ตอนที่ 547 ผลกระทบ
ติงม่านยิ้มหวาน
เม็ดพลอยสีแดงสดใสที่คล้องอยู่ที่คอของนางมีชื่อไพเราะว่า ‘หัวใจมนุษยธรรม’ชื่อของสมบัติวิญญาณมิใช่ตั้งกันส่งเดชตามความพอใจ และสมบัติวิญญาณที่มีคำว่า ‘เทพ’แฝงอยู่ในนั้นย่อมไม่ใช่สมบัติวิญญาณธรรมดาแน่นอน หัวใจมนุษยธรรมคือสมบัติวิญญาณที่มิได้แพร่หลายกว้างขวางแต่ในหมู่นักสู้ที่เป็นหมอ หรือเซียนแพทย์นี่เป็นสิ่งที่พวกเขารู้จักกันดีทุกคน
หัวใจมนุษยธรรมสามารถยกระดับพลังควบคุมของนักสู้ที่เป็นหมอหรือเซียนแพทย์ได้อย่างมากมาย ภายในหัวใจมนุษยธรรมยังสะสมพลังส่วนหนึ่งของกฎชีวิต สามารถทำให้ผู้ใช้พลังรักษาได้เปรียบเล็กน้อยในเรื่องกฎของชีวิต กฎของชีวิตเป็นหนึ่งในกฎธรรมชาติที่สุดยอดและเป็นเป้าหมายสูงสุดที่นักสู้ที่เป็นแพทย์พยายามไปให้ถึง แม้ว่ากฎชีวิตที่สะสมอยู่ภายในหัวใจมนุษยธรรมจะยังไม่สมบูรณ์ก็ตาม แต่มันก็สามารถกลายเป็นสมบัติจิตวิญญาณที่หมอนักสู้ทุกคนฝันใฝ่ตามหาทั้งวันทั้งคืน
เมื่อถังเทียนจับหัวใจมนุษยธรรมยัดใส่มือนางตอนแรกนางยังไม่เข้าใจสถานการณ์ แต่เมื่อนางตระหนักได้ว่าจี้พลอยสีแดงสดใสนั้นก็คือหัวใจมนุษยธรรมที่ลือชื่อ นางตกใจตะลึงมึนงงทำอะไรไม่ถูก เมื่อมีเซียนงี่เง่าคนไหนไม่รู้ร้องไห้ออกมาดังๆ ทำให้นางพลอยน้ำตานองหน้าไปด้วยและร้องไห้ตามคนอื่นเช่นกัน
เมื่อนางเรียกความรู้สึกกลับมาได้ นางตระหนักได้ว่าทุกคนกำลังจ้องมองนางและนางรู้สึกอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี นางไม่เคยอายอย่างนั้นมาก่อนในชีวิต
ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา นางจะกำหัวใจมนุษยธรรมแล้วหลับไปและสิ่งแรกที่นางทำทุกเช้าก็คือ ถ้ามันเป็นฝันตื่นหนึ่ง....
และนางเพียงแต่สงบใจลงเมื่อนางรู้สึกว่าหัวใจมนุษยธรรมยังอยู่ในมือนาง
ไม่ใช่แต่เพียงนางเท่านั้น คนที่เหลือรอบตัวนางก็เหมือนกัน เป็นสัปดาห์ที่ไม่ธรรมดาสำหรับหน่วยเซียนของกลุ่มดาวหมีใหญ่ ที่จู่ก็มีคนแหกปากหัวเราะขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยราวกับคนโง่ บางคราวจู่ๆ ก็ร้องไห้และอีกสองสามวันทุกคนต้องต่อสู้กับสถานการณ์แปลกประหลาด
ในตอนแรก ถ้าขอให้มาต้อนรับอาคันตุกะ ติงม่านไม่มีทางยอมรับทำงานเช่นนี้เด็ดขาด
แต่ยามนี้เมื่อโส่วจิงไปพบนาง นางตอบตกลงทันที ไม่เพียงแต่นางเท่านั้นทุกคนในหน่วยเซียนเป็นเหมือนกันหมด
แต่ละคนๆ เหมือนมีเปลวเพลิงอยู่ในดวงตาของพวกเขา ราศีภายในเฉิดฉายไม่มืดมัวหม่นหมองพวกเขาดูแตกต่างไปจากวันอื่นอย่างสิ้นเชิง เต็มไปด้วยพลังงานไม่มีหมดสิ้น และในหัวใจของทุกคน ราวกับมีเสียงตะโกนว่าทุ่มเท ทุ่มเท ทุ่มเททำทุกอย่างสุดความความสามารถ ให้คุ้มกับผลตอบแทนนี้!
