ตอนที่แล้วตอนที่ 17-1 ความเร็วในการฝึก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 17-3 เผ่ามังกรฟ้า

ตอนที่ 17-2 มุ่งสู่แคว้นอินดิโก


จากการเดินทางตั้งแต่ทวีปยูลานไปแดนนรกบีบีมักจะอยู่กับลินลี่ย์เสมอ ลินลี่ย์รู้ดีว่าเป็นการยากเพียงไหนกว่าบีบีจะฝึกได้ พูดตามเหตุผลคงเป็นไปไม่ได้ที่บีบีจะเชี่ยวชาญเคล็ดทั้งสี่เคล็ด

อย่างไรก็ตามบีบีทำได้สำเร็จ

นี่เป็นความจริง!  ทุกคนเห็นเรื่องนี้กับตาตนเอง

“บีบี!เจ้าฝึกได้อย่างไร?” ไดลินรู้สึกเหลือเชื่อเช่นกัน

“เจ้าฝึกได้รวดเร็วได้ยังไง?”  โอลิเวอร์ไม่ว่าโดยปกติจะสงบเยือกเย็นเพียงไหนก็ยังอดตะลึงไม่ได้  พวกเขาทุกคนจ้องมองบีบี เห็นได้ชัดว่าทุกคนต้องการรู้เหตุผลที่บีบีสามารถฝึกได้อย่างรวดเร็ว  เพื่อที่ว่าพวกเขาจะได้เรียนรู้จากวิธีนี้

บีบีเพียงแต่หัวเราะอย่างพอใจ

“ข้าบอกพวกเจ้าแล้ว แต่พวกเจ้าไม่ยอมเชื่อ”  บีบีพูดเสียงหนักแน่น

“ตอนนี้เราเชื่อเจ้าแล้ว  แต่เจ้าทำแบบนี้ได้ยังไง?”  ทารอสถามขึ้นเช่นกัน แม้แต่อัจฉริยะผู้มีพรสวรรค์ที่สุดก็ยังต้องผ่านกระบวนการฝึกฝน  ลินลี่ย์ใช้โอกาสฝึกฝนทุกขณะและพรสวรรค์ของเขาแสดงออกมาอย่างเต็มที่ในทวีปยูลาน  ทุกคนมองเห็นเขาก้าวหน้าไปทีละขั้นทีละขั้น

แต่บีบีเล่า?ไม่มีใครกล้าเชื่อว่าความเร็วในการฝึกของเขาจะไล่ทันลินลี่ย์ได้

“ข้าคือบีบี!”  บีบีจ้องมองดูคนรอบด้าน เขาพูดหนักแน่น  “พวกเจ้าไม่ยอมเชื่อข้า  ทั้งหมดที่ข้าบอกได้ก็คือ... ต้องเป็นปู่เบรุตจัดการให้ข้า  ข้าจะไม่พูดอะไรอื่น”

“ลอร์ดเบรุต?” ทารอสและไดลินมึนงง

การฝึกฝนเป็นเรื่องส่วนตัว  ไม่ว่าเบรุตจะทรงพลังขนาดไหนก็ตามแต่เขาไม่ได้อยู่ข้างๆ บีบี แล้วเขาจะช่วยบีบีได้อย่างไร?

“ดูสีหน้าท่าทางแบบนั้นของพวกท่านสิ ... ฮึ่ม..ข้าจะไม่บอกพวกท่าน  พวกท่านลองคิดเองช้าๆข้าจะบอกแต่พี่ใหญ่เท่านั้น” บีบีหันไปมองลินลี่ย์ จากนั้นหัวเราะและพูดผ่านพลังวิญญาณ “พี่ใหญ่,ท่านก็ประหลาดใจด้วยหรือ?”

