ตอนที่ 555 พัฒนาการ
มือของถังเทียนกำเม็ดทองสีเข้มกลุ่มหนึ่ง มันมีขนาดเท่าเมล็ดข้าวซากหนอนซึ่งมีขนาดนิ้วมือหลังจากถูกเพลิงมารเผาผลาญเหลือไว้แต่เม็ดทองสีเข้ม
ถังเทียนให้เสี่ยวเอ้อลองดูเช่นกัน แต่มงกุฏเกียรติยศชาวยุทธไม่สามารถเผาทองดำประหลาดนี้ได้
ทันใดนั้นเตาหลอมสายเลือดในตัวถังเทียนพลันเต้นรุนแรงเหมือนกับว่ามันเต็มไปด้วยความปรารถนาบางอย่าง
อะไรนี่...
ถังเทียนสะดุ้ง แต่ก่อนที่เขาจะทันตั้งตัวเม็ดทองดำพลังละลายเหมือนน้ำแข็งและซึมเข้าไปในผิวของเขา ทองสีเข้มโคจรเข้าไปในเส้นเลือดของเขาอย่างรวดเร็ว และเข้าไปในกระแสเลือดโคจรไปตามเส้นเลือด จากนั้นมันเข้าไปในเตาหลอมสายเลือด
“เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า?” อาเฮ่อมองดูถังเทียนด้วยความกังวล
ทุกคนตกใจกับเหตุการณ์ที่ผันแปรไปกะทันหัน ทะเลหินเต็มไปด้วยอันตรายที่มิอาจคาดเดาได้ และเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดติดต่อกันเตือนพวกเขาว่าแม้พวกเขาจะเป็นเซียน แต่ในโลกกว้างนั้นพวกเขาจะต้องระมัดระวังตัว
ถังเทียนมีสีหน้าแปลกประหลาด “เตาหลอมสายเลือดของข้าต้องการดูดซับทองดำ”
เสี่ยวเอ้อลอยเข้ามาหา “การส่งเสริมของเตาหลอมสายเลือดจะช่วยให้ร่างเนื้อของเจ้าพัฒนาขึ้น ข้าคิดว่าเม็ดทองดำเหล่านั้นจะสามารถช่วยพัฒนาเจ้าได้”
ถังเทียนยิ่งกลัวหนักขึ้น “ข้าไม่อยากวิวัฒนาการไปเป็นหนอน!”
เสี่ยวเอ้ออยากบอกว่านั่นมีทางเป็นไปได้ แต่เมื่อเห็นสีหน้าของเจ้าเด็กโง่แล้ว ขืนเขาพูดออกไป มีหวังได้โดนทุบตีแน่นอน
ลูกผู้ชายมีความสามารถไม่อาจพลาดท่าได้และไม่ควรจะโกหกด้วย... แต่ต่อหน้าผู้คนมากมาย มันเป็นเรื่องน่าอับอายมาก
เสี่ยวเอ้อเบิกตากว้างและพูดลอยๆ ด้วยความมั่นใจ “เจ้าจะไม่เป็นไรแน่นอน
จากนั้นถังเทียนถอนหายใจโล่งอก
พวกเขาบินไปที่ก้อนหินที่หนอนดำพุ่งออกมามันมีขนาดเท่าเรือลำเล็กและมองดูเหมือนรังผึ้ง เต็มไปด้วยรูพรุนมากมาย ทันใดนั้นหยาหยาออกมามองดูก้อนหินด้วย มันดมดูรอบๆและชี้ไปที่ก้อนหินและเริ่มตื่นเต้น
เป็นไปได้ไหมว่ามีบางอย่างอยู่ข้างใน?