ที่สำคัญที่สุดกลับกลายเป็นว่าพวกเขายินดีตายเพื่อสหายสนิท
ติงม่านไม่ถือสาสายตาของผู้เฒ่าเซียว การคุ้มครองป้องกันของเมืองศีรษะหมีเต็มไปด้วยประสิทธิภาพ และไม่มีใครกล้าปล้นชิงที่นี่และนางเองก็ไม่ใช่นักสู้ที่อ่อนแอ ติงม่านนำคณะทูตและแนะนำเซียนที่ผ่านไปมาคนอื่นๆ ให้รู้จัก
ตอนแรกคณะทูตทุกคนทำเหมือนกับว่าไม่เห็นหัวใครอื่นพูดแต่คำที่หยิ่งยโสแต่เสียงค่อยเบาลงๆ จนสงบในที่สุด
เพราะพวกเขาตระหนักว่าพวกผู้อาวุโสสีหน้าเริ่มเงียบขรึมลง
ทุกคนมองหน้ากันเองอย่างสับสน ทำไมพวกผู้อาวุโสถึงเป็นเช่นนั้น....
ติงม่านดูแลคณะทูตเสร็จและเตรียมจะออกไปขณะที่ยังมีงานต้องทำให้ผี่ผาและโส่วจิง เมื่อนางออกไปคณะทูตพากันนิ่งเงียบกันหมด
“ของปลอมแน่นอน!” น้ำเสียงของผู้เฒ่าหัวมั่นใจ “ของดีตั้งมากมายอย่างนั้นเป็นไปได้ยังไงที่มาปรากฏอยู่ในที่แห่งเดียวกัน แถมแต่ละคนมีกันคนละชิ้นด้วยหรือ? แม้แต่สมาพันธ์ชาวยุทธก็ยังไม่หรูหราฟุ่มเฟือยขนาดนั้น!”
ระหว่างทางพวกเขาได้พบกับเซียนสองสามคนและเซียนทุกคนจะมีสมบัติวิญญาณที่ลือชื่อ เช่นเข็มทิศเป็นตายแห่งดาวมีน, หัวใจมนุษยธรรม...
พวกผู้อาวุโสทุกคนรอบคอบและมีความรู้ และเคยเห็นสิ่งต่างๆมามาก ถ้าพวกที่อยู่ใต้บังคับบัญชาพวกเขาไม่รู้จักสิ่งของ พวกเขาจะไม่รู้จักได้ยังไง? ชื่อของสมบัติแต่ละชิ้นล้วนมีตำนานรองรับอยู่เบื้องหลัง
ทุกครั้งที่พวกเขาเห็นสมบัติวิญญาณใหม่ หัวใจของพวกเขาจะตกวูบอีกครั้ง
“ต่อให้เป็นของเลียนแบบ แต่ก็แพงอยู่ดี!” ผู้อาวุโสอีกคนหนึ่งกล่าว ดูเหมือนสถานการณ์ในกลุ่มดาวหมีใหญ่ดีกว่าที่เราคิดไว้มาก พวกเขาร่ำรวยมาก!”
พวกเขาเริ่มพยักหน้าหงึกหงักปลอมอาวุธที่มีชื่อเสียงมีสมบัติวิญญาณที่มีราคาและไม่ธรรมดาเมื่อเทียบกัน แต่ละคนก็มีคนละชิ้น นี่พวกเขามีมากเท่าใด
ผู้อาวุโสอีกคนกล่าว“ข้าเกรงว่าพวกเขาจะมีเจ้าสมบัติวิญญาณที่ทรงพลังมากและได้รับมรดกที่ยาวนานและแข็งแกร่ง ถ้าไม่อย่างนั้นพวกเขาคงไม่สามารถสร้างของเลียนแบบอย่างนั้นได้แน่”
ผู้อาวุโสอีกคนหนึ่งผงกศีรษะอีกครั้ง ใช่แล้ว คงเป็นเรื่องตลกที่เอาไว้ล้อเล่นกันว่าเจ้าสมบัติวิญญาณเจตนาไม่ดีต้องการจะสร้างของเลียนแบบ
“แบบนี้ไม่ดีเลย!”ผู้อาวุโสหัวถอนหายใจ “ไม้ตายเด็ดที่สุดของเราก็คือเงิน ดูเหมือนว่ากลุ่มดาวหมีใหญ่จะร่ำรวยกว่าเรา”
ผู้อาวุโสทุกคนมองหน้ากันเอง ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร ก่อนนั้นพวกเขายังรู้สึกว่าพวกเขามีความมั่นใจเนื่องจากกลุ่มดาวหมีใหญ่เพิ่งจัดตั้งองค์กรกันใหม่และถังเทียนไม่ได้มาจากที่ซึ่งมีเบื้องหลังแข็งแกร่ง นั่นหมายความว่ากลุ่มดาวหมีใหญ่น่าจะยากจนเป็นพิเศษ ตราบใดที่พวกเขาขาดแคลนเงิน อย่างนั้นก็เป็นเรื่องดี กลุ่มดาวที่รวยกว่ากลุ่มดาวคันชั่ง (ตุล)เช่นกลุ่มดาวหม้อน้ำ (กุมภ์)ไม่มีความสนใจวิชาจักรกลและกลุ่มดาวคันชั่งไม่มีคู่แข่งมากนัก
เมื่อปรากฏออกมาว่า ดูเหมือนพวกกลุ่มดาวหมีใหญ่จะร่ำรวยกว่าก็ทำให้พวกผู้อาวุโสคณะทูตรู้สึกว่าไปไม่ถูก
เมื่อเผชิญหน้ากับปัญหานี้ทุกคนหันไปทางผู้อาวุโสเซียวเหมือนกับว่าเขาเป็นหัวหน้าคณะทูต ทุกคนตระหนักว่าตั้งแต่ก่อนที่ผู้อาวุโสเซียวจะเข้ามาในบ้าน ผู้อาวุโสเซียวไม่พูดอะไรสักคำ
ผู้อาวุโสเซียวเงยหน้าขึ้น สีหน้าของเขาดูไม่ดี เขาพูดด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด “ของเหล่านั้นไม่ใช่ของปลอม มันของจริงทั้งนั้น”
ทั้งบ้านพักรับรองเงียบกริบทันที หลังจากสองสามวินาที ทุกคนค่อยส่งเสียงฮือฮา
“เป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน!”
“จะเป็นของจริงทั้งหมดได้ยังไง?”
……
ผู้อาวุโสทุกคนปฏิเสธตามปกติ หน้าของพวกเขาแดงก่ำ พวกเขางุนงงมากจนถึงกับทะลึ่งลุกพรวดพราดจนสถานที่วุ่นวายไปหมด นักสู้ทุกคนตกตะลึงเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาไม่เคยเห็นผู้อาวุโสผู้ทรงอำนาจเกิดอาการคุ้มดีคุ้มร้ายอย่างนี้!
ผู้อาวุโสเซียวไม่ได้ถกเถียงกับพวกเขา เพียงแต่ฝืนยิ้มบนใบหน้าทำให้บรรยากาศอึมครึมขึ้นอีก
เสียงถกเถียงกันค่อยสงบลงเหมือนกับมีมือที่มองไม่เห็นมากดมาปรามเสียงนั้น
ความตื่นเต้นบนใบหน้าของผู้อาวุโสทั้งหมดเริ่มสลายคลายไป เลือดลมของผู้เฒ่าทุกคนสงบลงแล้วและห้องกลับคืนสู่บรรยากาศแปลกประหลาดนิ่งเงียบราวป่าช้าอีกครั้ง
ผู้เฒ่าหัวเอ่ยทำลายความเงียบ “ของเหล่านั้นเป็นสมบัติแท้ๆ ใช่ไหม?”
