ตอนที่ 548 งานเลี้ยง
ดื่มเลือดเซียน!
มือกระบี่ทุกคนในอาณาจักรกระบี่รู้จักกระบี่ที่มีชื่อเสียงราวกับเส้นลายมือและนอกจากนั้นเป็นกระบี่ดื่มเลือดเซียนที่ครั้งหนึ่งเคยสร้างอิทธิพลที่น่ากลัว จากจุดวิวัฒนาการของมุมมองไม่ว่าจะเป็นสมบัติวิญญาณหรือพลังสายเลือด ทั้งสองอย่างจะมีพัฒนการที่แตกต่างและความเข้มข้นที่แตกต่าง
แต่ไม่ว่าจะเป็นประเภทจิตวิญญาณหรือประเภทพลังสายเลือด เลือดเซียนก็ยังคงมีพลังที่แข็งแกร่ง
แม้แต่โลหะธรรมดาหลังจากอาบไปด้วยเลือดเซียนมากเข้าจะก่อให้เกิดวิญญาณและนอกจากนี้วิญญาณนั้นจะโดดเด่นอย่างแท้จริง มีคนน้อยมากที่รู้จักประวัติกระบี่ดื่มเลือดเซียน แต่อาณาจักรกระบี่ให้ความสนใจมันมากและใช้ความพยายามและเวลามากมายสืบค้นดูจนพบได้แน่นอนว่ามันถูกสร้างขึ้นจากโลหะชำรุด
เมื่อกระบี่เพิ่งสร้างเสร็จมันจะปล่อยระลอกพลังที่ร้ายกาจมาก ระลอกพลังนี้ดึงดูดอสูรดวงดาวทั้งหมดให้วิ่งเข้าหาตำแหน่งที่กระบี่อยู่อย่างบ้าคลั่งจากรัศมีระยะ500 กิโลเมตร
ถ้าเซียนกระบี่เป็นเพียงเซียนธรรมดา เขาจะตายภายใต้คลื่นของอสูรดวงดาว
หลังจากฆ่าฟันต่อเนื่องสามวันสามคืนแล้วและดื่มเลือดอสูรดวงดาวไปหมื่นตัวระลอกพลังที่ชั่วร้ายในกระบี่ก็ค่อยๆ จางหายไป ความวาววับและลักษณะของมันเหมือนกับกระบี่โลหะธรรมดา
หลังจากนั้นเซียนกระบี่นั้นก็เที่ยวท้าทายเซียนอื่นๆ และใช้กระบี่ดื่มเลือดเซียนสู้ ข่าวลือที่แพร่กระจายออกไปข้างนอกไม่ถูกต้องเนื่องจากหมิงเยี่ยจำได้ชัดว่ามีคนในอาณาจักรกระบี่ทำการคำนวณเป็นพิเศษ และผลลัพธ์ที่ปรากฏออกมาก็คืออาบเลือดเซียนไปถึง 56 คน
อาณาจักรกระบี่มักจะมองหากระบี่อยู่เสมอ พวกเขาคุ้นเคยกับธรรมชาติกระบี่ และรู้พลังของมัน
หลังจากใช้ความพยายามและกำลังคนนับไม่ถ้วน พวกเขาไม่ได้รับผลสำเร็จอะไร หมิงเยี่ยไม่เคยคิดว่ากระบี่จะมาอยู่ในมือของจิ่งหาวจริงๆ!”
และ....
สิ่งที่ทำให้หมิงเยี่ยตกใจยิ่งขึ้นก็คือในมือของจิ่งหาวกระบี่ดื่มเลือดเซียนไม่มีความน่ากลัวร้ายกาจแม้แต่น้อย มันอ่อนโยนและสง่างามด้วยราศีที่สง่ากระบี่ที่น่ากลัวอย่างนั้นจะต้องโหดร้ายและป่าเถื่อนแน่นอน ถ้าผู้ใช้ไม่ระมัดระวังเขาจะถูกกลืน แต่มันเป็นเหมือนแมวที่ฉลาดและเชื่องเชื่อที่ยังเก็บคมเล็บไว้เป็นอย่างดี
กระบี่ที่มีชื่อเสียง มักจะเลือกเจ้านาย
คำพูดเหล่านี้ผุดขึ้นมาในใจของหมิงเยี่ย ตามที่คาดไว้นักสู้ผู้แข็งแกร่งและสร้างภูตกระบี่ขึ้นได้!
