ตอนที่ 12 บ้านแฟนเก่า
ตอนที่ 12 บ้านแฟนเก่า
“ช่วยผมด้วย”
ตอนนั้นเองเสียงขอความช่วยเหลือก็ดังขึ้นมาในความวุ่นวาย เรนและพวกหันไปดูก็เห็นว่ามาจากรถที่พึ่งชนท้ายพวกเขา ชายคนนั้นดวงตาเต็มไปด้วยเลือดร่างของเขาชักกระตุกเกร็ง
แต่ถึงจะใกล้เปลี่ยนร่างเขาก็ยังไม่ยอมแพ้พยายามขอความช่วยเหลือ
“เรนด้านหลังรถ” ธันวาชี้ให้เรนดู
ด้านหลังรถมีสองแม่ลูกอยู่ หญิงสาวอายุประมาณ 30 และลูกสาวที่อายุประมาณ 5 ขวบ ผู้เป็นแม่พยายามเปิดประตู แต่ประตูรถติดอยู่กับรถของอาจารย์หลิน
ธันวารีบวิ่งไปที่ก่อนจะบอกให้แม่ลูกคู่นั้นให้ถอยไปก่อนที่เขาใช้ขวานทุบไปที่กระจกหน้าต่างรถยนต์
หญิงสาวกอดลูกสาวของเธอไป ขณะที่เด็กสาวก็ร้องไห้ออกมาด้วยความกลัว
ธันวาใช้ขวานเคลียร์เศษกระจกตรงขอบหน้าต่างรถออก เรนและคนอื่น ๆ เข้ามาช่วยกันในทันที
หญิงสาวผู้เป็นแม่ส่งลูกสาวของเธอออกมาก่อน ซึ่งเด็กสาวพยายามจับแม่ของเธอไม่ยอมปล่อย
“นานา ไปกับพี่ชายก่อนเดียวแม่จะตามออกไป” เธอบอกกับลูกสาวของตน
เด็กสาวนานาหันไปมองแม่และมองธันวาซึ่งสภาพของเขาก็ดูน่ากลัว เนื่องจากมีรอยเลือดหลายแห่งทำให้เธอกลัว
“นานามาหาที่สาวก็ได้” อาจารย์หลินที่อยู่ด้านหลังเรียกเด็กสาว
เด็กสาวได้ยินเสียงของอาจารย์หลินก็หยุดร้องไห้ เธอเช็ดน้ำตาที่แก้มและพูดว่า
“พี่สาวเหมือนครูของนานาเลย นานาจะไปหา”
เด็กสาวยื่นแขนให้ธันวาอุ้มเธอ
“พี่ชายจะอุ้มหนูออกไป” ธันวาเผยรอยยิ้มออกมาและอุ้มเด็กสาว ก่อนจะส่งไปหาอาจารย์หลิน อาจารย์หลินรับเด็กสาวมาและเช็ดใบหน้าที่เปื้อนและหยิบเศษกระจกออกจากศีรษะของเด็กสาว
ขณะเดียวกัน แม่เด็กสาวก็ออกมาจากรถผ่านการช่วยเหลือของธันวาด้วย
“ช่วยผมด้วย” ตอนนั้นเองก็มีมือคว้าจับไปที่แม่เด็กสาว เป็นคนขับรถแท็กซี่ที่กลายเป็นผู้ติดเชื้อแล้ว มันไม่ยอมปล่อยหญิงสาวไปง่าย ๆ
ปัก!
แต่ก่อนจะได้ทำอะไรไปมากกว่านี้เรนก็ยิงธนูฆ่ามันตายในทันที ทำให้หญิงสาวหลุดออกมาได้
“ขอบคุณพวกคุณมาก” หญิงสาวขอบคุณและเข้าไปหาลูกสาวของเธอที่อยู่กับอาจารย์หลิน
กรีดดด....
