ตอนที่ 17-1 ความเร็วในการฝึก
“ครืนนน...”คลื่นทะเลกระทบชายฝั่งทะเลของเกาะมิลัวร์แบ็ควิลประมุขตระกูลแบ็คชอว์ยืนคู่กับยูไรห์และพวกพ้องขณะที่กลุ่มของลินลี่ย์ขึ้นสู่อสูรโลหะ และเริ่มต้นเดินทางสู่ทวีปบลัดริจ
อสูรโลหะแปลงร่างเป็นเรือและที่ด้านหน้าของเรือ
“ในที่สุด เราก็จากไปได้เสียที”โอเบรียนถอนหายใจตื้นตัน
“ใช่แล้ว, เราออกมาแล้ว” ซีซาร์พูดย้ำ “ข้าจะลืมที่นี่ ตลอดไป!” ลินลี่ย์ชำเลืองมองซีซาร์ ก่อนนี้ซีซาร์ขอให้เขาช่วยสืบดูเรื่องที่เกิดขึ้นกับเซซิล แม้ว่าลินลี่ย์จะพบว่าสถานการณ์ผ่านไปแล้วและก็ยังไม่แน่ใจว่าเซซิลยังมีชีวิตอยู่หรือไม่...
เขายังคงบอกซีซาร์ว่าเซซิลสบายดีและยังใช้ชีวิตอยู่ในคฤหาสน์ตระกูล
“บางทีวิธีนี้ ซีซาร์คงจะรู้สึกขมขื่นบ้าง”ลินลี่ย์บอกกับตัวเอง
“ในที่สุดเราก็จากไปได้เสียที ท่านพ่อเราจากไปได้จริงๆ” คลีโอ ราชสีห์หกตาบุตรคนโตตื่นเต้นมากเช่นกัน ในอดีตที่ผ่านมา เขากับน้องชายไม่รู้ว่าบิดาของพวกเขาถูกครอบงำวิญญาณพวกเขาเพิ่งมารู้เอาตอนนี้
พวกเขารู้สึกหวาดกลัวแม้แค่เพียงนึกถึง
“ใช่แล้ว เรากำลังจะจากไป เราหนีออกมาได้แล้ว” ไดลินจ้องมองท้องฟ้าทิศอาคเนย์ไกลออกไปโดยไม่เปลี่ยนทิศทาง เป็นไปได้ว่าเขาจะไม่มีทางกลับไปเกาะมิลัวร์อีก
“กี๊ซซซซซซ!”ทันใดนั้นเสียงเสียดแก้วหูดังขึ้นสะท้อนไปทั่วท้องฟ้า
ลินลี่ย์หันไปมองเป็นทารอสนั่นเอง ทารอสแหงนหน้าและส่งเสียงกู่ร้องขณะที่ร่างกายสั่นสะท้าน หลังจากผ่านไปนานในที่สุดเขาก็ชะงักเสียงกู่ร้อง ทารอสหันมองลินลี่ย์ ตาของเขาแดงระเรื่อ “ลินลี่ย์! ข้าจะไม่พูดอะไรมากเกี่ยวกับความกรุณาที่เจ้ามีต่อข้า ขอบคุณจริงๆ”
คนที่ไม่เคยถูกครอบงำวิญญาณจะไม่มีทางเข้าใจว่าทารอสและไดลินรู้สึกยังไงในตอนนี้
“ฮ่าฮ่า, ไปกันเถอะ ไปทวีปบลัดริจไปแคว้นอินดิโกกัน” ลินลี่ย์กุมมือเดเลีย
การเดินทางในทะเลสตาร์มิสท์ของพวกเขาเป็นไปอย่างราบรื่นพวกเขาพบกับโจรบ้างเป็นครั้งคราว แต่เนื่องจากพลังอำนาจของกลุ่มของลินลี่ย์ บรรดาเทพชั้นสูงในกลุ่มพวกเขาทั้งหมดแค่ปรากฏตัวพวกโจรก็หนีไปด้วยความหวาดกลัวทันที
การเดินทางช่วงนี้เป็นไปอย่างธรรมดา
ภายในห้องโดยสารเรือ
ลินลี่ย์นั่งขัดสมาธิอยู่ที่มุมห้อง ร่างหลักของเขาและร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามร่างอยู่ในท่าเดียวกันทั้งหมด หลังจากประสบการณ์ครั้งล่าสุดลินลี่ย์ตระหนักว่าจุดอ่อนที่สำคัญที่สุดของเขาก็คือ วิญญาณของเขา!
