ตอนที่ 539 จะมีเหตุผลอย่างหนึ่งเสมอ
“เชียนฮุ่ย, ไม่ต้องห่วง! ข้าจะตามหาเจ้าให้ได้!”
บนยอดเขามีเงาร่างสองเงาทอดยาวเด็กชายคนหนึ่งกำลังมองดูเด็กหญิง เขาร้องลั่น คำมั่นสัญญาของเขาล่องลอยไปกับสายลมห่างออกไปทุกที
“แม่,เสี่ยวเทียนจะต้องแข็งแกร่งให้ได้ แม่ดูข้าอยู่หรือเปล่า?”
ภายใต้ดวงดาวเด็กหนุ่มกำลังร้องไห้ขณะที่เขาพึมพำปนสะอื้น
“ผู้เฒ่ากรงเล็บภูตพราย ข้าจะนำมรดกตกทอดของท่านไปสู่ความยิ่งใหญ่ให้ได้!”
เมื่อเห็นร่างที่เย็นชาและหลังโกงเด็กหนุ่มกำหมัดแน่น
……
ความทรงจำนับไม่ถ้วนแว่บผ่านมา ใบหน้าหลายคนลอยผ่านไปคำสาบานนับไม่ถ้วนผุดขึ้นมาในใจ
ถังเทียนหูอื้อเหมือนกับว่าเขาไม่สามารถได้ยินอะไร ฉากภาพที่อยู่ต่อหน้าต่อตาเขาขาวโพลนไปหมด เขาไม่สามารถเห็นอะไรเลย ทั่วทั้งร่างของเขาร้อน เลือดไหลออกมาจากเนื้อของเขา เหมือนกับว่าเขาติดอยู่ในเปลวไฟเขาไม่มีความรู้สึกอื่นแต่อย่างใดและไม่สามารถขยับแม้แต่นิ้วได้
ข้าแพ้หรือ...ข้ากำลังจะตายหรือ... ข้าจะตายอยู่ที่นี่หรือ?
ไม่!
ข้าไม่อยากตายที่นี่!
ข้ายังไม่ได้พบเชียนฮุ่ย,ข้ายังไม่ตระหนักถึงความฝันของข้าเอง ข้ายังทำสิ่งที่สัญญาไว้ไม่สำเร็จ ข้ายังคลี่คลายปริศนามากมายไม่ได้ ข้ายังมีเรื่องสงสัยติดอยู่ในใจอีกมากมาย ความสงสัยที่แผดเผาอยู่ในใจข้าจนโลกไม่สามารถระงับได้...ข้าไม่ต้องการตายที่นี่...
ข้าเสียเวลามากมายกับที่นี่....มันยากลำบากนัก!
ข้าทุกข์ทนมามากต้องอดทนต่อการเยาะเย้ยถากถางรอบตัว ต้องเสียเหงื่ออยู่ภายใต้ดวงอาทิตย์แผดเผา ข้าสงสัยจริงๆ ว่าข้าต้องหมดเหงื่อไปกี่ตุ่มถึงจะได้พ้นข้าผ่านมาทั้งม่านควันและก้าวไปบนถ่านร้อน ถูกซ้อมจนเจ็บระบมไปหมด แต่ก็มาถึงที่นี่จนได้!
มีหลายคนที่มุ่งมั่นและศรัทธาข้าคนหลายคนที่ไม่สนใจไยดีในชีวิตยอมต่อสู้เคียงข้างข้า หลายคนให้เกียรติยอมฝากชีวิตและอนาคตไว้กับข้า ดวงตะวันไม่เคยหายไปจากข้า ความหวังไม่เคยทอดทิ้งข้า ข้าได้พบกับสิ่งงดงามมากมาย นั่นจึงทำให้ข้ามีวันนี้ได้
ต้องทุ่มเทมากเหลือเกินกว่าจะมาถึงนี่ได้ แล้วข้าจะยอมแพ้ได้ยังไง?
ข้าจะตายที่นี่ได้ยังไง? เป็นไปได้ยังไง!
เจ้าพูดอยู่เองว่าเจ้าจะไปตามหาเชียนฮุ่ย!
เจ้าพูดไว้ก่อนแล้ว เจ้าจะต่อสู้เคียงข้างพวกเขาทุกคน
เจ้าพูดไว้ก่อนแล้วว่าเจ้าต้องการเอาชนะพวกกลุ่มดาวใหญ่ๆ!