“ข้าประหลาดใจจริงๆ”  ลินลี่ย์ไม่สามารถเข้าใจได้เช่นกันว่าบีบีฝึกได้อย่างรวดเร็วได้ยังไงกัน

บีบียิ้มลี้ลับจากนั้นพูดผ่านสำนึกเทพ “พี่ใหญ่,ท่านยังคงจำวิธีที่ปู่เบรุตบอกว่าจะช่วยให้ข้าฝึกฝนได้เร็วขึ้นไหม? เขาบอกว่าข้าใช้เวลาอย่างช้ายี่สิบปีจึงจะเชี่ยวชาญแก่นธาตุมืดและบรรลุระดับเทพแท้และจากนั้นถ้าเป็นท่าน เป็นไปได้ว่าแค่ปีเดียวก็คงเพียงพอ”

ลินลี่ย์จำคำพูดนี้ได้ทันที

เบรุตได้พูดอย่างนั้นจริงๆ

ตอนนั้นลินลี่ย์ยังไม่มาแดนนรกและเขาไม่เข้าใจชัดเจนว่าเบรุตทรงพลังขนาดไหน อย่างไรก็ตามหลังจากมาถึงแดนนรก ในที่สุดลินลี่ย์ก็ตระหนักได้ว่าเบรุตทรงพลังเพียงไหน  เบรุตสร้างอาวุธประกายเทพให้บีบี จากนั้นบรรจุพลังไว้ในมุก

พลังของการโจมตีนั้นสามารถทำลายอาวุธเทพของเอลควินอสูรเจ็ดดาวได้!

“ถ้าเป็นลอร์ดเบรุตเองมีแนวโน้มว่าเขาคงจะฆ่าอสูรเจ็ดดาวได้อย่างง่ายดาย” ลินลี่ย์ยังจำที่โมซี่เจ้าปราสาทเฮนด์ซีย์ได้พูดไว้ว่ามีคนน้อยคนนักในแดนนรกที่สร้างสมบัติเทพประเภทปกป้องวิญญาณ

“แต่ลอร์ดเบรุตทำสมบัติเทพประเภทปกป้องวิญญาณให้บีบีชิ้นหนึ่ง”

ลินลี่ย์ไตร่ตรองด้วยตนเอง “อาวุธประกายเทพเป็นของล้ำค่าในแดนนรกเช่นกัน  ของเหล่านั้นมีราคามาก  แม้ว่าเขาขายอาวุธประกายเทพออกไปลอร์ดเบรุตคงนับได้ว่าเป็นคนมั่งคั่งที่น่าอัศจรรย์ นอกจากนี้เขายังเป็นทูตของมหาเทพ!”

แม้ว่าจะอยู่ในแดนนรกมานานแล้วก็ตามแต่ลินลี่ย์ยังไม่เคยได้ยินว่าใครอื่นเป็นทูตของมหาเทพ!

ได้รับเลือกจากมหาเทพ..โดยปกติจะเลือกมาจากเทพชั้นสูงที่สุด

“ลอร์ดเบรุตดล่าวว่าใช้เงินไปมากเพื่อให้ได้รับของมีค่าอย่างอื่น...นั่นเป็นสมบัติอะไร?” ลินลี่ย์เข้าใจว่าแม้ว่ามีศิลาดำเป็นล้านๆ  สำหรับเบรุตแล้วเท่ากับไม่มีอะไรเลย

อาวุธประกายเทพชิ้นหนึ่งโดยตัวมันเองก็มีคุณค่ามากมายนัก!

สมบัติแบบไหนกันที่สามารถพูดได้ว่าทำให้เบรุตต้องทุ่มเทราคามหาศาล

เขาไม่รู้เรื่องนี้เหมือนกัน  แต่ตอนนี้ลินลี่ย์เมื่อคิดดูก็ยิ่งสงสัย

“บีบี, มันเป็นสมบัติแบบไหนกัน?  ที่ทำให้แม้แต่ปู่เบรุตของเจ้าถึงกับพูดว่าต้องใช้ราคามหาศาลจึงจะช่วยให้เจ้าฝึกฝนได้อย่างรวดเร็ว...”  ลินลี่ย์รีบถามผ่านการเชื่อมวิญญาณ

บีบีหัวเราะ  “พี่ใหญ่ สมบัตินั่นก็คือ....แถบชิ้นวิญญาณ!”