ไม่ใช่ว่าเคล็ดความรู้ลึกลับของเขาในเรื่องพลังป้องกันวิญญาณอ่อนแอ!
ปัจจุบันนี้เขาหลอมรวมเคล็ดชีพจรโลก,เคล็ดสนามพลังโน้มถ่วงและเคล็ดแก่นธาตุดิน พลังป้องกันวิญญาณของเขาในส่วนของเคล็ดความรู้ลึกลับไม่ได้อ่อนแอเลย ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดก็คือพื้นฐานของเขา กล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือพลังของวิญญาณของเขา!
พลังวิญญาณของเทพแท้ในแง่คุณภาพยังอ่อนแอห่างไกลจากพลังวิญญาณของเทพชั้นสูง แม้ว่าลินลี่ย์จะใช้เคล็ดลึกลับปลดปล่อยพลังวิญญาณแต่ก็มีพลังป้องกันทางวิญญาณเทียบได้กับเทพชั้นสูงระดับธรรมดาเท่านั้นนอกจากนี้ยังมีสมบัติมหาเทพป้องกันวิญญาณที่ชำรุดคอยช่วย พูดให้ถูกก็คือเป็นเพราะสมบัติมหาเทพทำให้ลินลี่ย์สามารถท่องเที่ยวผ่านทะเลสตาร์มิสท์ฆ่าแกนมอร์ตินและฆ่าเทพชั้นสูงอีกหลายคน ถ้าเขาไม่มีสิ่งนี้ลินลี่ย์ที่เป็นเพียงเทพแท้จะแข็งแกร่งมากขนาดนั้นได้ยังไง?
สมบัติมหาเทพเป็นสิ่งที่ทรงพลังมาก
“ตอนนี้เป้าหมายอันดับหนึ่งของข้าก็คือต้องบรรลุระดับเทพชั้นสูงให้เร็วเท่าที่เป็นไปได้” ลินลี่ย์รู้ว่าตนเองจะต้องพัฒนาทางด้านใด “เมื่อข้ากลายเป็นเทพชั้นสูง ข้าจะสามารถกลั่นอะเมทิสต์ได้อีกมากมายและด้วยอะเมทิสต์มากมายนั้นช่วยเพิ่มพลังเทพชั้นสูงให้สูงขึ้นเป็นธรรมดา พลังวิญญาณของข้าจะเพิ่มขึ้นอีกสิบเท่า! เมื่อเรื่องนั้นเกิดขึ้นตราบเท่าที่ข้าเพียงป้องกันส่วนที่ชำรุดของสมบัติมหาเทพประเภทป้องกันวิญญาณ ข้าไม่จำเป็นต้องกลัวอสูรเจ็ดดาวที่เชี่ยวชาญทักษะโจมตีวิญญาณ”
ลินลี่ย์รู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี
บางทีอาจจะง่ายกว่าสำหรับบางคนที่เป็นระดับเทพแท้หลอมรวมเคล็ดลึกลับเมื่อถึงระดับเทพชั้นสูง ระดับความยากก็จะเพิ่มขึ้นอีกมากมาย
แต่ขณะเดียวกันการหลอมรวมเคล็ดลึกลับมากมายในฐานะเทพแท้ ก็ยังใช้เวลานานอย่างน่าประหลาดใจ ตัวอย่างเช่น เคล็ดเดินดินของกฎธาตุดินจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เริ่มหลอมรวมกับอีกสามเคล็ดก่อนนั้นแต่อย่างใด การหลอมรวมยังทำได้น้อยมาก
