ตอนที่ 536 - ลำแสงล้างโลก
จื้อจุนสังหารขุนพลเกราะเงินทันทีที่นางลงมือ ด้วยอานุภาพนี้ นางได้ทำลายความข้องใจที่ทุกคนมีต่อนาง ทำให้ทุกคนกริ่งเกรงพลังของนาง
ทุกคนยกเว้นบุรุษลึกลับชางเหยียนที่ยังคงยึดมั่นอยู่ในทัศนคติอันสูงส่งของเขา
นักล่าที่เหลือต่างหน้าซีดกันทุกคนและระย่นย่อต่อจื้อจุน
นางสามารถสังหารนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าระดับสามได้ทันทีหรือนี่?
นี่หมายความว่านักล่าอื่นทุกคนยกเว้นชางเหยียนนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าระดับห้า ไม่สามารถต้านทานนางได้และจะต้องประสบชะตาเช่นเดียวกับขุนพลเกราะเงินไม่ใช่หรือ? สตรีนางนี้ทรงพลังขนาดนี้ได้ยังไง? พลังของนางลึกล้ำเกินจะหยั่งถึงได้ เมื่อเผชิญหน้ากับอันตรายถึงตายที่มาจากจื้อจุน, มนุษย์เผ่ากระดูก, มนุษย์สมิงและเทพสิบสองปีกจากหน่วยนักล่าถึงกับระมัดระวังตัวสุดขีด พวกเขาล้อมจื้อจุนด้วยกลยุทธรูปสามเหลี่ยมทันที พวกเขาตัดสินใจรวมพลังกันกำจัดคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งผู้นี้เสียก่อน
ไม่มีทางที่จะเอาชนะนางได้ด้วยการสู้กันตัวต่อตัว
แต่พวกเขายังคงมั่นใจมากว่าสามารถรุมสังหารจื้อจุนได้
พวกเขาไม่อาจปฏิเสธได้ว่าศัตรูที่แข็งแกร่งที่อยู่ต่อหน้าพวกเขาสามารถสังหารพวกเขาได้ทันที ถ้านางลงมือ
แต่พวกเขาฉลาดมาก… ขณะที่พวกเขาตะลึงตกใจ พวกเขาตัดสินทันทีว่า จุดอ่อนที่นักสู้ปราณก่อกำเนิดหญิงผู้นี้ก็คือเริ่มโจมตีช้า ถ้าขุนพลเกราะเงินไม่มัวแต่ประมาทนาง เขาคงไม่รอให้นางได้วาดยันต์ในอากาศได้สำเร็จ และจะไม่ยอมให้นางได้ควบกลั่นกระสุนดำที่น่ากลัวจากมิติว่างที่แตกแยกจนถูกนางสังหารได้ในทัน
กระสุนดำที่น่ากลัวทรงพลังจนไม่สามารถต่อต้านได้
แต่ก็ไม่ยากจะหลบหลีก
กระสุนดำคงไม่มีทางควบกลั่นได้สำเร็จ ถ้าพวกเขาเป็นฝ่ายรุกใส่นาง
กระบวนการนี้จำเป็นต้องเพ่งสมาธิเต็มที่ นางไม่สามารถกลั่นกระสุนได้แน่นอนในสภาวะที่ฟุ้งซ่านและถูกก่อกวน
ขณะที่เทพสิบสองปีก, มนุษย์กระดูกเผ่าลิชและมนุษย์สมิงล้อมกรอบนาง พวกเพชรฆาตโบราณก็เริ่มพุ่งเข้าหาจื้อจุนภายใต้การนำของจ้าวอสูรของพวกมัน
“จักรพรรดินีราตรี, ท่านไม่ต้องต้องยั้งมือให้กับคู่ต่อสู้ในตอนนี้แล้ว รีบไปช่วยเร็วๆ” เย่ว์หยางต้องการจะวิ่งเข้าไปช่วย แต่เขากังวลว่าเขาจะมีพลังไม่พอและกลายเป็นตัวถ่วงจื้อจุนแทน ดังนั้นเขาจึงเลือกขอให้จักรพรรดินีราตรีช่วย
“ความจริงข้าไม่ใช่ประเภทนักรบนะ…. ข้าไม่ได้เชี่ยวชาญการต่อสู้เป็นพิเศษ และระดับของข้าก็ยังไม่สูง ข้าเพิ่งเป็นแค่ปราณก่อกำเนิดฟ้าระดับสองเมื่อไม่นานมานี้ เจ้านึกว่าทุกคนก้าวหน้าได้รวดเร็วเหมือนเจ้าและจื้อจุนหรือไง? อย่าห่วงเลย, จื้อจุนมีวิธีการ แม้ว่าข้าไม่เคยสู้กับนาง แต่ข้ารู้ว่าจื้อจุนเป็นรูปแบบที่ตรงกันข้ามกับข้าและคล้ายๆ กับเจ้า นางเป็นนักรบสายลุย ดังนั้นนางจะแข็งแกร่งขึ้นเมื่อนางได้พบคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง!” จักรพรรดินีราตรีไม่เปิดเผยพลังนางยังคงความลึกลับไว้รอบๆ ตัวนาง
คำพูดของนางยิ่งทำให้เย่ว์หยางหลั่งเหงื่อมากขึ้นอีก
จักรพรรดินีราตรีเป็นเพียงสุดยอดปราณก่อกำเนิดระดับสองหรือนี่?