“แถบชิ้นวิญญาณ?”  ลินลี่ย์ไม่เข้าใจ

“ใช่แล้ว ปู่เบรุตรู้ว่าข้าไม่ค่อยชอบการฝึกฝนช้าๆดังนั้นเขาเลยเกิดความคิดเช่นนี้ ปู่เบรุตไปแดนนรกและใช้ทรัพย์สินมากมายเพื่อเชิญคนสำคัญให้ช่วยรวบรวมวิญญาณของเซียนชั้นสูงนับไม่ถ้วนและลอกออกมาเป็นแถบๆเขาลอกเศษวิญญาณที่บรรจุกฎเคล็ดความรู้ลึกลับในวิญญาณของพวกเซียนเหล่านั้น”

ลินลี่ย์ตะลึง

ลอกแถบออกมาจากวิญญาณ?

เมื่อลินลี่ย์อยู่ในทวีปยูลาน  เขาเคยเห็นพ่อมดผู้วิเศษซาสเลอร์ ขัดเกลาวิญญาณเพียงแต่แค่ลบตำแหน่งของความทรงจำของวิญญาณออกไป ไม่มีใครรู้สึกได้ถึงการรู้แจ้งภายในวิญญาณของผู้คนได้ชัด

“ปู่เบรุตบอกว่าการลอกแถบวิญญาณออกมาเป็นเรื่องที่ทำได้ยากมาก! นอกจากนี้วิญญาณของพวกเทพจะหลอมรวมกับประกายศักดิ์สิทธิ์  ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะลอกเอาเศษแถบวิญญาณออกมาจากพวกเขา  จึงได้แต่เลือกทำอย่างนี้กับพวกเซียน!”  บีบียังคงคุยผ่านสำนึกเทพ “สำหรับการลอกแถบวิญญาณที่มีความรู้แจ้งในเคล็ดลึกลับเป็นเรื่องที่มีน้อยคนนักในแดนนรกจะสามารถทำได้  ปู่เบรุตบอกว่าเขาเองก็ไม่สามารถทำได้เหมือนกัน  ดังนั้นเขาจึงต้องจ่ายทรัพย์ออกไปมากมายเพื่อเชิญผู้เชี่ยวชาญมาช่วย”

ลินลี่ย์ลอบประหลาดใจ

ในสถานที่อย่างเช่นปราสาทดำและปราสาทเรดบุดลินลี่ย์ไม่เคยได้ยินเรื่องแถบวิญญาณสามารถทำการซื้อขายได้  สิ่งเหล่านี้ไม่มีค่า เป็นไปได้ว่ามีแต่คนสำคัญอย่างเบรุตเท่านั้นจึงจะสามารถได้รับมา

“เมื่อข้ากลายเป็นผู้ใหญ่  ข้ากลายเป็นเทียมเทพตามธรรมชาติและได้รับความรู้แจ้งเคล็ดความรู้ร่างเงาร่างวิญญาณ ปู่ขอให้สหายบางคนช่วยหาแถบวิญญาณสี่ชิ้นซึ่งบรรจุเคล็ดลึกลับธาตุมืดสี่ในหกเคล็ดให้กับข้า”

บีบีถอนหายใจ “ปู่เบรุตบอกว่าเซียนชั้นสูงเพียงแต่ได้รับการรู้แจ้งเคล็ดลึกลับในระดับธรรมดาอย่างเช่น ‘แก่นธาตุมืด’  มีน้อยมากที่จะรู้แจ้งเคล็ด ‘กลืนกิน’ หรือเคล็ด ‘ปีศาจ’”

“สหายของปู่นอกจากถูกบังคับให้ต้องใช้ความสามารถมากมายและลอกแถบวิญญาณออกมาอย่างระมัดระวังแล้วการลอกแถบวิญญาณที่ยากที่สุดก็คือแถบที่มีเคล็ดความรู้ลึกลับ  ในที่สุด เขาจัดหามาได้สี่แถบซึ่งเอามาให้ข้าหลอมรวมเข้าไป” บีบีพูดทางใจ

ลินลี่ย์ตะลึงไปหมด

วิญญาณเป็นสิ่งที่ไม่เหมือนอะไรและแม้แต่พลังโจมตีวิญญาณก็ยากจะพัฒนา

สำหรับการลอกแถบวิญญาณซึ่งบรรจุดความรู้แจ้งเคล็ดลึกลับของกฎธรรมชาติ...ทุกคนคงคิดได้ว่าแค่คิดก็เป็นเรื่องยากแล้ว