นางถอนสายตาจากจิ่งหาวและมองดูคนที่ส่งเสียงอุทานก่อนหน้านี้ เขารูปร่างใหญ่โตแข็งแรง ผมแดงสั้น ผิวของเขาสีแทน แต่งกายด้วยเสื้อแขนสั้น ส่วนกางเกงมีรูปแบบแปลกประหลาดเหมือนโซ่ที่ถักขึ้นสีเงินเป็นประกาย
วิญญาณมืด!
หมิงเยี่ยจำพื้นหลังของเขาได้ทันที ไม่น่าแปลกใจที่คนขององค์การวิญญาณมืดจะรู้จักประวัติศาสตร์กระบี่ดื่มเลือดเซียน เพราะวิญญาณมืดไล่ตามไขว่คว้ามาเป็นเวลานาน
เมื่อตระหนักถึงสายตาของหมิงเยี่ย เขาหันมามองนาง ตาของเขาทอประกายวูบและเขายิ้มให้หมิงเยี่ยเผยให้เห็นฝันขาวเหมือนหิมะ
จิ่งหาวไม่ทันสังเกตพวกเขาทุกคน แต่ยังคงหมกมุ่นอยู่กับการฝึก
แต่ในเวลาอันรวดเร็วหมิงเยี่ยและคนจากวิญญาณมืดหันหัวกลับไปหน้าของพวกเขาแสดงอาการตกใจ
จิ่งหาวยังคงเล่นวิชากระบี่พื้นฐานเท่านั้น ทุกท่วงท่ากระบี่ไม่มีความแปลกประหลาดเลย แต่ท่วงท่ากระบี่ที่เรียบง่ายทั้งหมดกลับปลดปล่อยพลังที่ผันผวนอย่างมิอาจอธิบายได้เมื่อกระบี่ดื่มเลือดเซียนโค้งแหวกอากาศเหมือนกับเคลื่อนไหวอยู่ในใต้น้ำลึกสร้างระลอกที่มองไม่เห็นและเงียบงัน
กฎธรรมชาติ!
วิชากระบี่พื้นฐานที่ดูเรียบง่ายมากแฝงด้วยพลังกฎธรรมชาติเป็นการเตือนเงียบๆ
ตาของคนจากองค์การวิญญาณมืดที่เต็มไปด้วยประกายความโลภเปลี่ยนเป็นความกลัวทันทีเหมือนกับมีน้ำแข็งราดรดศีรษะเขา และหมิงเยี่ยไม่สามารถใจเย็นอยู่ได้ นางเหม่อมองจิ่งหาวใบหน้าของนางเต็มไปด้วยแววเหลือเชื่อ
เป็นไปไม่ได้....
ครึ่งชั่วโมงต่อมา จิ่งหาวเก็บกระบี่และเดินออกไป เขาเหลือบมองมาทางคนทั้งสองอย่างไม่แยแส
หน้าของบุรุษจากองค์การวิญญาณมืดซีดขาวเหมือนกระดาษทันที
เหมือนกับว่านางถูกสายฟ้าฟาดใจของหมิงเยี่ยว่างเปล่าไปในช่วงเวลานั้น ร่างของนางนิ่งไม่สามารถขยับนิ้วได้แม้แต่นิ้วเดียว
เมื่อนางรู้สึกตัว จิ่งหาวก็หายไปแล้ว หัวใจนางยังรู้สึกกลัว ดวงตาของจิ่งหาวแฝงด้วยเจตจำนงกระบี่
น่ากลัวมาก....
อาณาจักรกระบี่ดูแคลนพลังของจิ่งหาวเกินไป!
ความรู้สึกกระตุ้นให้รีบกลับอาณาจักรกระบี่เกิดขึ้นในใจนางทันที แต่นางข่มเอาไว้ มีร่างหนึ่งปรากฏอยู่ข้างนาง เป็นบุรุษจากองค์การวิญญาณมืด
“ท่านก็ตะลึงเช่นกัน? เซียนกระบี่ที่ไม่เหมือนใคผู้นั้นความจริงมาจากสมาพันธ์ชาวยุทธ น่าเสียดาย อาณาจักรกระบี่ของเจ้าคิดยังไงต่อเขา?”