เจ้าบอกกับตัวเองว่าเจ้าคือหนุ่มชาวฟ้า!
กล้ามเนื้อทุกมัดในร่างของถังเทียนกำลังสั่นร่างของเขาร้อน เลือดของเขากำลังเผาผลาญ เสียงระเบิดดังก้องอยู่ในหูของเขา ความกระวนกระวายและความบ้าคลั่งดังก้องอยู่ในหัวใจของเขา!
ถังเทียนเจ้าเคยพูดไว้ก่อนแล้ว!
คำทั้งหมดนี้เจ้าเคยพูดไว้ก่อนแล้วทั้งนั้น!
เจ้าลืมไปแล้วหรือ? เจ้าจะกลับคำหรือ? เจ้าขี้ขลาดหรือเปล่า? เจ้าท้อถอยหรือ? เจ้ายอมแพ้หรือ?
เลือดที่กำลังไหลเวียนอยู่ในเส้นเลือดของเขาทั้งเส้นเลือดดำและเส้นเลือดแดงเป็นเหมือนลาวาที่กำลังพ่นออกมาจากภูเขาไฟ เลือดเหล่านั้นทะลักเข้าไปในไขกระดูก,กล้ามเนื้อของเขา ผิว พลังที่ทำให้สั่น ทะลวงทุกความรู้สึกที่เขามี ทำให้ร่างของเขาสั่นอย่างควบคุมมิได้
ไม่, มันกำลังสั่น!
เหมือนกับว่ามันมาจากนรกร้อนระอุใจกลางโลกและสร้างพลังงานที่น่ากลัว
การต่อสู้ด้านนอกใกล้ถึงจุดวิกฤติ
ซูอี้มาปรากฏตัวต่อหน้าถังเทียนและฟันสันมือลง
ทันใดนั้นข่ายแสงที่คล้ายกับกระดานหมากรุกปรากฏขวางหน้าถังเทียนทันที
กระบี่ศุภลักษณ์
แววดูถูกปรากฏบนใบหน้าของซูอี้วูบหนึ่งก็แค่ดิ้นรนครั้งสุดท้าย เขาคิด เขาเคยเห็นพลังของกระบี่ศุภลักษณ์มาแล้วค่าพลังวิญญาณไม่เกิน 100 จุดไอ้วิชาแบบนั้นจะมาขัดขวางการโจมตีของเขาได้ยังไง?
ซูอี้ไม่มีความตั้งใจจะเปลี่ยนท่า เขาฟันมือใส่ตาข่ายแสงเสี่ยวเอ้อครางขณะที่เขาถูกแรงปะทะกระเด็นออกไป
เป็นไปตามที่ซูอี้คาดไว้ ตาข่ายรูปกระดานหมากรุกสลายไป แต่เขาคาดไม่ถึงเลยว่าเปลวเพลิงโปร่งใสทะลักออกมาจากตาข่ายแสงที่พังและพุ่งใส่เขา ซูอี้ไม่สามารถป้องกันได้จึงปะทะเต็มที่
เพลิงกลืนวิญญาณ!
นี่คือไม้ตายสังหารที่แท้จริงของเสี่ยวเอ้อตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงบัดนี้ เสี่ยวเอ้อมักเก็บเปลวเพลิงไว้เสมอ เพลิงกลืนวิญญาณของเขามีพลังรุกที่แข็งแกร่งที่สุดยิ่งกว่าทุกคนและเป็นเพียงไม้ตายเดียวที่สามารถใช้คุกคามซูอี้ได้ ดังนั้นไม่ว่ามอนตาและเซียนที่เหลือจะสู้หนักเพียงใดเขาก็ยังควบคุมตนเองไว้ไม่ยอมใช้ออกมา
เขากำลังรอซูอี้!
เพลิงกลืนวิญญาณที่มีค่าพลังวิญญาณถึง260 ปะทะเข้าแขนขวาของซูอี้ แม้แต่แสงสางก็ไม่สามารถหยุดเพลิงกลืนวิญญาณได้
เปลวเพลิงใสคลุมแขนทั้งหมดของซูอี้ มันแปลกมากเหมือนกับปรอทที่ซึมเข้าไปในแขนของเขา
หน้าของซูอี้ซีดขาวราวกับกระดาษ สายตาเขาเคร่งขรึมเขาเงื้อมือซ้ายและฟันแขนขวาของตัวเองทันที
“อ๊า....”