“ตอนนี้ข้ามีเคล็ดลึกลับสามอย่างแล้ว ถ้าข้าจำเป็นต้องหลอมรวมเคล็ดสี่เคล็ดดูเหมือนว่าข้าต้องขอบคุณดาวนำโชคของข้าแล้วจึงจะสามารถหลอมรวมทั้งหมดได้ในเวลาหมื่นปี”
“เมื่อเร็วนี้ข้าได้รับความเข้าใจพื้นฐานของเคล็ดพลังธาตุ ข้าต้องรีบเชี่ยวชาญเคล็ดพลังธาตุและจากนั้นค่อยฝึกเคล็ดพลังชีวิต เมื่อฝึกทั้งหกเคล็ดสำเร็จ ข้าจะกลายเป็นเทพชั้นสูงจากนั้นพลังของข้าจะเพิ่มขึ้นอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นพลังป้องกันวัตถุหยาบหรือพลังป้องกันวิญญาณ ข้าจะไม่มีจุดอ่อนใดๆ ข้าจะสามารถจัดการอสูรเจ็ดดาวได้ทั้งหมด”
ลินลี่ย์รู้ว่าเมื่อกลายเป็นเทพชั้นสูงก็ยังมีความเป็นไปได้กับการหลอมรวมเคล็ดลึกลับ เพียงแต่ระดับความยากจะเพิ่มขึ้นอีกมาก
“ทันทีที่ข้ากลายเป็นเทพชั้นสูง ข้าจะค่อยๆ หลอมรวมเคล็ดเหล่านั้นต่อไป”
ตราบเท่าที่ข้ากลายเป็นเทพชั้นสูงด้วยตัวเอง ก็ยังจะมีความหวังในการหลอมรวมเคล็ดต่างๆ
“คงต้องขอบคุณโมซี่ถ้าไม่ใช่เพราะการหวดค้อนยักษ์ของเขา ใครจะรู้ว่าจะต้องใช้เวลานานเพียงไหนกว่าข้าจะได้รู้แจ้งเคล็ดพลังธาตุ?” ลินลี่ย์สะท้านใจ ทำให้ร่างหลักของเขาร่างแยกธาตุดินเพ่งลึกถึงการฝึกเคล็ดพลังธาตุ
ตอนนี้ลินลี่ย์ชอบกฎธาตุดิน
สำหรับกฎธาตุลมลินลี่ย์เพียงแต่เพิ่งฝึกได้เพียงห้าเคล็ด มีอีกสี่เคล็ดจะต้องฝึกเพิ่มขึ้น และเวลาที่ใช้ก็คงมากมายเช่นกัน
สำหรับกฎธรรมชาติธาตุไฟร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ธาตุไฟของลินลี่ย์ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ถึงระดับเทพแท้
“การฝึกกฎธรรมชาติธาตุไฟชักช้ามาก”ลินลี่ย์ตอนนี้ให้ความสำคัญต่อพรสวรรค์มาก
ถ้าผู้ฝึกมีพรสวรรค์ อย่างนั้นเขาจะฝึกฝนได้เร็วอย่างเช่นลินลี่ย์ที่ฝึกฝนในกฎธาตุดินและกฎธาตุลม ในเวลาไม่ถึงพันปีลินลี่ย์ก็เรียนรู้กฎธรรมชาติธาตุดินถึงห้าเคล็ด
แต่ถ้าคนที่มีพรสวรรค์ต่ำ..
