ตอนที่ 542 - ล้อมฆ่าสุดกำลัง
เฮยหูโกรธจัดทันทีเมื่อเขาเห็นเย่ว์หยางโจมตีและสังหารทาสโลหิตทั้งสองของเขา
แม้ว่าทาสโลหิตทั้งสองจะอ่อนแอมาก แต่พวกเขาก็มีความสำคัญมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พวกเขาไม่สามารถถูกแทนที่ได้เพราะใช้เพิ่มพลังอักษรรูนทอง
เฮยหูสามารถเพิ่มพลังตนเองได้อย่างน้อยครึ่งหนึ่ง หลังจากได้รับการเพิ่มพลังพิเศษจากพวกเขา การที่พวกเขาถูกสังหารรวดเดียวสร้างความปวดใจให้กับเขา เฮยหูไม่สามารถดูแลให้ความสนใจพะยูนนรกสองตัว (สัตว์ประหลาดหัววัว) ที่ตายไปได้ เนื่องจากพวกมันเป็นราชองครักษ์ฝีมือดีที่ได้รับมาจากตระกูลขุนนางนรกทุกๆ สองสามร้อยปี ไม่เพียงแต่ในตำหนักกลางเท่านั้น ในโลกคัมภีร์ของเฮยหูก็มีพะยูนนรกเป็นสิบๆ ตัว ดังนั้นสูญเสียไปสองตัวเขายังไม่รู้สึกอะไร
ตรงกันข้าม ทาสโลหิตผู้อ่อนแอไม่ใช่สายพันธุ์ที่เกิดตามธรรมชาติและจำเป็นต้องใช้กำลังคนและทรัพยากรเป็นอันมากในการหล่อเลี้ยง
เป็นกระบวนการที่ช้ามาก
เฮยหูใช้เวลาพันปีและความยากลำบากมากมาย ก่อนที่เขาจะฝึกฝนจนได้คนแคระปากปลาวาฬทำให้พวกมันชำนาญในการใช้อักษรรูนสวรรค์กลายเป็นทาสโลหิต เขาคาดไม่ถึงเลยว่าพวกมันจะถูกศัตรูสังหารตายในดาบเดียว
เรื่องที่ทำให้เฮยหูคลั่งเป็นพิเศษก็คือคนแคระปากวาฬจะมีปรสิตชนิดพิเศษฝังตัวอยู่ในร่างพวกมัน และปรสิตนี้จะช่วยฟื้นฟูร่างกายให้พวกมันตราบเท่าที่ร่างกายของมันไม่ถูกทำลาย อย่างไรก็ตามเย่ว์หยางจอมวายร้ายใช้เพลิงอมฤตในตำนานกลั่นเม็ดพลังของคนแคระทันทีหลังจากฆ่าพวกมันแล้ว
เมื่อเป็นเช่นนี้ ทาสโลหิตเหล่านี้จึงถือว่าตายอย่างถาวร
พวกมันไม่มีทางฟื้นกลับมาได้อีก
“แก..เจ้าวายร้าย!” เฮยหูแค่นเสียงสบถใส่ชางเหยียน ถ้าชางเหยียนไม่เข้าไปแทรกแซงสงครามโบราณในสังเวียนมรณะ อย่างนั้นจะไม่มีปัญหาเกิดขึ้นตามมา ไม่เพียงแต่สตรีที่ปล่อยรังสีทำลายล้างได้ หรือสตรีที่มีสนามพลังดารานภากาศ แค่พวกนางทั้งคู่ก็ไม่ใช่เรื่องเล็กเสียแล้ว ตอนนี้เมื่อเขาเห็นว่าเด็กมนุษย์ยังครอบครองเพลิงอมฤต เขารู้ได้ทันทีว่าเขาไม่ใช่คนที่จะจัดการได้ง่ายๆ เขามีเพลิงอมฤต เพลิงที่บริสุทธิ์ที่แม้แต่จ้าวตำหนักไฟก็ยังไม่มี ถ้าเพลิงอมฤตตกไปอยู่ในเงื้อมมือเขา ก็อาจไม่มีผู้ใดรอดพ้นจากความโกรธเกรี้ยวของเขาได้
“แนวเขตรูนเทพ…” เย่ว์หยางเรียนรู้จากอีกฝ่ายได้อย่างรวดเร็ว เมื่อเฮยหูวิ่งเข้าหาเขา เขาก็ผสานเคล็ดวิชาของทาสโลหิตร่วมกับความเข้าใจเรื่องอักษรรูนลับและวาดอักษรรูนของหลักจารึกเทพสี่ด้าน