“มาถึงระดับนี้ได้จะต้องเชี่ยวชาญเรื่องวิญญาณมากมายขนาดไหน?” ลินลี่ย์รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องเหลือเชื่อทั้งนั้น

เบรุตเองสามารถสร้างสมบัติเทพปกป้องวิญญาณได้  ก็หมายความว่าเบรุตก็มีความสำเร็จทางวิญญาณระดับสูง ทว่าแม้แต่เบรุตก็ยังไม่สามารถทำการลอกวิญญาณได้จึงต้องจับจ่ายทรัพย์สินมหาศาลเชิญผู้อื่นมาทำแทนให้เขา

ใครก็คงคิดได้ว่าการลอกแถบวิญญาณนั้นเป็นเรื่องยากเย็นขนาดไหน

“สหายของลอร์ดเบรุตยอดเยี่ยมจริงๆ”ลินลี่ย์ถอนหายใจ

ไม่มีทางที่ใครๆจะสามารถลอกแถบวิญญาณออกมาจากพวกเทพได้ ดังนั้นจึงต้องทำกับพวกเซียนชั้นสูงแทน

“ใครจะรู้ว่าเซียนชั้นสูงต้องถูกฆ่าไปเท่าใดเพื่อเอาแถบวิญญาณนี้”  ลินลี่ย์ถอนหายใจ  แต่เขายังคงเข้าใจว่าในแดนนรกนับถือกันที่พลังอำนาจ ในแดนนรกมีหลายเผ่าที่เลี้ยงอสูรเวทระดับเซียน  จากนั้นชำแหละพวกมันส่งไปขายในภัตตาคาร

ในแดนนรกเซียนถูกปฏิบัติเหมือนกับที่มนุษย์ทำกับกระต่ายป่าในแดนโลกธาตุ  พวกเขาถูกฆ่าได้อย่างง่ายดาย

“อนิจจา เซียนชั้นสูงก็คือคนที่ได้รับการรู้แจ้งในเคล็ดลึกลับและติดอยู่ที่ระดับคอขวดห่างจากผลสำเร็จเพียงก้าวหรือสองก้าวเท่านั้น”บีบีถอนหายใจ “ดังนั้นเกี่ยวกับเคล็ดลึกลับทั้งสี่นี้ข้าได้รับการรู้แจ้งผ่านระดับคอขวดทั้งหมด เพราะการบรรลุผ่านคอขวดได้ คิดดูสิข้าก็ต้องอาศัยความสามารถตนเองอยู่ดี!”

“ในทวีปยูลานข้าใช้เวลาเพียงยี่สิบปีจึงบรรลุเคล็ดแก่นธาตุมืดได้”

“ในแดนนรก ใช้เวลาเจ็ดร้อยปีข้าจึงได้รับการรู้แจ้งเป็นครั้งคราวและพยายามจะบรรลุเคล็ดกลืนกินและเคล็ดปีศาจให้ได้ ในตอนนี้ข้าสำเร็จไปสี่เคล็ดแล้ว ขณะที่ข้ายังติดคอขวดอยู่กับเคล็ดที่ห้า สำหรับเคล็ดที่หก ข้ายังมืดมนไร้ความคิดอยู่”

ลินลี่ย์เข้าใจทั้งหมดทันที

บีบีเป็นอสูรชั้นเทพทันทีที่เข้าสู่วัยผู้ใหญ่ เขาก็เชี่ยวชาญเคล็ดอย่างหนึ่งและกลายเป็นเทียมเทพนั่นก็คือเคล็ดร่างเงาร่างมายา

หลังจากนั้นลอร์ดเบรุตรู้ว่าบีบีไม่ค่อยขยันอดทนแต่เขาไม่ต้องการให้บีบีเป็นเทพชั้นสูงด้วยการหลอมรวมกับประกายเทพ ดังนั้นเขาใช้จ่ายทรัพย์สินไปมหาศาลเพื่อลอกเอาแถบวิญญาณสี่แถบเหล่านั้นมาให้บีบีหลอมรวมและนั่นเป็นสภาวะคอขวดของเคล็ดความรู้ทั้งสี่