ต่อให้ไม่ติดอยู่ที่คอขวดของการฝึกลินลี่ย์ก็ยังยากจะเชี่ยวชาญเคล็ดกฎธาตุไฟที่สองได้
การบรรลุผ่านคอขวดของการฝึกจำเป็นต้องอาศัยการรู้แจ้งโชคและความสามารถในการทำความเข้าใจ
อย่างไรก็ตามปกติแล้วการฝึกมักจะขึ้นอยู่กับพรสวรรค์
ความสัมพันธ์สายธาตุที่ลินลี่ย์มีต่อธาตุดินและและธาตุลมที่เขาได้ทดสอบเมื่อคราวเยาว์วัยอยู่ในระดับยอดเยี่ยมพิเศษ ขณะที่ธาตุไฟเป็นเพียงระดับทั่วไปขณะที่ความสัมพันธ์ธาตุชนิดอื่นอยู่ในระดับต่ำมาก
เห็นได้ชัดว่าลินลี่ย์มีโอกาสกลายเป็นเทพชั้นสูงได้ในไม่ช้าโดยผ่านร่างแยกธาตุดิน พลังของร่างแยกธาตุดินของเขาทรงพลังมากอย่างเห็นได้ชัดและเป็นธรรมดานั่นเองที่ทำให้ร่างหลักฝึกฝนในกฎธรรมชาติธาตุดินความเร็วในการฝึกของเขาก็ยิ่งเร็วมากขึ้น
ทะเลสตาร์มิสท์กว้างไกลไม่เห็นฝั่งบางครั้งก็มีเกาะปรากฏให้เห็น
“ครืน....” อสูรโลหะมุ่งหน้าฝ่าคลื่นอย่างต่อเนื่อง
ลินลี่ย์กับเดเลียในตอนนี้ยืนเคียงคู่มองดูทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ใกล้ๆ พวกเขาก็คือโอลิเวอร์ บีบี โอเบรียนไดลิน ทารอส ซีซาร์และคนอื่นอีก พวกเขามีรอยยิ้มที่ใบหน้ากันทุกคน
จากระยะไกลพวกเขาเห็นแนวเส้นขอบเลือนรางที่ยาวมากเป็นแนวชายฝั่งที่ยาวมาก
“ทวีปบลัดริจ ในที่สุดเราก็มาถึงจนได้!” ลินลี่ย์ตื่นเต้นเหลือจะกล่าว
หลังจากเดินทางออกจากเกาะมิลัวร์ ใช้เวลาเดินทางยี่สิบสามปีและตอนนี้พวกเขามาถึงทวีปบลัดริจได้ในที่สุด
“เรามาถึงทวีปบลัดริจแล้ว แคว้นอินดิโกอยู่ไม่ไกลออกไปมากนัก” ตาของบีบีฉายประกาย “พี่ใหญ่!ข้าจำได้ว่าบนแผนที่ ดูเหมือนว่าแคว้นอินดิโกอยู่ห่างจากฝั่งทะเลไม่ไกลมากนักโอว... หลังจากใช้เวลาเกือบเจ็ดร้อยปี ในที่สุดเราก็มาเกือบถึงที่นั่นแล้ว”
ลินลี่ย์และเดเลียกุมมือกันและกันแน่นมองดูชายฝั่ง
“ลินลี่ย์!เมื่อเรามาถึงทวีปบลัดริจ เราจะตรงไปที่แคว้นอินดิโกทันทีหรือว่าไปรับภารกิจคุ้มกันภัยพร้อมกับเดินทางสู่แคว้นอินดิโก?” โอลิเวอร์มองลินลี่ย์ ที่สำคัญนี่คือสิ่งที่ลินลี่ย์ทำมาในอดีต
“ไม่จำเป็น”
ลินลี่ย์ส่ายศีรษะ “ในอดีต ข้ายังอ่อนแอและเกรงความยุ่งยาก ตอนนี้เราจะมุ่งสู่แคว้นอินดิโกโดยตรง ไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรในระหว่างทาง” ลินลี่ย์ในตอนนี้มั่นใจในตนเองและกลุ่มของเขาก็มีเทพชั้นสูงอยู่มาก
นอกจากนี้ทารอสยังเป็นยอดฝีมือระดับอสูรหกดาวด้วยเช่นกัน
อสูรโลหะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงทันทีที่ถึงชายฝั่งทวีปอสูรโลหะรูปร่างเรือพลันเปลี่ยนร่างเป็นเสือดำบินขึ้นไปในอากาศเหนือทวีปบลัดริจ
ทวีปบลัดริจมีความคล้ายคลึงกับทวีปเรดบุด
มีเผ่าพันธุ์ต่างๆแยกกระจายอยู่ทุกที่ และพวกโจรก็มีกระจายอยู่ทุกที่เช่นกัน การต่อสู้ฆ่าฟันอาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ แต่แน่นอนว่าไม่มีโจรกลุ่มใดกล้าตอแยกลุ่มของลินลี่ย์
“ลินลี่ย์! การฝึกฝนของเจ้าเป็นยังไงบ้าง?” ทารอสหัวเราะ
ในระหว่างเดินทางทารอสและไดลินได้ทราบในที่สุดว่าลินลี่ย์ยังเป็นเพียงเทพแท้สำหรับเรื่องที่เทพแท้ปลดปล่อยพลังได้น่าทึ่งอย่างไรนั้นลินลี่ย์แค่ให้คำอธิบายอย่างทั่วไป
อย่างไรก็ตามทารอสและไดลินบอกได้ว่าทั้งหมดนี้ต้องเกี่ยวข้องกับเทือกเขาอะเมทิสต์
“ไม่เลวข้าฝึกมาถึงขั้นตอนเคล็ดพลังธาตุแล้ว” ลินลี่ย์มีรอยยิ้มที่ใบหน้า “น่าเสียดาย, ข้ายังไม่เข้าใจพื้นฐานเคล็ดพลังชีวิตธาตุดิน”นี่คือเรื่องที่ลินลี่ย์ผิดหวังที่สุดก็คือ เคล็ดพลังชีวิต
ตามหนังสือที่ได้ให้คำอธิบายทั่วไปเกี่ยวเคล็ดลึกลับว่าเคล็ดพลังชีวิตเป็นหนึ่งในเคล็ดลึกลับที่มีความเฉพาะตัวของกฎธรรมชาติธาตุดินและยากจะทำความเข้าใจรู้แจ้งได้
ในแต่ละเคล็ดนั้นจะต้องได้รับความเข้าใจพื้นฐาน ขณะที่การบรรลุผ่านคอขวดของเคล็ดความรู้เป็นสองขั้นตอนที่ยากที่สุด ถ้าผู้ฝึกรู้ได้ช้า เขาอาจจะติดอยู่เป็นล้านปีและนั่นถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไป
“ไม่ต้องเร่งบางทีเจ้าอาจจะรู้แจ้งได้ในไม่ช้า” ทารอสหัวเราะ
ลินลี่ย์หัวเราะและพยักหน้าด้วยเหมือนกัน นั่นเป็นเรื่องจริง ตัวอย่างเช่นเขาได้รับความรู้แจ้งในเคล็ดพลังธาตุเขาจึงได้ความรู้ความเข้าใจพื้นฐาน
“ความเร็วในการฝึกของเจ้าน่าประทับใจมากแล้ว เจ้าฝึกฝนมายังไม่ถึงพันปีแต่ก็ยังรู้แจ้งเคล็ดลึกลับธาตุดินถึงห้าในหกเคล็ดและที่สำคัญยิ่งกว่า...เจ้าหลอมรวมได้ถึงสามเคล็ดแล้ว” ทารอสชื่นชมลินลี่ย์มาก
ทารอสเองหลอมรวมได้เพียงสองเคล็ด และอาศัยพลังเทพตามธรรมชาติของเขาเองกับเคล็ดความรู้สองเคล็ดจนมีพลังเทียบได้กับอสูรหกดาว
“เฮ้, ทารอส เรื่องนั้นไม่ต้องพูดถึงเลย พี่ใหญ่ข้ายอดเยี่ยมน่าทึ่งอยู่แล้ว” บีบีเดินเข้ามาสมทบและพูดโอ้อวด “ดูท่านสิ,ท่านฝึกมานานจนข้าเองก็ไม่รู้ว่ากี่ปี แต่ท่านก็ยังหลอมรวมได้สองเคล็ด ฮื้ม..”
