ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 52 ถ่ายทอดตราประทับผสานหยินหยางศักดิ์สิทธิ์, ขอบเขตจักรพรรดิขั้นที่ห้า
ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 52 ถ่ายทอดตราประทับผสานหยินหยางศักดิ์สิทธิ์, ขอบเขตจักรพรรดิขั้นที่ห้า
ฉู่เซวียนไม่ได้เลือกที่จะรับการฝึกฝนพลังยุทธ์หนึ่งร้อยปีและวิชาหมื่นชำระวิญญาณส่วนกลางทันที แต่เขาสอนตราประทับผสานหยินหยางศักดิ์สิทธิ์เหรินชางเหอก่อน
ต้องไม่ลืมว่าต้องใช้เวลาระยะหนึ่งในการย่อยการฝึกฝนพลังยุทธ์หนึ่งร้อยปี เนื่องจากฉู่เซวียนต้องตัดพลังวิญญาณไปยังกระจกหมื่นสวรรค์ทำให้การเชื่อมต่อกับเหรินชางเหอสิ้นสุดลงไปด้วย เหรินชางเหอจะคิดว่าเขาจากไปเพราะหลอกลวงสำเร็จ
“ในเมื่อเจ้าเป็นศิษย์ในนามของข้า ข้าจะสอนวิชาชั้นยอดให้แก่เจ้า วิชานี้เรียกว่าตราประทับผสานหยินหยางศักดิ์สิทธิ์ หากเจ้าสำเร็จวิชานี้ เจ้าจะสามารถหลอมพลังแห่งความตายให้เป็นพลังแห่งชีวิตหรือพลิกความตายให้เป็นชีวิต และทำให้เจ้ามองเห็นวัฏจักรแห่งความเป็นตาย สำรวจมหาเต๋าแห่งหยินยางได้”
เหรินชางเหอโค้งคำนับแล้วกล่าวว่า “ขอบคุณท่านอาจารย์ขอรับ!”
“เอาล่ะ จงตั้งใจฟัง”
แสงเทวะเจ็ดสีบนตัวของฉู่เซวียนเปล่งประกายมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เขาดูสง่างามยิ่งขึ้นราวกับเทพเซียนที่จุติลงมาสู่โลกมนุษย์
ทุกคำกล่าวและทุกประโยคเป็นเหมือนเสียงของมหาเต๋าที่ส่งผ่านกระจกหมื่นสวรรค์ไปยังแผ่นดินที่เหรินชางเหออยู่
ฉู่เซวียนได้เข้าใจตราประทับผสานหยินหยางศักดิ์สิทธิ์อย่างสมบูรณ์แล้ว ถึงแม้ความแข็งแกร่งของเขาจะด้อยกว่าเหรินชางเหอ แต่ในแง่ของความเข้าใจในวิชานี้ เขานำหน้าไปหลายขุม
เหรินชางเหอเริ่มเข้าใจตราประทับผสานหยินหยางศักดิ์สิทธิ์ หัวใจของเขาพลุ่งพล่านเต็มไปด้วยอารมณ์ เขาเลือกได้ถูก
มันคือวาสนาจริงด้วย
ตราประทับผสานหยินหยางศักดิ์สิทธิ์มีความลึกซึ้งเป็นอย่างยิ่ง มันชี้นำไปที่มหาเต๋าแห่งตราประทับผสานหยินหยางศักดิ์สิทธิ์
ถึงแม้จะมีพรสวรรค์ชั้นยอด แต่เหรินชางเหอก็เข้าใจไม่ได้ในระยะเวลาอันสั้น
ฉู่เซวียนได้มอบตราประทับผสานหยินหยางศักดิ์สิทธิ์แล้วถามว่า “เจ้าเข้าใจมากน้อยเพียงใด?”
......
เหรินชางเหอพลันเอ่ยด้วยความลำบากใจว่า “ท่านอาจารย์ ศิษย์โง่เขลานัก ศิษย์เข้าใจไม่ถึงหนึ่งส่วนเอง”
ฉู่เซวียนถึงกับกล่าวไม่ออก
ความเข้าใจของเหรินชางเหอน่าสงสารเกินไปหรือตราประทับผสานหยินหยางศักดิ์สิทธิ์ลึกซึ้งเกินไป?
