ตอนที่ 549 - อาวุธเทพร่างมนุษย์
เย่ว์หยางจดจ่ออยู่กับสมรภูมิต่อสู้ แม้ว่าเขาจะลอบกังวลใจ แต่เขาก็ยังเชื่อมั่นจื้อจุน
และก็เป็นเช่นเดียวกับจักรพรรดินีราตรี
เหยียนจุนมีพลังร่างเพลิงน้ำเงินบริสุทธิ์ระดมต่อยหมัดอย่างบ้าคลั่ง เขาไม่ตั้งรับป้องกันตัวแต่อย่างใด ความล้มเหลวในการโจมตีก่อนนั้นไม่ได้ทำให้ความมั่นใจของเขาลดลงแม้แต่น้อย อีกด้านหนึ่งยักษ์เพลิงเหยียนจงที่เตรียมตัวลอบทำร้ายก็รวบรวมพลังที่แกร่งกล้าที่สุดแล้วปล่อยหมัดเพลิงออกไปอย่างรุนแรง
“….” หัวใจของเย่ว์หยางแทบกระดอนถึงลำคอ
“ไม่เป็นไร, จื้อจุนยังสามารถรับมือได้” จักรพรรดินีราตรีปลอบเย่ว์หยางอย่างรอบคอบ
นางพยายามรั้งเขาให้อยู่ภายในสนามพลังดารานภากาศ ถ้าเย่ว์หยางวู่วามวิ่งออกไปอย่างนี้ อาจจะส่งผลเสียต่อจื้อจุนแทน
จื้อจุนโบกมือที่บอบบางของนางขณะที่นางชักนำหมัดเพลิงของเหยียนจงเข้าปะทะหมัดของเหยียนจุน มือของนางแสดงให้เห็นความเชี่ยวชาญในการต่อสู้ชักนำพลังของคู่ต่อสู้ให้โจมตีอีกคนหนึ่ง ซึ่งเย่ว์หยางไม่เคยเห็นจากที่ไหนมาก่อน นั่นคล้ายกับวิทยายุทธสี่ตำลึงปาดพันชั่งจากความทรงจำของเย่ว์หยาง นอกจากนี้ยังเป็นการใช้เจตจำนงชักนำพลัง การต่อสู้ทั้งหมดเหมือนกับว่าตกอยู่ใต้คำสั่งของจื้อจุน ขณะที่หมัดของเหยียนจุนและหมัดของเหยียนจงปะทะกันเอง
ทั้งสองปะทะกันส่งผลให้เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นพื้นดินสะท้านสะเทือน
เย่ว์หยางค่อยมีท่าทางสบายใจกับสิ่งที่เห็น
จื้อจุนแข็งแกร่งทรงพลังจริงๆ!
แม้ว่าระดับพลังของนางจะไม่แข็งแกร่งเทียบเท่ากับเหยียนจงและเหยียนจุน แต่ฝีมือกลยุทธต่อสู้ของนางมีมากพอจะชดเชยความห่างของระดับพลังได้
เมื่อพูดถึงเรื่องจุดอ่อนของนาง กลับกลายเป็นว่านางไม่ได้ใช้สมบัติเทพใดๆ ปกป้องนางเองเลย ดังนั้นจึงค่อนข้างไม่สมบูรณ์ ถ้านางเป็นเจ้าของอาวุธเทพไร้เทียมทาน อย่างนั้นนั่นจะสมบูรณ์แบบมากเพียงไหน ถ้าจื้อจุนมีสมบัติระดับเทพ นักสู้ปราณฟ้าระดับหกอย่างเหยียนจงและเหยียนจุนคงถูกนางเล่นงานจนหมดสภาพแน่
สิ่งเดียวที่ทำให้เย่ว์หยางมึนงงก็คือนางฟ้าปีกโลหิตที่จื้อจุนใช้เลือดของนางเรียกออกมา ยังไม่ถูกนำมาใช้
มันจะใช้ทำอะไรได้?