มั่นใจเพียงพอว่า รูปแบบเป็นไปตามที่เย่ว์หยางคาด
อักษรรูนที่คุ้มครองหลักจารึกเทพสี่ด้านเป็นวงเวทป้องกันที่แข็งแกร่งสุดยอด
มันดูบางอย่างเหลือเชื่อและดูเหมือนว่าจะไม่สามารถทนทานต่อพลังหมัดโจมตีของเฮยหูได้ มันดูเหมือนเสื้อบางที่ติดอยู่ในพายุหมุนรุนแรง เสี่ยงต่อการถูกฉีกกระชากขาดวิ่นได้ อย่างไรก็ตาม ขณะที่หมัดของเฮยหูกระแทกลงเต็มที่ มันยุบลงเล็กน้อย ก่อนจะสลายพลังหมัดที่น่ากลัวออกไป
พลังที่เฮยหูโจมตีใส่หายไปโดยสิ้นเชิง
ไม่เพียงแต่เฮยหูเท่านั้น แต่ผลกระทบก็มีต่อเย่ว์หยางอย่างคาดไม่ถึงเช่นกัน
“สุดยอดจริงๆ!” เย่ว์หยางแอบดีใจเงียบๆ
วงเวทอักษรรูนที่เขาเพิ่งวาดขึ้นมาเป็นแค่เพียงสิ่งที่เขาเพิ่งจะเรียนรู้ได้เมื่อครู่และยังไม่เข้าใจอย่างลึกซึ้ง อำนาจพลังในการป้องกันจะเป็นเช่นไรหากว่าเขาเข้าใจความหมายของวงเวทอักษรรูนได้เต็มที่? เย่ว์หยางไม่กล้านึกภาพ แน่นอนว่า แนวเขตรูนเทพนี้ยังมีจุดอ่อนของมันอยู่ หลังจากวาดแล้ว ผู้ใช้จะไม่สามารถเคลื่อนไหวหรือตอบโต้ได้ เขาได้แต่เพียงตั้งรับอย่างเดียว
โล่ที่ใช้ป้องกันได้อย่างเดียวยังไม่มีประโยชน์เต็มที่สำหรับเย่ว์หยาง
เย่ว์หยางยังคงต้องการใช้ประโยชน์ด้านอื่นได้อีก
ยกตัวอย่างเช่น บนเกราะตุ๊กตาหุ่นรบที่สร้างขึ้นน่าจะเพิ่มวงเวทเทเลพอร์ตได้อีก ถ้าแนวเขตรูนเทพนี้สามารถคงอยู่ได้นาน หลายสิ่งหลายอย่างจะทำงานได้อย่างสมบูรณ์
“หือ…”
เฮยหูผงะเล็กน้อย
เขาคิดว่าเขาจะสามารถฆ่าเย่ว์หยางได้ด้วยหมัดเดียว หรืออย่างน้อยก็ต้องทำร้ายเขาจนบาดเจ็บหนัก ใครจะคิดกันเล่าว่าเย่ว์หยางไม่เพียงป้องกันหมัดของเขาได้เท่านั้น แต่ยังคงมีเวลาใช้เคล็ดวิชาที่จดจำจากทาสโลหิตเอามาใช้ได้ คนผู้นี้กล้าขโมยอักขระรูนลับจากทาสโลหิตของเขาซึ่งหน้าขณะรบ ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น ใบหน้าของเฮยหูแสดงออกว่าโกรธเต็มที่
มือข้างหนึ่งของเขาควงกระบี่ยักษ์เป็นจักรผันและขว้างออกไปจากมือเหมือนปล่อยสายฟ้าตัดอากาศพุ่งตรงหาเย่ว์หยาง
“คู่ต่อสู้ของเจ้าคือข้า” เสียงของจักรพรรดินีราตรีดังขึ้นผ่านท้องฟ้า
สนามพลังดารานภากาศเปลี่ยนแปลงและดวงดาวที่ลอยอยู่ในท้องฟ้าเริ่มหมุนวน ดาราจักรกับเกลียวแขนมหึมาหกข้างถูกสร้างขึ้นมา มันก่อตัวเหมือนกับทางช้างเผือก ซึ่งมีสนามพลังแรงดึงดูดที่สามารถดึงดูดดาบหมุนที่เฮยหูขว้างออกไปให้พลาดเป้าได้
