ตอนที่แล้วข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 52 ถ่ายทอดตราประทับผสานหยินหยางศักดิ์สิทธิ์, ขอบเขตจักรพรรดิขั้นที่ห้า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 54 กายาลี้ลับไท่หยิน, ซูเซียนเอ๋อร์

ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 53 เจ้าหอระดับทองเปาหงเหยียน


ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 53 เจ้าหอระดับทองเปาหงเหยียน

เหยาชีอองเป็นจ้าวหอระดับทองแดงของหอจันทร์ทมิฬ เป็นหัวหน้าของว่านฉาง

ในเวลานี้คนผู้นี้กำลังยืนอยู่ตรงหน้าฉู่เซวียนด้วยความเคารพ

เหยาชีอองกำลังสาปแช่งว่านฉางอยู่ในใจ

หลังจากที่ว่านฉางบรรลุ ก่อนว่านฉางจะออกจากเรือนสี่ประสานฉู่เซวียนก็ใช้พลังจักรพรรดิปลูกฝังตราประทับเม็ดวิญญาณไว้ในร่างของอีกฝ่าย

เมื่อว่านฉางเผชิญหน้ากับเหยาซีออง พลังจักรพรรดิของฉู่เซวียนก็จะกำราบเหยาชีอองและฝังตราประทับเมล็ดวิญญาณเข้าไปในวิญญาณของอีกฝ่าย

จิตสำนึกของเหยาชีอองยังคงชัดเจนแต่เขารู้ว่าตนเองติดกับเข้าแล้ว

แต่เขาก็ไม่สามารถต่อต้านได้

เหยาชีอองก่นด่าบรรพบุรุษทั้งสิบแปดชั่วโคตรของว่านฉางในใจ

แต่ในเวลานี้พวกเขาทั้งคู่กลายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของฉู่เซวียนแล้ว ไม่ว่าเหยาชีอองจะโกรธแค้นแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถแก้แค้นว่านฉางได้

หลังจากควบคุมเหยาชีออง ฉู่เซวียนก็สั่งให้อีกฝ่ายมาที่เรือนสี่ประสาน

“เจ้ารู้เกี่ยวกับสนามรบมารโบราณหรือไม่” ฉู่เซวียน ถาม

“นายน้อยข้าไม่ทราบ” เหยาชีอองก้มหัวลงแล้วตอบ

อย่างที่คาดเอาไว้ ระดับการเข้าถึงของสนามรบมารโบราณไม่ต่ำเช่นนั้น แม้แต่จ้าวหอคอยทองแดงก็ไม่มีสิทธิ์สัมผัสกับข้อมูลชิ้นนี้

......

ต้องไม่ลืมว่าสนามรบมารโบราณยังคงซ่อนเร้นอยู่ เมื่อมันโผล่มาเองเท่านั้น หอจันทร์ทมิฬจึงจะแจ้งบุคลากรอย่างเหยาชีอองเพื่อขายข้อมูลในการหากำไร

ฉู่เซวียนยกมือขึ้นและส่งเศษเสี้ยวพลังจักรพรรดิห่อหุ้มตราประทับเมล็ดวิญญาณแล้วให้เหยาชีอองนำมันไปด้วยเพื่อควบคุมหัวหน้าจ้าวหอระดับเงินของเขา

ตราบใดที่ไม่ใช่ตัวตนทรงอำนาจขอบเขตจักรพรรดิ พวกเขาย่อมไม่สามารถรับมือแรงกดดันพลังของฉู่เซวียนได้

เหยาชีอองจากไปพร้อมกับพลังจักรพรรดิ หัวใจของเขาเย็นเยียบ ดูเหมือนว่าจะเกิดเรื่องใหญ่กับหอจันทร์ทมิฬแล้ว

ด้วยวิธีการอันประหลาดของชายผู้นี้ เขาสามารถควบคุมจ้าวหอสองคนของหอจันทร์ทมิฬได้โดยไม่มีใครรู้ เขากำลังเฉือดเลือดกินเนื้อของหอจันทร์ทมิฬอย่างช้าๆ

