ตอนที่ 551 อาซิ่น
“เชียนฮุ่ย!”
ถังเทียนกระตือรือร้นตะโกนทันทีที่เขาเห็นแสงเรืองขึ้นมา
“พี่เทียน!”
เสียงหวานนุ่มนวลของหญิงสาวที่ดังขึ้นเป็นเสียงที่ไพเราะที่สุดในโลก
ถังเทียนลืมโลกทั้งหมดทันที ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้ทั้งหมดในสวรรค์วิถี รายละเอียดเล็กน้อยทุกอย่าง เขาลืมไปหมดไม่มีเหลือ เขายิ้มอย่างโง่งมเหมือนกับเด็กโง่และเล่าเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเขาให้เชียนฮุ่ยฟัง
เมื่อได้ยินถังเทียนอธิบายอย่างมีสีสันชัดเจนว่าเขามีพลังมากขนาดไหนเขาฆ่ายอดฝีมือไปยังไงบ้าง ปิงที่อยู่ใกล้อดยิ้มให้เจ้าเด็กไร้เดียงสานี่ไม่ได้
ในอีกด้านหนึ่งของประตูดวงดาวบรอนซ์เชียนฮุ่ยนั่งขัดสมาธิเท้าคางเอนตัวจากซ้ายไปขวา ใบหน้าที่อ่อนโยนของนางเต็มไปด้วยความนับถือ ไม่มีวี่แววเคร่งขรึมอยู่ในตัวเทพธิดานักรบนี้ มีแต่เด็กสาวผู้กำลังอยู่ในห้วงของความรักเท่านั้น
อาซิ่นและเสี่ยวหลานอยู่ใกล้ๆ ถึงกับหมอบลง อาซิ่นแค่นเสียง “ความสง่างามของเจ้าไปอยู่ที่ไหนหมด! ราศีเจ้านายหายไปไหน! ทำไมถึงได้หายไปอีตอนพูดคุยกับเจ้าเด็กน้อยนี่น่าอายเป็นบ้า!”
เสี่ยวหลานถลึงตาดุดัน “ถ้าเจ้ากล้าพูดไม่ดีถึงนายท่านอีก ข้าจะสับเจ้าแล้วโยนให้สุนัขกินเสีย”
“พูดแบบนี้อีกแล้ว....” อาซิ่นหัวเราะ
เสี่ยวหลานจ้องมองเขา อาซิ่นเงียบเสียงทันที สตรีดุร้ายจะทำอะไรก็ได้อยู่แล้ว
ที่หน้าประตูดวงดาวบรอนซ์ ถังเทียนเต็มไปด้วยคำถามและความสงสัยมากมาย
“เชียนฮุ่ย, มีอะไรอยู่ในดวงตาเซกซ์แทนส์กันแน่? ผู้อาวุโสชางหยางหวี่บอกว่ามีพิกัดอยู่ภายในนั้นและ..เจ้าคนไร้น้ำใจนั่นเป็นใคร?” ถังเทียนต้องการถามปัญหาที่ค้างคาใจเขามานานแล้ว
เชียนฮุ่ยมีความรู้ “พิกัดภายในดวงตาเซกซ์แทนส์ก็คือพิกัดของประตูดวงดาวเข้าทางดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ บิดาของพี่เทียนก็คือเจ้ากลุ่มดาวคนคู่”
“ดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์? มันอยู่ที่ไหน?” ถังเทียนสะดุ้ง คนไร้น้ำใจนั่นเป็นถึงเจ้ากลุ่มดาวคนคู่นั่นไม่ทำให้เขาแปลกใจแม้แต่น้อย เมื่อชางหยางหวี่บอกว่าดวงตาเซกซ์แทนส์ตั้งพิกัดไว้ที่หนึ่ง เขาสงสัยว่าคงจะมีทางเข้ากลุ่มดาวคนคู่ด้วยหรือเปล่า? เขาไม่คาดเลยว่าจะเป็นสถานที่ที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน
“ข้าไม่รู้เรื่องดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์เท่าใดนัก สิ่งที่ข้ารู้ก็คือมรดกของสิบสองตำหนักระนาบสุริยุปราคามีต้นกำเนิดมาจากดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ทั้งนั้น ดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์และสวรรค์วิถีไม่มีความคาบเกี่ยวกันและกันในยุคก่อนสมัยดึกดำบรรพ์ สิบสามเซียนย่างเท้าเข้าประตูดวงดาวและพลัดเข้ามาในสวรรค์วิถีโดยบังเอิญ ในเวลานั้น ยังไม่มีกลุ่มดาวแห่งใดที่เกิดขึ้นสิบสองเซียนมีความกระตือรือร้นพวกเขาเลือกสถานที่ซึ่งมีพลังดวงดาวเข้มข้นมากที่สุดจัดเรียงตำแหน่งและถ่ายเทพลังดวงดาวกระตุ้นพลังดวงดาวให้ก่อตั้งสิบสองตำหนักระนาบสุริยุปราคายุคโบราณนี่คือวิธีที่สิบสองตำหนักระนาบสุริยุปราคาถือกำเนิด” เชียนฮุ่ยอธิบาย