“ไม่นะ, อันตราย” จักรพรรดินีราตรีกรีดร้องทันที
เย่ว์หยางที่ก่อนนั้นคิดอะไรเพลินๆ รู้สึกตกใจเมื่อเขาได้ยินจักรพรรดินีราตรีและเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น
ระเบิดระหว่างเหยียนจงและเหยียนจุนหยุดกึก เหมือนภาพวีดิโอที่หยุดชะงัก ทั่วทั้งพื้นที่ไม่เคลื่อนไหว อาจกล่าวได้ว่าแรงระเบิดยังคงดำเนินต่อไป แต่เกิดขึ้นในย่างก้าวที่ช้ากว่ามดถึงร้อยเท่า ความเร็วที่เกิดขึ้นนั้นไม่สามารถสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่า จื้อจุนดูเหมือนจะเคลื่อนไหวช้าๆเหมือนกับว่านางต้องการป้องกันคู่ต่อสู้ แต่ปฏิกิริยาความเร็วของนางลดลงมากมายด้วยพลังที่แปลกประหลาด
คู่ต่อสู้ของพวกเขาต้องใช้พลังสมบัติที่แปลกประหลาด น่าจะเป็นสมบัติระดับศักดิ์สิทธิ์หรือระดับเทพเพื่อควบคุมสนามรบทั้งหมด
เงาร่างหนึ่งพุ่งออกมาจากร่างมหึมาของเหยียนจง มันเคลื่อนไหวด้วยความเร็วที่ผิดปกติขณะที่ควงหมัดเตรียมต่อย
แม้ว่าจื้อจุนจะมีปฏิกิริยาต่อมัน แต่นางก็ช้าเกินไป
แม้ว่านางจะทำท่าหลบ แต่หมัดของอีกฝ่ายรวดเร็วเกินไป หมัดต่อยลงที่หลังของนางซึ่งไม่มีเกราะปกป้องอย่างหนักหน่วง
นางกระอักโลหิตลงพื้นกองหนึ่งดูน่าสยดสยอง
เย่ว์หยางรู้สึกว่าศีรษะเขากำลังจะระเบิดเหมือนกับว่าศีรษะของเขาถูกทำร้าย ราวกับว่าดวงวิญญาณจะแหลกสลาย พลังงานรุนแรงที่ควบคุมไม่ได้ถูกปลดปล่อยออกมาทันที
เขาพุ่งออกไปจากสนามพลังดารานภากาศและวิ่งเข้าไปช่วยนางโดยไม่ยั้งคิดอะไร
เขาเคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับดาวตกในตอนแรก แต่ขณะที่เขาเข้าภายในระยะร้อยเมตรห่างจากจุดต่อสู้ เขาตระหนักได้ว่ามีพลังงานที่น่าหวาดหวั่นควบคุมสมรภูมิทั้งหมดไว้ ร่างของเย่ว์หยางเชื่องช้าลง ไม่ว่าเขาจะพยายามบินให้เร็วขึ้นเพียงไร ใช้พลังขับเคลื่อนที่รุนแรงเพียงไหน เขาก็ทำได้เพียงเร็วกว่าทากคลานเล็กน้อย ขณะพริบตาที่เย่ว์หยางคลั่ง จักรพรรดินีราตรีก็ตามมาทันเขา นางกดฝ่ามือขาวผ่องที่หลังของเขา “ไปเลย”
ดวงดาวขนาดมหึมาระเบิดใส่เบื้องหลังของเขา พลังระเบิดครั้งนี้ส่งผลให้ต่อต้านพลังหยุดนิ่งที่น่ากลัวนั้นได้
ละอองดวงดาวมากมายเปิดเส้นทางข้างหน้าให้เย่ว์หยาง
ยิ่งกว่านั้น พลังดวงดาวทั้งหมดห่อหุ้มตัวเย่ว์หยางขณะที่เขาพุ่งเขาหาจื้อจุนอย่างรวดเร็วราวกับดาวตก
เงายักษ์ควงหมัดอีกครั้ง ขณะที่จื้อจุนไม่สามารถป้องกันตัวนางได้เนื่องจากความเคลื่อนไหวที่เชื่องช้าของนาง นางทำได้แต่เพียงเบี่ยงร่างหลบ ทำให้รอดพ้นหมัดสังหารได้อย่างหวุดหวิด เงายักษ์ไม่มีการผ่อนรั้ง ไม่เพียงแต่ระดมหมัดต่อยเท่านั้น มันยังเตะเข้าที่ท้องจื้อจุน พยายามที่จะบดขยี้นางให้ตายก่อนที่เย่ว์หยางจะสามารถเข้ามาช่วยนาง
“พลังสั่นสะเทือน” จื้อจุนกางแขนขาและทำท่าจะยิงรังสีทำลายล้าง
แม้ว่าก่อนที่รังสีทำลายล้างจะถูกยิงออกไป เงาดำนั่นก็หนีออกไปไกลกว่าร้อยเมตรแล้ว
เย่ว์หยางเฉียดผ่านเงาที่ถูกขับไล่หนีออกมา
เมื่อเขาพุ่งไปถึงตัวจื้อจุนเพื่อช่วยเหลือ เขาเห็นว่าเหยียนจงและเหยียนจุนกำลังควงหมัดร่วมกันโจมตีใส่แขนของจื้อจุนเพื่อป้องกันตัวไว้ก่อน
ถ้าไม่ใช่เพราะพลังที่น่าขนลุกทำให้ความเคลื่อนไหวของจื้อจุนช้าลง หมัดทั้งสองคงไม่มีผลอะไรแม้แต่น้อย จื้อจุนผู้ถนัดในการตอบโต้กลับไม่ฝืนตัวเองสู้กับพวกเขา ภายใต้พลังหน่วงหยุดยั้ง จื้อจุนไม่สามารถใช้ทักษะสู้ของนางได้ ดังนั้นนางทำได้แต่เพียงใช้มือของนางต้านรับหมัดโจมตี
การร่วมกันโจมตีของนักสู้ปราณฟ้าระดับหกจะมีพลังมากมายแค่ไหน?
