ตอนที่ 16-32 พลานุภาพของมหาเทพ
“มีผลึกบันทึกจริงๆหรือนี่?” ลินลี่ย์อดสนใจไม่ได้
ตั้งแต่เขาพบว่าสิ่งที่เรียกว่าบันทึกการต่อสู้ของยอดฝีมือเป็นกับดัก ลินลี่ย์สงสัยว่าเจ้าปราสาทเฮนด์ซีย์มีบันทึกการต่อสู้อยู่หรือไม่ แต่จากคำพูดของเจ้าปราสาทดูเหมือนว่าจะมีของเช่นนั้นอยู่จริง
“เจ้าจะรู้เมื่อได้เห็น จริงไหม?” โมซี่พูดเป็นนัย
ปราสาทเฮนด์ซีย์ ภายในห้องบัลลังก์ที่กว้างขวางสองด้านของห้องบัลลังก์จะมีชั้นหนังสือสองสามชั้น เพียงแต่บนชั้นหนังสือไม่มีหนังสืออยู่บนนั้นแต่กลับมีแก้วผลึกขนาดเท่ากำปั้นวางอยู่หลายลูก
ตอนนี้ลินลี่ย์กับโมซี่อยู่ในห้องบัลลังก์
“ที่นี่มีผลึกบันทึกทั้งหมด 1628แต่ละลูกจะมีบันทึกการต่อสู้หนึ่งบันทึก” โมซี่พูดอย่างสบายใจ “นอกจากนี้ผลึกทั้งหมดจะมีคำแนะนำและอธิบายเกี่ยวกับการต่อสู้และเคล็ดวิชาที่ใช้”
ลินลี่ย์จ้องมองแก้วผลึกที่เก็บอยู่ในชั้นหนังสือดวงตาทอประกายวูบวาบ มีบันทึกการต่อสู้ของสุดยอดฝีมือในนั้น
“ในห้องแรกบันทึกส่วนใหญ่จะเป็นบันทึกการต่อสู้ของอสูรเจ็ดดาวชั้นสูง และยังมีบันทึกการต่อสู้ของเทพอสูรและแม่ทัพขุมนรก สำหรับบันทึกการใช้พลังอำนาจของมหาเทพ...” โมซี่ชี้ไปที่มุมห้องด้านหนึ่งซึ่งมีเสาสี่เหลี่ยมตั้งอยู่มีอัญมณีเรืองแสงอยู่ด้านบนเสา“ผลึกบันทึกการใช้พลังมหาเทพอยู่ตรงนั้น ภายในเสาจะเป็นช่องกลวง เจ้าสามารถเปิดออกได้เหมือนประตู”
ลินลี่ย์ได้แต่สูดหายใจลึกเพื่อสงบสติอารมณ์ตนเอง
สวรรค์โปรด บันทึกการใช้พลังมหาเทพหรือนั่น? เขาเพียงแต่ได้ยินตำนานของมหาเทพ แต่ไม่เคยเห็นแม้แต่คนเดียว ทุกคนบอกว่าพลังของมหาเทพมิอาจขัดขืนได้ ใครจะรู้ว่ามหาเทพทรงพลังเพียงไหน?
“ข้าจะเริ่มจากบันทึกการต่อสู้ของอสูรเจ็ดดาว” ลินลี่ย์ไปที่ชั้นหนังสือ
หลังจากก้าวไปข้างหน้าแล้วลินลี่ย์พบว่าบนผิวของแก้วผลึกบันทึกทุกลูกที่อยู่บนชั้นวางหนังสือจะมีชื่อบันทึกไว้สองชื่อ
“นี่เป็นการลดขั้นตอนการหาบันทึกที่ต้องการดู”โมซี่เดินเข้ามาพูดพลางหัวเราะพลาง
“เข้าใจแล้ว” ลินลี่ย์กวาดชั้นหลังสือและแก้วผลึกนับสิบจากนั้นมองดูชื่อที่ติดอยู่บนลูกแก้วผลึก ‘อสูรเลือดม่วง’ ประลองกับ ‘อสูรใบไม้เหล็ก’!