ตอนนั้นเองเสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นอยู่ใกล้ ๆ แล้ว ผู้ติดเชื้อกลุ่มใหญ่อยู่ห่างจากพวกไม่ถึง 100 เมตรแล้ว
“เราต้องหนีไปจากที่นี่กันก่อน” เรนบอกทุกคน
“ฉันรู้จักที่หนึ่ง มันเป็นบ้านแฟนเก่า เขาน่าจะยังอยู่ที่บ้าน ไปซ่อนที่นั่นได้” อาจารย์หลินพูดขึ้นมา
ทุกคนรีบตามเธอไป เพราะตอนนี้จะหนีออกจากเมืองด้วยเส้นทางนี้ดูจะเป็นไปไม่ได้แล้ว อาจารย์หลินพาพวกเขาวิ่งไปยังซอยของถนนด้านหนึ่ง แต่ตอนนั้นเองก็มีกลุ่มคนวิ่งตามพวกของเรนมา
“หยุดซะ บอกให้หยุด” กลุ่มคนด้านหลังจับไปที่อาจารย์หลิน
เรนหันกลับไปขวางระหว่างอาจารย์หลินกับกลุ่มคนพวกนั้นทันที
คนอื่น ๆ ก็หยุดวิ่งและหันไปเผชิญหน้ากับกลุ่มคนพวกนั้น
“พวกนักเลง” เรนขมวดคิ้วมองคนพวกนี้ด้วยความไม่พอใจ
ทั้งกลุ่มมีทั้งมีดและท่อนเหล็กครบมือพวกเขามีอยู่ด้วยกัน 7 คน เป็นชาย 5 หญิง 2 ท่าทางบ่งบอกว่าหาไม่ได้มาอย่างเป็นมิตรแน่นอน
“ไอ้เวรนี้พูดว่าใครเป็นนักเลงกัน” หนึ่งในกลุ่มที่เป็นหัวโจกดูท่าจะไม่พอใจกับคำพูดและสายตาของเรน
“ต้องการอะไร” เรนจ้องไปที่ตาของชายคนนั้นอย่างเย็นชา
“เฮ้ย มองหน้าหา...มึงเหรอ อยากตายหรือไงวะ ส่งธนูที่พวกแกถือมาซะแล้วพวกฉันจะปล่อยพวกแกไป” นักเลงบอกความต้องการของตัวเองออกมา
“พวกแกอยากลองก็เข้ามาสิ” ธันวาถือขวานเดินเข้ามายืนข้าง ๆ เรน
ในเรื่องการต่อยธันวาก็ไม่น้อยหน้าใครทั้งนั้น
หัวโจกของกลุ่มไม่ยอมแพ้ พวกนักเลงอย่างพวกเขาแม้จะต่อยตีเป็นกิจวัตร แต่ก็ไม่ได้โง่ แม้พวกเขาจะมีมีดและท่อเหล็ก แต่ถ้าได้ธนูมามันจะช่วยให้พวกเขามีโอกาสรอดชีวิตมากขึ้น
และตอนนี้กลุ่มที่มีมันก็แค่ผู้ชายสองคนที่เหลือก็แค่พวกผู้หญิงอ่อนแอเท่านั้น
“เล่นแม่งเลย” หัวโจกสั่งคนในกลุ่ม
ปัง!
แต่ตอนนั้นเองเสียงปืนก็ดังขึ้น ทำให้ทุกคนนั้นตกใจ พวกนักเลงไม่มีใครกล้าขยับ ทุกคนหันไปกลับไปมองทางด้านหลังของเรนและธันวา
ไอรายิงปืนขึ้นฟ้าขู่พวกเขาและเล็งปากกระบอกปืนไปที่กลุ่มของนักเลง
“ปืน!” กลุ่มนักเลงเกิดความกลัวขึ้นมาในทันที
ปืนยังเป็นอาวุธที่น่ากลัวไม่ว่าจะสถานการณ์ไหน ๆ เมื่อเห็นว่ากลุ่มของพวกนักเลงนั้นไม่กล้าเข้ามาหาเรื่องพวกเขาอีก เรนและพวกจึงไปกันต่อ
“ไอ้เวรมีปืนแล้วยังไงวะ เอาปืนของพวกแกมาให้ฉันซะ” หัวหน้านักเลงดูบ้าคลั่ง เขาไม่เคยโดนข่มขู่แบบนี้มากก่อน มันวิ่งตรงไปหากลุ่มของเรนพร้อมด้วยมีดเล่มยาวในมือ เป้าหมายคือไอราที่อยู่หลังสุดของกลุ่ม
ไอราตกใจมากจนหันปืนไปเธอกำลังจะฆ่าชายคนนั้น แต่เรนหันกลับมาและยิงธนูใส่หัวโจกนักเลงคนนั้นก่อน
ปัก!
ลูกธนูยิงเข้าไปที่หน้าอกของหัวหน้านักเลงคนนั้นทำให้เขาหยุดวิ่งและล้มลง
กลุ่มนักเลงที่เหลือมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยสีหน้าและแววตาที่อึ้ง ก่อนจะหันไปมองชายหนุ่มที่เล็งธนูดอกที่สองมาที่พวกเขาด้วยความหวาดกลัว
“แก...” ชายในกลุ่มชี้ไปที่เรนและเหมือนจะลงมือ
เรนยิงธนูลูกที่สองใส่ที่ขาของชายคนนั้นในทันที
“อ๊ากกก!!!” นักเลงชายคนนั้นร้องด้วยความเจ็บปวด ไม่มีกลุ่มนักเลงคนไหนกล้าขยับตัวเอง
กลุ่มของเรนก็มองไปที่เรนเช่นกัน เพราะไม่คิดว่าเรนจะลงมือโหดแบบนี้
“อย่าตามมา” เรนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก ก่อนจะลดธนูลงและหันหลังกลับ
“ไอราลดปืนลงได้แล้ว” ธันวาเดินเข้ามาหาแฟนสาวของตนเอง ก่อนจะจับไปที่ปืน
ไอรามือสั่นเบา ๆ ปล่อยให้ธันวาเอาปืนออกจากมือของเธอ สถานการณ์เมื่อครู่มันกดดันมาก แม้จะเห็นการตายของผู้ติดเชื้อมามาก แต่ไอราไม่คิดว่าจะโดนคนที่มีชีวิตด้วยกันจ้องจะฆ่าแบบนี้
ธันวาส่งปืนกระบอกนั้นให้เรนเก็บไว้
เรนรับมาและมองดูปืน ถ้าเมื่อครู่นี้เขาไม่จัดการขายคนนั้น ไอราคงยิงชายคนนั้นแน่นอน
กลุ่มของเรนมองหน้ากัน ก่อนจะรีบตามเรนไป
พวกนักเลงเห็นว่าเรนและกลุ่มไปแล้วก็พากันถอนหายใจไปใจ แต่ตอนนั้นพอพวกเขาหันกลับไปก็พบว่ามีผู้ติดเชื้อจำนวนมากกำลังมาทางนี้
ทำให้นักเลงพวกนี้สีหน้าตื่นตระหนกวิ่งหนีกันไปคนละทิศละทาง ทิ้งให้นักเลงชายที่เจ็บขาก่อนหน้านี้หนีไม่ทันโดนกินทั้งเป็น ส่วนอีกคนที่ล้มไปก็โดนกินไม่ต่างกัน
“อีกไกลไหม” เรนถามอาจารย์หลิน เพราะตอนนี้พวกเขาวิ่งกันมาเกือบ 700 เมตรแล้ว
“ไม่ไกล อยู่ข้างหน้านี้เอง” อาจารย์หลินบอกกับทั้งสองคน
“ไหวไหม” ไอราหันไปถามสองแม่ลูก
สีหน้าของสองแม่ลูกดูเหนื่อยมาก ทั้งสองไม่เคยวิ่งมาไกลขนาดนี้
“พอไหวอยู่ คุณก็ไม่เป็นอะไรนะ” แม่เด็กสาวหันไปตอบหญิงสาวที่พึ่งยิงปืนขู่พวกนักเลง
“ฉันดีขึ้นมากแล้ว” ไอราตอบกลับ เธอเริ่มตระหนักว่าครั้งหน้าอาจจะไม่โชคดีที่ได้เรนช่วย เธอได้เตรียมใจที่จัดการอย่างเด็ดขาดถ้ามีเรื่องแบบนี้ขึ้นมาอีกครั้ง
“ให้นานาขี่หลังฉันไปก็ได้” อาจารย์หลินเสนอตัว
“อืม” แม่เด็กสาวตกลง เธอให้ลูกสาวขี่หลังของหญิงสาวตรงหน้า เพราะถ้าเธอฝืนแบกนานาวิ่งต่อจะทำให้ทั้งกลุ่มช้าลง
ทั้งกลุ่มยังคงวิ่งต่อไป
“ฉันชื่อหลินเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย คุณชื่ออะไรเหรอ” อาจารย์หลินหันมาถามขณะที่วิ่งกันอยู่
“รินดา ขอบคุณนะที่ช่วยพวกเรา” รินดาบอกชื่อของเธอต่อหญิงสาวตรงหน้าที่น่าจะมีอายุน้อยกว่าเธออยู่หนึ่งถึงสองปี
อาจารย์หลินพยักหน้าให้กับเธอ
“ถึงแล้วบ้านด้านหน้าหลังคาสีฟ้านั่น” อาจารย์หลินชี้ให้ทุกคนดู มันเป็นบ้านที่สองชั้นที่ไม่ใหญ่มากนัก บ้านติดกับหลังอื่น ๆ แต่บ้านหลังนี้มีรั้วบ้านซึ่งน่าจะดูปลอดภัย
ภายในบ้านยังคงมีแสงไฟซึ่งแสดงให้เห็นว่ายังมีคนอาศัยอยู่
หลินรีบกดกริ่งที่หน้าบ้านและตะโกนเรียกให้แฟนเก่าของเธอเปิดประตูให้พวกเขา
“แดนคุณอยู่ข้างในไหม นี่ฉันเองนะหลิน เปิดประตูให้พวกเราได้ไหม”
ขณะที่รออยู่นั้นเรนก็เฝ้าระวังอยู่ด้านหลัง
“อาจารย์ รีบให้เขาเปิดประตูเร็ว พวกมันมากันแล้ว” เรนบอกกับอาจารย์หลิน ก่อนที่เขาจะหันกลับไปจัดการผู้ติดเชื้อคนสองคนที่มาทางนี้พอดี
ธันวาเองก็เข้าไปช่วยด้วย ส่วนสามสาวนั้นอยู่ที่หน้าประตู
“หลินอย่างนั้นเหรอ คุณไม่เป็นอะไรนะ” ประตูเปิดออกมา โดยมีชายคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตู
“พวกเราไม่เป็นอะไร ให้พวกเราเข้าไปหลบในบ้านก่อนได้ไหม” หลินถามออกไปด้วยสีหน้าร้อนใจ เพราะมีผู้ติดเชื้อมามากขึ้น
ชายหนุ่มที่ชื่อแดนมองไปด้านหลังของหลินก็เห็นทุกคน เขาคิดอยู่สักพักหนึ่งจึงยอมให้ทุกคนเข้าไปในบ้าน
ก่อนจะไปเรนได้ฆ่าผู้ติดเชื้อไปอีกหนึ่งทำให้เขาได้รูนิกมาเพิ่มอีกอัน
ทุกคนเข้าไปในบ้านของแดน แฟนเก่าอาจารย์หลิน พวกเขารีบปิดประตูและรออยู่อย่างเงียบ ๆ ไม่มีผู้ติดเชื้อตามมาที่พวกเขาอยู่ทำให้ทุกคนนั้นถอนหายใจ
“พวกคุณที่อยู่ที่นี่จะปลอดภัยไม่ต้องกังวล ไปนั่งในห้องนั่งเล่นกันก่อนก็ได้” แดนพูดกับทุกคนด้วยท่าทีเป็นมิตร
ทุกคนขอบคุณและเดินไปที่ห้องนั่งเล่น เนื่องจากจะมายืนอยู่ทางเข้าประตูมันก็ดูยังไงอยู่
ขณะที่เดินไปเรนแอบหันไปมองอาจารย์หลินและชายหนุ่มที่ชื่อแดนกำลังยืนคุยกันอยู่
“หลิน เธอเป็นยังไงบ้างไม่เจอกันเกือบ 2 ปี” แดนพูดและพยายามจะจับไหล่ของหญิงสาวด้วยความคิดถึง
หลินขยับถอยออกมาและตอบชายหนุ่มกลับไปว่า “ฉันสบายดี ขอบคุณนะที่ให้พวกเราเข้ามา”
แดนเห็นแบบนั้นก็ดึงมือของตัวเองกลับ
“คุณโกรธผมเรื่องครั้งนั้นอยู่เหรอ”
“ไม่ ฉันไม่ได้โกรธนาย ยังไงนายก็เลือกถูกแล้ว” หลินตอบกลับไป
ตอนนั้นมีหญิงสาวอีกคนที่อยู่ในบ้านเดินออกมาพอดี ทำให้ทุกคนหันไปมองเธอ
“หลิน!” หญิงสาวคนนั้นดูจะตกใจที่เห็นอาจารย์หลิน เธอเข้าไปกอดอาจารย์หลินแน่นและถามว่า “เธอไม่เป็นอะไรนะ”
“บีม!” อาจารย์หลินกอดเธอด้วยท่าทีอึดอัดเล็กน้อย