เย่ว์หยางไม่อาจประเมินได้
หลังจากจื้อจุนถูกบังคับให้ต่อสู้ นางถูกทำร้ายบาดเจ็บอีกครั้ง นางกระอักโลหิตออกจากปากอีกครั้ง
ในที่สุดเย่ว์หยางก็มาถึงได้และปกป้องจื้อจุนด้วยร่างของเขา
“เจ้ากำลังหาที่ตาย!” เงาที่ลอบเข้ามาทำร้ายหัวเราะอย่างเย็นชา เหยียนจงและเหยียนจุนผนึกพลังกันปล่อยหมัดใส่อย่างหนักหน่วง ขณะที่พวกเขาพยายามโจมตีใส่เย่ว์หยางและจื้อจุนอย่างหนักและต้องการฆ่าพวกเขาให้ได้
“ไสหัวไป!” เย่ว์หยางสูญเสียการควบคุมตนเอง ขณะที่พลังล้างโลกของกฎรหัสโบราณระเบิดออกจากร่างของเขา พลังของไพ่ทำนายพุ่งพรวดจนถึงระดับสุดยอดอย่างกะทันหัน พลังกดดันทำให้ทั้งสามถูกกดลงกับพื้น ขณะที่พลังควบคุมสนามรบที่น่าสยดสยองแตกสลายออกไปเหมือนเปลือกไข่ด้วยพลังกฎรหัสโบราณที่ระเบิดออกมาจากตัวของเย่ว์หยาง
ยักษ์ทองที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับเย่ว์หยางขยายตัวจนสูงจากไม่กี่เมตรกระทั่งเกินร้อยเมตร
ศีรษะของยักษ์แทบจะแตะขอบฟ้า ขณะที่เท้าของมันยังคงยืนอยู่บนพื้น
มันยังเพิ่มขนาดสูงขึ้น
ไม่มีใครสามารถเงยหน้าขึ้นมองได้ ดังนั้นจึงไม่มีใครสามารถเห็นมันขยายร่าง แต่พวกเขารู้ว่า มันมีขนาดมากกว่าพันเมตรเป็นแน่
ขณะที่ยักษ์ทองกำลังขยายขนาดอย่างไม่หยุดยั้ง เสี่ยวเหวินหลีลอยตัวออกมาจากร่างของเย่ว์หยาง มีภาพสีทองที่คลับคล้ายปรากฏอยู่บนตัวเสี่ยวเหวินหลี มีขนาดที่สูงกว่าตัวฮุยไท่หลาง มันดูเหมือนกับเสี่ยวเหวินหลีที่อยู่ในสภาพโตเต็มวัย หรืออาจกล่าวได้ว่าคล้ายกับนางพญาเฟ่ยเหวินหลี และด้วยความต้องการของเสี่ยวเหวินหลี ภาพปีศาจอสรพิษทองตวัดแขนแทนอย่างดุร้าย และฟาดใส่เงาร่างนั้นจนกระเด็นออกไปอย่างง่ายดาย.. สิ่งที่ทำให้งงงวยยิ่งขึ้นก็คือมียักษ์ทองเกิดขึ้นบนร่างจื้อจุนที่บาดเจ็บซึ่งอยู่ใต้ตัวเย่ว์หยางเช่นกัน
ยักษ์สตรีนั้นงุนงงอยู่ในตอนแรก เหมือนกับว่านางไม่อยากเชื่อว่าเป็นความจริง
แต่นางกลับคืนสู่ความสงบอย่างรวดเร็ว ขณะที่นางจับเงายักษ์ทันทีในขณะที่ปีศาจอสรพิษทองตบใส่มัน จากนั้นนางบีบมันและฟาดลงกับพื้น
แค่นี้ยังไม่จบ ในทันทีเมื่อเงานั้นถูกฟาดลงกับพื้น ยักษ์ทองสตรีที่ดูคล้ายจื้อจุนก้มตัวและยื่นมือขุดตัวเงานั้นออกมาจากพื้น ทั้งที่ยังมีฝุ่นดินติดออกมาด้วย นางเหวี่ยงมันกระเด็นออกไปพันเมตร เงานั้นจมลงไปในพื้นลึกเกือบร้อยเมตร เกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่ที่น่ากลัวยิ่งกว่าหลุมที่เกิดจากอุกกาบาตพุ่งชนโลก