“อสูรเลือดม่วง?” ลินลี่ย์เข้าไปใกล้ทันที
ลูกแก้วผลึกนี้เก็บบันทึกไว้ภายใน คนใช้จะต้องใช้พลังเทพทำให้บันทึกภายในลูกแก้วฉายภาพออกมาในกลางอากาศวิธีนั้นหลายๆ คนจะมองดูได้พร้อมกัน อย่างไรก็ตามคนผู้เดียวสามารถใช้สำนึกเทพของเขาส่งเข้าไปในลูกแก้วผลึกโดยตรง ซึ่งทำให้กระบวนการดูเป็นไปอย่างรวดเร็วมาก
ลินลี่ย์ส่งสำนึกเทพลงไปในแก้วผลึกทันที...
ในพื้นที่ทะเลทราย มีคนนับพันต่อสู้กันไปทั่วทุกที่ ขณะที่ในกลางอากาศ มีสองคนกำลังจ้องมองหน้ากันคนหนึ่งสวมเกราะดำผมยาวดำเรืองแสงสีฟ้า
อีกคนหนึ่งอยู่ในชุดยาวสีม่วง ผมม่วงยาวและกระบี่ยาวสีม่วงในมือเขา คนที่รูปร่างคุ้นเคยนั้น ลินลี่ย์เคยเห็นเมื่อนานมาแล้ว
“เป็นเขาจริงๆอสูรเลือดม่วง!” เมื่อลินลี่ย์ใช้สำนึกเทพส่งเข้าไปในบันทึกการต่อสู้ของอสูรเลือดม่วงเขาเห็นภาพหลายภาพ และภาพหลักก็คือภาพของบุคคลผู้นี้ แต่ตอนนี้ลินลี่ย์มั่นใจเต็มที่ 100% แล้ว
“กระบี่ยาวนั่นก็คือกระบี่เลือดม่วง!”
วันนี้เป็นวันที่ลินลี่ย์มั่นใจและแน่ใจว่าเจ้าของเดิมของกระบี่เลือดม่วงของเขาก็คือบุคคลในตำนานผู้นี้‘อสูรเลือดม่วง’
ไม่มีเสียงในฉากต่อสู้แม้แต่น้อย มีแต่เพียงบันทึกที่เป็นภาพเท่านั้น
อสูรใบไม้เหล็กและอสูรเลือดม่วงทั้งสองคนเชี่ยวชาญในการใช้ความเร็ว ลินลี่ย์แค่เห็นยอดฝีมือทั้งสองคนเปลี่ยนไปเป็นภาพเงาเลือนลาง ไม่ว่าอสูรใบไม้เหล็กจะผ่านไปที่ใดมิติจะเริ่มปล่อยพลังแปลกประหลาด ที่เป็นระลอกสั่นสะเทือนมิติ เมื่อมองดูแรงสั่นสะเทือนทั้งหมดแรงสั่นสะเทือนก่อตัวเป็นรูปดอกไม้บาน
แสงสีม่วงที่ร้ายกาจเป็นประกายวูบวาบครั้งแล้วครั้งเล่า
“ควั่บ!”