ถังเทียนปากอ้าค้าง เขาตะลึงกับข่าวนี้ อย่างนั้นสิบสองตำหนักระนาบสุริยุปราคาก็ถูกสร้างขึ้นมาเพราะเหตุนี้เอง
“เดี๋ยวก่อน และยังมีเหลืออีกคนหนึ่งเล่า?” เขารู้สึกตัวได้ในทันที
“เซียนผู้นั้นเห็นว่าสวรรค์วิถีกำลังเจริญรุ่งเรืองด้วยชีวิตซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ เขาสนใจและมุ่งมั่นกับการค้นคว้าพลังสายเลือด และนั่นเองจึงก่อตั้งเป็นองค์การวิญญาณมืด” เชียนฮุ่ยอธิบาย
แม้แต่วิญญาณมืดก็ด้วย....
ถังเทียนรู้สึกว่าทุกอย่างที่เขารู้กำลังถล่มทลายลงและแม้แต่ปิงที่กำลังยิ้มอยู่ด้านข้าง ก็มีสีหน้าตกใจ
“หลังจากผ่านไปหลายปี สวรรค์วิถีมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงและพัฒนามรดกเป็นของตนเอง ประมาณ 900 ปีต่อมา เซียนคนอื่นจากดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ก็พบประตูดวงดาวน้อยและเข้ามาในสวรรค์วิถี เขาแตกต่างจาก 13 เซียนก่อนหน้านั้นเซียนผู้นี้มาจากที่มีพื้นฐานลึกซึ้ง จิตวิญญาณนับแสนๆ ในสวรรค์วิถีทำให้เขาตกตะลึงหนัก เขาต้องการยึดสวรรค์วิถีไว้ในครอบครอง แต่ว่าประตูดวงดาวแคบเกินไป และจะเปิดแค่พันปีต่อครั้ง ดังนั้นเขาจึงสร้างวิหาร” น้ำเสียงของเชียนฮุ่ยหม่นหมองเล็กน้อย
“วิหาร....เซียน!” ถังเทียนตะลึงไปหมด วิหารเซียนนั่นเป็นของสมาพันธ์ชาวยุทธไม่ใช่หรือ?
“ยังไม่ชัดเจนเมื่อตอนก่อสร้างวิหาร แม้ว่าวิหารจะไม่สามารถเปิดประตูดวงดาวได้ แต่พวกเขาติดต่อกับดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ได้ พวกเขาสร้างสมาพันธ์ชาวยุทธด้วยชื่อเสียงจอมปลอมว่าเอาชนะองค์การวิญญาณมืดและแทรกแซงไปทั่วทุกซอกมุมของกลุ่มดาว สิบสองตำหนักระนาบสุริยุปราคาเป็นลูกหลานทายาทของกลุ่มเซียนที่มาก่อนหลังจากพวกเขาสืบเสาะและพบเรื่องประวัติของสมาพันธ์ชาวยุทธ พวกเขารู้สึกถึงอันตรายใหญ่หลวง เพราะเวลาที่ประตูดวงดาวจะเปิดออกอีกครั้งใกล้เข้ามาแล้ว”
คำอธิบายของเชียนฮุ่ยลึกซึ้งมากราวกับจะยกม่านของประวัติศาสตร์ขึ้น
“ดังนั้นตำหนักระนาบสุริยุปราคาจึงร่วมกันระดมกำลังค้นหาประตูดวงดาวที่บรรพบุรุษของพวกเขาใช้ผ่านเข้ามา จากบันทึกของบรรพบุรุษของพวกเขา ดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์กว้างขวางและมีมหาอำนาจใหญ่อยู่ที่นั่น ดังนั้นพวกเขาต้องการเข้าไปดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์เพื่อค้นหาศัตรูของวิหารเซียนเพื่อขอรับการสนับสนุน”
“ทำไมไม่กำจัดวิหารเซียนก่อนเล่า?” ถังเทียนถาม
เชียนฮุ่ยกล่าว “มีเหตุผลอยู่สองข้อ หนึ่งเป็นเพราะประตูดวงดาวมีการทำสัญลักษณ์ไว้แล้วเมื่อเวลามาถึงกองทัพเซียนฝ่ายตรงข้ามจะทะลักเข้าสวรรค์วิถีราวกับสายน้ำ อีกเหตุผลหนึ่งก็คือหลังจากพัฒนามา 900 ปี วิหารเซียนมีพลังอำนาจสนับสนุนเต็มที่ พวกเขาพัฒนามาจนแข็งแกร่งแล้ว ดังนั้นพลังของพันธมิตรตำหนักระนาบสุริยุปราคาไม่มีทางได้เปรียบ
ถังเทียนตกใจกับคำว่า กองทัพเซียน เขากล่าว“ทำไมดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ถึงมีเซียนมากมายนัก?”