แม้แต่ฮุยไท่หลางก็ตอบสนองได้เร็ว ความเร็วของมันที่จะเข้าไปช่วยยังเร็วไม่พอที่จะปรับเปลี่ยนให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงในสมรภูมิ
เมื่อมันมาถึงและเปลี่ยนร่างเป็นหมาป่าปีศาจทำลายโลก พลังกฎรหัสโบราณในร่างเย่ว์หยางก็เริ่มหายไปแล้ว
ยักษ์ทองที่สูงมากกว่าพันเมตรก็จางลงอย่างรวดเร็ว และหายไปในอากาศ
ก่อนที่เย่ว์หยางจะหมดพลังของเขาและตกอยู่ในสภาพวิกฤติ เขาล้วงเอาเข็มทิศสามดินแดนออกมา แต่ก่อนที่เขาจะทันได้สั่งให้มันพาทุกคนกลับไปหอทงเทียน เขากลับหมดสติลงในอ้อมอกของจื้อจุน
“บึ้ม บึ้ม!” เมื่อพลังหยุดชะงักที่น่ากลัวหายไป จื้อจุนก็เป็นอิสระ จื้อจุนโกรธไม่ยอมให้เหยียนจงและเหยียนจุนได้หลบหนี ขณะที่นางควบคุมยักษ์สตรีด้วยความปรารถนาของนางและตบใส่เหยียนจงและเหยียนจุนกับพื้นราวกับว่าตบใส่แมลงวัน ขณะที่เย่ว์หยางล้มหมดสติและพลังของกฎรหัสโบราณหายไป นางปีศาจอสรพิษทองบนร่างของเสี่ยวเหวินหลีและยักษ์ทองสตรีบนร่างของจื้อจุนก็หายไป
มีแต่ฮุยไท่หลางที่ร่างใหญ่ขึ้นและยังสามารถคงสภาพร่างของมันได้นานขึ้นอีกเล็กน้อย
มันไม่อาจรอให้ร่างมันลงถึงพื้น ขณะที่มันเรียกบอลพลังงานสีดำมหึมาออกมากลางอากาศและเหวี่ยงใส่เหยียนจงและเหยียนจุน
แน่นอนว่าเหยียนจงและเหยียนจุนที่อยู่ในสภาพน่าอับอายไม่กล้ารับพลังโจมตีที่เกรี้ยวกราดจากฮุยไท่หลาง พวกเขาแยกย้ายหนีไปคนละทาง ขณะที่ชางเหยียนที่คอยสังเกตดูอยู่แต่ไกล ได้แต่ขาสั่นปากคอสั่นฟันกระทบกัน เขาแทบจะปัสสาวะราดกางเกง นี่ช่างน่ากลัวเกินไปแล้ว โชคดีที่เขาไม่ได้ร่วมลอบทำร้าย ถ้าไม่อย่างนั้นเขาคงต้องตายแน่อน
เย่ว์หยางสามารถระเบิดพลังกฎรหัสโบราณออกมาได้ ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าเขายังไม่สามารถควบคุมได้ จึงทำให้เขามีโอกาสอยู่รอดได้
เทียบกับพลังกฎรหัสโบราณแล้ว เขาที่เป็นเพียงนักสู้ปราณฟ้าระดับห้า ก็เป็นเหมือนเพียงเม็ดทรายในมหาสมุทรกว้างขวาง
เขาอาจจะไม่มีความสำคัญมากนัก
แต่เหยียนจงกับเหยียนจุนทั้งคู่เป็นผู้อาวุโสนักสู้ปราณฟ้าระดับหก