รังสีแสงสีม่วงกระพริบเต็มท้องฟ้า และระลอกมิติขาดครึ่งและรอยแยกมิติปรากฏ
เพียงแต่ตอนนี้ร่างของอสูรใบไม้เหล็กขยายชัดเจนและเขาร่วงลงจากท้องฟ้า ขณะที่สีหน้าของอสูรเลือดม่วงไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย
“คนทั้งสองคนล้วนมีความเร็วที่น่ากลัว พลังกระบี่โจมตีของอสูรเลือดม่วงทรงพลังยิ่งกว่าแลร์มองต์และบอสโล เมื่อเขาโจมตี เขาจะไม่ทิ้งร่องรอยการกระทำแม้แต่น้อย และมีพลังรุนแรง เขาไม่จำเป็นต้องเร่งพลังเลย” ลินลี่ย์สามารถเข้าใจความซับซ้อนของการต่อสู้ครั้งนี้
แค่จากบันทึกการต่อสู้เขาสามารถบอกได้ว่าพลังโจมตีวัตถุของอสูรเลือดม่วงทรงพลังรุนแรง! มากยิ่งกว่าพลังโจมตีวัตถุของอสูรเจ็ดดาวที่ลินลี่ย์เคยพบเห็น
หลังจากบันทึกเสร็จสิ้นมีข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับการต่อสู้นี้
“คำอธิบายมีรายละเอียดที่ดีมาก” ลินลี่ย์ถอนหายใจชมเชยหลังจากอ่าน คำอธิบายนี้อธิบายรายละเอียดของเคล็ดซึ่งตัวนักสู้ใช้ต่อสู้ ถึงตอนนี้ลินลี่ย์ค่อยเข้าใจ“งั้นอสูรเลือดม่วงก็เป็นยอดฝีมือที่ทรงพลังที่สุดในวิถีทำลายล้าง”
ลินลี่ย์ลืมตา
“เจ้ารู้สึกยังไงบ้าง?” โมซี่ที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ห่างออกไป หัวเราะพลางมองดูลินลี่ย์ “มีอสูรเจ็ดดาวมากแต่คนที่อ่อนแอในที่สุดในกลุ่มพวกเขาหลอมรวมเคล็ดลึกลับได้สี่เคล็ดผู้ทรงพลังที่สุดก็เทียบได้กับเทพอสูรของแดนนรกหรือแม่ทัพขุมนรก”
“แข็งแกร่งมาก” หลังจากเห็นคำอธิบายของการต่อสู้นี้ถึงตอนนี้ลินลี่ย์จึงได้เข้าใจว่าอสูรเลือดม่วงนั้นน่ากลัวเพียงไหน
ถ้าเขาต้องเผชิญกับอสูรเลือดม่วง เขาอาจจบชีวิตก็ได้
“อสูรเลือดม่วงมีชื่อเสียงมากและพลังของเขามากเพียงพอจะท้าทายเทพอสูรแดนนรกหรือแม่ทัพขุมนรกได้ ความสำเร็จของเขาในวิถีทำลายล้างอยู่ในระดับที่สูงล้ำ และเขาเป็นพวกวิญญาณกลายพันธุ์ เขาจึงทรงพลงอย่างแท้จริง” โมซี่ส่ายศีรษะถอนหายใจ “น่าเสียดาย ยอดฝีมือประหลาดผู้นี้เดินทางไปแดนโลกธาตุเมื่อหมื่นปีก่อนและถูกฆ่า”
ในใจนั้นลินลี่ย์รู้ดีว่าอสูรเลือดม่วงถูกฆ่าตายในบ้านเกิดของเขาเอง
“เป็นไปได้ไหมว่าท่านเบรุตจะเป็นคนที่ฆ่าเขา?” ลินลี่ย์ไตร่ตรอง
ลินลี่ย์ไม่เสียเวลาคิดมาก เขาฉวยโอกาสไปดูบันทึกการต่อสู้ของยอดฝีมืออื่น รวมทั้งอสูรเลือดม่วงอสูรรอยัลวิง อสูรบลูแจ็คเก็ท และอสูรจันทร์เงิน...
นอกจากบันทึกเหล่านี้แล้วยังมีบันทึกสุดยอดฝีมือระดับเทพจากพิภพอื่นที่ร่วมต่อสู้ด้วย
ผลึกบันทึกการต่อสู้ของเทพอสูรในแดนนรก แม่ทัพขุมนรก..
“มีแม้กระทั่งบันทึกการต่อสู้ของรีสเจมด้วยเช่นกัน” ลินลี่ย์แทบไม่รู้จักพวกที่ต่อสู้เลยดังนั้นเมื่อเขาเห็นของรีสเจม เขาจึงดีใจเป็นธรรมดา
บันทึกการต่อสู้ของรีสเจมในร่างมนุษย์ เขามองดูคล้ายบุรุษหนุ่มรูปงามคล้ายกับบีบี เพียงแต่ตลอดทั้งร่างรีสเจมเต็มไปด้วยเกราะอะเมทิสต์และในการรบรีสเจมอาศัยมือและเท้าของเขาเอง
หมดจดและรุนแรงสนามพลังโน้มถ่วงที่สร้างจากแสงสีม่วงซึ่งรีสเจมใช้ทรงพลังกว่าลินลี่ย์มากมายนัก
“ทรงพลังมาก” ลินลี่ย์จ้องดูปากอ้าตาค้าง
แม่ทัพขุมนรกอีกคนหนึ่งที่กำลังสู้กับรีสเจมแต่ว่านี่เป็นการสู้ข้างเดียว
ลินลี่ย์ดูบันทึกการต่อสู้เกือบพันลูกในที่สุดก็มาถึงเสาที่มุมห้องบัลลังก์ ผลักเปิดประตูเสา เขาเห็นว่าข้างในมีผลึกความทรงจำอยู่เพียงสามลูก
“เจ้าต้องดูแค่หนึ่งในสามแก้วผลึกบันทึกก็พอ”ในที่สุดโมซี่ยืนขึ้นหัวเราะและเดินเข้ามา “แก้วผลึกบันทึกภาพมหาเทพจัดการกับเทพชั้นสูงคนหนึ่งและเคล็ดที่พวกเขาใช้แต่ละอย่างล้วนเหมือนกัน”
“เข้าใจแล้ว” ลินลี่ย์สูดหายใจลึก จากนั้นส่งสำนึกเทพเข้าไปในแก้วผลึกลูกแรก
นั่นคือทะเลกว้างขวางไร้ขอบเขต ในที่เหนืออากาศ มีบุรุษชุดดำคนหนึ่ง คนผู้นี้กำลังหัวเราะเงยหน้าขึ้นมองฟ้า แต่ใบหน้าของเขากำลังหลั่งน้ำตา ริมฝีปากของเขากำลังขยับเคลื่อนไหวเหมือนกับว่าพูดอะไรบางอย่าง
สิ่งที่แปลกก็คือ...
ในอากาศเหนือทะเล มีภาพหน้าเลือนรางขนาดมหึมาปรากฏซึ่งสร้างขึ้นมาจากแก่นธาตุอย่างสมบูรณ์
บุรุษชุดดำชี้ไปที่หน้ามหึมาด้วยความโกรธทันทีริมฝีปากขยับไม่หยุด
แววรังเกียจปรากฏวูบขึ้นบนใบหน้ายักษ์และริมฝีปากของมันขยับเล็กน้อย ร่างของบุรุษวัยกลางคนชุดดำในกลางอากาศสั่นสะท้านและจากนั้นเขาร่วงลงจากท้องฟ้า ขณะที่ใบหน้าขนาดมหึมาหายไป
“นี่น่ะหรือ?” ลินลี่ย์มองดูคำอธิบายสำหรับบันทึกการต่อสู้ “และบุรุษชุดดำนั้นก็คือเทพอสูรของแดนนรกหรือนี่?”
ลินลี่ย์ถอนสำนึกเทพออกมาจากลูกแก้วบันทึก ใจของมึนชา
“หน้ายักษ์มหึมาเป็นมหาเทพหรือ?” ลินลี่ย์หันไปมองโมซี่
โมซี่พยักหน้า “ถูกแล้ว”
“มหาเทพทั้งหมดที่ต้องฆ่าเทพอสูรของแดนนรกก็แค่เพียงขยับปากเท่านั้นหรือ?” ลินลี่ย์รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องเหลือเชื่อเกินไป
โมซี่ถอนหายใจ “ความประสงค์ของมหาเทพเป็นสิ่งที่ขัดขืนไม่ได้แม้แต่คนที่ทรงพลังอย่างเทพอสูร แค่มหาเทพคิดก็ฆ่าเขาได้ง่าย เมื่ออยู่ต่อหน้ามหาเทพแม้แต่เทพชั้นสูงที่ทรงพลังที่สุดก็ไม่สามารถต่อต้านได้”
ลินลี่ย์ได้แต่ประหลาดใจ
ไม่ใช่เรื่องการเป็นมหาเทพแต่ลินลี่ย์ไม่เข้าใจว่ามหาเทพทรงพลังได้ขนาดไหน
ฆ่าเทพอสูรได้ด้วยเพียงคิด?
“พลานุภาพของมหาเทพเป็นสิ่งที่มิอาจต้านทานได้” ลินลี่ย์พูดกับตัวเอง
เทียบกับพวกเทพจำนวนนับไม่ถ้วน มหาเทพอยู่เหนือพวกเขา สามารถฆ่าเทพชั้นสูงใดๆก็ได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายาม
“มหาเทพอยู่ห่างไกลจากเรามาก ตราบเท่าที่เราไม่ไปยั่วมหาเทพ พวกเขาจะไม่ลดตัวลงมาฆ่าเจ้า” โมซี่หัวเราะ
ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย หลังจากเห็นบันทึกการต่อสู้มามากมาย ลินลี่ย์ตื่นตาตื่นใจ หลังจากสงบจิตใจตนเองได้ ลินลี่ย์กล่าว “ท่านโมซี่ ข้ารบกวนท่านมานานแล้วบัดนี้ข้าควรจะกลับได้แล้ว ขอขอบคุณท่านอย่างจริงใจ”
โมซี่หัวเราะและพยักหน้า
ลินลี่ย์คิดอะไรบางอย่างได้ทันทีและเขาอดรู้สึกอึดอัดไม่ได้ “ท่านโมซี่มีอีกเรื่องหนึ่ง”
“โอว?” โมซี่ขมวดคิ้ว
“ระหว่างการต่อสู้ที่เกาะมิลัวร์นั้นข้าสัญญากับแบ็ควิลว่าจะทำงานเป็นผู้อาวุโสชุดแดงชดใช้ร้อยปีและนั่นทำให้ข้าไม่สามารถไปจากเกาะได้โดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ข้าจากบ้านเกิดมานานมากแล้วและต้องการจะกลับไปให้เร็ว...” ลินลี่ย์อธิบายต่อ
วันต่อมาที่ตระกูลแบ็คชอว์ ที่พักของลินลี่ย์ ตอนนี้ลินลี่ย์กับยูไรห์เดินเข้ามาที่ประตูคฤหาสน์ด้วยกัน
“ผู้อาวุโส” ทหารที่เฝ้าประตูทั้งสองด้านคำนับด้วยความเคารพ
ลินลี่ย์สั่ง “จงไปที่บ้านพักทหารประจำเกาะ ตามทารอสไดลินและลูกทั้งสองของเขามาที่นี่” ทหารผู้นี้เคยไปมาก่อนหน้านี้แล้ว ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าทารอสพักอยู่ที่ใด
“ขอรับท่านผู้อาวุโส” ทหารยามออกไปทันที
“ท่านยูไรห์ ขอโทษที่ต้องรบกวนท่านจริงๆ” ลินลี่ย์หันไปหัวเราะ
“ไม่ถือเป็นการรบกวนอะไรเลย” ยูไรห์ยังคงสุภาพเป็นอย่างดี
หลังจากลินลี่ย์กลับจากปราสาทใต้น้ำเฮนด์ซีย์มาที่เกาะมิลัวร์เขาพายูไรห์มากับเขาด้วย ยูไรห์ถือคำสั่งอย่างเป็นทางการของเจ้าปราสาทเฮนด์ซีย์สั่งถึงแบ็ควิลอนุญาตให้ลินลี่ย์จากไปได้
“ลินลี่ย์!งั้นข้าจะไปคุยกับประมุขตระกูลแบ็ควิลก่อน” ยูไรห์จากไปทันที
ขณะที่ลินลี่ย์เข้าไปในที่พักของเขา เขาเห็นบีบี เดเลีย โอลิเวอร์ ซีซาร์และคนอื่นๆมาต้อนรับเขา
“พี่ใหญ่, ท่านบอกว่าเตรียมจะจากไปหรือ?” บีบีเป็นคนแรกที่วิ่งเข้ามาหา
ลินลี่ย์มองดูบีบี เดเลียและสหาย แม้ว่าเขาจะหายไปวันหรือสองวันโดยไม่ได้พบพวกเขาก็ตามแต่ระหว่างสองวันที่ผ่านมา เขาเดินผ่านจากห้วงเวลาที่อาจตายได้ในพริบตาและกลายเป็นเรียนรู้มากมายในเหตุการณ์นี้
“ใช่แล้ว, เรากำลังจะจากไป” ลินลี่ย์หัวเราะขณะลูบศีรษะบีบี
“เดเลีย” ลินลี่ย์หันไปมองเดเลีย
“ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าเจ้าปราสาทเฮนด์ซีย์เห็นแก่หน้าของอสูรอะเมทิสต์น้อยบางทีข้าอาจจะตายไปแล้ว” ขณะที่เขาคิดเช่นนี้ เขาอดสั่นสะท้านไม่ได้ ลินลี่ย์รั้งเดเลียเข้ามาไว้ในอ้อมแขนทันทีและกอดนางไว้แน่น
“ลินลี่ย์?” เดเลียถามเบาๆ นางบอกได้ว่าลินลี่ย์ดูเหมือนมีอารมณ์แปลกประหลาด
“ข้าคิดถึงเจ้า” ลินลี่ย์พูดเบาๆ หน้าของเดเลียแดงแต่นางกระซิบ “โอลิเวอร์และซีซาร์อยู่ที่นี่กันหมดแล้ว”ลินลี่ย์จึงได้ปล่อยเดเลีย เมื่อเห็นมีสีหน้าเอียงอายเขาอดหัวเราะดังลั่นไม่ได้
ไซเคิลกำลังเดินไปตามถนน เมื่อเขามาถึงประตูหน้าคฤหาสน์ของลินลี่ย์ เขาได้ยินเสียงหัวเราะดังออกมาจากข้างใน
“โอว, นั่นลินลี่ย์กลับมาแล้ว?” ไซเคิลจำเสียงของลินลี่ย์ได้ และจากนั้นเขาหัวเราะ “เขาหยิ่งยโสต่อหน้าข้า แต่ในที่สุดก็เป็นแค่สุนัขรับใช้ตระกูลแบ็คชอว์อีกตัวไม่ใช่หรือ?” ไซเคิลในฐานะคุณชายของตระกูลรู้ว่าผู้อาวุโสชุดแดงล้วนถูกควบคุมวิญญาณทั้งหมด
ไซเคิลเข้ามาในคฤหาสน์ของลินลี่ย์ทันที
พวกทหารยามที่ประตูไม่กล้าขวางทางไซเคิล
ลินลี่ย์ตอนนี้กำลังหัวเราะพูดคุยกับเดเลีย บีบีโอลิเวอร์และคนอื่น
“ลินลี่ย์” เสียงดังขึ้นทันที ลินลี่ย์หันหน้ามอง ผู้มาใหม่ก็คือไซเคิล
ไซเคิลเชิดหน้าเล็กน้อยและหัวเราะเย็นชาและใช้ประกาศิตมิลัวร์เลือด “เห็นไหม นี่อะไร?”