ผู้อาวุโสเซียวพยักหน้าด้วยความยากลำบาก
“โอว..พระเจ้า!” ผู้อาวุโสหัวพึมพำทอดถอนใจหน้าของเขาไร้สีเลือด
ส่วนผู้อาวุโสอื่นได้แต่อ้าปากค้าง ใบหน้าของบางคนก็กลัวส่วนคนอื่นๆ เหมือนกับว่าวิญญาณจะหลุดลอยออกจากร่างไปแล้ว
ความเงียบราวป่าช้าครอบคลุมพื้นที่อีกครั้ง
ไม่มีใครเอ่ยอะไรเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง
ผู้เฒ่าหัวเอ่ยทำลายความเงียบ ขณะที่เขาค่อยเรียกความรู้จากแรงกระทบกลับมา “งั้นคราวนี้เราจะทำยังไงกันดี?”
ผู้อาวุโสเซียวยังคงฟื้นคืนความมุ่งมั่นนัยน์ตาของเขาเป็นประกาย “เราต้องเพิ่มสิทธิประโยชน์ขึ้นไปอีก มูลค่าปัจจุบันของเรายังน้ำหนักไม่พอ!”
“ข้าจะใช้แผนสอง!” ผู้อาวุโสหัวพยักหน้าเห็นด้วย
“ข้าสนับสนุนด้วย!
“ข้าด้วย!”
……
*******
หมิงเยี่ยพาหวีจีเดินชมรอบเมืองศีรษะหมี พวกนางเตรียมตัวไว้พร้อมแล้ว หมิงเยี่ยยังจำได้ถึงอาการประหลาดใจของเด็กสาวชื่อผี่ผานางคาดไม่ถึงว่าอาณาจักรกระบี่ก็ยังมาด้วย แต่หมิงเยี่ยบอกได้จากอาการที่สงบของผี่ผาว่าพวกเขารู้เรื่องความคงอยู่ของอาณาจักรกระบี่
กลุ่มดาวหมีใหญ่ไม่เรียบง่ายอย่างที่เห็นจริงๆ!
หมิงเยี่ยเดิมทีต้องการจะพบถังเทียนก่อน แต่ผี่ผาประกาศไปว่าถังเทียนปิดประตูฝึกฝนฝีมือต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองสามวันจึงจะออกมา
หมิงเยี่ยไม่กังวล ดังนั้นนางจึงพาหวีจีออกไป ภาพเมื่อตอนผี่ผามองมองดูหวีจีด้วยรอยยิ้มเรียบเฉยปรากฏในใจนางเหมือนกับว่ายังมีอะไรบางอย่างแฝง แต่นางคาดเดาไม่ออกว่าคืออะไรและปัดความคิดนี้ออกไปจากใจ
นอกจากสถานที่พิเศษสองสามแห่งแล้ว พวกนางสามารถเที่ยวไปได้อย่างอิสระเกือบทั่วเมืองศีรษะหมี
บรรยากาศที่เปี่ยมไปด้วยพลังงานของกลุ่มดาวหมีใหญ่เหมาะเป็นสถานที่เริ่มต้นแห่งความยิ่งใหญ่จริงๆ มีแต่เห็นประจักษ์บรรยากาศนี้ในกลุ่มดาวหมีใหญ่เท่านั้นจึงทำให้นางตระหนักได้ถึงเหตุผลที่อาณาจักรกระบี่จับตามองถังเทียนเป็นอย่างสูง ทั้งนี้เพราะนางก็สงสัยในตัวเขามากเช่นกันในกลุ่มดาวอันโดรเมดา นางกับถังเทียนไม่ได้ประกระบี่กันเท่าใดนักและนางรู้เรื่องเขาน้อยมาก
เมืองศีรษะหมีมีสนามฝึกฝีมือมากมายทุกขนาดมีนักสู้หลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย สำหรับหมิงเยี่ยนักสู้ทุกคนถือว่ามีพรสวรรค์ระดับธรรมดา พลังของพวกเขาก็ธรรมดา ส่วนเดียวที่มีค่าก็คือทุกคนฝึกฝนกันหนัก
ทันใดนั้นสายตาของนางจับจ้องอยู่ที่บุรุษคนหนึ่งในสนามฝึก
จิ่งหาว!