พวกเขาเป็นแค่เพียงตัวตลกเมื่ออยู่ต่อหน้าพลังกฎรหัสโบราณ ถ้าไม่ใช่เพราะเย่ว์หยางหมดสติเสียก่อน พวกเขาอาจอยู่ในสภาพอนาถยิ่งกว่านี้! สำหรับร่างเงานั้น ชางเหยียนไม่รู้ว่ามันเป็นใคร และเขาไม่รู้ เมื่อมันซ่อนตัวอยู่ในร่างเพลิงของเหยียนจงและเริ่มการลอบทำร้าย แต่เขารู้ว่าร่างเงานั้นใช้กลยุทธที่ชั่วร้าย นั่นก็คือใช้ ‘มุกหยุดร่าง’ มันต้องการใช้มุกหยุดร่างเพื่อทำให้จื้อจุนหยุดนิ่งก่อนจะสังหารนาง
ใครจะคิดกันว่าจื้อจุนยังสามารถเคลื่อนไหวได้ภายผลกระทบของมุกหยุดร่าง ดังนั้นมันจึงไม่สามารถฆ่านางได้ และมุกหยุดร่างก็ถูกทำลายลงโดยพลังของกฎรหัสโบราณได้ในที่สุด
สมบัติศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงในตำนานที่แทบจะอยู่ในระดับสมบัติชั้นเทพ มุกหยุดร่างแตกทำลายไปในลักษณะนี้….
นี่คือพลังของกฎรหัสโบราณ
ชางเหยียนรู้ตัวว่าเมื่อยักษ์ทองปรากฏออกมาจากร่างของเย่ว์หยาง เขาไม่สามารถแม้แต่จะโงหัวขึ้นได้ ภายใต้พลังกดดัน เขาเห็นได้แต่เพียงเท้าของยักษ์ทอง แต่ไม่มีทางเงยหน้าขึ้นได้
โชคดีที่เย่ว์หยางไม่รู้วิธีใช้พลังเฉพาะที่ไม่เหมือนใครของกฎรหัสโบราณ ถ้าไม่อย่างนั้น เขาคงฆ่าเหยียนจงและเหยียนจุนได้อย่างง่ายดาย
“ข้าจะใช้ดาบคืนสนองตอบแทนในสิ่งที่ข้าได้รับจากพวกเจ้า” จื้อจุนโอบเย่ว์หยางที่หมดสติไว้ นางยื่นมือขวาออก ประกายแสงสีรุ้งยิงออกมา นางฟ้าปีกโลหิตเปลี่ยนสภาพไปเป็นกระบี่นางฟ้าโลหิตอย่างน่าอัศจรรย์
พร้อมกับกระบี่เล่มหนึ่งในมือของนาง จื้อจุนปลดปล่อยพลังที่ไม่มีใครเทียบได้ของนาง
ปราณกระบี่ของนางยิงขึ้นไปในท้องฟ้า
ชางเหยียนไร้คำพูดโดยปริยาย ความสามารถพิเศษของทวีปมังกรทะยานก็คือสร้างนักสู้ที่ทรงพลังผิดธรรมดาออกมาอย่างนั้นหรือ? ทำไมเขาถึงต้องแส่ไปหาเรื่องยุ่งยากกับคนจากทวีปมังกรทะยานพวกนี้จนถึงสังเวียนมรณะด้วย? อย่าว่าแต่เย่ว์หยางที่ครอบครองพลังกฎรหัสโบราณผู้จะกลายเป็นจักรพรรดิอวี้คนต่อไป เขายังไปยั่วโทสะจื้อจุนผู้มีอาวุธเทพร่างมนุษย์อีกด้วย.. อาวุธเทพร่างมนุษย์นี้เป็นความฝันของนักสู้ปราณฟ้าหลายๆคน! ไม่แต่เพียงเท่านี้ ลำพังแค่กระสุนดำและรังสีทำลายล้างที่น่าสยดสยองก็น่ากลัวพอแล้ว
เขาควรจะทำยังไงต่อไป?
เมื่อคิดดูแล้ว ชางเหยียนอารมณ์เสียทันที ชีวิตที่เหลือของเขาคงตกอยู่ในโศกนาฏกรรมเป็นแน่
***************