คำถามเต็มได้แววเย้ยหยันเข้าหูหมิงเยี่ย
หมิงเยี่ยตอบของเย็นชา “องค์การวิญญาณมืดสนใจเซียนกระบี่ได้ทำให้ข้าแปลกใจเหมือนกัน”
เขาหัวเราะเสียงลั่น “ข้าไม่สนใจจิ่งหาว, ไม่สนใจฝ่ายตรงข้ามเขา แต่ข้าสนใจกระบี่ดื่มเลือดเซียนในมือของเขา
“เขาเข้ากันได้ดีกับกระบี่” หมิงเยี่ยพูดอย่างเฉยเมย นางถือกำเนิดในอาณาจักรกระบี่และศรัทธาต่อกระบี่เป็นอย่างมาก
“โฮะๆๆๆ แน่นอนสามารถสร้างภูตกระบี่ได้และไม่เดินตามเส้นทางวิชาจิตวิญญาณ เป็นเซียนกระบี่ที่อาศัยกฎธรรมชาติกระบี่ แน่นอนว่ามีคุณสมบัติ!” คนขององค์การวิญญาณมืดพยักหน้า “แต่กระบี่นั่นเป็นสมบัติของผู้อาวุโสในองค์การวิญญาณมืด”
หมิงเยี่ยใจสั่นสะท้าน แต่นางไม่แสดงอะไรให้เห็น “องค์การวิญญาณมืดตั้งใจจะร่วมรบกับกลุ่มดาวหมีใหญ่?”
บุรุษผู้นั้นทำสีหน้าเฉื่อยชาและฝืนยิ้ม “ท่านพูดถูก ใครจะคิดต่อสู้กับกลุ่มดาวหมีใหญ่ตอนนี้เล่า? อย่างน้อยองค์การวิญญาณมืดคงไม่ใช่”
หลังจากการสู้รบขนาดใหญ่ องค์การวิญญาณมืดจึงเข็นศักดิ์ศรีของเขาออกมา เหตุผลพื้นฐานนั่นทำให้คณะทูตถูกส่งไปหาพวกเขา
ตั้งแต่เปิดฉากสงครามระหว่างสมาพันธ์ชาวยุทธและกลุ่มดาวราชสีห์ทั้งสองฝ่ายก็ผลัดกันแพ้และชนะและอยู่ในการจับตา แต่ไม่มีใครคาดว่าผู้ที่ทำให้สมาพันธ์ชาวยุทธต้องล้มคว่ำเป็นครั้งแรกกลับเป็นกลุ่มดาวหมีใหญ่ และหลังจากล้มคว่ำไม่เป็นท่าแล้ว พวกเขาสงบเสงี่ยมเป็นพิเศษ
แม้แต่สิบห้าเซียนจากวิหารเซียนยังถูกทำลาย หลังจากผ่านการสังเกตการณ์ทุกคนตระหนักว่าในกลุ่มดาวหมีใหญ่มียอดฝีมืออยู่ไม่มาก แต่พวกเขายังคงตระหนักว่าความกลมเกลียวเหนียวแน่นของกลุ่มดาวหมีใหญ่นั้นแข็งแกร่ง นักสู้ระดับต่ำและระดับกลางทุกคนฝึกฝนกันอย่างเอาเป็นเอาตายเหนือกว่ากลุ่มดาวไหนๆทั้งนั้น
และกลุ่มดาวหมีใหญ่ไม่เน้นเก็บพลังดวงดาวไว้ให้แต่ยอดฝีมือ แต่กลับให้ความสำคัญต่อนักสู้ระดับต่ำและระดับกลางแทนอย่างใจกว้าง ดังนั้นการปฏิบัติต่อนักสู้ระดับต่ำและระดับกลางในกลุ่มดาวหมีใหญ่คือจุดแข็งที่สุดในทุกกลุ่มดาว ตราบใดที่พวกท่านฝึกหนัก ท่านจะมีความสุขกับพลังดวงดาวที่หนาแน่นในกลุ่มดาวหมีใหญ่ได้ และไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าธรรมเนียมสำหรับการใช้พลังดวงดาวด้วยซ้ำ
นโยบายนี้ของกลุ่มดาวหมีใหญ่ไม่เหมาะสมกับนักสู้ที่แข็งแกร่ง แต่อาจคาดได้ว่าเมื่อนักสู้ระดับต่ำและระดับกลางเติบโตขึ้น พวกเขาจะทำให้อนาคตกลุ่มดาวหมีใหญ่น่ากลัวยิ่งขึ้น
ด้วยมาตรฐานที่สูงขึ้นบวกกับประชากรมหาศาลของเผ่าพันธุ์หมาป่า กองทัพกลุ่มดาวหมีใหญ่จะแข็งแกร่งเป็นพิเศษ
นอกจากสมาพันธ์ชาวยุทธจะกลับมาจะไม่มีกลุ่มดาวอื่นกล้าตอแยกลุ่มดาวหมีใหญ่ คำพูดของหมิงเยี่ยเป็นการเตือนอีกฝ่ายหนึ่งว่า การตอแยใดๆก็ตามอาจก่อให้เกิดการตอบโต้อย่างรุนแรงจากกลุ่มดาวหมีใหญ่ กลุ่มดาวหมีใหญ่เป็นกลุ่มดาวที่เติบโตแข็งแกร่งมากหลังจากการสู้รบ และกลุ่มคนบ้าพวกนี้ไม่กลัวการสู้รบ
หมิงเยี่ยไม่ต้องการให้แผนของนางถูกรบกวนเพราะความโลภของอีกฝ่าย
“ข้าเพียงแต่คิดอะไรบางอย่างไร” บุรุษผู้นั้นส่ายศีรษะ เขาทำท่าจนใจ เขาหมุนตัวจากไป แต่แจ้งชื่อของเขาไว้ “ข้าชื่อกันหาว”
“ร้องไห้ไม่มีน้ำตา....” หมิงเยี่ยโพล่ง (หมิงเยี่ยฟังผิดเป็นอีกความหมายหนึ่ง)
หวีจีหัวเราะคิกซึ่งทำให้ดูมีเสน่ห์มาก
กันหาวที่เพิ่งทะยานร่างขึ้นไปถึงกับเป๋เหมือนนกปีกหัก หน้าของเขาแดงจนเส้นเลือดขึ้นหน้าผาก
ตามคาด ชื่อนี้ไม่เหมาะกับอิสระของข้าเลย
เขาคิดถึงภาพตอนจิ่งหาวเดินออกไป เงาหลังของเขาไม่อาจหยั่งถึง และหัวใจของเขาเริ่มร่ำร้อง, เห็นได้ชัดว่าทุกคนคืออาหาว... ทำไมความแตกต่างของเราถึงได้ยิ่งใหญ่นัก....
*******
อังเดรเปิดหน้าต่างและสังเกตกองกำลังลาดตระเวณจากระยะไกล
สการ์เล็ตเหยียดตัวอย่างเกียจคร้าน “เจ้ามองดูอยู่นานแล้วและมีแต่ผู้คนเดินทางไปมา เจ้าดูอะไรอยู่กันแน่?”
“มีการพิจารณาในการฝึกฝนของพวกเขา วินัยของพวกเขาเข้มงวด พฤติกรรมเป๊ะมาก” อังเดรพูดโดยไม่หันหน้า
“เอ่.. แม้แต่เจ้าก็ยังยกย่อง นั่นหาได้ยากนะ” สการ์เล็ตหัวเราะคิก แต่นางประหลาดใจ อังเดรเป็นนักเรียนที่มีความสามารถมากในสถาบันทหาร เขาเป็นคนจู้จี้จุกจิก สามารถได้รับคำวิจารณ์จากเขาไม่ใช่เรื่องง่าย
“มาตรฐานของพวกเขาสูงจริงๆ” อังเดรพูดจริงจัง “นอกจากคุณภาพของทหารเมื่อเทียบกับกองทัพของเรา พวกเขาไม่ด้อยกว่าเลยไม่ว่าด้านไหนๆ และด้วยการฝึกฝนอย่างจริงจังของพวกเขา และด้วยพลังดวงดาวที่เพียงพอด้วยเวลาอีกเพียงไม่กี่ปี ข้าคิดว่าความอ่อนด้อยของพวกเขาจะหมดไป และพวกเขาจะกลายเป็นกองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดภายใต้สวรรค์วิถี”
“เจ้าหมายความว่า พวกเขามีค่าพอจะเข้ามาร่วมด้วยสินะ” ตาของสการ์เล็ตเป็นประกาย สามารถแต่งงานกับนักสู้ที่แข็งแกร่งได้ สำหรับสตรีทะเยอะทะยานอย่างนาง เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดอย่างมิต้องสงสัย