เชียนฮุ่ยส่ายศีรษะ “ข้ายังไม่ชัดเจนในเรื่องรายละเอียด ข้ารู้แต่เพียงว่าโลกของดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์แตกต่างจากพวกเราอย่างสิ้นเชิง พวกเซียนเกิดขึ้นที่นั่นจนเป็นเรื่องธรรมดา”
“แล้วไง?” ถังเทียนจดจ่อกับเรื่องนี้อย่างแน่วแน่
“ท่านพ่อของพี่เทียนพบประตูดวงดาว แต่พันธมิตรตำหนักระนาบสุริยุปราคามีคนทรยศบางส่วน เขาถูกพวกวิหารเซียนโจมตีทำร้ายและได้รับบาดเจ็บสาหัสขณะที่ถูกล้อม เขาไม่ได้กลับไปที่พันธมิตรตำหนักระนาบสุริยุปราคา และทำการปิดกลุ่มดาวคนคู่ เขาซ่อนตัวอยู่ในที่ซึ่งไม่มีใครรู้จักเพื่อรักษาบาดเจ็บหลังจากอาการบาดเจ็บของเขาได้รับการรักษา เขาพาขุนพลวิญญาณของเขาไปที่ดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์”
“เจ้าพวกบัดซบ!” ถังเทียนต่อยพื้น เขากัดฟันรู้สึกว่าความโกรธระอุอยู่ในอกของเขา
วิหารเซียน!
ข้าต้องกวาดล้างวิหารเซียนให้ได้!
อกของถังเทียนกระเพื่อม เขามีแต่ความคิดเดียวอยู่ในใจของเขา เขาต้องการไปดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์!
“เชียนฮุ่ย,เราจะพบกันได้ยังไง? ไปลุยวิหารเซียนด้วยกันเถอะ!” ถังเทียนพูดเบาๆ
“พี่เทียน,เราจะพบกันในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ ข้าพบว่ามีประตูดวงดาวเข้าดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่นี่!” เชียนฮุ่ยเปิดเผยข่าวที่น่าตื่นตระหนก
“หา” ถังเทียนชะงักค้าง
“เพราะผู้บัญชาการกองทัพกลุ่มดาวกางเขนใต้ก็มาจากดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์เช่นกันและเป็นขุนพลวิญญาณของท่านลุง (พ่อถังเทียน) ด้วย ภารกิจที่สำคัญที่สุดของกองทัพกลุ่มดาวกางเขนใต้ในตอนนั้นก็คือปกป้องประตูดวงดาวนั้น ท่านลุงพบเขาเมื่อตอนที่เขากำลังมองหาเบาะแสของประตูดวงดาวป้ายบรอนซ์ดาวกางเขนใต้ของพี่เทียนก็ได้มาจากเขานั่นเอง”
คำพูดของเชียนฮุ่ย ทำให้ปิงซึ่งอยู่ข้างๆ ทะลึ่งพรวดทันทีหน้าของเขาตื่นตะลึง
ผู้บัญชาการ....