พวกเขามองหน้ากันเอง โดยไม่พูดอะไรสักคำ พวกเขาลงมือทันที
เมื่อลงมือไปแล้วพวกเขาจึงตระหนักได้ว่ามีบางอย่างแปลกประหลาด ดูเหมือนหินที่ดูธรรมดาจะแข็งมากกว่าที่คิด ถังเทียนชกไปหมัดหนึ่งแต่ทิ้งไว้เพียงหลุมตื้นๆเท่านั้น นี่ทำให้ทุกคนประหลาดใจ ต้องมีของดีบางอย่างอยู่ข้างในแน่นอน
ในเวลาอันรวดเร็วทั้งสี่คนร่วมแรงกันและใช้พลังของพวกเขาพร้อมกันใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงทำลายหินจนเปิดไปถึงแกนกลางได้
แกนกลางเป็นลูกบอลสีดำขนาดตะกร้าหวายมีจุดแสงกระพริบอยู่บนผิวเมื่อมองดูอย่างระมัดระวังทุกคนจึงตระหนักได้ว่าจุดนั่นก็คือไข่ของหนอนดำและมันคลายพลังที่ผันผวนเหลือเชื่อออกมา
ทุกคนมองดูด้วยความประหลาดใจ แต่ใบหน้าของทุกคนมีแววยินดี
ต้นกำเนิดวิญญาณ!
พลังผันผวนที่บริสุทธิ์นี้เป็นพลังผันผวนของต้นกำเนิดวิญญาณ
สถานที่ร่ำรวยพลังมหาศาลสามารถผลิตต้นกำเนิดวิญญาณได้ง่ายมาก แต่ต้นกำเนิดวิญญาณทั้งหมดนี้เบาบางมากทั้งร่องรอยและเส้นสาย พวกเขาไม่เคยพบกับต้นกำเนิดวิญญาณที่หนาแน่นและบริสุทธิ์ขนาดนั้นมาก่อน
แม้แต่ปิงก็สนใจต้นกำเนิดวิญญาณที่มากพลังนั้น และลอยออกมา
ก่อนที่ใครๆ จะทันได้เคลื่อนไหว เขาตะโกนทันที “เหลือเมล็ดไว้สองสามเม็ดไว้ให้ห้องวิจัยพลังสายเลือดด้วย”
ไข่หนอนเต็มไปด้วยต้นกำเนิดวิญญาณที่บริสุทธิ์ที่สุดและสำหรับทุกคนถือเป็นอาหารที่ยิ่งใหญ่และค่าพลังวิญญาณของทุกคนจะเพิ่มขึ้นสูงอีกมากมาย
นี่เองทำให้ทุกคนมีความสุขมาก ถ้าพวกเขาไม่มีสิ่งที่เหมือนกับกระดูกเซียนหรือสิ่งบำรุงวิญญาณต่างๆเป็นเรื่องยากที่จะเพิ่มค่าพลังวิญญาณของพวกเขาได้ แม้แต่สถานที่ซึ่งร่ำรวยไปด้วยพลังงานความเร็วซึ่งต้นกำนิดวิญญาณเกิดก็ยังช้ามาก
ยกเว้นส่วนที่ปิงขอไว้ ทั้งสี่คนแบ่งไข่หนอนที่เหลือกันและค่าพลังวิญญาณของพวกเขาทุกคนเพิ่มขึ้นอย่างมาก
สำหรับสนามพลังเป็นศูนย์ พอเพิ่มค่าพลังวิญญาณแล้วพลังงานมหาศาลที่จะเก็บกักได้ก็เพิ่มขึ้นไปด้วย
สำหรับส่วนของถังเทียน ตกถึงปากของเสี่ยวเอ้อ หลังจากกินเป็นอาหารแล้ว เสี่ยวเอ้อพอใจมากค่าพลังวิญญาณของเขาเพิ่มอีกสิบจุด แต่สายตาของเขามองดูที่บอลดำซึ่งเอาไข่หนอนออกแล้ว
เขาคิดทันทีและเอามงกุฎเกียรติยศชาวยุทธออกมาและด้วยพลังสนับสนุนจากลูกปัดข่มพลัง เขาเริ่มเผาหินดำขนาดตะกร้าหวาย
เพลิงจากมงกุฎชาวยุทธสีขาวสงบครอบคลุมหินดำและมันค่อยๆหดตัว หลังจากผ่านไปสองชั่วโมงก็มีขนาดเหลือเท่ากำปั้น
“ไม่, ค่าพลังวิญญาณของข้ายังเพียงพอ ข้าไม่สามารถสร้างขึ้นได้ แต่จะต้องมีบางอย่างที่ดีแน่นอน” เสี่ยวเอ้อส่ายศีรษะ
ทันใดนั้นหยาหยาก็วิ่งเข้ามาหาพร้อมกับน้ำลายสอเต็มปาก เสี่ยวเอ้อมองดูจากนั้นยื่นให้มัน “เจ้าต้องการนี่เหรอ?”