ระบบได้ถ่ายทอดวิชาให้แก่ฉู่เซวียนโดยตรง ทำให้เขาสามารถเข้าใจได้อย่างสมบูรณ์ เขาเลยไม่ว่าวิชานี้เข้าใจยากเพียงใด
แม้ว่าจะไม่ได้รับความช่วยเหลือจากระบบ แต่ฉู่เซวียนรู้สึกว่าเขาไม่น่าจะใช้เวลาทำความเข้าใจนานนัก
ต้องไม่ลืมว่าเหรินชางเหออยู่ที่ขอบเขตสวรรค์ขั้นสูงสุด แต่เขากลับเข้าใจไม่ถึงหนึ่งส่วน?
พรสวรรค์ไม่มีทางย่ำแย่แน่นอนหากฝึกจนบรรลุขอบเขตสวรรค์ได้
อีกอย่างเหรินชางเหอยังบรรลุขอบเขตสวรรค์ได้ในหนึ่งหมื่นปี แถมยังเคยเป็นบุตรแห่งสวรรค์ชั้นยอด เห็นได้ชัดว่าเขามีพรสวรรค์ยอดเยี่ยมอย่างยิ่งและเป็นบุตรแห่งสวรรค์อีกด้วย
นี่ก็หมายความว่าแห่งตราประทับผสานหยินหยางศักดิ์สิทธิ์นั้นลึกซึ้งกว่าที่เขาคาดเอาไว้
เหรินชางเหอเห็นว่าฉู่เซวียนนิ่งเงียบไปนานก็เกิดความรู้สึกละอายใจยิ่งขึ้นเรื่อยๆ เขายิ่งกระวนกระวายใจกว่าเดิม อาจารย์คงจะเสียใจที่รับตนเป็นศิษย์?
เขาสาบานในใจว่าจะฝึกยุทธ์อย่างหนัก เขาจะต้องไม่ทำให้อาจารย์ผิดหวัง!
“ข้าจะอธิบายความลับในการหลอมพลังแห่งความตายให้เป็นพลังแห่งชีวิตก่อน”
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ฉู่เซวียนก็เปิดปากเอ่ยเป็นเวลานานโดยไม่มีทั้งความยินดี ขุนเคือง หรือไม่พอใจ
“ขอบคุณท่านอาจารย์!”
เหรินชางเหอถอนหายใจด้วยความโล่งอก
จากนั้นฉู่เซวียนก็อธิบายให้เหรินชางเหอฟังถึงวิธีการหลอมพลังแห่งความตายให้เป็นพลังแห่งชีวิต
เหรินชางเหอใช้เวลาสองเค่อในการเข้าใจมันอย่างสมบูรณ์
“เจ้าจงฝึกฝนและศึกษาต่อไป”
หลังจากอธิบายให้เหรินชางเหอฟังจบ ฉู่เซวียนก็ตัดพลังวิญญาณและปิดกระจกหมื่นสวรรค์
“น้อมส่งท่านอาจารย์!” เหรินชางเหอคำนับแล้วกล่าว
หลังจากนั้นไม่นาน เหรินชางเหอก็เงยหน้าขึ้นด้วยสายตามุ่งมั่น ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นบุตรแห่งสวรรค์ของเก้าดินแดนห้าสิบแผ่นดิน แทบจะอยู่ยงคงกระพันในหมู่คนรุ่นเดียวกัน
ข้าเหรินชางเหอไม่ด้อยกว่าใคร!
ข้าจะไม่ทำให้อาจารย์ผิดหวัง
เหรินชางเหอเริ่มฝึกตราประทับผสานหยินหยางศักดิ์สิทธิ์ ตราบใดที่เขาหลอมพลังแห่งความตายให้เป็นพลังแห่งชีวิตได้สำเร็จ เขาก็ไม่ต้องกังวลกับการตกตายที่นี่อีกต่อไป
เมื่อความเข้าใจในวัฏจักรแห่งความเป็นตายเพิ่มขึ้น เหรินชางเหอจะไม่มีปัญหาในการหนีออกจากถ้ำเทพร่วงหล่น ความแข็งแกร่งของเขาจะพุ่งทะยานขึ้นด้วยเช่นกัน
ในเวลานี้เหรินชางเหอมีความหวังที่จะทะลวงไปยังขอบเขตศักดิ์สิทธิ์ในตำนาน!
หลังจากที่ฉู่เซวียนปิดกระจกหมื่นสวรรค์ เขาก็รับรางวัลทันที
การฝึกฝนพลังยุทธ์ร้อยปีถูกถ่ายทอดเข้ามาในตัวเขา
ตูม
พลังยุทธ์ของฉู่เซวียนเริ่มเพิ่มขึ้น
ขอบเขตจักรพรรดิขั้นที่สาม ขอบเขตจักรพรรดิขั้นที่สี่ ขอบเขตจักรพรรดิขั้นที่ห้า!
ในที่สุดพลังยุทธ์ของเขาก็เพิ่มขึ้นถึงขอบเขตจักรพรรดิขั้นที่ห้า
ฉู่เซวียนถอนหายใจ ยิ่งพลังยุทธ์สูงมากเท่าไร ความเร็วในการฝึกฝนพลังยุทธ์ก็ยิ่งช้าลงเท่านั้น
การฝึกฝนพลังยุทธ์ร้อยปีทำให้ฉู่เซวียนทะลวงได้แค่เพียงสามขั้น
หลังจากได้รับวิชาหมื่นชำระวิญญาณส่วนกลาง ฉู่เซวียนก็ตระหนักว่าเมื่อเทียบกับส่วนแรก ส่วนกลางไม่เพียงแต่เพิ่มการฝึกฝนของวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น แต่ยังช่วยเพื่อพลังป้องกันและและพลังโจมตีของวิญญาณศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย
ฉู่เซวียนแคบแน่นหอกวิญญาณทันที
หอกนี้ไม่ได้ทำร้ายร่างกายแต่ทำร้ายวิญญาณ เป็นไปไม่ได้ที่จะป้องกัน!
จนถึงตอนนี้ วิชาสำหรับป้องกันและโจมตีวิญญาณของฉู่เซวียนก็ครบถ้วน
แผนภาพบ่มวิญญาณรุ่นปรับปรุงที่ระบบมอบเป็นรางวัลแก่เขาครั้งในตอนนี้ไม่มีผลมากนักแล้ว
ฉู่เซวียนต้องเพ่งมองแผนภาพบ่มวิญญาณเป็นเวลาหลายชั่วยามก่อนจะรู้สึกมึนงง มันช่วยฝึกฝนวิญญาณช้าเกินไป
แต่สำหรับยอดฝีมือขอบเขตจักรพรรดิ มันถือว่าเป็นสมบัติอันล้ำค่าในการฝึกวิญญาณอยู่ดี ทว่าสำหรับฉู่เซวียนผู้ใฝ่หาประสิทธิภาพ มันไม่มีค่าเลยแม้แต่น้อย
ฉู่เซวียนแตกต่างจากคนอื่น แนวคิดปิดประตูฝึกฝนเป็นเรื่องประหลาดสำหรับเขา
การเพ่งมองแค่เพียงไม่กี่ชั่วยามก็ไม่เหมาะกับวิถีชีวิตเก็บตัวของเขา
หลังจากทะลวงขั้นพลังยุทธ์ ฉู่เซวียนก็ติดต่อว่านฉางทันทีด้วยยันต์ส่งสารแม่ลูก
เขาบอกให้ว่านชางรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสนามรบมารโบราณ และสืบว่ามียอดฝีมือจากทวีปอื่นมายังแผ่นดินหนานโจวหรือไม่
ในเวลาเดียวกัน ฉู่เซวียนสั่งให้ว่านฉางให้ความสนใจว่ามียอดฝีมือขอบเขตจักรพรรดิขึ้นไปคนใดจากหอจันทร์ทมิฬมายังแผ่นดินหนานโจว
สถานะของว่านฉางในหอจันทร์ทมิฬยังต่ำอยู่บ้าง
แม้ว่าว่านฉางจะกลายเป็นจ้าวหอระดับชั้นยอด แต่เขาก็ควบคุมฝ่ายกิจการของหอจันทร์ทมิฬได้แต่ในแคว้นฉินเท่านั้น เขาจะไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลระดับสูงของฝ่ายกิจการของหอจันทร์ทมิฬได้
ฉู่เซวียนตัดสินใจขยายการควบคุมหอคอยหอจันทร์ทมิฬต่อไป
หลังจากที่ว่านฉางกลายเป็นจ้าวหอระดับชั้นยอดและควบคุมฝ่ายกิจการในแคว้นฉิน เขาก็คิดหาวิธีที่จะหลอกล่อจ้าวหอระดับทองแดงที่เหนือกว่าของเขา
มีจ้าวหอระดับทองแดงจำนวนมากในหอจันทร์ทมิฬ ฉู่เซวียนต้องการเพียงแค่ควบคุมหัวหน้าของว่านฉางเท่านั้น
ควบคุมจ้าวหอระดับทองแดง ค่อยตามด้วยจ้าวหอระดับเงิน และหากสบโอกาสก็พยายามควบคุมจ้าวหอระดับทอง
จ้าวหอระดับทองถือเป็นบุคลากรระดับสูงของหอจันทร์ทมิฬ อำนาจที่มีอยู่ในหอจันทร์ทมิฬไม่ได้ต่ำเลย
เมื่อพิจารณาสถานการณ์ของแผ่นดินหนานโจว จ้าวหอระดับทองก็น่าจะเป็นบุคลากรระดับสูงสุด
ตามระบบการจำแนกระดับของหอจันทร์ทมิฬ พลังยุทธ์ที่ต่ำสุดของจ้าวหอระดับทองอยู่ที่ขอบเขตจริงแท้ขั้นที่สาม
นอกจากการควบคุมจ้าวหอระดับทอง ยังต้องควบคุมผู้คุ้มภัยบางส่วนด้วย
ฉู่เซวียนสงสัยมิได้ว่าหอจันทร์ทมิฬในแผ่นดินหนานโจวมียอดฝีมือขอบเขตจักรพรรดิคอยปกป้องอยู่หรือไม่
หนึ่งวันต่อมา ว่านฉางส่งข้อความมาหาเขา
ว่านฉางบอกว่าไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับสนามรบมารโบราณเลยด้วยอำนาจในปัจจุบันของเขา เขาไม่พบข้อมูลอะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้ในหอจันทร์ทมิฬ
ฉู่เซวียนไม่แปลกใจเลย สถานะของว่านฉางในหอจันทร์ทมิฬนั้นต่ำเกินไป
ฉู่เซวียนสั่งให้ว่านฉางพยายามเลื่อนตำแหน่งเป็นจ้าวหอระดับชั้นยอดโดยเร็วที่สุด
พลังยุนธ์ขอบเขตจักรพรรดิขั้นที่ห้าของฉู่เซวียนยังไม่เพียงพอ เขาต้องทะลวงไปยังขอบเขตสูงสุด
โชคดีที่ยังมีเวลาเหลือพอสมควรก่อนที่สนามรบมารโบราณจะเปิดขึ้น อีกอย่างยังจะไม่มียอดฝีมือจากภายนอกคนใดเข้ามาในเวลานี้
ฉู่เซวียนยังมีเวลาที่จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ตนเอง
ยอดฝีมือขอบเขตสวรรค์คงจะไม่เข้าร่วมด้วยใช่ไหม?
ฉู่เซวียนต้องรอจนกว่าจะได้รับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสนามรบมารโบราณก่อนจะสามารถตัดสินได้อย่างถูกต้อง
ในอีกครึ่งเดือนต่อมา ฉู่เซวียนใช้เวลาในการฝึกฝนพลังยุทธ์เพิ่มขึ้น แถมยังแบ่งเวลาไปแอบดูตู้หยวนหลายครั้ง เขารู้สึกโล่งใจเมื่อพบว่าตู้หยวนไม่ได้ออกจากแผ่นดินซีโจว
ในเวลาเดียวกัน เขาก็ได้ติดต่อเหรินชางเหออีกครั้ง แล้วบรรยายเรื่องตราประทับผสานหยินหยางศักดิ์สิทธิ์เพิ่มเติม
เหรินชางเหอไม่ดูเหมือนคนตายอีกต่อไป ตอนนี้ร่างกายของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังชีวิตที่แข็งแกร่ง ร่างเหี่ยวแห้งของเขาดูอิ่มเอิบขึ้นเล็กน้อย
แต่ยังเร็วเกินไปก่อนที่เหรินชางเหอจะฟื้นตัวเต็มที่และหนีออกจากถ้ำเทพร่วงหล่น
ว่านฉางบรรลุขอบเขตรวมศูนย์และทะลวงไปยังขอบเขตรวมศูนย์ขั้นที่สองอย่างรวดเร็วเช่นกัน
ในเวลาเดียวกัน เขาก็ได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นจ้าวหอระดับชั้นยอดได้สำเร็จ
หลังจากกลายเป็นจ้าวหอระดับชั้นยอดและเข้าควบคุมส่วนธุรกิจในแคว้นฉิน ว่านฉางก็ได้ติดต่อกับจ้าวหอระดับทองแดงที่กำกับดูแลเขา