ทารอสอดหัวเราะไม่ได้ “บีบี!อย่าใจร้อนเกินไป, เจ้าฝึกในสายกฎธาตุมืดใช่ไหม? ข้าอยากถามเจ้าบรรดาเคล็ดลึกลับธาตุมืดทั้งหก เจ้าฝึกได้เท่าใดแล้ว และเจ้าหลอมรวมได้เท่าใดแล้ว? เท่าที่ข้าจำได้ เจ้าฝึกฝนมากับลินลี่ย์น่าจะเป็นเวลานานพอกัน”
“ฮ่าฮ่า..” โอเบรียนและซีซาร์ที่อยู่ใกล้ๆหัวเราะทั้งคู่
ลินลี่ย์อดขำบีบีไม่ได้
ทุกคนรู้ว่าบีบีไม่ค่อยขยันฝึกฝนส่วนใหญ่เขาจะสงบจิตใจฝึกฝนได้ราวๆ ปีเดียว หลังจากนั้นเขาจะเริ่มกระสับกระส่ายด้วยอารมณ์อย่างนั้น ไม่ว่าจะมีพรสวรรค์เพียงไหน ถ้าเขาไม่ขยันฝึกฝน เขาจะก้าวหน้าได้ยังไง?
“ทารอส, เจ้าก็รู้ว่าบีบีเป็นยังไงและเจ้ายังถามแบบนี้กับเขาอีกหรือ?” ไดลินกล่าว
บีบีโมโหจนจมูกสั่น “ก็ได้ ข้ายังไม่สามารถหลอมรวมเคล็ดลึกลับได้แม้แต่เคล็ดเดียว!”
“บีบีพอเถอะ, อย่าหัวเสียไปเลย” ลินลี่ย์หัวเราะขณะที่เขาตบไหล่บีบี แต่บีบีเชิดหน้าอย่างถือดี “แต่หกเคล็ดลึกลับธาตุมืด ข้าบีบีผู้นี้รู้แจ้งไปแล้วสี่เคล็ด!”
ทุกคนในห้องโดยสารเงียบกันหมดทันที
ลินลี่ย์ประหลาดใจกับสิ่งที่เขาได้ยิน เขาอดมองดูบีบีไม่ได้ “บีบี เจ้าพูดอะไร?” ลินลี่ย์จำได้เป็นอย่างดีว่าบีบีใช้เวลาฝึกฝนไม่ค่อยมากนัก ปกติเขามักจะเที่ยวซุกซน และฝึกฝนบ้างเป็นบางครั้ง
“บีบี, พูดอีกครั้งได้ไหม ข้าได้ยินผิดไปหรือเปล่า” ทารอสกล่าวแม้แต่ไดลินและโอลิเวอร์ก็ยังมองมาทางบีบี
ไม่ว่าจะเป็นไดลินไม่ว่าจะเป็นโอลิเวอร์ พวกเขายังไม่เชี่ยวชาญถึงสี่เคล็ด
“ฟังให้ดี และฟังให้ชัดๆ” บีบีเชิดหน้าอย่างยโสจากนั้นประกาศเสียงดังลั่น “ข้า..บีบีแม้จะยังไม่สามารถหลอมรวมเคล็ดลึกลับได้แม้แต่เคล็ดเดียวก็ตามแต่ข้าฝึกเคล็ดลับธาตุมืดสำเร็จสี่เคล็ดจากหกเคล็ดแล้ว ตอนนี้ข้ากำลังฝึกเคล็ดลึกลับที่ห้า!”
ลินลี่ย์เองฝึกสำเร็จเคล็ดลึกลับธาตุดินเพียงสี่เคล็ดและตอนนี้กำลังฝึกเคล็ดที่ห้า
“บีบี, ไม่เป็นไรหรอกนะ ถ้าเจ้าจะฝึกได้ช้าแต่เจ้าไม่ควรจะสร้างเรื่องราวอย่างนั้นขึ้นมา” ซีซาร์กล่าว
“สร้างเรื่องขึ้นมา?” บีบีถลึงตาด้วยความโมโห
บีบีพลิกมือและแก่นธาตุมืดม้วนตัวเป็นเกลียวกลายเป็นรูปงูพันอยู่รอบแขนบีบี มันส่งเสียงขู่ฟ่อราวกับเป็นของจริง
“นี่คือเคล็ดแก่นธาตุมืด”บีบีพูดอย่างจริงจัง “เห็นหรือเปล่า?”
“เจ้ารู้เคล็ดนั้นมาตลอดอยู่แล้ว”โอลิเวอร์หัวเราะ
ร่างของบีบีกระพริบวูบวาบและในทันใดนั้นร่างมายาของบีบีหลายสิบร่างปรากฏในห้องโดยสารทุกคนยังคงสงบใจเย็น พวกเขาทุกคนรู้ว่าบีบีมีวิชาร่างเงาร่างมายา
“ฮึ่ม..”
บีบีแค่นเสียงเย็นชาทันที
เงาคล้ายหนวดปลาหมึกผุดออกมาจากร่างของบีบีในทันใดนั้นบีบีกลายสภาพเป็นเหมือนกับปลาหมึก พื้นที่รอบๆตัวเขาเต็มไปด้วยหนวดปลาหมึกยาวเย็นเฉียบรังสีดำที่เปล่งออกมานั้นนับว่าประหลาดอย่างยิ่ง
ลินลี่ย์ประหลาดใจและทุกคนตกตะลึง
กฎธรรมชาติธาตุมืด- เคล็ดพลังปีศาจ
“นั่นคือเคล็ดที่สาม นี่คือเคล็ดที่สี่” ร่างของบีบีกระพริบและหนวดปลาหมึกปีศาจหายไป บีบีเหยียดแขนขวาออกไป จากจุดนั้นมีวังวนสีดำปรากฏซึ่งดูเหมือนจะกลืนกินทุกอย่างรอบตัวได้ มันกลืนกินได้แม้กระทั่งแสงพื้นที่มืดมิดขยายใหญ่ขึ้น
กฎธาตุมืด- เคล็ดกลืนกิน
ทุกคนในห้องโดยสารพูดไม่ออก โอลิเวอร์เองจนบัดนี้เชี่ยวชาญเพียงสองเคล็ดความมืดและตอนนี้กำลังจะบรรลุเคล็ดที่สาม สำหรับไดลินเชี่ยวชาญเพียงสามเคล็ด และตอนนี้กำลังฝึกเคล็ดที่สี่
แต่บีบีฝึกได้รวดเร็วกว่าพวกเขาจริงๆ
“เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง?”
“ฮึ่ม... พวกท่านไม่เชื่อข้า..บีบีจริงๆด้วย ข้าขอบอกเลยนะ เป็นไปได้ว่าพรุ่งนี้ข้าอาจบรรลุเคล็ดที่ห้าก็เป็นได้” บีบีถอดหมวกฟางและเชิดหน้าอย่างลำพอง
“บีบี!นี่มันอะไรกัน?” ลินลี่ย์มึนงงไปหมด