จักษุญาณทิพย์ของเขาไม่สามารมองเห็นนางได้ แม้ว่านางจะเป็นเพียงนักสู้ปราณก่อกำเนิดขั้นสุดยอดระดับสอง แต่เขาไม่สามารถมองเห็นนางได้เมื่อนางซ่อนตัว เทียบกับราชาเฮยอวี้แล้ว นางยังเหนือกว่ามากมายมิใช่หรือ? ไม่แต่เพียงแค่นั้น แม้แต่หวงฉวน มนุษย์ลิช, มนุษย์สมิง เทพสิบสองปีกและขุนพลเกราะเงินก็ยังหลบจักษุญาณทิพย์ของเขาไม่ได้ จักรพรรดินีราตรีสามารถซ่อนตัวอยู่ในอากาศได้เป็นอย่างดี แม้ว่าระดับของนางยังไม่สูงมากนัก เป็นไปได้ว่าเนื่องมาจากวิธีที่นางฝึกฝนกระมัง? หรือเป็นไปได้ว่านางก็มีสมบัติระดับเทพที่ช่วยให้นางซ่อนสถานะได้?
เย่ว์หยางไม่อาจได้ข้อสรุปใดๆ ได้ และรู้สึกมึนงงมาก
แม้ว่าพวกเขาจะคุยกันค่อนข้างเบา แต่หวงฉวนและพวกที่เหลือสามารถได้ยินได้
พวกเขาทุกคนหงุดหงิดและละอายใจมากถึงกับอยากจะเอาศีรษะโขกกำแพงตาย
พวกเขาเพิ่งตระหนักว่ายังมีนักสู้อยู่เบื้องหลังเย่ว์หยางอีกคน ถ้าพวกเขาไม่ได้คุยสนทนากัน ทุกคนก็ยังคงงมอยู่ในความมืด
ถ้าคนผู้นี้เป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขา พวกเขายังจะรอดอยู่ได้อีกหรือ?
“กรรร!” จ้าวอสูรเพชรฆาตโบราณคำรามใส่จื้อจุนอย่างดุร้าย แม้ว่านางจะตัวเล็ก แต่แท้ที่จริงนางทำให้มันรู้สึกว่าถูกคุกคาม นี่เองทำให้มันประหลาดใจและโกรธในขณะเดียวกัน มันไม่อาจข่มความโกรธได้อีกต่อไป ขณะที่นำเพชรฆาตโบราณทั้งหมดตรงเข้าเล่นงานจื้อจุนโดยสัญชาตญาณ แสดงให้เห็นว่ามันต้องการกำจัดคู่ต่อสู้ที่คุกคามต่อพวกมันนี้
“ขึ้นไปเลย จงร่วมกันฆ่านาง” มนุษย์เผ่าลิช, มนุษย์พยัคฆ์และเทพสิบสองปีกจากหน่วยนักล่าลอบตื่นตัวเมื่อพวกเขาตระหนักว่าจื้อจุนไม่ได้ใส่ใจแม้แต่น้อย
เป็นไปได้ไหมว่านางยังคงมีไม้ตายที่ทำให้นางไม่กลัวการโจมตีทั้งปวง?
