ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 56 การเปลี่ยนแปลงในราชวงศ์ฉิน (ครึ่งแรก)
ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 56 การเปลี่ยนแปลงในราชวงศ์ฉิน
ในโลกฝึกยุทธ์แผ่นดินหนานโจวมีเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมายทุกวัน
สำหรับข่าวสนามรบมารโบราณนั้น ฉู่เซวียนอดสงสัยมิได้ว่าขุมอำนาจใหญ่ของแผ่นดินหนานโจวรู้เรื่องนี้หรือไม่
ฉู่เซวียนได้ถ่ายทอดวิธีการหลอมสร้างยันต์ส่งสารให้แก่ซูเซียนเอ๋อร์ แต่ซูเซียนเอ๋อร์ไม่สามารถหลอมสร้างได้
ในบางครั้งก็หลอมสร้างได้ยันต์ส่งสารระดับต่ำเกินไปทำให้ใช้งานไม่ได้
ฉู่เซวียนทำอะไรไม่ได้มากนักกับเรื่องนี้ เหมือนว่าซูเซียนเอ๋อร์จะไม่มีพรสวรรค์ในการหลอมสร้างสมบัติ เขาจึงได้แต่มองหาผู้มีพรสวรรค์ในการหลอมสร้างสมบัติคนอื่นแทน
ฉู่เซวียนยังวางเขตแดนลับแห่งวาสนาอันที่สองไว้ในสวนกลางบ้านเช่นเดิม
พลังของสองเขตแดนลับแห่งวาสนาน่าจะดึงดูดบุตรแห่งโชคชะตาเข้ามาอีกครั้ง?
วันเวลาผ่านไปอย่างสงบสุข ไร้คลื่นลมใด ๆ
ในชั่วพริบตา ฉู่เซวียนก็ได้เก็บตัวอยู่ในบ้านหลังเล็กมาเกือบสามปี
ในช่วงสองปีแรก ระบบได้มอบรางวัลเป็นค่ายกลดาวเคลื่อนดาราคล้อยและพลังอิทธิฤทธิ์ที่ไร้เทียมทาน วิถีหวงห้ามผนึกสวรรค์!
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉู่เซวียนได้รับรางวัลเป็นพลังอิทธิฤทธิ์
หลังจากก่อตั้งค่ายกลดาวเคลื่อนดาราคล้อย มันก็สร้างจักรวาลภายในค่ายกล ก่อเกิดเป็นมิติอิสระ คนภายนอกไม่สามารถสอดแนมหรือเจาะทะลวงเข้าไปได้
ส่วนผู้ที่ถูกผนึกอยู่ภายในก็ไม่สามารถหลบหนีออกมาได้ มีแต่ชะตาต้องตกตายอยู่ภายใน
......
เนื่องจากค่ายกลดาวเคลื่อนดาราคล้อยมีมิติของตัวเอง เมื่อมันก่อตั้งขึ้นจึงเหมือนกับว่ามิติถูกเปิดออกซึ่งช่วยให้เก็บตัวฝึกฝนภายในค่ายกลได้
ฉู่เซวียนได้ก่อค่ายกลดาวเคลื่อนดาราคล้อยในเรือนสี่ประสานทันที
ภายนอกเรือนสี่ประสานดูไม่ต่างไปจากเดิมแต่ความจริงภายในกลับมีจักรวาลซุ่กซ่อนอยู่
ซูเซียนเอ๋อร์รู้สึกทึ่งกับวิถีค่ายกลของฉู่เซวียน ค่ายกลที่ลึกลับและทรงพลังเช่นนี้ไม่เคยได้ยินมาก่อนแม้แต่ในจงโจว
มันกลับสร้างจักรวาลและมิติอิสระเป็นของตนเอง
แม้ว่าตอนนี้จะมีมิติจักรวาลซ่อนอยู่ในบ้านหลังเล็ก แต่ฉู่เซวียนก็ยังอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ ชีวิตประจำวันของเขายังคงจำกัดอยู่ในเรือนสี่ประสาน
ซูเซียนเอ๋อร์ชอบฝึกฝนในมิติจักรวาล
ในทางกลับกัน วิถีหวงห้ามผนึกสวรรค์ก็เป็นพลังอิทธิฤทธิ์อันทรงพลังที่สามารถผนึกกฎแห่งฟ้าดินได้!
มันมีอานุภาพทรงพลังกว่าอาณาเขตจักรพรรดิเสียอีก ไม่ต้องกล่าวถึงพลังแห่งการผนึกของมันที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า
ต้องไม่ลืมว่าพลังแห่งอาณาเขตจักรพรรดิไม่สามารถผนึกฟ้าดินได้ ซึ่งต้องไม่กล่าวถึงผนึกกฎแห่งฟ้าดิน
ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของฉู่เซวียน เขาไม่สามารถสำแดงพลังที่แท้จริงของวิชาต้องห้ามผนึกสวรรค์ได้
แต่ด้วยพลังอิทธิฤทธิ์นี้ เขาสามารถผนึกพลังแห่งอาณาเขตของผู้ฝึกยุทธ์ในขอบเขตเดียวกันทำให้พวกเขาเคลื่อนไหวไม่ได้
ฉู่เซวียนสามารถผนึกพลังแห่งอาณาเขตของผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตจักรพรรดิด้วยเพียงการโบกมือ!
ในชั่วพริบตาฉู่เซวียนก็ได้เก็บตัวอยู่บ้านมาเกือบสามปี เขาค่อนข้างรู้สึกหดหู่ใจ หลังจากสร้างเขตแดนลับแห่งวาสนาอันที่สอง เวลาก็ผ่านไปนานแล้วแต่ยังไม่มีบุตรแห่งโชคชะตามาเลยแม้แต่คนเดียว
ในเวลนี้ฐานพลังยุทธ์ของฉู่เซวียนได้ทะลวงไปยังขอบเขตจักรพรรดิขั้นที่เก้าแล้ว
ในช่วงเวลานี้เหรินชางเหอศิษย์ในนามเองก็ได้เข้าใจตราประทับผสานหยินหยางศักดิ์สิทธิ์ภายใต้คำสั่งสอนของเขา ระบบมอบรางวัลฉู่เซวียนด้วยการฝึกฝนพลังยุทธ์หนึ่งร้อยปีสำหรับหลอมพลังแห่งความตายให้เป็นพลังแห่งชีวิตได้สำเร็จ
ตอนนี้ฉู่เซวียนอยู่ไม่ไกลจากขอบเขตสูงสุดแล้ว
เหรินชางเหอยังไม่ได้หนีออกจากถ้ำเทพร่วงหล่นแต่คงอีกไม่นาน
ฉู่เซวียนคาดว่าตอนที่เหรินชางเหอหลบหนี ระบบน่าจะให้รางวัลแก่เขาอีกครั้ง
พลังยุทธ์ของซูเซียนเอ๋อร์ก็ได้ทะลวงไปยังขอบเขตว่างเปล่าขั้นที่เก้าและใกล้จะบรรลุขอบเขตรวมศูนย์แล้ว
ด้วยกายาลี้ลับไท่หยินบวกกับพลังลี้ลับไท่หยินทำให้นางสามารถสังหารข้ามขอบเขต สามารถสังหารผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตรวมศูนย์ขั้นหนึ่งได้โดยสิ้นเชิง
หลังจากอยู่บ้านอีกหนึ่งวัน ระบบได้มอบรางวัล ถุงเมล็ดเทียนไค่เป่า
ฉู่เซวียนนำพวกมันออกไปมอบให้ซูเซียนเอ๋อร์
“ปลูกเมล็ดนี้ในมิติจักรวาล”
ซูเซียนเอ๋อร์รับเมล็ดและเข้าสู่มิติจักรวาล
นางคุ้นเคยกับการทำงานแปลกๆ แบบนี้แล้ว
แต่นางรู้สึกหดหู่ไม่น้อย และเริ่มสงสัยในหน้าตาของตนเองอยู่พักหนึ่ง
เหตุใดฉู่เซวียนถึงไม่ประทับใจในความงามของนางเลย?
นางเองก็ไม่รังเกียจหากฉู่เซวียนแตะต้องนาง แต่สุดท้ายคำขอเดียวที่ฉู่เซวียนให้นางคือทำงานแปลก ๆ!
ฉู่เซวียนมองไปยังเขตแดนลับแห่งวาสนาทั้งสองสักพักหนึ่ง เหตุใดจึงยังไม่มีบุตรแห่งโชคชะตาโผล่มาเลย?