ลินลี่ย์ทำท่างง
“ประกาศิตมิลัวร์เลือด มีอะไรหรือ?” ลินลี่ย์พูดอย่างมึนงง ครั้งนี้เจ้าปราสาทเฮนด์ซีย์เห็นแก่หน้าเขาเป็นอย่างมากและยอมทำตามทุกคำขอของลินลี่ย์ ลินลี่ย์ไม่ต้องการมีปัญหากับไซเคิลผู้นี้อีก
“มานี่!” ไซเคิลพูดเย็นชา
ลินลี่ย์ขมวดคิ้วเดินเข้ามาหา
“คุกเข่า” ไซเคิลตะโกน
ลินลี่ย์อดทำหน้าเขียวคล้ำมิได้
“ในนามของประกาศิตมิลัวร์เลือดข้าขอสั่งให้เจ้าคุกเข่า” ไซเคิลตะโกนเย็นชา “เร็วเข้า” ในตระกูลแบ็คชอว์ ผู้อาวุโสชุดแดงผู้ถูกควบคุมให้ต้องรับใช้เหนือพวกเขาทุกคนคือเจ้าปราสาท หลังจากนั้นพวกเขาจะเชื่อฟังคนที่ถือประกาศิตมิลัวร์เลือด
ตอนนี้ไซเคิลเพียงแต่ต้องการจะหยามลินลี่ย์ให้อายสำหรับการฆ่าลินลี่ย์?
เขาจะไม่ทำเช่นนั้น ขณะที่เขาเห็น ลินลี่ย์ในตอนนี้เป็นสุนัขเชื่องของตระกูลเขาเขาจะทนฆ่าลินลี่ย์ได้ยังไง?
“ไซเคิล เจ้ากำลังทำอะไร?” ลินลี่ย์รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องตลก
“เจ้ากล้าไม่เชื่อฟังหรือ?” ไซเคิลโกรธ ไม่มีใครที่ถูกควบคุมวิญญาณกล้าขัดขืนประกาศิตมิลัวร์เลือดมาก่อน
“สมองของเจ้ามีปัญหาหรือเปล่า” บีบีตะโกนด้วยความโกรธทันที
“ไซเคิล!” เสียงตวาดด้วยความโกรธดังขึ้นทันที
ไซเคิลหันหน้าไปมองเห็นแบ็ควิลบิดาของเขากำลังเดินมาพร้อมกับยูไรห์ ไซเคิลเดินไปหาและพูดด้วยความโกรธทันที “ท่านพ่อ ลินลี่ย์นั่นกล้าขัดขืนคำสั่งข้า เขาจะต้องถูกลงโทษ”
“หุบปากเจ้าซะ!” แบ็ควิลโกรธจัด หน้าของเขากลายเป็นสีแดง
ไซเคิลตะลึง
แบ็ควิลหันไปมองลินลี่ย์ทันที และฉีกยิ้ม “ลินลี่ย์! ที่ผ่านมาสองสามวันในที่นี้ ข้าไม่ได้ทำตัวเป็นเจ้าภาพที่ดีข้าขอโทษจริงๆ” เมื่อได้ยินคำพูดนี้ไซเคิลจ้องมองปากอ้าค้าง
“ท่านพ่อทำไมท่าน...” ไซเคิลไม่เข้าใจ
ทำไมต้องสุภาพกับคนที่ถูกควบคุมจิตวิญญาณ?