แต่พวกเขาไม่อาจจะเอาแต่ขู่ได้ และจะถอยก็ไม่ได้เช่นกัน
ถ้าพวกเขาถอยกลับ พวกเขาอาจถูกสังหารทันทีเมื่อจื้อจุนควบกลั่นกระสุนดำได้สำเร็จ
ไม่มีใครต้องการผลลัพธ์เช่นนี้ ดังนั้นนอกจากนักรบลิช, มนุษย์สมิงและเทพสิบสองปีกแล้ว แม้แต่ราชาเฮยอวี้และชางเหยียนบุรุษผู้ลึกลับจะลอบป้องกันพลังโจมตีของจื้อจุนได้ทันที การต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายสามารถเริ่มขึ้นในเวลาใดก็ได้ เช่นเดียวกับหวงฉวน, เฝินเทียนและพวกที่เหลือกำลังคิดจะถอย พวกเขาตระหนักได้ว่าพวกเขาไม่สามารถขยับได้ เนื่องจากพวกเขารู้สึกว่าสูญเสียการควบคุมตนเอง
พวกเขาหน้าซีดด้วยความตกใจ ตอนแรกพวกเขาคิดว่าเป็นชางเหยียนกระตุ้นสนามพลังประหลาดของเขา แต่ความจริงเป็นฝีมือของจักรพรรดินีราตรี
เสียงกึกก้องของจักรพรรดินีราตรีดังขึ้น “จื้อจุนกำลังจะโจมตีในไม่ช้า นั่นไม่ใช่สิ่งที่พวกเจ้าจะสามารถต่อต้านรับได้ เข้ามาหลบอยู่ในสนามพลังดารานภากาศของข้าก่อน”
ดวงดาวกระพริบระยิบระยับดวงแล้วดวงเล่า
ดวงดาวเหล่านั้นงดงามเหมือนกับทางช้างเผือก
พวกเขาถูกกันอยู่ในมิติห่างจากเย่ว์หยางราวๆ สองสามร้อยเมตร แม้ว่าจะไม่กว้างใหญ่เท่าสนามพลังประหลาดของชางเหยียน แต่ก็มีพลังมาก เนื่องจากมันขับสนามพลังประหลาดของเขาออกไปจากดารานภากาศได้อย่างง่ายดาย บุรุษลึกลับชางเหยียนก็รู้สึกได้เช่นกัน ขณะที่สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที เขาไม่เคยมีความคิดเลยว่าฝ่ายตรงข้ามอ่อนแอเกินกว่าจะขับสนามพลังของเขาออกไปได้… ระดับความตกใจที่เขารู้สึกได้ก็คล้ายกับเวลาตอนที่ขุนพลเกราะเงินถูกสังหารทันที ทุกคนรู้ว่าสนามพลังเป็นพลังอำนาจโดยตรงของผู้เป็นเจ้าของ ยิ่งเจ้าของแข็งแกร่งมาก พลังของสนามพลังก็มากตามไปด้วย
สตรีนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าระดับสองสามารถขับสนามพลังของเขาออกไปได้ด้วยสนามพลังของนางหรือนี่?
นี่ไร้สาระเกินไปแล้ว!
นี่ช่างน่าขันยิ่งกว่ามดจับช้างทุ่มได้เสียอีก! พลังของพวกเขาแตกต่างกันอย่างน้อยสามระดับ แต่สนามพลังของนางกลับเอาชนะของเขาได้ เหลือเชื่อมากเกินไปแล้ว
“ฮึ่ม!” ชางเหยียนคำรามขณะปล่อยปราณมืดจำนวนมหาศาลออกมาจากร่างของเขาครอบคลุมสนามพลังประหลาดของเขา เขาสั่นเล็กน้อยขณะที่คลื่นพลังกระแทกถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างชางเหยียน จากนั้นก็เริ่มแผ่ขยายออกและกลืนทุกอย่างเหมือนพายุเฮอริเคน
สนามพลังดารานภากาศที่มีรัศมีร้อยเมตรถูกปะทะใส่ทันที
มันเริ่มหดตัวอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ชางเหยียนขยายสนามพลังเพื่อครอบงำมันให้ได้