แผนเกี่ยวกับยันต์ส่งสารแม่ลูกถูกเลื่อนออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า
‘ช่างมันเถอะ คงทำได้เพียงรอต่อไป’
คนต่อไปที่โผล่มาอาจมีพรสวรรค์มากกว่าซูเซียนเอ๋อร์ก็ได้ใครจะไปรู้
ตลอดสองปีที่ผ่านมาฉู่อวิ๋นกลับมาแค่ไม่กี่ครั้ง นางได้มอบโอสถให้ฉู่เซวียนและในเวลาเดียวกันก็รับฟังประสบการณ์ฝึกยุทธ์ที่ฉู่เซวียนเตรียมเอาไว้ให้
ฉู่อวิ๋นสามารถปรุงโอสถมหาวิญญาณได้แล้ว อีกทั้งได้ปรุงโอสถห้วงว่างเปล่ามาแล้วหลายครั้ง ทว่าอัตราสำเร็จยังค่อนข้างต่ำและยังมีความต่างชั้นในด้านคุณภาพ
ในเวลาสองปีพลังยุทธ์ของฉู่อวิ๋นได้มาถึงขอบเขตห้วงลี้ลับขั้นที่เก้าแล้ว ฉู่เซวียนประเมินว่านางน่าจะบรรลุขอบเขตวิญญาณได้ทุกเมื่อ
พรสวรรค์ของฉู่อวิ๋นไม่เป็นสองรองใครในหมู่รุ่นเยาว์ของตระกูลฉู่
ยกเว้นฉู่หยวน
แต่พรสวรรค์ปรุงโอสถของฉู่อวิ๋นนั้นเหนือจินตนาการ แม้แต่อัจฉริยะจากภูเขากระถางสวรรค์ที่เป็นนิกายปรุงโอสถยักษ์ใหญ่ในแผ่นดินหนานโจวก็ยังด้อยกว่าฉู่อวิ๋นเป็นอย่างมาก
ตอนนี้บุคคลที่แอบปกป้องฉู่อวิ๋นถูกแทนที่ด้วยยอดฝีมือขอบเขตจริงแท้ขั้นหนึ่งจากหอจันทร์ทมิฬแล้ว
จางขุยเป็นผู้ฝึกยุทธ์มาร ดังนั้นบางสถานการณ์จึงไม่สะดวกให้เขารับมือ
นอกจากนี้ ฉู่อวิ๋นเชื่อเสมอว่าผู้อาวุโสที่ทรงพลังกำลังแอบฝึกฝนนางอยู่ เพื่อทดสอบพรสวรรค์ปรุงโอสถของนาง
ครึ่งเดือนที่ผ่านมา ฉู่อวิ๋นส่งจดหมายบอกว่านางได้ออกจากแคว้นฉู่และกำลังจะออกจากแคว้นฉินเพื่อไปฝึกฝนต่อ
ฉู่เซวียนไม่เป็นห่วงความปลอดภัยของนางมากนัก
ถึงแม้ยอดฝีมือขอบเขตจริงแท้จากหอจันทร์ทมิฬจะล้มเหลวในการปกป้องนางแต่พลังจักรพรรดิในตัวของฉู่อวิ๋นจะรับประกันความปลอดภัยของนางเอง
ขุมอำนาจใหญ่ในแผ่นดินหนานโจวยังไม่มียอดฝีมือขอบเขตจักรพรรดิ กฎแห่งฟ้าดินยังไม่ได้รับการฟื้นฟูเต็มที่ ดังนั้นจึงไม่มีใครสามารถทะลวงไปได้
อีกอย่างยังไม่มียอดฝีมือขอบเขตจักรพรรดิมาจากภายนอกแผ่นดินหนานโจว
ยอดฝีมือขอบเขตจักรพรรดิคนเดียวที่สามารถทำร้ายนางได้คือยอดฝีมือจากหอจันทร์ทมิฬ
แต่เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ในแผ่นดินหนานโจว ความแข็งแกร่งของคนผู้นั้นน่าจะอยู่ในขอบเขตจักรพรรดิขั้นแรกเท่านั้น
“นายน้อยเจ้าคะ ดูเหมือนมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในราชวงศ์ฉิน”
ซูเซียนเอ๋อร์ส่งข้อมูลให้ฉู่เซวียน
“การเปลี่ยนแปลงในราชวงศ์ฉิน?”
ฉินเค่ออวิ๋นพลันผุดขึ้นในใจของฉู่เซวียนทันที
หากมีการเปลี่ยนแปลงในราชวงศ์ฉินก็น่าจะเกี่ยวข้องกับนาง
หลังจากตรวจสอบข้อมูลแล้ว ฉู่เซวียนพบว่าจักรพรรดิฉินองค์ปัจจุบันที่เป็นผู้นำราชวงศ์ฉินได้สละราชบัลลังก์แล้ว!
ดูเหมือนว่าเขาถูกบีบบังคับให้สละราชบัลลังก์
ในเวลานี้แคว้นฉินอยู่ในสภาพที่จักรพรรดิองค์เก่าสละราชบัลลังก์และจักรพรรดิองค์ใหม่ยังไม่ได้ขึ้นครองบัลลังก์ ราชวงศ์ฉินถือเป็นมังกรไร้หัว
หอจันทร์ทมิฬไม่มีรายละเอียดเฉพาะเจาะจงว่าเกิดอะไรขึ้น
ตระกูลจ้าว ตระกูลเหอ และตระกูลฉู่เองก็ไม่ทราบเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในราชวงศ์ฉินเช่นกัน
ฉู่เซวียนตระหนักว่าสถานการณ์ในแคว้นฉินกำลังจะเปลี่ยนไป
บางทีมันอาจจะถึงขั้นทำให้สถานการณ์ทั่วทั้งแผ่นดินหนานโจวจะเปลี่ยนไปเลย
แคว้นเล็ก ๆ อย่างแคว้นต้าโจวและแคว้นจื่อเยว่อาจถูกทำลายและถูกผนวกรวมเป็นหนึ่ง
กำเนิดจักรพรรดินีอสูร วิญญาณอสูรจิ้งจอก!
ฉู่เซวียนพึมพำกับตนเอง “ข้าไม่รู้ว่าชีวิตนี้เจ้าเป็นมนุษย์หรืออสูร?”
…
ในดินแดนบรรพชนของราชวงศ์ฉิน สายเลือดหลักของราชวงศ์ฉินและผู้อาวุโสทั้งตระกูลมารวมตัวกัน
หญิงสาวนางหนึ่งยืนอยู่บนแท่นบูชา
นางมีรูปลักษณ์อันไร้ที่เปรียบ แต่ความโหดเหี้ยมกลับซุ่กซ่อนอยู่เบื้อหลังสีหน้าอันสง่างาม ดวงตาที่สดใสของนางเป็นประกายด้วยกลิ่นไออสูร
ฉินเค่ออวิ๋น!
นางดูสง่างามเช่นเคย
แต่ความโหดเหี้ยมบนใบหน้าและดวงตาอันน่าหลงใหลของนางบ่งบอกว่านางได้เปลี่ยนไปแล้ว
ทั่วทั้งดินแดนบรรพชนมีเพียงสองคนเท่านั้นที่ยืนอยู่ขณะที่คนที่เหลือกำลังหมอบกราบอยู่บนพื้น
หนึ่งในสองคนที่ยืนอยู่คือฉินเค่ออวิ๋นซึ่งยืนอยู่บนแท่นบูชาและอีกคนคือฉินปิงเซี่ยซึ่งยืนอยู่ใต้แท่นบูชา
“นับแต่วันนี้ไป ข้าคือจักรพรรดินีแห่งแคว้นฉินและผู้นำตระกูลฉิน! ผู้ใดต่อต้าน? ผู้ใดติดตาม”
ฉินเค่ออวิ๋นก้มลงมองไปยังผู้คนในราชวงศ์ฉิน
ดินแดนบรรพชนเงียบสงัด ในหมู่คนราชวงศ์ฉินไม่มีผู้ใดต่อต้านหรือติดตามนางเลยแม้แต่คนเดียว
“สนามรบมารโบราณจะเปิดในไม่ช้านี้ นี่เป็นวาสนาสำหรับราชวงศ์ฉินที่จะผงาดขึ้น ผู้ใดเห็นด้วยกับข้าก้าวถอยไป ส่วนผู้ใดไม่เห็นด้วยตราบใดที่รอดจากการเคลื่อนไหวของข้า ตำแหน่งผู้นำราชวงศ์ฉินจะเป็นของพวกเจ้า!”
ยังไม่มีผู้ใดเอ่ยขึ้น
“ในเมื่อพวกเจ้าติดตามข้า นับแต่วันนี้ไป ข้าจะแบกรับทั้งราชวงศ์ฉินและแคว้นฉิน!”
กลิ่นอายบนตัวของฉินเค่ออวิ๋นพุ่งทะยานออกมา เผยให้เห็นฐานพลังยุทธ์ขอบเขตจริงแท้ขั้นเก้าของนาง