เฮยหูสนองตอบทันที
เขาโบกมือและดึงกระบี่ยักษ์ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับเขากลับมา
อาวุธศักดิ์สิทธิ์นี้เกือบตกไปอยู่ในมือของจักรพรรดินีราตรีแล้ว… พลังที่ไม่ธรรมดาของสนามพลังดารานภากาศของจักรพรรดินีราตรีทำให้ผู้อาวุโสนักสู้ปราณฟ้าสายวารีแห่งตำหนักกลางต้องระมัดระวังในการเคลื่อนไหว แม้ว่าเขาจะได้เปรียบที่พลังฝีมือที่มากกว่า แต่เขาไม่สามารถจัดการกับศัตรูที่เขามองไม่เห็น ก่อนที่เขาจะหาวิธีคลี่คลายพลังพิเศษของสนามพลังได้ เฮยหูคิดว่าคงเป็นการดีที่สุดหากเขาสามารถประหยัดพลังงานต่อสู้กับสนามพลังช่วยให้เขาไม่ต้องกลายเป็นตัวตลก สำหรับเย่ว์หยาง เฮยหูจะไม่ยอมปล่อยมนุษย์ที่น่ารังเกียจเช่นนั้นไปแน่ มือของเขาลูบคัมภีร์อัญเชิญและเรียกพะยูนนรกออกมาอีกแปดตัว
“ฆ่ามัน, ไม่สิ, จับมันให้ได้ ข้าต้องการให้มันเป็นทาสโลหิตของข้า” เฮยหูเปลี่ยนใจ เขารู้สึกว่าด้วยของขวัญในอักษรรูนของเย่ว์หยาง นั่นจะช่วยเขาให้เข้าถึงขอบเขตระดับสูงได้ ถ้าเขามีเย่ว์หยางเป็นทาสโลหิต
“คุณชายสาม, เราอยู่ที่นี่แล้ว!” หวงฉวนรู้สึกกังวลเมื่อเขาตระหนักว่าเขาไม่สามารถฆ่าเพชฌฆาตโบราณได้
เพชฌฆาตโบราณตายไม่กี่ตัวยังไม่ใช่เรื่องใหญ่
แม้ว่าพวกเขาจะไม่โจมตี แต่พวกมันก็คงจะตายแน่ เพียงแต่ความตายของพวกมันเป็นเรื่องของเวลาเท่านั้น
นอกจากนี้ แม่ทัพเพชฌฆาตโบราณยากจะฆ่ามันได้ พวกมันจะไม่ตายในเร็วๆ นี้และหวงฉวน เฝินเทียนและคนอื่นๆ ตัดสินใจว่าพวกเขาควรปล่อยไว้ให้เย่ว์หยาง เย่ว์หยางสามารถฆ่าพวกมันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า เนื่องจากเขามีวงจักรล้างโลกและเพลิงอมฤต ยิ่งกว่านั้นยังมีจ้าวอสูรเพชฌฆาตโบราณ หวงฉวนและพวกที่เหลือคงไม่สามารถฆ่าอสูรตัวนี้โดยไม่มีการสู้ถึงสองสามชั่วโมงไม่ได้แน่ ถ้าไม่ได้ความช่วยเหลือของเย่ว์หยาง…
หวงฉวนและพวกที่เหลือวิ่งเข้ามาจุดที่เย่ว์หยางอยู่และขัดขวางเหล่าพะยูนนรกเอาไว้
แม้ว่าพะยูนนรกจะมีพลังฝีมือแข็งแกร่งมาก แต่พวกมันยังไม่อาจเทียบได้กับเพชฌฆาตโบราณในเรื่องความแข็งแรงของร่างกาย ความแข็งแรงและพลังชีวิตแค่เพียงพอประมาณ หวงฉวนและพวกมั่นใจว่าพวกเขาสามารถเอาชนะพะยูนนรกเหล่านี้ได้