“บอกว่าให้หุบปากซะ!” แบ็ควิลตะโกนด้วยความโกรธ
หลังจากยูไรห์ส่งมอบคำสั่งแล้วแบ็ควิลและยูไรห์เดินคุยสนทนาถึงรายละเอียด ตอนนี้แบ็ควิลเข้าใจสถานะของลินลี่ย์แล้วว่าพิเศษจริงๆ ถ้าลินลี่ย์เป็นลูกหลานตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ บรรพบุรุษของเขาลอร์ดโมซี่คงไม่ปล่อยมือแน่
“ท่านพ่อ, ข้า...”ไซเคิลลืมตัว
“เผียะ!” แบ็ควิลตบหน้าไซเคิลตรงๆ “ข้าบอกให้เจ้าหุบปากไงเล่า!” แรงตบจากแบ็ควิลคราวนี้เรียกสติไซเคิลกลับคืนมา ไซเคิลหลบไปยืนข้างหนึ่งทันทีไม่กล้าส่งเสียงขึ้นอีกเลย
“ท่านแบ็ควิล,ไม่จำเป็นต้องทำขนาดนี้เลย”ลินลี่ย์คาดเดาได้ว่าไซเคิลคงนึกว่าเขาถูกควบคุมวิญญาณเหมือนกับคนอื่น
แบ็ควิลฝืนยิ้ม “ลินลี่ย์,ลูกชายข้าบางครั้งก็ย่ามใจนึกว่าคนอื่นอยู่ใต้อำนาจตนเองทั้งหมด บางทีก็ต้องลงโทษสั่งสอนกันบ้าง ลินลี่ย์!ข้าทราบเรื่องทุกอย่างจากยูไรห์แล้ว น่าเสียดายที่เจ้าไม่พักต่ออีกสักสองสามวัน ก็เตรียมจะจากไปเสียแล้ว ช่างน่าเสียดายจริงๆ”
“ไม่มีอะไรที่ข้าทำได้จริงๆ ข้ามีธุระจะต้องไปจัดการ” ลินลี่ย์กล่าว
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เป็นไรข้าจะไม่รั้งเจ้าให้อยู่อีกต่อไป ลินลี่ย์! เจ้าไปได้ตามใจชอบ..แต่แน่นอน ถ้าเจ้ากลับมาที่เกาะมิลัวร์ของข้าเมื่อใดข้าพร้อมต้อนรับทุกเมื่อ” แบ็ควิลพูดอย่างเป็นกันเอง
“แน่นอน แน่นอน”ลินลี่ย์หัวเราะ
ทันใดนั้นลินลี่ย์หันหน้าไปมอง เห็นทารอส ไดลินและลูกๆทั้งสองกำลังเดินเข้ามา ทารอสและไดลินเห็นลินลี่ย์ก็ดีใจและละอายใจ อารมณ์ของพวกเขาดูซับซ้อน
พวกเขาต้องการพูดบางอย่าง แต่เมื่อแบ็ควิลอยู่ด้วย พวกเขาไม่รู้จะพูดอะไรในตอนนี้
“ฮะฮะ ไดลิน, ทารอส!”ลินลี่ย์หัวเราะและเดินเข้าไปหาทันที “ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีกแล้ว ตอนนี้ทุกอย่างจบแล้ว!”
“ถูกแล้ว,ทุกอย่างจบแล้ว” ทารอสและไดลินน้ำตาคลอเบ้า พวกเขาอยู่ภายใต้การควบคุมวิญญาณ แต่ตอนนี้พวกเขาได้รับอิสระ อิสระที่พวกเขาสูญเสียไปแล้วได้กลับคืนมาต่อให้เป็นบุรุษที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังมีอารมณ์ความรู้สึก ยิ่งกว่านั้นพวกเขารู้ว่าเหตุผลที่พวกเขาได้รับอิสระนั้น เป็นเพราะลินลี่ย์
“ฮ่าฮ่า, ไปกันเถอะ ได้เวลาเดินทางต่อ!”
ลินลี่ย์จ้องมองในท้องฟ้าทิศอาคเนย์ “ได้เวลากลับไปยังแคว้นอินดิโกกันแล้ว!”