ในท้ายที่สุด เขาอาจจะกลายเป็นนายเหนือหัวที่แท้จริงของหอจันทร์ทมิฬ

จากสิ่งที่เหยาชีอองรู้ ไม่ว่าผู้ทรงอำนาจของหอจันทร์ทมิฬคนใดก็ไม่อาจจะค้นพบวิธีการอันประหลาดของชายผู้นี้ได้

ฝานเชาเป็นจ้าวหอระดับเงินของหอจันทร์ทมิฬและเป็นหัวหน้าของเหยาชีออง

ทรัพยากรที่จ้าวหอระดับเงินควบคุมเหนือกว่าจ้าวหอระดับทองแดงอย่างมาก ถึงกระนั้นฝานเชาก็ยังไม่ได้เข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับสนามรบมารโบราณ

ฝานเชายืนอยู่ตรงหน้าฉู่เซวียนด้วยความเคารพ ในใจของเขาสาปแช่งบรรพบุรุษสิบแปดชั่วโคตรของเหยาชีอองในทำนองเดียวกัน

เหยาชีอองหลอกเขาเสียแล้ว

ฉู่เซวียนได้รู้เกี่ยวกับระบบการทำงานของหอจันทร์ทมิฬเพิ่มขึ้น

หอจันทร์ทมิฬถูกแบ่งออกเป็นฝ่ายกิจการ ฝ่ายพลาธิการ และฝ่ายคุ้มภัย

ฝ่ายทั้งสามนี้ ฝ่ายกิจการรับผิดชอบการดำเนินงานทั่วไปของหอจันทร์ทมิฬ

ฝ่ายพลาธิการรับผิดชอบในการจัดหาทรัพยากรต่างๆ ให้แก่หอจันทร์ทมิฬ เช่น การหลอมโอสถ การขัดเกลาอาวุธ เป็นต้น

และบอกเล่ากันว่าบุคลากรของหน่วยลับอยู่ในสังกัดฝ่ายกิจการของหอจันทร์ทมิฬ

ส่วนฝ่ายคุ้มภัยรับผิดชอบในการปกป้องความปลอดภัยของหอจันทร์ทมิฬ เป็นฝ่ายผู้ฝึกยุทธ์ที่ได้รับการฝึกฝนเป็นพิเศษจากหอจันทร์ทมิฬ

เหนือฝ่ายทั้งสาม จ้าวหอมีอำนาจสูงสุด

อำนาจและความแข็งแกร่งไม่แบ่งแยกออกจากกัน ยิ่งตำแหน่งของจ้าวหอสูงเท่าใด เงื่อนไขในความแข็งแกร่งก็ยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น มิเช่นนั้นจ้าวหอจะควบคุมผู้ใต้บังคับบัญชาได้อย่างไร?

ฝานเชาเป็นจ้าวหอระดับเงินที่กำกับดูแลจ้าวหอระดับทองแดงสามคน และเหยาชีอองเป็นเพียงหนึ่งในสามคน

ในแผ่นดินหนานโจวมีจ้าวหอระดับเงินทั้งหมดเจ็ดคน

แต่ละคนเป็นผู้ฝึกยุทธ์

ฝานเชาอยู่ในขอบเขตจริงแท้ขั้นแรก

เนื่องจากฉู่เซวียนไม่ได้รับข้อมูลอะไรเกี่ยวกับสนามรบมารโบราณ เขาจึงทำได้แต่โจมตีต่อไป ขั้นต่อไปคือการควบคุมจ้าวหอระดับทอง

ฉู่เซวียนใช้พลังจักรพรรดิห่อหุ้มตราประทับเมล็ดวิญญาณแล้วมอบให้ฝานเชาพกติดตัวไปด้วยเพื่อใช้กับหัวหน้าจ้าวหอระดับทองของเขา

ฝานเชาความคิดเหมือนกับเหยาชีออง กำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กับหอจันทร์ทมิฬ

แต่หลังจากที่ฝังตราประทับเมล็ดวิญญาณ แม้ว่าฝานเชาจะมีความคิดชัดเจนอยู่ แต่เขาก็ไม่สามารถต้านทานมันได้ ทำได้แต่เชื่อฟังฉู่เซวียนเท่านั้น

เปาหงเหยียนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตจริงแท้ขั้นที่สี่ จ้าวหอระดับทองของหอจันทร์ทมิฬ

ฉู่เซวียนค่อนข้างประหลาดใจ หัวหน้าของฝานเชาเป็นหญิงสาว

รูปร่างของนางน่าหลงใหล ใบหน้างดงาม และยังหน้าคุ้นเคยอีกด้วย

“ในแผ่นดินหนานโจวมีจ้าวหอระดับทองกี่คน”

“เรียบนายน้อย มีสามคนเจ้าคะ” เปาหงเหยียนตอบด้วยความเคารพ

นางก่นดาฝานเชาในใจ ในขณะเดียวกันนางก็ตกใจกับความสามารถของฉู่เซวียน

ตระกูลฉู่ได้สร้างตัวตนอันน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้

แถมเขายังได้ยื่นมือไปถึงหอจันทร์ทมิฬแล้ว

สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือด้วยวิธีการของชายผู้นี้ กว่าหอจันทร์ทมิฬจะจับสังเกตความผิดปกติได้คงจะสายเกินไปแล้ว

“หอจันทร์ทมิฬมียอดฝีมือขอบเขตจักรพรรดิคอยปกป้องแผ่นดินหนานโจวหรือไม่”

นี่คือสิ่งที่ฉู่เซวียนอยากรู้เป็นอย่างมาก

แม้แต่จักรวรรดิต้าเซี่ยขุมอำนาจใหญ่ที่หนุนหลังผู้ฝึกยุทธ์มารก็ไม่กล้าที่จะล่วงเกินหอจันทร์ทมิฬ หากหอจันทร์ทมิฬไม่มีผู้ทรงอำนาจคอยปกป้องในแผ่นดินหนานโจว จักรวรรดิต้าเซี่ยคงจะเข้าโจมตีไปนานแล้ว

ต้องรู้ว่าหอจันทร์ทมิฬขายทรัพยากรและสมบัติมากมาย

ผู้ฝึกยุทธ์มารเองก็ชอบสังหารและขโมยสมบัติ หากหอจันทร์ทมิฬไม่แข็งแกร่งพอ มันคงจะถูกจักรวรรดิต้าเซี่ยปล้นชิงไปนานแล้ว

“มีจ้าวหอหนึ่งดาวคอยปกป้องในแผ่นดินหนานโจว มีข่าวลือว่าเขาอยู่ห่างจากขอบเขตจักรพรรดิเพียงครึ่งก้าว โดยทั่วไปยอดฝีมือของฝ่ายคุ้มภัยล้วนแข็งแกร่งกว่าฝ่ายอื่น บางทียอดฝีมือขอบเขตจักรพรรดิอาจประจำการอยู่ที่นั่น” เปาหงเหยียนกล่าวด้วยความไม่แน่ใจ

ฉู่เซวียนคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะล้มเลิกความคิดที่จะควบคุมจ้าวหอหนึ่งดาว

หากจ้าวหอหนึ่งดาวอยู่ห่างจากขอบเขตจักรพรรดิเพียครึ่งก้าว หากฉู่เซวียนควบคุมคนผู้นั้นคงจะเสี่ยงถูกจับได้ไม่น้อย

เมื่อฉู่เซวียนถูกจับได้ เขาคงจะควบคุมหอจันทร์ทมิฬอย่างลับๆ ไม่ได้อีกต่อไป

“เจ้ารู้เกี่ยวกับสนามรบมารโบราณหรือไม่”

“รู้นิดหน่อยเจ้าคะ”

เปาหงเหยียนจ้าวหอระดับทอง ในที่สุดฉู่เซวียนก็ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับสนามรบมารโบราณสักที

“กล่าวมา”

“เจ้าคะนายน้อย”

ตามที่เปาหงเหยียนกล่าวมาสนามรบมารโบราณคือมหาสงครามตอนที่เผ่ามารรุกรานทางเหนือของแผ่นดินหนานโจวในยุคโบราณ