“กรร, กรร” พะยูนนรกทั้งแปดตัวนี้เป็นสิ่งมีชีวิตที่ฉลาด แม้ว่าพวกมันจะไม่ได้ทำสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญ แต่พวกมันมีผลึกอัญเชิญ พะยูนนรกทั้งแปดดึงผลึกสีม่วงน้ำเงินออกมาและบริกรรมเวท แสงสีน้ำเงินพุ่งออกมาและปีศาจปลาสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบกนับไม่ถ้วนถูกเรียกออกมา แม้ว่าปีศาจปลาสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบกน่าเกลียดเหล่านี้จะเป็นอสูรปราณก่อกำเนิดระดับหก ซึ่งหวงฉวนและพวกที่เหลือไม่ได้สนใจจะฆ่า แต่พวกมันร่วมกันก็สามารถปลดปล่อยพลังพิเศษได้ก็คือแหจับปลา
“อะไรกันนี่…” มนุษย์เผ่ากระดูกเวิ่งจินและมนุษย์สมิงสามตาติดอยู่ในแหของปีศาจปลาสะเทิ้นน้ำบก มีแต่หวงฉวนกับพลังตาแสงของเขาและมนุษย์แสงที่มีความสามารถกลายเป็นรังสีแสงสามารถหลบไปได้
ขณะที่เฝินเทียนมนุษย์เผ่าไฟและมนุษย์ปรอทหวิ่นซิง พวกเขารอดพ้นจากการถูกจับไปได้เนื่องจากพวกเขารั้งอยู่ด้านหลัง
ส่วนมนุษย์ไซบอร์คน่าอนาถที่สุด
เขาช้ามากจนปีศาจปลาสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบกไม่ได้พุ่งเป้าไปที่เขา แต่เขากลับถูกพะยูนนรกสองสามตัวรุมทำร้าย
เหตุที่เกิดเรื่องเช่นนี้เพราะเขาบาดเจ็บหนักในบรรดาทุกคนที่เหลืออยู่ก่อน ดังนั้นเขาจึงอ่อนแอที่สุด ในทางปฏิบัติเขาจึงเสียเปรียบทุกคน
ชางเหยียนและจื้อจุนยังคงต่อสู้ติดพันกันอยู่ ชางเหยียนไม่ให้โอกาสจื้อจุนเคลื่อนไหวไปกำจัดคนอื่น เพราะนอกจากเฮยหูและตัวเขาเองแล้ว ไม่มีใครสามารถรอดชีวิตต่อสู้กับจื้อจุนได้ เขาต้องตรึงศัตรูผู้กลัวคนนี้ไว้และค่อยๆ ทำให้นางหมดพลังให้ได้ เขาตระหนักว่าจุดอ่อนของนางก็คือนางมีขีดจำกัดของรางกาย การที่ถูกจำกัดอยู่ในร่างกายสตรี นางจึงไม่แข็งแกร่งพอและดูเหมือนนางจะมีฝีมือในการต่อสู้ระยะประชิดด้อยอยู่บ้าง ถ้าไม่ใช่เพราะโล่ของนาง ร่างกายอ่อนแอของนางคงไม่สามารถทนต่อพลังโจมตีของเขาแล้ว
สตรีนางนี้จะต้องถูกฆ่า
ถ้านางพัฒนาเต็มที่ นางจะต้องเป็นศัตรูที่ทรงพลังเทียบเท่ากับจ้าวตำหนักทั้งสี่แน่นอน
นางจะต้องถูกฆ่าในซากสนามรบโบราณก่อนที่นางจะเอาชนะเหนือจุดอ่อนตามธรรมชาติของร่างกายนาง
ไม่, ไม่ใช่แค่นางเท่านั้น แต่จักรพรรดินีราตรีผู้ล่องหน พอๆ กับเย่ว์หยางผู้ครอบครองวงจักรล้างโลก, วงจักรนิรันดร์กาลและเพลิงอมฤต จะต้องไม่มีชีวิตรอดออกไป ถ้าไม่อย่างนั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับจักรพรรดิอวี้เมื่อหกพันปีที่แล้วจะเกิดขึ้นอีก
“เฮยหู, เจ้ากำลังรออะไร, รีบๆ ฆ่าคุณชายสามตระกูลเย่ว์นั่นซะ” ชางเหยียนตื่นตระหนกเมื่อพบว่าเฮยหูกำลังสู้กับจักรพรรดินีราตรี
“หุบปากซะ, ชางเหยียน ข้ารู้ว่าข้ากำลังทำอะไร…” เฮยหูฉุนเฉียวจัด ไม่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการฆ่าเย่ว์หยาง ถ้าเพียงแต่เขาสามารถออกไปได้ โดยส่วนตัวเขาต้องการจับเด็กมนุษย์นั่นและทำให้เขากลายเป็นทาสโลหิต อย่างไรก็ตามเฮยหูเพิ่งตระหนักถึงความน่ากลัวของจักรพรรดินีราตรีหลังจากติดอยู่ในสนามพลังดารานภากาศของนาง นางสามารถฆ่าได้โดยไม่ทิ้งร่องรอยไว้เลย ถ้าเขาต้องรับมือกับศัตรูที่ทรงพลังอย่างนี้ อย่างเบาเขาคงต้องพบจุดจบที่น่าอนาถ
“อย่าสงสัยอะไรในตอนนี้ อย่าเพิ่งพูด จงฟังข้า และแค่ฆ่าทุกคนที่ไม่ใช่พวกเราเอง” เย่ว์หยางพาจักรพรรดิใต้พิภพ, ผู้เฒ่าหนานกง, ราชันย์ปีศาจใต้และนางเซียนหงส์ฟ้าออกมาจากโลกคัมภีร์
เฮยหูไม่สนใจแม้แต่น้อยเมื่อเขาเห็นว่าพวกนั้นเป็นแค่มดแมลงที่เขาสามารถสังหารได้ภายในวินาทีเดียว
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเห็นเด็กสาวยักษ์ที่มีร่างสูงเกินกว่าสองร้อยเมตร เขากระโดดด้วยความตกใจ “เทพธิดาสงครามแดนตะวันตกตายแล้วไม่ใช่หรือ?”
เด็กสาวยักษ์ไตตันโบราณสูญเสียความทรงจำหลังจากถูกราชาเฮยอวี้เล่นงานจนหมดสติ และตอนนี้นางเชื่อฟังเย่ว์หยาง
เมื่อเย่ว์หยางโบกมือ นางก็เดินตามทันที
“ฟันเจ้าตัวประหลาดหลายตานั้นเลย” เย่ว์หยางชี้ไปที่เฮยหูและเด็กสาวยักษ์ที่อยู่ในชุดเกราะพร้อมรบก็ยอมเชื่อฟังเย่ว์หยางเป็นอย่างดีพุ่งเข้าหาเฮยหู และเกือบเหยียบเขาไว้ในใต้เท้าของนาง โชคดีที่เฮยหูมีปฏิกิริยาสนองตอบเร็วระดับนักสู้ปราณฟ้าระดับห้า
“ไสหัวไป” เฮยหูยกมือขวาและระเบิดพลังคลื่นกระแทกทำลายใส่เด็กสาวยักษ์
“เจ็บนะ, มันเจ็บ…” เด็กสาวยักษ์ทนคลื่นอัดกระแทกได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บ และเกือบใช้หมัดต่อยถูกเฮยหูผู้มัวตกตะลึงได้
เฮยหูหลบการโจมตีได้ แต่พะยูนนรกที่อยู่ใกล้ๆ กลับไม่โชคดี
เด็กสาวยักษ์เผลอเหยียบมันโดยไม่ได้ตั้งใจขณะที่นางวิ่ง
เท้ายักษ์หนึ่งก้าว
กระดูกในร่างของมันแตกละเอียดทันทีและมันตายอย่างน่าอนาถ
ไม่มีจ้าวอสูรเพชฌฆาตโบราณมาขวางนาง การปรากฏตัวของเด็กสาวยักษ์เป็นเหมือนข้อผิดพลาดของคอมพิวเตอร์ ร่างตระหง่านขนาดมหึมา ความแข็งแรงมหาศาลผนวกกับเกราะไตตันที่ไม่มีผู้ใดเทียบได้ทำให้นางกลายเป็นเทพธิดาสงครามผู้ทำลายล้างในสนามรบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้วยความช่วยเหลือพิเศษจากสนามพลังดารานภากาศและแท่นบูชาสงคราม พลังของเด็กสาวยักษ์จึงเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า
เฮยหูถึงกับเหงื่อแตก แต่ก็ยังมีความโอหัง “ก็แค่นักรบปราณฟ้าระดับสาม? โง่เง่าอะไรอย่างนี้”
สุดท้าย เย่ว์หยางนำเสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนออกมา
ทั้งสองคนยืนอยู่บนวงจักรนิรันดร์กาล
ความคิดและจิตใจของพวกนางเป็นหนึ่งเดียวกับเย่ว์หยางและพวกนางรอคอยอย่างสงบให้เขาได้ใช้ทักษะผสานร่าง
กับสตรีทั้งสองคน เย่ว์หยางอาจจะน่ากลัวยิ่งกว่าเด็กสาวยักษ์กับสนามพลังดารานภากาศและแท่นบูชาสงคราม
เฮยหูกวาดสายตาไปที่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเสวี่ยอู๋เสีย ไร้ประโยชน์.. เขาไม่สนใจพวกนักสู้ปราณฟ้าระดับต่ำ แม้แต่ปราณฟ้าระดับหนึ่งก็ไม่มีทางคุกคามทักษะปราณฟ้าระดับห้าของเขาได้
“ฟัน!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนทะยานขึ้นไปบนฟ้า ภาพพยัคฆ์ขาวปรากฏวาบขึ้นในท้องฟ้าขณะที่ดาบเทพจักรพรรดิอวี้ฟันลงด้วยพลังทำลายพสุธา
“ช้าเกินไป” เฮยหูแค่นเสียง สตรีมนุษย์จะฟันใส่เขาที่เป็นนักสู้ปราณฟ้าระดับห้าได้อย่างไร ง่ายนักหรือ? เขายกมือขวาขึ้นเตรียมสังหารนาง
“แล้วเพิ่มข้าไปด้วยจะเป็นยังไงเล่า?” เย่ว์หยางปรากฏตัวอยู่ที่ด้านหลังองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน เขาก้มคว้าเท้าบอบบางขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนแล้วเหวี่ยงนางเหมือนเป็นดาบมนุษย์ ปราณก่อกำเนิดของเขาโคจรผ่านองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนถ่ายเข้าสู่ดาบเทพจักรพรรดิอวี้
ปราณกระบี่เพิ่มขึ้น
เฮยหูตระหนกตกใจจนเขาไม่อาจเคลื่อนไหวได้
นอกจากควบคุมแรงโน้มถ่วงของสนามพลังดารานภากาศแล้ว ยังคงมีปีศาจอสรพิษน้อยจ้องมองเขา ขณะเดียวกัน สตรีที่อยู่ข้างตัวเย่ว์หยางอีกคนหนึ่งคว้าคัมภีร์โบราณ สตรีผู้ถือหนังสือกับผนึกเทพยื่นมือมาที่เขาและใช้ผนึกหนาแน่นกดลงที่เขา
กับดัก….
ทันใดนั้นเฮยหูตระหนักได้ทันทีว่าสตรีอ่อนแอสองคนความจริงก็คือผู้ช่วยที่ร้ายกาจของเย่ว์หยาง เขาถูกหลอกเสียแล้ว
อย่างไรก็ตาม มันสายเกินกว่าจะเสียใจ
ไม่เพียงแต่เย่ว์หยางและจักรพรรดินีราตรีเท่านั้น แม้แต่จื้อจุนที่กำลังต่อสู้กับชางเหยียนก็มาปรากฏอยู่ด้านหลังเขาโดยไม่รู้ตัว
***************