“ถูกแล้ว! ถ้ากลุ่มดาวหมีใหญ่เป็นพันธมิตรกับเรากลุ่มดาวราชสีห์ เราจะเอาชนะสมาพันธ์ชาวยุทธได้แน่” อังเดรยิ้มกว้าง เขาไม่สงสัยพรสวรรค์พิเศษของสการ์เล็ต “ข้าขอแสดงความยินดีกับท่านด้วย การเชื่อมสัมพันธ์ผ่านการแต่งงาน เข้ากันได้กับสาวงามอย่างท่านอยู่แล้ว”
“ถูกแล้วสำหรับงานเลี้ยงวันนี้แต่งชุดอะไรถึงจะเหมาะ?” สการ์เล็ตเริ่มคิดเรื่องงานราตรีสโมสร นางกำลังคิดถึงสิ่งที่น่าทึ่งสามารถดึงดูดใจถังเทียนได้
คณะทูตานุทูตจะเข้างานเลี้ยงอาหารค่ำและนางต้องการให้ตัวเองเด่นล้ำกว่าคนอื่นด้วยผลงานที่น่าทึ่ง นั่นคือรูปแบบของนาง
“อย่าถามข้าเลย!” อังเดรรู้สึกปวดหัว และชูมือยอมจำนน
ตกยามราตรีสถานที่คึกคักไปด้วยกิจกรรม
“วุ่นวายจริงๆ!” คนผู้พูดจงใจลดเสียงพูดด้วยความรังเกียจ “มีแต่พวกประเทศด้อยพัฒนาทั้งนั้น นี่มันเป็นงานเลี้ยงที่เรียบง่ายและหยาบเท่าที่ข้าเคยร่วมมาคนทั้งหมดนี้อ่อนด้อยทั้งนั้น”
สหายที่อยู่ข้างๆ เขาหัวเราะ “กลุ่มดาวขอบจักรวาลมีแต่ที่รกร้างยิ่งกว่าหมู่บ้านพวกเขาน่ะหรือ? นี่เป็นรูปแบบที่พวกเขาใช้ชีวิต”
สการ์เล็ตอยู่ใกล้ๆ ยิ้มให้อังเดร “งานเลี้ยงนี้เรียบง่ายมากจริงๆ”
อังเดรมองไปที่สัญลักษณ์บนหน้าอกของคนทั้งสองและพูดด้วยความรังเกียจ “สามัญชนกับขุนนางรู้แต่วิธีหาความสนุก มีดและช้อนส้อมในงานเลี้ยงมีแต่จะทำให้คนพ่ายแพ้ มีแต่ดาบและกระบี่ในสนามรบถึงจะแสดงศักยภาพที่น่าเคารพออกมาได้”
ประวัติศาสตร์ของกลุ่มดาวราชสีห์ยังไม่ยาวนาน และมีประสบการณ์โชกเลือด เหงื่อและน้ำตามากกว่าจะสร้างสถานะปัจจุบันของเขาได้
และอีกด้านหนึ่งก็คือคณะทูตจากกลุ่มดาวคันชั่ง
ผู้อาวุโสหัวกำลังสรรเสริญชื่นชมสมบัติของเซียนที่ยืนคุ้มกันและได้ยินการพูดคุยกันระหว่างทั้งสองคน เขาแค่นเสียงขึ้น “โอหังนัก! ถ้าพวกเขารู้มูลค่าสมบัติบนตัวยามรักษาการณ์นั้นพวกเขาจะรู้ว่าพวกเขาอยู่ในทะเลเงินดวงดาวที่ไร้ขอบเขต! เรียบง่ายหรือ?นี่มันงานเลี้ยงที่มหัศจรรย์ที่สุดในประวัติศาสตร์!”
ผู้อาวุโสเซียวตอบด้วยอารมณ์ขันที่ยากจะพบเจอ “ต่อให้พวกเขารู้ พวกเขาก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องมงคลหรอก มีแต่จะรู้สึกเจ็บปวดมากขึ้น เพราะพวกเขาไม่สามารถนำเหรียญดาวมาอวดในที่นี้ได้แม้แต่เหรียญเดียว”
ผู้อาวุโสคนอื่นๆ หัวเราะ
ทันใดนั้น ทั่วสถานที่พลันเงียบลง
ถังเทียนปรากฏตัว