เป็นเพราะมหาสงครามนี้เลยทำให้แผ่นดินหนานโจวเส้นชีพจรปฐพีพังทลาย กฎแห่งฟ้าดินไม่สมบูรณ์ ยอดฝีมือขอบเขตจักรพรรดิขึ้นไปที่รอดชีวิตจากสงครามก็พากันถอนตัวออกจากแผ่นดินหนานโจว

สำหรับสนามรบมารโบราณ หลังจากเส้นชีพจรปฐพีพังทลาย กฎแห่งฟ้าดินเสียหาย มันก็สูญหายไปในรอยแยกมิติ

ตามการคำนวณของทุกคน เมื่อวเส้นชีพจรปฐพีและกฎแห่งฟ้าดินฟื้นตัว สนามรบมารโบราณจะปรากฏขึ้นอีกครั้ง

ในตอนนั้นตอนที่เผ่ามนุษย์สู้กับเผ่ามาร ยอดฝีมือจำนวนนับไม่ถ้วนได้ตกตาย ย่อมต้องมีสมบัติและมรดกมากมายอยู่ภายในนั้น ซึ่งเป็นเหตุผลว่าเหตุใดขุมอำนาจใหญ่มากมายจึงส่งคนไปสำรวจซากโบราณแห่งนี้

เมื่อนานมาแล้ว ผู้คนที่รู้จักสนามรบมารโบราณต่างก็มีพลังอันไม่ธรรมดา ดังนั้นขุมอำนาจใหญ่เลยก็ต่อสู้เพื่อแย่งชิงตำแหน่งในการเข้าร่วม

เมื่อได้รับตำแหน่งแล้วพวกเขาจึงจะเริ่มลงมือ

แน่นอนว่ายังต้องใช้เวลาอีกสักระยะก่อนที่สนามรบมารโบราณจะปรากฏขึ้น น่าจะภายในยี่สิบถึงสามสิบปี ตัวตนทรงอำนาจยังจะไม่เข้ามาปักหลักในแผ่นดินหนานโจวในเวลานี้ เขายังมีเวลามากพอที่จะเพิ่มความแข็งแกร่ง

ทว่าฉู่เซวียนไม่สามารถลดการป้องกันลงได้ จะเป็นอย่างไรหากผู้ฝึกยุทธ์พเนจรอย่างตู้หยวนแอบเข้าไปในแผ่นดินหนานโจวล่วงหน้า?

แม้ว่าพวกเขาจะหลบซ่อนตัวและหลีกหนีจากปัญหาเพื่อหลีกเลี่ยงจุดสนใจ แต่พวกเขาก็ยังเป็นปัจจัยที่ไม่แน่นอน

สำหรับฉู่เซวียนผู้ซึ่งกำลังแสวงหาความมั่นคง ปัจจัยที่ไม่แน่นอนทุกอย่างล้วนคือต้นตอของอันตรายแฝงเร้น

เขารีบออกคำสั่งเปาหงเหยียนให้จับตาดูตัวตนทรงอำนาจขอบเขตจักรพรรดิขึ้นไปที่ปรากฏตัวในแผ่นดินหนานโจว เมื่อมีข่าวนางจะต้องแจ้งให้เขาทราบทันที

เขามอบยันต์ส่งสารให้เปาหงเหยียนเพื่อให้สามารถติดต่อได้ตลอดเวลา

ฉู่เซวียนไม่ได้วางแผนที่จะเปิดเผยยันต์ส่งสารแม่ลูกก่อนเขาจะมีพละกำลังมากพอที่จะควบคุมหอจันทร์ทมิฬในแผ่นดินหนานโจวได้อย่างเต็มที่

ยิ่งไปกว่านั้นฉู่เซวียนยังรู้สึกว่ายันต์ส่งสารแม่ลูกจำเป็นต้องได้รับการปรับปรุงเพิ่มอีก ด้วยยันต์ส่งสารแม่ลูกรุ่นปรับปรุง เขาจะสามารถควบคุมยันต์ส่งสารลูกได้เยอะมากขึ้น

การปรับปรุงยันต์ส่งสารแม่ลูกต้องใช้แรงงาน ฉู่เซวียนไม่ได้วางแผนที่จะทำเอง ดังนั้นเขาจึงต้องหาบุตรแห่งโชคชาตะปรากฏตัว

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด