื่องโง่หากเพิกเฉยต่อคำเตือนของคุณ และเมื่อพิจารณาถึงสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดเวลานี้ ผมคิดว่าพวกเขาจะตามล่าผมไม่ทางใดก็ทางหนึ่งเป็นแน่” นายไวท์ฮอร์นกล่าวย้ำ
"แล้วคุณก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับบริษัท ผมไม่ได้แค่ซื้อมันเปล่าๆ แต่ผมยังลงทุนกับมันด้วย เราจะทำให้นิมบัสเป็นแบรนด์ระดับสากล ตอนนี้คุณควรใช้เงินที่คุณได้รับจากการขายหุ้นไป 50 เปอร์เซ็นนี้เพื่อการวิจัยและพัฒนาไม้กวาดรูปแบบใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอีกหลายชั่วอายุคน" แม็กนัสแนะนำเขา เพราะเขาเองก็ยังเป็นผู้ที่ชื่นชอบไม้กวาดอีกด้วย แต่ก็ไม่มีด้ามไหนให้รู้สึกเร็วพอที่จะทำให้เขาตื่นเต้นได้
คุณไวท์ฮอร์นมีความสุข และเอ็มม่าก็มีความสุขเช่นกัน ไม่ต่างจากพ่อของเธอ เธอชอบบินกับไม้กวาดและกำลังศึกษาวิธีการทำมันด้วย
หลังจากการสนทนาอย่างจริงจังเสร็จสิ้น พวกเขาก็กลับไปฉลองวันเกิดของ เอ็มม่าอีกครั้ง หลังจากนั้นพวกเขาก็กลับไปที่ร้าน
แต่ทันทีที่พวกเขาไปถึงที่นั่น พวกเขาพบชายสวมหน้ากากสองสามคนกำลังทิ้งขยะอยู่ในร้าน รักนาร์เป็นคนแรกที่มาถึงร้าน ดังนั้นเขาจึงหยิบขวดยาออกมาจากกระเป๋าโดยสัญชาตญาณแล้วโยนขวดน้ำยานั้นใส่ชายสวมหน้ากากทั้งสามคน
“หยุดนะ ไอ้พวกสวะเอ๋ย!” เขาตะโกน ชายทั้งสามตกใจ แล้วพวกเขาพบว่าตัวเองไม่สามารถขยับได้ นั่นน้ำยาที่รักนาร์พัฒนาขึ้นมาเอง เมื่อมันสัมผัสใครมันจะแข็งตัวอย่างมากจนไม่มีอะไรนอกจากยาแก้ที่ รักนาร์ปรุงขึ้นใหม่เท่านั้นที่สามารถเอามันออกไปได้
หลังจากนั้นไม่นาน คนอื่นๆ ก็ออกมาจากปล่องไฟเช่นกัน แม็กนัสเดินไปหาชายทั้งสามและถอดหน้ากากออก
“ดูซิว่าเราเจออะไร ผู้เสพความตาย พวกแกรู้ไหมว่าฉันทำอะไรกับพวกผู้เสพความตาย” เสียงแม็กนัสฟังดูอันตราย
แต่เขาไม่เคยเห็นชายสามคนนี้มาก่อนในชีวิต และพวกเขาอาจเป็นเพียงอันธพาลบางคนที่ลูเซียสจ้างให้ทำสิ่งนี้ ลูเซียสฉลาดพอที่จะไม่ทำสิ่งนั้นด้วยตัวเอง
ชายทั้งสามยังจำใบหน้าของแม็กนัสได้เนื่องจากเขามักจะปรากฏตัวในหนังสือพิมพ์ทุกสัปดาห์ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม
"เดี๋ยวๆ... เราได้รับค่าจ้างให้ทำเรื่องนี้ เราไม่ใช่ผู้เสพความตาย" พวกเขาปกป้องตัวเอง
“แล้วฉันจะเชื่อสิ่งที่แกพูดได้ไง ทั้งหมดที่ฉันรู้คือพวกแกแค่พยายามแก้ตัวให้รอด” แม็กนัสโต้เถียงและหยิบดาบของเขาออกมา
ทั้งสามเริ่มตัวสั่นเมื่อรู้ว่าแม็กนัสมีประวัติที่โชกโชนในการฆ่าผู้เสพความตาย
"ไม่ ไม่... เราไม่ได้โกหกจริงๆ นะ เราอยู่ในตรอกน็อคเทิร์น ชายสวมหน้ากากให้หน้ากากเหล่านี้กับเราและให้เงินเราเพื่อทำงานนี้" พวกเขาสารภาพ
"แล้วแกก็รับเงินนั่นไปไม่ใช่หรอ? คนผู้นั้นเป็นผู้เสพความตาย และฉันเป็นเจ้าของบริษัทไม้กวาดนิมบัส ฉันควรถือว่าการโจมตีครั้งนี้เป็นการโจมตีฉันส่วนตัวไม่ใช่หรือไง?” แม็กนัสพูดขู่พวกเขา
"ผมสีเงิน... ชายคนนั้นมีผมสีเงิน" พวกเขากล่าวเสริม
แม็กนัสพยักหน้า แน่นอนว่าเป็นลูเซียส แต่เขาไม่มีที่ว่างสำหรับคนเหล่านี้ เขามองไปที่คุณไวท์ฮอร์น "เรียกมือปราบมารมา ไม่สำคัญว่าพวกเขาจะทำเพื่อคนอื่นหรือไม่ พวกเขาทำผิดกฎหมาย"
ภายในแม้ว่าแม็กนัสจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่นี่ไม่ใช่การโจมตีครั้งใหญ่ และพวกเขาแค่พยายามทำลายร้านซึ่งซ่อมแซมได้ง่าย แต่เขาต้องทำให้แน่ใจว่าไม่มีการโจมตีอื่นเกิดขึ้น
"แร็กนาร์ ส่งจดหมายถึงริต้า บอกเธอว่าตอนนี้ฉันเป็นเจ้าของบริษัทไม้กวาดนิมบัส บอกเธอให้ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์" แม็กนัสออกคำสั่ง ริต้ายังคงเป็นเบี้ยของเขาในขณะที่เธอพยายามหักหลังเขาครั้งหนึ่ง
...
กริงกอตส์
มีก็อบลินหลายประเภทอาศัยอยู่ในกริงกอตส์ ที่ชั้นบนสุดของอาคารหลัก ก็อบลินทั้งหมดดูเหมือนข้าราชการมากกว่า แต่พวกที่อาศัยอยู่ใกล้กับโรงตีเหล็กนั้นเป็นนักรบที่แท้จริง ขุมพลังที่แท้จริงของก็อบลิน พวกเขามีความเชี่ยวชาญในเวทมนตร์การต่อสู้และการใช้อาวุธหลายประเภท
ตามกฎหมายแล้วพวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ไม้กายสิทธิ์ แต่พวกเขาสามารถเปลี่ยนอาวุธให้เป็นไม้กายสิทธิ์ที่ทรงพลังน้อยกว่าได้ นอกเหนือจากพวกคาถาแล้ว พวกเขายังเป็นกลุ่มสายพันธุ์ที่ทรงพลังมาก ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเขาไม่โดนกระทำเหมือนอย่างพวกเอลฟ์
ผู้นำของนักรบและช่างตีเหล็กก็อบลินถูกขนานนามว่าเฒ่ากระบองแต่นี่ไม่ใช่ชื่อจริงของเขา ชื่อของเขาไม่เป็นที่รู้จัก แต่อาวุธที่เขาชอบคือกระบองตัวใหญ่ และถึงเขาจะแก่แต่แข็งแรงมาก แข็งแกร่งจนแม้แต่เมื่อเอากระบองไปฟาดหัวใครซักคนก็กลายเป็นแป้งได้ เฒ่ากระบองนั้นตัวสูงมากสำหรับก็อบลิน
เขานั่งอยู่ในห้องทำงานของเขา อ่านใบนำจับแปลกๆ ที่เขาพบบนระเบียงของกริงกอตส์
"อืม... ช่างเป็นวิธีเรียกความตายของใครบางคนที่แปลกประหลาดเสียจริง แต่... ค่าหัวเหล่านี้ให้กำไรมากโขอยู่ แสนแกลเลียนเพียงเพื่อจับพ่อมดหรอ? อา รูดอล์ฟัสผู้นี้ไม่ใช่ว่าสูญเสียมือให้กับผู้สืบทอดของเมอร์ลินผู้นั้นหรอกหรือ? ค่าหัวนี้ก็ต้องออกโดยเขาเช่นกัน ฮ่าฮ่าฮ่า...ช่างเป็นเด็กที่แปลกจริงๆ" เขาหัวเราะคนเดียวแล้วเก็บใบประกาศจับเข้ากระเป๋า
เขาลุกขึ้นและออกไปหานักรบที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา มีเพียง 5 ตนเท่านั้นที่เป็นศิษย์เอกของเขา เขาเห็นพวกนั้นเหมือนลูกหลานของเขาเอง
“ลูกเอ๋ย จงดูสิ่งเหล่านี้” เขาขว้างใบประกาศจับใส่พวกเขา แต่เก็บใบประกาศจับที่เป็นของรูดอล์ฟไว้
ก็อบลินทั้ง 5 มองพวกมันด้วยสายตาละโมบ สิ่งแรกที่พวกเขาดูคือเงินที่เสนอให้
"พวกมันทั้งหมดเป็นผู้เสพความตาย เราจะตามล่าพวกมันกันเดี๋ยวนี้ โอกาสในการทำเงินอย่างรวดเร็วไม่ได้มีมาทุกวัน 50,000 เกลเลียนไม่ใช่เงินจำนวนเล็กน้อยเลย มีคำถามอะไรไหม?” เฒ่ากระบองสรุปอย่างหนักแน่น
“เฒ่ากระบอง นี่จะไม่ทำให้เรากลายเป็นพันธมิตรกับพ่อมดขาวอย่างเป็นทางการหรือ ฉันก็คิดว่าเราจะเป็นกลางซะอีก” ก็อบลินตัวหนึ่งถามขึ้น
เฒ่ากระบองเย้ยหยัน "หึ นั่นเป็นความคิดเพ้อฝัน ถ้าเราไม่ช่วยพ่อมดเอาชนะเจ้าแห่งศาสตร์มืดนี้ เมื่อเจ้าแห่งศาสตร์มืดมันชนะและรวบรวมพลังได้มากขึ้น เขาจะตามล่าเรา โปรดจำไว้ว่าชุมชนภายใต้เจ้าแห่งศาสตร์มืดนั้นไม่เหมือนกับชุมชนพ่อมดในปัจจุบันตรงที่จะไม่มีศีลธรรมหรือกฎหมายใดยับยั้ง พวกมันจะทำในสิ่งที่ชอบ
พวกมันจะทำกับเราแย่ยิ่งกว่าพลเมืองชั้น 3 แต่อย่าลืมว่าใครกำลังต่อสู้กับเจ้าแห่งศาสตร์มืดอยู่ เขาคือฝ่าบาท เขาเกลียดพวกกระทรวงและเจ้าแห่งศาสตร์มืดมากกว่าเราเสียอีก และจากที่ข้ารู้ เมื่อเร็วๆ นี้ เขาพาเอลฟ์ประจำบ้านสองตนไปด้วย ไม่นานมานี้พวกเขาได้เห็นเอลฟ์ทั้งสองปรากฏตัวอยู่บ่อยๆ พวกเขามีความสุขและสวมเสื้อผ้าที่ใหม่เอี่ยมดูสะอาด
นอกจากนี้ พวกเจ้าไม่อ่านหนังสือพิมพ์หรือ ริต้า สกีตเตอร์พูดถึงเขาไว้มากมาย เขาปฏิบัติต่อนกฮูกอย่างเมตตา ข้าไม่สงสัยเลยว่าเขาควรค่าแก่การสนับสนุน นอกจากนี้ อย่าลืมว่าบรรพบุรุษของเรายังสนับสนุนเมอร์ลินด้วย”
หลังจากพูดจบก็อบลินแต่ละตัวก็สูบฉีด
"ไปฆ่าพวกมันกัน!"
"ฆ่าพวกมัน ฆ่าพวกมัน!"
"สุขสันต์การล่า!"
"สุขสันต์การล่า!"
พวกเขาเริ่มสวดสรรเสริญและโบกอาวุธไปในอากาศ เฒ่ากระบองมองไปที่ลูกชายของเขาอย่างภาคภูมิใจและฝันถึงความร่ำรวย
...
กลับมาที่ร้านไม้กวาด มือปราบมารก็เข้ามาจับทั้งสามคนไปขังไว้ พวกเขาจะถูกพิจารณาคดีและตัดสินโทษ พวกเขาจะถูกส่งไปยังเรือนจำปกติหรือปรับอย่างหนัก แต่อัซคาบันไม่ใช่ที่สำหรับพวกเขา
หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว แม็กนัสได้พาคุณไวท์ฮอร์น ไปที่ธนาคารกริงกอตส์และลงนามในข้อตกลง เขาซื้อหุ้นบริษัทนิมบัสเรสซิ่งบรูมไป 50 เปอร์เซ็นในราคา 130,000 เกลเลียน มันไม่ได้มากมายสำหรับแมกนัส
"ตอนนี้ผมคงต้องขอตัวก่อนนะครับ พวกเขาไม่ควรทำอะไรงี่เง่ากับคุณ แต่ยังไงก็ระวังตัวไว้ อย่างที่มู้ดดี้บอก จงพึงระวังไว้เสมอ!" แม็กนัสบอกลาครอบครัวไวท์ฮอร์น
มาร์ธาพาพวกเขาหายตัวกลับไปที่บ้านคฤหาสน์อีกครั้ง แต่ระหว่างนั้น แม็กนัสก็นึกอะไรบางอย่างออก
~เดี๋ยวนะ... ตอนนี้ฉันไม่รู้สึกอะไรแล้ว อืมมม... ได้เวลาเรียนรู้แล้วสินะ~
_____________________________