เสียงร้องโหยหวนดังไปทั่วสมรภูมิ ร่างของซูอี้กระพริบหายไปจากข่ายแสง แขนขวาเขายังอยู่ที่เดิม ทันใดนั้นเปลวเพลิงพุ่งออกมาจากแขน ในพริบตามันครอบคลุมแขนทั้งหมดและเผาจนเหลือเถ้าถ่านภายในไม่กี่วินาที
ซูอี้ปรากฏตัวอยู่ห่างออกไป30 เมตร แขนขวาของเขาหายไปมีแต่รอยบาดแผลเสมอไหล่ เลือดยังคงฉีดพุ่งออกมาย้อมชุดเซียนของเขาจนเป็นสีแดง
หน้าของซูอี้ซีดขาวเขาจ้องมองเสี่ยวเอ้อด้วยสายตาโกรธแค้นเหมือนสัตว์ป่า
เพลิงกลืนวิญญาณที่กลืนกินแขนของเขายังลอยอยู่ในอากาศอย่างเงียบงัน
ร่างของเสี่ยวเอ้อค่อนข้างโปร่งใส หน้าซีดของเขาจ้องมองซูอี้ ควั่บร่มคันหนึ่งปรากฏอยู่ในมือของเขา สภาพพลังในปัจจุบันของเขาเหลือไม่พอจะกระตุ้นการทำงานของเพลิงกลืนวิญญาณ
ซูอี้หัวเราะอย่างน่ากลัว “ดี! ดีมาก, ร่างวิญญาณสามารถทำลายแขนของข้าได้!”
หน้าที่หล่อเหลาของเขาเหมือนกับคนบ้าที่ดูน่ากลัว เขายกสันมือซ้าย
“ไปตายซะ!”
เขาฟันสันมือซ้ายลงอย่างบ้าคลั่งรังสีดาบนับไม่ถ้วนส่งเสียงหวีดหวิวเข้าหาเสี่ยวเอ้อ
เสี่ยวเอ้อหายวับรังสีดาบเฉียดผ่านร่างของเขาไป รังสีดาบอีกสายหนึ่งลอยอยู่หน้าเขา เขากัดฟันใช้ร่มป้องกันทันที
ปัง!
ภายใต้พลังที่รุนแรง ร่มหยาหยาพังในทันทีเสี่ยวเอ้อปลิวขึ้นไปในท้องฟ้า
เสียงหัวเราะที่น่ากลัวของซูอี้ดังชัด เขาเงื้อมือซ้ายที่มีแสงสว่างแพรวพราว ข้าจะตายที่นี่หรือ? เสี่ยวเอ้ออดคิดไม่ได้ สภาพปัจจุบันของเขาใกล้จะถูกทำลายเต็มที
“ตาย!”
ซูอี้ฟันสันมือลงอย่างรุนแรง รังสีดาบหวีดหวิดที่ไม่มีการควบคุมพุ่งเข้าหาเสี่ยวเอ้อ
ยิยิ ย้าย้า!
เงาร่างหนึ่งปรากฏอยู่หน้ารังสีดาบทันที เสี่ยวเอ้อตะลึง นั่นคือ...หยาหยา!
ใบหน้าที่น่ารักและอวบอูมของหยาหยามีร่องรอยของความกลัว แต่หมัดน้อยๆ ของมันดูดกลืนรังสีแสงได้ หมัดเหล็กกลืนแสง!
“ไม่!” เสี่ยวเอ้อร้องอย่างหวาดผวา
ภายใต้การเผชิญหน้ากับแสงสางที่มีค่าพลังวิญญาณเกินกว่า200 หมัดเหล็กกลืนแสงอ่อนเหมือนกระดาษซึ่งไม่สามารถดูดซับพลังได้แม้แต่วินาทีเดียวก่อนหมัดจะถูกทำลายรังสีแสงทั้งหมดหายเข้าไปในตัวของหยาหยา
ใบหน้าอวบของหยาหยาบิดเบี้ยวทันทีมันเบิกตากว้างเต็มไปด้วยความกลัว เข็มที่แพรวพราวเหมือนแสงสว่างแทงเข้าไปในผิวของมันอย่างน่ากลัว
บึ้ม!
เสียงดังออกมาเหมือนเสียงฟ้าผ่า หยาหยาหายไปจากสายตาของเสี่ยวเอ้อ พลังที่น่ากลัวทำลายแม้แต่ร่างของมันพุ่งออกไปเหมือนปืนใหญ่กระแทกเข้ากับพื้น ทิ้งไว้แต่รูเล็กๆ ให้เห็น
ไม่...
เสี่ยวเอ้อมองไปทางตำแหน่งว่างซึ่งหยาหยาเคยยืนอยู่คล้ายกับว่าวิญญาณหายไป ความทรงจำห่างไกลนับไม่ถ้วนไหลผ่านเข้ามาในสายตา...
ภาพในอดีตเสี่ยวเอ้อลอยตัวอยู่ในอากาศอย่างมึนงงเมื่อมีเสียงร้อง ยิ ย้า ยี้ ย้า ดังขึ้นมาจากด้านหลังถังเทียน ขุนพลวิญญาณน้อยที่ร่าเริงและมีชีวิตชีวาโดดออกมา เมื่อเห็นเสี่ยวเอ้อมันประหลาดใจ
ทั้งสองมองกันอย่างมึนงง
“ยิ..”
หยาหยาตาสว่างเป็นประกายแปลกประหลาด ทันใดนั้นมันโถมร่างเข้าหาเขาและหยิบหินดวงดาวยื่นส่งให้เสี่ยวเอ้อ
เป็นครั้งแรกที่เสี่ยวเอ้อรู้สึกมึนงงและว้าวุ่นใจ เขารับหินดวงดาวมาเคี้ยวกิน หลังจากนั้นหลังจากนั้นเขาเอาการ์ดวิญญาณออกมาและยื่นให้หยาหยาซึ่งหยาหยาก็ยอมรับไว้อย่างดีใจแล้วกินมัน
หยาหยาตื่นเต้นและตีกลองรัวดีใจ
เสี่ยวเอ้อยังอยู่ในอาการมึนงง แต่ก็ค่อยๆ มีความคิดแสงม่านพลังล้อมรอบตัวเขาและหมุนอย่างต่อเนื่อง ด้วยวิธีนี้ข้าก็สามารถเข้าใจได้แล้ว...
เมื่อหยาหยามีความสุขขึ้นและตื่นเต้นมันจะตีกลองดังขึ้นเรื่อยๆ
เสี่ยวเอ้อได้รับผลจากหยาหยาจึงเริ่มบินอยู่รอบตัวหยาหยาเร็วขึ้นเรื่อยๆ
มีความสุขมาก
นี่คือความสุขงั้นหรือ?
ในที่สุดเสี่ยวเอ้อก็เข้าใจ
หยาหยาลูบศีรษะของมันและสอนพลังงานเกลียวให้เขาด้วยความเจ็บปวด..
หยาหยาเล่นกับเขา..
เขามีความสุขมากจริงๆ
จนกระทั่งเขาครอบครองร่างของเสี่ยวเอ้อทุกอย่างก็เปลี่ยนไป
หยาหยาจะวิ่งพล่านไปทั่วทุกวันเพื่อเอาใจเขา‘ยิย้า ยิย้า’และสร้างความรำคาญใจให้เขาต่อเนื่อง ทุกวันเขาจะเอาหินดวงดาวออกมาจากก้นและยื่นส่งให้เขา ‘ยิย้า ยิย้า’ ทำอย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพียงแต่เวลาที่เขากินหินดวงดาวหยาหยาจะยิ้ม
เขามักรู้สึกว่าหยาหยาน่ารำคาญ แต่เขาไม่รู้จะทำยังไงจึงได้แต่กินหินดวงดาวเพื่อไม่ให้หยาหยากวนใจเขา
ทำไมข้าถึงรู้สึกหวาดกลัวนัก?
มันเป็นแค่เพียงขุนพลวิญญาณน้อยไม่มีค่าอะไรและไม่มีประโยชน์อะไร?ข้าคือวิญญาณระดับสูงและข้าต้องมาคอยรับมือขุนพลวิญญาณน้อยนี้ทุกวัน มันน่ารำคาญมาก เป็นเพื่อนกับขุนพลวิญญาณน้อย มันช่างตลกเสียจริง!
แต่ทำไมเขารู้สึกหวาดกลัวนักเล่า? หน้าที่หวาดกลัวของหยาหยาปรากฏในดวงตาเขาทันที ถึงมันยกหมัดใส่รังสีดาบแสงสางแต่มันก็ยังรู้สึกกลัว...
เสี่ยวเอ้อมองดูซูอี้อย่างเฉยชา เขาต้องการฆ่าบุรุษผู้นี้
ใครจะกลัวตายกันเล่า
ทันใดนั้นเขามีความรู้สึก เขาหันศีรษะไปมองดู ตาของถังเทียนมีประกายแสงเจิดจ้า
เอ๋,เจ้าไม่พอใจงั้นหรือ?
หือ..เจ้ายังคงมุ่งมั่นจะมีชีวิตต่อไปใช่ไหม?
เสี่ยวเอ้อหันหน้าไปที่ซูอี้ ร่างของเขาหายไปจากอากาศทันที
ในโลกที่ระเบิดสั่นสะเทือนและเดือดพล่าน ถังเทียนกำลังพึมพำกับตนเองไม่มีจบ
เจ้าลืมไปแล้วหรือ? เจ้ากลับคำพูดหรือ? เจ้าขี้ขลาดหรือ? เจ้าท้อถอย? เจ้ายอมแพ้?
ไม่!
เขาตะโกนอย่างบ้าคลั่ง ไม่ทำอะไรอย่างอื่น หัวใจของบุรุษหนุ่มกำลังสั่นสะเทือน
ข้าไม่ได้ลืม!ข้าจะไม่กลับคำแน่นอน! ข้าไม่ได้ขลาดกลัว! ข้าจะไม่ท้อถอย!
ข้า จะ ไม่ ยอมแพ้แน่นอน!
เขาใช้ลมหายใจเฮือกใหญ่เพื่อตะโกนทุกคำพูดเพื่อให้ตัวเขาได้ยิน
ควาก!
ภายในร่างของเขาบางอย่างดูเหมือนจะฉีกเปิด
ปัง ปัง ปัง!
เสียงระเบิดดังมาจากภายในร่างของเขาอย่างต่อเนื่องไม่มีสิ้นสุด เหมือนข้าวตอกแตก ร่างของเขายังคงสั่น ทุกเสียงระเบิดจะทำให้ร่างของถังเทียนพองออกมา เหมือนกับว่าบางอย่างภายในร่างของเขาต้องการระเบิดออกมา
เสียงระเบิดปานจะฉีกแก้วหูทำให้ตัวถังเทียนดูเหมือนน้ำที่กำลังเดือดมีฟองผุดขึ้นแล้วแตกหายไป
เสี่ยวเอ้อปรากฎตัวอยู่ต่อหน้าถังเทียน เขามองหน้าถังเทียนด้วยอารมณ์ซับซ้อนพูดกระซิบด้วยเสียงที่เบา เหมือนกับจะรำพึงกับตนเอง “เจ้าสามารถเดินไปตามขั้นตอนของเขาได้จริงๆ น่าแปลกใจจริงๆ เจ้ายึดติดกับชัยชนะรุนแรงแบบนั้นได้อย่างไร? แม้ในสถานการณ์อย่างนี้ เจ้าก็ยังไม่ยอมแพ้?”
“ผนึกหลวมแล้วหรือนี่? นั่นน่าประหลาดใจจริง”
“เมื่อเป็นอย่างนั้นก็..”
เขายกนิ้วและชี้ไปที่จุดระหว่างคิ้วของถังเทียน
“ครั้งนี้ข้าจะช่วยเจ้า เพื่อหยาหยา”
ปลายนิ้วเสี่ยวเอ้อมีรังสีเจิดจ้าซึ่งฉายเข้าไปในจุดระหว่างคิ้วของถังเทียน ร่างของเสี่ยวเอ้อหมองลงขณะที่เขาเข้าไปในร่างของถังเทียนและหายไป
เมื่อแสงฉายเข้าไปในตัวเทียน ร่างของถังเทียนก็ลดอาการสั่นลง
เสียงระเบิดดังแสบแก้วหูหายไป