ทันทีที่เขาได้รับการรู้แจ้งหนึ่งในกฎธรรมชาติเหล่านั้นเขาก็กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญได้เลย

เขาไม่จำเป็นต้องฝึกแม้แต่น้อย

“มิน่าเล่า มิน่าเล่า” ลินลี่ย์ถอนหายใจสองครั้ง

บางครั้งคนเราก็โกรธแทบตายเมื่อมองดูผู้อื่น  ลินลี่ย์ใช้เวลาทุกวันทุกคืนกับการฝึกฝน  แต่บีบีใช้เวลาเล่นสนุกซุกซนอยู่ตลอดเวลาพอด้วยเหตุผลบางประการเขาได้รับการรู้แจ้งอย่างฉับพลันเขาจะกลายเป็นยอดฝีมือผู้เชี่ยวชาญ นี่เป็นเรื่องที่ง่ายมาก

อย่างไรก็ตามในใจลินลี่ย์เขายังคงมีความสุขยินดีกับบีบี

“ลอร์ดเบรุตใส่ใจบีบีอย่างมากมายแท้จริง”  ลินลี่ย์ถอนหายใจ

เบรุตมีสถานะสูงส่งขณะที่บีบีเป็นหนูกินเทพตัวที่สองในวงศ์ตระกูลของเขา เบรุตย่อมให้ความสำคัญต่อบีบีเหมือนสมบัติล้ำค่าเป็นธรรมดาทั้งรักและตามใจบีบีอย่างเหลือเชื่อเพื่อประโยชน์บีบีแล้ว เขายินดีเหน็ดเหนื่อยกับการวิ่งเต้นไปแดนนรกขอความช่วยเหลือจากสหาย

จากจุดตรงนี้ลินลี่ย์สามารถบอกได้ว่าเครือข่ายการรู้จักของลอร์ดเบรุตนั้นกว้างขวางมาก

“ลอกแถบวิญญาณ..นั่นเป็นงานยากและจะต้องระมัดระวัง สำหรับคนที่ทรงพลังคงยินดีจะทำเช่นนี้เพื่อลอร์ดเบรุต...”  ลินลี่ย์เข้าใจแล้วว่าเบรุตมีอิทธิพลเพียงไหน

อสูรโลหะยังคงเร่งความเร็วตรงไปยังแคว้นอินดิโก สำหรับความลับเกี่ยวกับเหตุผลที่บีบีฝึกได้อย่างรวดเร็ว ในที่สุดบีบีเพียงบอกแค่ลินลี่ย์กับเดเลียคนอื่นไม่รู้ เห็นได้ชัดว่าในใจบีบีถือว่าลินลี่ย์กับเดเลียที่เป็นคนสนิทใกล้ชิดเขา

หลังจากพวกเขามาถึงทวีปบลัดริจอสูรโลหะบินต่อเนื่องอีกเป็นเวลาสามปี

“พี่ใหญ่, ดูนั่นภูเขาดาบศิลา!” บีบีชี้ไปที่ทิศตะวันออกผ่านหน้าต่างใส

ลินลี่ย์มองดูอย่างระมัดระวังห่างออกไปทางทิศตะวันออก มีภูเขาสูงใหญ่ลูกหนึ่ง ยอดเขาตระหง่านสูงเสียดฟ้าส่วนด้านบนยอดเขามองดูเหมือนดาบหนัก และที่ยอดภูเขาเหมือนดาบนี้ มีเมฆลอยม้วนตัวอยู่โดยรอบ

“ภูเขาดาบศิลา ในที่สุดเรามาถึงแคว้นอินดิโกแล้ว!”  เดเลียพูดอย่างตื่นเต้น

ภูเขาดาบศิลาเป็นหนึ่งในพื้นที่สำคัญในแผนที่แคว้นอินดิโก

ลินลี่ย์รู้สึกว่าเลือดสูบฉีดไปทั่วร่างกาย  “ในที่สุดก็มาถึงที่นี่จนได้  ในที่สุดเราก็มาถึง!  แคว้นอินดิโก!”