ขณะเดียวกันอาซิ่นที่อยู่ด้านหลังเชียนฮุ่ยก็ลุกขึ้นยืนเช่นกันสีหน้าของเขาตกใจเหมือนกัน
“อ้อ..เป็นอย่างนี้นี่เอง!” ถังเทียนเกาศีรษะ ในที่สุดเขาก็เข้าใจ เขามักรู้สึกว่าเป็นเรื่องแปลก ทำไมป้ายความเพียรกลุ่มดาวกางเขนใต้ถึงตกมาอยู่ในมือของเขา
“นั่นก็เยี่ยมเลย! อย่างนั้นเราจะไปพบกันที่ดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์” ถังเทียนกล่าว “เชียนฮุ่ย ถ้าเจ้าพบกับอันตราย อย่าพยายามเสี่ยง”
“พี่เทียน,ไม่ต้องห่วง!” ซ่างกวนเชียนฮุ่ยพูดอย่างอ่อนหวาน “เราอยู่ในหุบเขาแดง และพบกับประตูดวงดาวบรอนซ์ ครั้งต่อไป ไม่ว่าที่ไหนเราก็ติดต่อกันได้”
เสี่ยวหลานที่อยู่ด้านหลังของนางเลิกคิ้วทันที การสู้รบในหุบเขาแดงรุนแรงขนาดที่กองทัพของพวกเขาได้รับความพ่ายแพ้ไปสามครั้ง นี่คือเรื่องสนามรบที่อำหิตและรุนแรงที่สุดเท่าที่นางเคยเจอมา
ตาของเสี่ยวหลานยังคงมองดูไหล่ขวาของเชียนฮุ่ยเต็มไปด้วยเลือด
นายท่านได้รับบาดเจ็บ....
ยอมเพื่อไปให้ถึงประตูดวงดาวบรอนซ์
นางได้แต่ส่ายศีรษะสตรีที่อยู่ในห้วงของความรักช่างไร้เหตุผลแท้ๆ
“เสี่ยวหลาน เจ้ากำลังคิดถึงคนรักของเจ้าหรือ?” ใบหน้าที่โผล่มาข้างหน้านาง คือใบหน้าของอาซิ่น
ปัง!
หน้าของอาซิ่นทิ่มอยู่กับพื้นเต็มเปา เขาถูกเสี่ยวหลานจับกระแทกโคลนเต็มที่
เจ็บปวดมาก...
“เชียนฮุ่ย, เจ้ามีขุนพลวิญญาณชื่ออาซิ่นใช่ไหม? ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นสหายของลุงปิง!”
เสียงของถังเทียนดังขึ้นด้านหลัง อาซิ่นยังอยู่กับพื้นตะลึง ..... สหาย..
“อาซิ่น, ข้าเองนะ...ปิงไงเล่า!” เสียงสั่นดังออกมาจากประตูดวงดาวบรอนซ์
เสียงสั่นๆ ที่ผ่านกาลเวลายังไงก็ยังเป็นเสียงที่คุ้นเคยมาก มิได้เปลี่ยนไปอย่างแน่นอน ความทรงจำสีเทาเหล่านั้นย้อนกลับไปถึงช่วงเวลาเหล่านั้นเวลาที่เขาไม่มีทางลืมเลือน
อาซิ่นยังคุกเข่าอยู่บนพื้นก้มหน้ามองดิน จิตใจว่างเปล่า
เจ้าหนู....
เสียงที่คุ้นเคยดังออกมาจากประตูดวงดาวบรอนซ์อีกฟากหนึ่งนึกไปถึงใบหน้าที่ไร้เดียงสาและอ่อนโยนของเจ้าเด็กผู้นั้น
“ข้ายังไม่ตาย, อาซิ่น ท่านโกหกข้า,ข้าค้นดูจนทั่วทะเลเนรเทศแล้ว แต่ก็ไม่พบอะไรเลย!”
“ทำไมท่านถึงต้องยอมตายตามลำพัง ทุกคนยินดีร่วมสู้ร่วมรบและตายในสมรภูมิร่วมกันอยู่แล้ว พวกท่านสัญญาไว้แล้วว่าจะไม่ทิ้งข้าไว้เบื้องหลัง...”
“ข้าไม่ได้ต้องการหนี!”
เบื้องหลังประตูดวงดาวบรอนซ์ ปิงเริ่มสะอื้นหนักขึ้น
อาซิ่นยังคงคุกเข่ากับพื้น ร่างของเขาสั่นมากขึ้นทุกที มือทั้งสองยังจิกอยู่ที่ดิน ตาของเขามัวเลือนรางน้ำตาไหลเป็นสายหยดลงบนพื้น ทำให้พื้นแฉะ เขาลูบหน้าจนหน้าเปรอะเปื้อนน่าเกลียด แต่เขาไม่รู้สึกอะไร
“ข้าพบลั่วซือแล้ว ข้าบอกว่าข้าต้องพาเขาไปพบท่านให้ได้ ไม่ ฟังเสียงท่านสิ”
“ลั่วซือ, ลั่วซือ, อาซิ่นอยู่ที่นี่ เขาอยู่นั่น เราจะฟังเสียงของเขาด้วยกัน”
ลั่วซือ....
อาซิ่นที่น้ำตานองหน้ารู้สึกสะท้านเหมือนถูกฟ้าฟาด เขาคลานมาที่ประตูดวงดาวบรอนซ์สุดแรง ตัวของเขาเปรอะไปด้วยโคลนน้ำตาของเขายังไหลนองหน้าอย่างมิอาจกลั้นได้ทำให้เขาเปื้อนทั้งฝุ่นโคลนไปทั้งตัว
เขาลืมไปว่าเขายืนได้ เขาลืมไปว่าเขาบินได้ เขาลืมทุกอย่างในโลกนี้ เขารู้สึกเหมือนกับว่าย้อนกลับไปที่บังเกอร์ที่เต็มไปด้วยไฟสงคราม ในหูมีแต่เสียงระเบิดอื้ออึงท้องฟ้าเต็มไปด้วยแสงสี
ปิง..... ลั่วซือ....
เขามองผ่านม่านน้ำตาที่เลือนรางไปมองเห็นร่างที่คุ้นเคยมากสองร่าง
เขาคลานไปหาร่างทั้งสอง
เสี่ยวหลานตาแดง นางต้องการช่วยเขา แต่เชียนฮุ่ยที่น้ำตาซึมห้ามเอาไว้ หัวใจของเสี่ยวหลานเต็มไปด้วยความเสียใจทำไมนางถึงได้ทำร้ายเขาก็ไม่รู้?
ประตูดวงดาวมีเสียงพึมพำ เสียงดังไม่สม่ำเสมอ ทว่าคุ้นหู, ลั่วซือ!
“ประแจ, ประแจ, ส่งประแจมาให้ข้าเร็วๆ โว้ยโธ่เว้ย..เร็วๆ เข้า...”
“ข้อต่อเสียหายหนัก, เอาอะไหล่เบอร์สามสำหรับข้อต่อมาให้ข้าเร็วๆ สิพวกเจ้าทุกคน ทนหน่อยอย่าเพิ่งล้ม...”
“ข้าจะไม่ไป! ข้าจะไม่ไป! ถ้าข้าไป ใครจะช่วยพวกเจ้าซ่อม...”
“เครื่องหมายเลข261 เสียหายค่อนข้างมาก ท่านแม่ทัพอย่าตายเสียล่ะ, อาซิ่น เจ้าอย่าตายดีกว่า เฮ้ เจ้าหนู เจ้าก็อย่าตายซะล่ะ...”
อาซิ่นมีความรู้สึกเหมือนกับว่าทุกคำพูดเต็มไปด้วยพลังไฟฟ้า เขาหยุดแล้วเงยหน้าน้ำตาของเขาทำให้ภาพทุกอย่างเลือนราง แต่เขาเห็นได้ชัด ชัดมาก ไม่ไกลจากสนามเพลาะ ลั่วซืออยู่ในท่ามกลางกองอาวุธจักรกลที่เสียหาย หน้าของเขาเต็มไปด้วยความกังวลเขากำลังซ่อมอาวุธจักรกลมือเป็นระวิง ขณะที่บ่นไปด้วย
เสียงพึมพำของลั่วซือหยุดกะทันหัน เขาเงียบอยู่สองสามวินาที จากนั้นตะโกนร้องลั่นมาจากประตูดวงดาวบรอนซ์
“กองทัพดาวกางเขนใต้จงเจริญ!”
อาซิ่นตัวงอเหมือนกุ้ง เต็มไปด้วยดินโคลนเขางอตัวสั่นสะท้าน
เขาเอามือตีพื้นสุดกำลัง และร้องไห้อย่างเจ็บปวด