นางจำเขาได้ทันทีและหยุดอยู่กับที่ ภูตกระบี่! สภาพใจของหมิงเยี่ยสะดุดคลื่นพลังยิ่งใหญ่ทันที ภูตกระบี่คือสนามพลังกระบี่ชั้นยอด แต่จำนวนคนที่สามารถสร้างภูตกระบี่ได้เป็นสิ่งที่น้อยคนนักจะทำได้ หมิงเยี่ยมีพลังกายกระบี่เป็นพรสวรรค์ธรรมชาติและมีพรสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการฝึกวิชากระบี่ แต่ความหวังของนางที่จะสร้างภูตกระบี่ให้ได้ก็ยังไม่แน่นอน
สนามพลังกระบี่ของจิ่งหาวเป็นเป้าหมายที่สอง
แต่มันต้องใช้เวลานานอย่างเห็นได้ชัด จิ่งหาวเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับสหายร่วมศึก ความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาจึงจะดึงเขาเข้ามาได้ และคนเดียวที่อยู่ในความคิดของเขาก็คือถังเทียน
หมิงเยี่ยไม่ประหลาดใจจิ่งหาว และเพียงแต่ชมเขาอยู่ไกลๆเท่านั้น เนื่องจากจิ่งหาวกำลังแนะนำวิชากระบี่ให้กับนักสู้คนอื่น
แต่ในเวลาอันรวดเร็วหมิงเยี่ยก็ต้องประหลาดใจ นั่นเป็นเพราะนักสู้ที่เขาสอนนั้นมีพลังอ่อนแอจริงๆ พลังของเขาต่ำมากเสียจนไม่คุ้มที่เสียเวลาสอนเขา แต่จิ่งหาวไม่หงุดหงิดแม้แต่น้อยและตั้งใจแนะนำพวกเขาโดยไม่รู้สึกหงุดหงิดที่พวกเขามีพลังฝีมืออ่อนด้อย
หมิงเยี่ยลอบส่ายศีรษะ เวลาที่ล้ำค่าของเซียนกระบี่ต้องไปเสียให้กับนักสู้ราคาถูก ไม่คุ้มค่าที่จะเข้าไปหาจริงๆ
แต่นางไม่ได้ออกมาทันทีเนื่องจากการสังเกตดูจิ่งหาวจากระยะไกลมีน้อยมาก
พวกนักสู้ค่อยๆ แยกย้ายกันไปและเริ่มฝึกฝนตนเอง นี่เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ครั้งแรก จิ่งหาวเริ่มฝึกฝนด้วยตนเอง ทำให้หมิงเยี่ยตาเป็นประกาย วิชากระบี่พื้นฐาน
จิ่งหาวฝึกวิชากระบี่พื้นฐานซ้ำแล้วซ้ำเล่าจริงๆ นั่นเกินคาดหมายของนางไปมาก
เซียนกระบี่คนหนึ่งฝึกวิชากระบี่พื้นฐานจริงๆ!
ถ้านางไม่มาเห็นกับตาตนเอง หมิงเยี่ยไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด แต่จิ่งหาวกลับเน้นเป็นพิเศษกระบี่แล้วกระบี่เล่า หมิงเยี่ยลืมตาค้าง นางพยายามมองดูว่ามีความหมายที่ลึกซึ้งอะไรแฝงอยู่ในวิชานี้
การฝึกของเซียนกระบี่ซึ่งให้กำเนิดภูตกระบี่สำหรับมือกระบี่ทุกคนเต็มไปด้วยพลังน่าสนใจ
เว้นแต่ภายในวิชากระบี่พื้นฐานยังมีความลึกลับและลึกซึ้งที่ไม่มีใครรู้
หมิงเยี่ยแอบคิดในใจ สายตาจับจ้องดูความเคลื่อนไหวของกระบี่ทุกอย่าง
ทันใดนั้น สายตานางสังเกตเห็นกระบี่ดำในมือของจิ่งหาว มือกระบี่มีสัญชาตญาณธรรมชาติต่อกระบี่ในตอนแรกทีเดียวหมิงเยี่ยสะดุดตากับกระบี่ นางมีสัญชาตญาณเกี่ยวกับกระบี่ที่ยิ่งใหญ่
“ดื่มเลือดเซียน!”
เสียงอุทานจากคนใกล้ๆ ทำให้หัวใจหมิงเยี่ยสั่นสะท้านนางหรี่ตาทันที ชื่อนี้ทำให้ผมขนของนางลุกชัน
ดื่มเลือดเซียน!
ดื่มเลือดเซียน กระบี่ที่เสพติดกับการดื่มเลือดเซียน!