สถานที่ซึ่งความฝันของเขาจิตวิญญาณของเขาโหยหามาตลอด

เมื่อตอนอยู่ในทวีปยูลาน  ลินลี่ย์ได้รู้เรื่องแคว้นอินดิโก  เขารู้ว่าบรรพบุรุษของเขาผู้อาวุโสตระกูลบาลุคล้วนเดินทางมายังแคว้นอินดิโก ดังนั้นลินลีย์จึงเดินทางมายังแดนนรกแห่งนี้

จากทวีปเรดบุดจนกระทั่งมาถึงที่นี่เขาต้องเผชิญกับความยากลำบากนับไม่ถ้วน การสู้รบที่ปราสาททราย แนวภูเขาไฟ บุกฝ่าผ่านเทือกเขาอะเมทิสต์ พบกับอันตรายที่น่าตกตะลึง..และตอนนี้ในที่สุดหลังจากผ่านทะเลสตาร์มิสท์มาได้ พวกเขามาถึงทวีปบลัดริจ มาถึงแคว้นอินดิโก!

“แคว้นอินดิโก!”

ลินลี่ย์สูดหายใจลึกตอนนี้ เขาไม่สามารถเก็บความดีใจที่จะได้พบกับบรรพบุรุษของตระกูลบาลุคของเขา

“พี่ใหญ่, เราไม่รู้ว่าตำแหน่งของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่ใดกันแน่”  บีบีกล่าว

“ง่ายมาก” ลินลี่ย์ยิ้ม“เราไปเมืองที่อยู่ใกล้ที่สุดกันก่อน เมืองแฟนไซ ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์น่าจะมีชื่อเสียงมากในแคว้นอินดิโก จะหาที่ซึ่งตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์อาศัยอยู่ก็น่าจะง่ายมาก”

อสูรโลหะมุ่งตรงสู่เมืองแฟนไซ เมืองแฟนไซเป็นเมืองแรกที่กลุ่มของลินลี่ย์แวะไปเยือนเมื่อมาถึงแคว้นอินดิโก

หลังจากบินเป็นเวลาหลายวัน

ลินลี่ย์และทุกคนต่างกินดื่มและสนทนาทั่วไปอยู่ในห้องนั่งเล่นของอสูรโลหะ  ขณะที่พวกเขาใกล้จะไปถึงตระกูลของบรรพบุรุษ  ลินลี่ย์มีความสุขมาก  ในช่วงสุดท้ายของการเดินทางนี้ลินลี่ย์ไม่ได้ฝึกมาช่วงหนึ่งแล้ว

“บึ้ม!”ทันใดนั้นเสียงสั่นสะเทือนที่ทรงพลังดังมาจากท้องฟ้าจนถึงอสูรโลหะของลินลี่ย์

อสูรโลหะสั่นสะเทือนทั้งลำ

“เป็นคลื่นระเบิดที่ทรงพลังจริงๆ”

“เฮ้, เกิดอะไรขึ้น?”  ลินลี่ย์และคนอื่นๆ ยืนมองผ่านหน้าต่างใส

อสูรโลหะบินอย่างรวดเร็วและในไม่ช้ากลุ่มของลินลี่ย์มองเห็นสิ่งที่ทำให้พวกเขาต้องตื่นตะลึง

ในท้องฟ้าห่างไกลออกไปมีเทพชั้นสูงเกือบร้อยคนกำลังหนีอย่างแตกตื่น ตอนนี้พวกเขากำลังถูกไล่ล่าสังหารโดยบุรุษชุดขาวสามคน!

“ฮ่าฮ่า พวกเจ้าไม่มีทางหนีไปได้!”  บุรุษชุดขาวหัวเราะลั่น

บุรุษชุดขาวทั้งสามคนมีผมยาวสีทองคิ้วทองและมีใบหน้าหล่อสง่างามกว่าที่ลินลี่ย์เคยเห็น บุรุษชุดขาวทั้งสามคนพุ่งวาบด้วยความเร็วสูง  และเทพชั้นสูงอีกด้านหนึ่งร่วงลงจากท้องฟ้า

เทพชั้นสูงเหล่านั้นต่างก็หวาดกลัว!