หยาหยาผงกหัว คว้าหินดำ อ้าปากกว้าง และด้วยสายตาที่ตกใจของทุกคนมันกลืนหินดำขนาดกำปั้นลงท้องทันที
อะไร...
หินบนหน้าผากหยาหยากระพริบแสงทันทีและหินดำเริ่มละลายเหมือนน้ำแข็งขณะที่ท้องป่องของหยาหยายุบลงอย่างรวดเร็ว
ร่างของหยาหยาเริ่มเรืองแสงมันวาวเหมือนโลหะ
เสี่ยวเอ้อไม่อยากเชื่อตาของเขาเอง เขาไม่อาจจะหลอมหินดำได้แม้จะใช้ไฟจากมงกุฎเกียรติยศชาวยุทธ แต่หยาหยากลับละลายมันได้ด้วยอาการอย่างนั้นหรือนี่?
แสงในร่างของหยาหยาเริ่มจางลงแต่พื้นผิวเหมือนโลหะของมันชัดเด่นยิ่งขึ้น หยาหยาร้องตะโกนอีกครั้งทันใดนั้นมันกระโจนพุ่งออกไปซึ่งคล้ายกับกระสุนปืนใหญ่กระทบกับหิน
“หยาหยา...”ถังเทียนสะดุ้งตกใจและพยายามหยุดมันโดยไม่รู้ตัว
ภาพที่ปรากฏต่อมาทำให้ถังเทียนต้องเงียบไปโดยไม่รู้ตัว
ปัง!
ก้อนหินขนาดอาคารห้าหกชั้นแตกกระจายเป็นชิ้นๆทันทีและแสงรังสีที่แน่นบินอยู่รอบๆ ฝนหิน มันคือหยาหยา
ทุกคนตะลึง
หยาหยากระโดดไปตามก้อนหินและเลี้ยวกลับมาหาถังเทียนอย่างรวดเร็วแสดงท่าทางที่พอใจ มันไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อยแรงกระแทกที่น่ากลัวไม่ทำให้เกิดแม้แต่รอยขีดข่วนบนร่างของมัน
หยาหยาต้องเลิกแสดงความลำพองทันทีเมื่อมันถูกถังเทียนคว้าไว้
ถังเทียนหยิกมันแรงๆ และพูด “เอ..เจ้าก็ยังยืดหยุ่นนี่นา แต่ดูเหมือนเจ้าจะแข็งทนทานกว่าเมื่อก่อน..”
ก่อนเขาจะพูดจบ ถังเทียนใช้แรงขว้างหยาหยาออกไปทันทีพลางตะโกน“กระสุนมนุษย์...โจมตี!”
ปัง!
ก้อนหินพังสลายไปอีกก้อนหนึ่ง
เสี่ยวเอ้อมองดูหยาหยาด้วยความเวทนา หยาหยาดันมาอวดฝีมือต่อหน้าเจ้าเด็กโง่นี่ มันไม่รู้หรือว่าเจ้าเด็กโง่จิตใจคับแคบ จอมริษยาก็เท่านั้น? น่าสงสาร!
การวิวัฒนาการของหยาหยาทำให้ถังเทียนมีความคิดอย่างหนึ่ง
กระสุนเนื้อโจมตี!
การโจมตีรูปแบบแปลกประหลาดอย่างนั้นศัตรูย่อมคาดไม่ถึงเด็ดขาด
ขณะนั้นเองถังเทียนรู้สึกการเผาไหม้ในเตาหลอมสายเลือดทันทีและจากนั้นเลือดเดือดพุ่งออกมาจากเตาหลอมสายเลือดหมุนเวียนเข้าไปในเส้นเลือดและโคจรไปทั่วร่างกาย หลังจากนั้นถังเทียนมีความรู้สึกมึนชาชั้นผิวหนังใหม่กำลังงอกขึ้นใต้ผิวเขา
เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ!
เสียงระเบิดดังขึ้นในใจของเขา
เขาสามารถรู้สึกได้ว่าเนื้อและกระดูกปล่อยเสียงระเบิดอ่อนๆดังต่อเนื่องซึ่งดังก้องอยู่ในหูของเขาไม่หยุดหย่อน กระแสความร้อนน้อยๆ ยังคงฉีกส่วนต่างๆในร่างกายของเขาและในพริบตาเดียวร่างของถังเทียนก็เหมือนกับกุ้งต้ม
แต่แล้ว ปราณที่รุนแรงก็ระเบิดออกมาจากร่างของถังเทียน
การระเบิดของปราณนี้ฉับพลันทันด่วนและหายไปอย่างรวดเร็ว ในชั่วเวลาอึดใจถังเทียนที่ตัวแดงไปหมดก็กลับคืนสู่สภาพปกติ และปราณที่น่ากลัวหายไปโดยไม่มีร่องรอย และภาพที่เกิดขึ้นนั้นเหมือนกับภาพลวงตา
อาเฮ่อและพวกที่เหลือรู้ว่าไม่ใช่ภาพลวงตาและมีบางสิ่งได้เปลี่ยนแปลงอยู่ในร่างของถังเทียน
ถังเทียนเหม่อมองฝ่ามือตัวเอง เขารู้สึกได้ชัดถึงคลื่นพลังงานในร่างของเขา เป็นพลังที่รุนแรงและบริสุทธิ์ เลือดเนื้อของเขาแข็งแกร่งขึ้นและทนทานขึ้นมากกว่าเหล็กกล้า เหมือนกับว่าเขาสามารถใส่พลังระเบิดลงไปในหมัดของเขาได้
“ร่างกายของข้าดูเหมือนจะแข็งแกร่งมากขึ้น”
ถังเทียนพึมพำกับตนเองไม่อยากเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น
“ทดสอบดู” จิ่งหาวพูดอย่างรอบคอบ
ถังเทียนไม่พูดอะไรสักคำเขามาอยู่ข้างหน้าหินก้อนขนาดภูเขา มันเป็นหินลูกใหญ่ที่สุดเท่าที่เขาหาพบ และเมื่ออยู่ต่อหน้าหินถังเทียนดูไม่สำคัญอะไรเลย
ถังเทียนคำรามและจากนั้นใช้หมัดกระแทกใส่หินหนึ่งครั้ง
ทันทีที่ถังเทียนปล่อยหมัด จิ่งหาวอาเฮ่อและหลิงซิ่วหรี่นัยน์กันหมด
พวกเขาฝึกฝนและซ้อมมือกับถังเทียนอย่างสม่ำเสมอ ดังนั้นพวกเขาจึงเข้าใจชัดถึงพลังของถังเทียน แต่หมัดที่เขาเพิ่งปล่อยออกไปกลับให้ความรู้สึกที่แตกต่างในใจของพวกเขา
แครก!
เสียงดังชัดเจนทำให้พวกเขาสีหน้าเปลี่ยนอีกครั้ง พวกเขาเห็นตำตาว่าก้อนหินขนาดเนินเขาข้างหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยรอยร้าวเหมือนใยแมงมุมทันทีและจากชิ้นส่วนหินร่วงกราวดุจสายฝน
พวกเขาตะลึงกันหมด
หมัดของถังเทียนไม่มีเพลิงมาร เป็นพลังร่างกายล้วนๆ
เจ้าบ้านี่...
คนที่มีสีหน้าอารมณ์ซับซ้อนมากที่สุดก็คือเสี่ยวเอ้อ ในสายตาของเขาเลือดของถังเทียนสว่างมีพลังอย่างน่าประหลาด เหมือนกับลาวาเดือดพล่าน ปัจจุบันนี้ภายในเตาหลอมเจมินี่ ทะเลพลังงานถูกข่มโดยทะเลสายเลือดทะเลพลังสายเลือดจะปล่อยพลังงานที่แข็งแกร่งและต้อนทะเลพลังงานเข้าไปไว้ในมุม
กลิ่นคาวเลือดที่เข้มข้นรุนแรงคือสิ่งที่เสี่ยวเอ้อเกลียด
“เขาวิวัฒนาการได้จริงๆ!” อาเฮ่อบินเข้ามาดูและถามด้วยความสงสัย “เจ้าจะมีปีกงอกและหางงอกด้วยหรือเปล่า?”
ถังเทียนที่กระหยิ่มดีใจกับตนเองในตอนแรกพลันมีปมในใจทันที“คงไม่เป็นอย่างนั้นกระมั้ง”
เมื่อเซียนพลังสายเลือดวิวัฒนาการไประดับหนึ่งร่างกายของพวกเขาจะมีการเปลี่ยนแปลง การมีปีกงอกขึ้นเป็นเรื่องธรรมดามาก
ในใจของเขาปรากฏภาพตัวเขามีปีกและมีหางงอกออกมาจากก้นทำให้เขาสั่น ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงเชียนฮุ่ยคงไม่ชอบเขาอีกต่อไปแน่!
แต่ทุกคนทำไม่รู้ไม่ชี้กับถังเทียนที่หน้าซีดขาว
“ดูเหมือนว่าทะเลหินนี่จะเป็นสถานที่ดีเหมือนกันเต็มไปด้วยสมบัติทุกที่และนักสู้สามารถเพิ่มพลังวิญญาณได้และพัฒนาร่างกายได้นี่เป็นพื้นที่สมบัติอย่างแท้จริง” จิ่งหาวปกติจะสงวนท่าทีตลอดไม่อาจรักษาความใจเย็นไว้ได้
“และบางทีอาจช่วยพวกเจ้าให้เสริมพลังสมบัติวิญญาณด้วยก็ได้” เสี่ยวเอ้อเสริม
ดวงตาของอาเฮ่อและหลิงซิ่วทอประกายวูบพร้อมกัน
“มันอาจเป็นพื้นที่สมบัติจริงๆ” อาเฮ่อเลียริมฝีปาก “สวรรค์มักจะประทานโอกาสให้เราอยู่เสมอถ้าเราไม่รับเอาไว้ เราอาจจะถูกฟ้าผ่าก็ได้นะ”
“มันเป็นของเรา! ทั้งหมดนี้เป็นของเรา! ใครก็ตามบังอาจชิงไปจากเราข้าจะแทงมันให้ตายให้หมด!”
หลิงซิ่วเต็มไปด้วยความตื่นเต้นขณะที่เขาตะโกน หอกของเขาชี้ตรงไปที่ทะเลหินข้างหน้าเขา พวกเขาลืมอันตรายที่จะได้พบเจอ
“ไป ไป ไป!”
ทั้งสองคนตะโกนและวิ่งลุยเข้าหาดงทะเลหิน
“เฮ้ เฮ้ เฮ้รอข้าด้วย!”
ถังเทียนถูกทิ้งรั้งท้ายตะโกนลั่น