ภายใต้คลื่นปราณกระแทกที่เหมือนพายุสลาตัน เพชรฆาตโบราณซึ่งมีพลังเทียบเท่านักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าระดับหนึ่งที่อ่อนแอที่สุด ไม่สามารถจะยืนต้านได้ขณะที่พวกมันเซไปรอบๆ ความหนาแน่นของพลังคลื่นกระแทกสามารถเห็นได้จากตรงนี้ อย่างไรก็ตามเย่ว์หยางที่ยืนปะทะอยู่ข้างหน้า ไม่ได้รู้สึกถึงพลังกดดันแม้แต่น้อย สนามพลังดารานภากาศหดลงมาเหลือขนาดแปดสิบเมตร แต่มั่นคงเหมือนกับภูเขาไท่ซาน สนามพลังไม่สั่นคลอนอีกต่อไป ไม่ว่าคลื่นพลังจากสนามพลังของชางเหยียนจะกระแทกกดดันเพียงใดก็ตาม
“กำเนิดดาวกระบวยใหญ่…” เสียงของจักรพรรดินีราตรีนุ่มเหมือนสายน้ำ
ในความมืด นิ้วงดงามของนางดูเหมือนจะชี้ไปที่ความว่างเปล่า
นางปรากฏออกมาเหมือนกับเทพธิดา ใช้พลังสูงสุดของนางสร้างดวงดาวในความมืด
แสงของดวงดาวสว่างเจิดจ้า
ดาวที่สว่างเจิดจ้าเป็นพิเศษกำเนิดขึ้น มันตั้งอยู่ในตำแหน่งท้องฟ้าทิศเหนือของสนามพลังดารานภากาศ
พลังงานที่อธิบายไม่ได้ถูกถ่ายเทเข้ามาในสนามพลังดารานภากาศ เมื่อดวงดาวเกิด สนามพลังดารานภากาศที่ถูกสนามพลังอีกฝ่ายกดดันในตอนแรกก็กลับไปอยู่ในสภาพดังเดิม
ดวงดาวที่หมองในตอนแรกในระยะไม่กี่ร้อยเมตรของสนามพลังก็พลันฉายประกายสดใสอีกครา
คลื่นบดกระแทกที่รุนแรงก่อนนั้นและถูกครอบคลุม กลับกลายเป็นไร้ประโยชน์
การตอบโต้เช่นนี้ทำให้ชางเหยียนหน้าถอดสี
หวงฉวน เฝินเทียน หวิ่นซิงและเวิ่งจินที่อยู่ในสนามพลังดารานภากาศต่างก็รู้สึกลำบากใจกันทุกคน ทั้งที่ยังมิได้ปรากฏร่าง จักรพรรดินีราตรีซึ่งอ้างตนเองว่าเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าระดับสอง สามารถขับไล่พลังโจมตีของสนามพลังของชางเหยียนนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าระดับห้ากลับไปได้โดยตรงเชียวหรือ? เป็นไปได้หรือที่ทุกคนจากทวีปมังกรทะยานจะมีพลังที่แข็งแกร่งผิดธรรมดาเช่นนี้ นี่เป็นไปได้อย่างไร? ยังไม่ต้องพูดถึงการป้องกันตัวนางเอง นางสามารถโต้ตอบและเอาชนะได้ ผลงานเอาชนะที่น่าทึ่ง ขณะที่เป็นกลุ่มที่มีพลังน้อยทำให้กลุ่มที่มีพลังสูงกว่าอย่างหวงฉวน, เฝินเทียนและหวิ่นซิงอยากเอาหัวกระแทกให้แตกเป็นเสี่ยงๆ ตายเหมือนเต้าหู้นัก
นี่ทำให้พวกเขาด้อยเกินไป!
พวกเขาจะเชิดหัวด้วยความภูมิใจอีกครั้งได้ยังไง?
เย่ว์หยางก็ตะลึงในทำนองเดียวกัน แม้ว่าจักรพรรดินีราตรีจะอ้างว่านางไม่ใช่นักสู้ประเภทสายลุย แต่นางสามารถผลักดันชางเหยียนด้วยสนามพลังของนาง ถ้าจักรพรรดินีราตรีใช้พลังทั้งหมดของนาง อย่างนั้น….
ช่างเถอะ ยังไงเสียจักรพรรดินีราตรีก็เป็นหนึ่งในพวกของเขา
นางแข็งแกร่งย่อมเป็นเรื่องที่ดีกว่า ผลดีที่สุดอาจจะเป็นว่านางสามารถร่วมมือกับจื้อจุนกำจัดชางเหยียนผู้หยิ่งยโสได้
ทางสนามรบด้านนี้เป็นการต่อสู้ระหว่างสนามพลัง
ในอีกด้านหนึ่ง การต่อสู้เพิ่งจะเริ่มเช่นกัน นักล่าเผ่าลิช, มนุษย์สมิง, เทพสิบสองปีกและจ้าวอสูรเพชรฆาตโบราณยังคงร่วมมือบุกโจมตีจื้อจุน
จ้าวอสูรเพชรฆาตโบราณพาแม่ทัพทั้งสี่ จ่าฝูงทั้งแปดและเพชรฆาตโบราณมากกว่าสิบตน ทั้งหมดอ้าปากกว้างขณะที่ฉีดเพลิงออกมาเป็นสายคล้ายน้ำตก ส่งผลให้เปลวเพลิงลุกโชนสู่อากาศพุ่งหาจื้อจุนที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศ นักล่าเผ่าลิชโบกไม้เท้ากระดูกสร้างหัวกะโหลกขนาดยักษ์ ขณะที่มันเข้างับใส่จื้อจุน ทางด้านมนุษย์สมิงยิงคลื่นรูปเสือออกมา ขณะที่เทพสิบสองปีกใช้ดาบทองฟันส่งคลื่นที่ผ่าฟ้าได้รุกขนาบจื้อจุน
ไม่มีทางที่การโจมตีแบบนี้มนุษย์จะป้องกันไว้ได้
หวงฉวนและพวกพ้องมองดูอย่างกระวนกระวาย
พวกเขาคงไม่อาจป้องการการโจมตีเหล่านี้ได้แน่นอน และพวกเขาคงไม่สามารถหลบหนีจากการต่อสู้นี้ มีโอกาสน้อยมากที่พวกเขาจะหนีได้
ที่สำคัญที่สุด จื้อจุนยังคงอยู่ภายในสนามพลังแปลกประหลาดของชางเหยียน ดังนั้นนางจึงไม่สามารถใช้สนามพลังของนางเพื่อปกป้องนางเอง กล่าวอีกนัยหนึ่ง ชางเหยียนสามารถควบคุมสนามพลังของเขาได้ทุกเมื่อและใช้มันโจมตีใส่นาง…
แม้ว่าหวงฉวนและพวกอีกมากจะรู้สึกว่าสถานการณ์ไม่สามารถทำอะไรได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าจื้อจุนจะไม่มีการเคลื่อนไหวมาก
แม้แต่เย่ว์หยางก็ยังรู้สึกจื้อจุนไม่ตายแน่
เย่ว์หยางรู้ว่าจื้อจุนจะต้องตอบโต้แน่นอน
เขาคาดการณ์ไว้ว่าจื้อจุนจะโต้ตอบอย่างประทับใจที่สุด และสงสัยว่านางสนองตอบต่อพลังโจมตีพวกเขาได้อย่างไร?
“กลยุทธไม่ได้เรื่อง” จื้อจุนลอยตัวขึ้นไปสูงร้อยเมตร เมื่อการโจมตีใกล้เข้ามามาก นางเหยียดแขนทั้งสองข้างด้วยท่าทางที่งดงามเป็นชุดๆ
สนามพลังชางเหยียนที่ใช้เพื่อจำกัดนางแตกสลายเหมือนกับมิติที่แตกฉับพลัน
แสงร้อนแรงที่สว่างกว่าดวงอาทิตย์เป็นหมื่นเท่าถูกนางปลดปล่อยออกมา
วงแหวนแสงทองขนาดยักษ์ปรากฏล้อมนางไว้ในใจกลาง
แสงรังสีเป็นล้านๆที่มีอำนาจทำลายล้างโลกแผ่ออกมาหนาแน่นเหมือนกับธนูและหอกแสง สามารถกวาดล้างทุกชีวิตที่มันสัมผัส ทุกคนตาพร่าบอดแสงทันที เนื่องจากไม่สามารถมองเห็นอะไรต่อหน้าพวกเขาได้ อย่าว่าแต่เพชรฆาตโบราณที่อยู่ในกลางสนามรบเลย แม้ทัศนวิสัยการมองเห็นของหวงฉวน, เฝินเทียนและพวกอีกมากที่ซ่อนตัวอยู่หลังสนามพลังดารานภากาศก็ยังตาพร่าเพราะรัศมีแสงไปด้วย พวกเขาตกอยู่สภาวะสับสน
จิตใจพวกเขามึนงง
พวกเขายืนอยู่ในสนามพลังดารานภากาศตาบอดแสงเหมือนร่างที่สูญเสียวิญญาณไป
ถ้าไม่ใช่เพราะการปกป้องจากสนามพลังดารานภากาศแล้ว พวกเขาคงถูกทำลายสลายหายไปในอากาศเพราะแสงทำลายล้างโลกนี้
“โอ้ว..ว้าว..แสงเทพหรือนั่น?” เย่ว์หยางตะลึงเหมือนกับระบบคอมพิวเตอร์แฮงค์ โอวพระเจ้า จื้อจุนตอบโต้ได้ถึงใจแท้ๆ เขาไม่เคยคาดว่าจะน่าประทับใจขนาดนี้
******************