“หนี!”  เสียงตะโกนเร่งร้อนดังขึ้นผู้โชคดีรอดชีวิตไม่กี่สิบคนต่างแยกย้ายหนีไปในทุกทิศทันที

“พวกเจ้าไม่มีทางทำได้!”  เสียงเยือกเย็นดังขึ้น

หนึ่งในบุรุษชุดขาวผมสีทองโบกสะบัดในกลางอากาศกางปีกสีทองขนาดสิบเมตรจากด้านหลังทันทีปีกสีทองขนาดใหญ่นี้เปล่งแสงสีทองแพรวพราว พลังงานศักดิ์สิทธิ์แผ่กระจายไปทุกทิศ

มนุษย์ปีกทองผู้นี้ตลอดทั้งร่างคลุมไปด้วยรัศมีแสงสีทองศักดิ์สิทธิ์และงดงาม

“ข้าขอตัดสินพวกเจ้า....ตายซะ”

บุรุษชุดขาวพูดอย่างอ่อนโยน

ระลอกแสงสีทองแผ่ขยายไปทุกทิศและเทพชั้นสูงหลายสิบที่กำลังหนีไป ไม่ว่าพวกเขาจะหนีได้เร็วเพียงใดก็ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้เร็วกว่าระลอกแสงนี้

ในทันใดนั้นเทพชั้นสูงเหล่านั้นที่หนีไปทุกทิศทางก็ร่วงลงจากท้องฟ้ามีแต่เพียงผู้นำของเทพชั้นสูงร้อยคนนั้นยังคงอยู่ และเขาจ้องมองบุรุษชุดขาวทั้งสามคนข้างหน้าเขาอย่างหวาดกลัวและโกรธแค้น

“แข็งแกร่งมาก” ลินลี่ย์ ทารอส และคนอื่นๆ ตะลึงกันหมด

“เขาฝึกมาทางวิถีแห่งชะตา”  ทารอสพูดเสียงเบา  “ตัดสินจากพลังของเขา บุรุษชุดขาวผู้นั้นถ้าไม่ใช่อสูรเจ็ดดาว อย่างน้อยก็ต้องเป็นอสูรเจ็ดดาว”

“วิถีแห่งชะตา?”

ในแดนนรกลินลี่ย์ไม่ค่อยได้พบกับยอดฝีมือที่ฝึกมาทางวิถีแห่งชะตาเพราะส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนเทพหนึ่งในสี่พิภพชั้นสูงกันหมด  ส่วนน้อยที่ได้พบเจอก็ไม่ค่อยแข็งแกร่งทรงพลัง

“เทพชั้นสูงฝึกในสายวิถีแห่งชะตา”  ลินลี่ย์ลอบตกใจ

มีเสียงตะโกนจากในอากาศ

“ทำไมกัน, เราไม่เคยรุกรานตระกูลโบลีนของเจ้า ทำไมเจ้าต้องไล่ฆ่าพวกเราทุกคนอย่างโหดเหี้ยมอำมหิตด้วย?”  ผู้นำกลุ่มที่รอดชีวิตอดตะโกนด้วยความแค้นมิได้

บุรุษชุดขาวทั้งสามคนเปล่งแสงสีทองระเรื่อ

“ทำไมน่ะหรือ?เจ้าจัดการให้กับตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่หรือ?”  หนึ่งในบุรุษชุดขาวหัวเราะเย็นชา

“ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์?”  หัวหน้าที่รอดชีวิตตะลึง

“ทุกคนที่รับใช้ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์จะต้องตาย!”  บุรุษชุดขาวที่มีปีกกล่าวจากนั้นเขายกมือขวาชี้และยิงแสงสีทองออกไป

ผู้นำที่รอดชีวิตไม่สามารถหลบได้ทันแสงสีทองยิงทะลุเข้าไปในร่างของเขา และเขาร่วงลงจากท้องฟ้า

บุรุษชุดขาวปีกทองชำเลืองมองอสูรโลหะของลินลี่ย์แต่ไกลจากนั้นแค่เสียงเย็นชา  “ไปกันเถอะ” บุรุษชุดขาวทั้งสามกลายเป็นประกายแสงหายลับไปในขอบฟ้า

“ทุกคนที่รับใช้ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์จะต้องตายหรือ?”  ภายในอสูรโลหะ ลินลี่ย์พึมพำกับตนเองเขารู้สึกพูดไม่ออก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด