ตอนที่ 31 ความสิ้นหวังของดันโซ
ในขณะที่ทุกคนกำลังฟังฮิรุเซ็นที่บอกให้ดันโซเปิดตาและแขนของเขาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ บาโคริโอะจับตาดูดันโซตลอดเพราะเขารู้สึกผิดปกติกับความเงียบของดันโซ
ดันโซก็เหมือนกับคนอื่นๆ เมื่อจนมุมเขาก็ตัดสินใจต้องตอบโต้ บาโคริโอะสังเกตว่าดันโซยังคงมองฟุงาคุที่ยังคงขวางทางเขาอยู่ และสิ่งต่อไปที่ดันโซทำนั้นคือดูเหมือนเขาต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่มันทำเอาทุกตกใจเมื่อดันโซ ออกคำสั่ง 'โจมตีได้' ให้หน่วยรากของเขา
ในขณะเดียวกัน เขาก็ปล่อยดาวกระจายลมไปที่บาโคริโอะ ซึ่งนั่นทำให้เข้าใจได้ทันทีว่าดันโซตั้งใจจะใช้บาโคริโอะเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของฟุงาคุแต่มันไม่ได้ผล เพราะบาโคริโอะหลบได้อย่างหวุดหวิดด้วยการขยับตัวออกมาด้านข้างนิดหน่อย
แต่ผู้ชายที่อยู่ด้านหลังบาโคริโอะไม่ได้โชคดีแบบเขา
ชายคนนั้นดูแตกต่างจากคนอื่นมาก ดวงตาของเขาถูกบดบังด้วยแว่นตาดำซึ่งมีพู่ข้างเดียวห้อยลงมาจากด้านหนึ่ง เขามีผมสั้นสีดำและมีหนวด เขากำลังนั่งเอามือล้วงกระเป๋าเสื้อคอสูงสีขาวที่เขาสวมอยู่
นี่คืออาบุราเมะ ชิบิ โจนินและหัวหน้าตระกูลอาบุราเมะแห่งโคโนฮะ
ชิบิไม่มีเวลามากพอที่จะหลบได้ เขาเลือกที่จะเอียงตัวและสั่งให้แมลงพิเศษที่เขาเลี้ยงไว้ในตัวเพื่อป้องกันการโจมตีและดูดซับจักระจากดาวกระจายลมเพื่อลดความเสียหายให้ได้มากที่สุด
แม้ว่าเขาจะสามารถทำให้ความเสียหายของดาวกระจายลมลดลงได้ ก็ไม่พอที่จะทำให้มันหยุด และลงเอยด้วยการสูญเสียแขนซ้ายของเขาก่อนที่การโจมตีนั้นจะถูกหยุดโดยโจนินอีกคนที่อยู่ข้างหลังเขา
นี่คือพลังของ ชิมูระ ดันโซ ที่ยังคงซ่อนไว้ อันที่จริงเขามีพลังเทียบเท่ากับเหล่าคาเงะด้วยซ้ำ
และตอนนี้นินจาคนเดียวกันนี้ก็กำลังถูกชายตาแดงข่มไว้เล็กน้อยด้วยจิตสังหารของฟุงาคุ
แม้จะไม่ได้ใช้เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผา เขาก็ยังแข็งแกร่งมากและสมควรได้รับฉายากับตำแหน่งหัวหน้าตระกูลอุจิวะ
ห้องประชุมพังยับเยิน และไม่นานฟุงาคุก็หลบหมัดของดันโซได้หนึ่งหมัดและตอบโต้ด้วยการแทงคุไนเข้าที่คอของดันโซที่ตอนนี้กำลังเสียสมดุล
แต่ดันโซหลบได้อย่างง่ายดายด้วยการเป่าลมออกจากปากทำให้ฟุงาคุพลาด ดันโซพยายามใช้แรงดันอากาศเพื่อดีดตัวเองให้ออกมาไกลๆ แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ตอบโต้ ฮิรุเซ็นก็ประสานอินอย่างรวดเร็วทำให้เสาดินปรากฏขึ้นจากพื้นข้างๆดันโซ เสานั้นเชื่อมต่อกับขาและสีข้างของดันโซ และดันโซก็ถูกทำให้ออกไปนอกหอคอย โดยมี ฮิรุเซ็น ฟุงาคุ และ บาโคริโอะตามไป
สำหรับหน่วยราก พวกเขาถูกจับกุมอย่างรวดเร็วโดยความร่วมมือของหัวหน้าตระกูลและหน่วยลับที่ปกป้องหอคอยโฮคาเงะ ยกเว้นอาบุราเมะ ชิบิ ที่ได้รับบาดเจ็บ
ในขณะเดียวกันบาโคริโอะที่ตามดันโซไปด้วย เมื่อฮิาชิสังเกตเห็นสิ่งนี้ เขาจึงตัดสินใจตามไปเพื่อปกป้องบาโคริโอะเผื่อมีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งเขาก็คิดถูกเพราะตอนที่บาโคริโอะกระโดดออกจากหอคอย สมาชิกหน่วยรากที่ซ่อนตัวอยู่ก็พยายามจะซุ่มโจมตีเขา แต่ถูกสกัดกั้นโดยฮิอาชิโดยใช้มวยอ่อน8ทิศ ส่งจักระที่ถูกบีบอัด โจมตีใส่หน่วยรากทำให้ไม่สามารถรีดเร้นจักระขึ้นมาได้
บาโคริโอะไปต่อโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง ซึ่งทำให้ฮิอาชิงุนงง แต่เขาก็เดินตามไปในขณะที่คิดว่า 'เขายอมให้ตัวเองถูกซุ่มโจมตีเพียงเพื่อทดสอบฉันหรือเปล่า? หรือว่าเขาไว้ใจฉันมาก?' ฮิอาชิทำได้เพียงแค่สงสัย...
ในขณะเดียวกันในการต่อสู้ระหว่างฟุงาคุ, ฮิรุเซ็นและดันโซ ฮิรุเซ็นเรียกลิงชื่อเอ็มมะที่กลายร่างเป็นตะบองกลมสีดำขอบทองซึ่งเป็นอาวุธที่มีชื่อเสียงของเขา
ในขณะที่ฮิรุเซ็นเรียกสัตว์อัญเชิญ ฟุงาคุรีบประสานอินก่อนที่จะส่งมังกรไฟขนาดใหญ่ไปที่ดันโซ
ดันโซกระโดดออกไปอย่างรวดเร็ว แต่เขาเห็นว่าตะบองของฮิรุเซ็นกำลังขยายตัวและกำลังจะพุ่งมาชนเขาในขณะที่ ฟุงาคุเองก็กำลังวิ่งตามไปอยู่ ดังนั้นดันโซจึงหลบตะบองนั้นและรีบดาวกระจายออกมาซึ่งเขาปล่อยลมหายใจเข้าไปด้วยลมที่แหลมคม คล้ายกับหระสุนวงจักรของนารูโตะ จากนั้นก็ขว้างไปที่ฟุงาคุ
ขณะที่ดันโซกำลังทำอยู่นั้น ฟุงะคุก็ปรากฏตัวขึ้นจากข้างใต้เท้าเขาและฟันขาขวาของดันโซ ก่อนที่ดันโซจะถอยไป
จริงๆแล้วฟุงาคุที่พุ่งเข้ามาหาดันโซนั้นเป็นเพียงร่างแยกเงาและถูกสลายไปหลังจากโดนดาวกระจายลมโจมตีใส่
ในขณะเดียวกันฮิรุเซ็นก็ใช้ร่างแยกเงาของเขาไปดักดันโซ ฟุงาคุที่กระโดดหนีออกมาและลอยอยู่กลางอากาศ ประสานอินและใช้คาถาเพลิงมังกรยักษ์ใส่ไปที่ดันโซอีกครั้ง
ดันโซเห็นสิ่งนี้จึงใช้คาถาอัญเชิญช้างยักษ์ ซึ่งใหญ่พอที่จะบดบังมังกรไฟที่ฟุงาคุที่ปล่อยออกมาก่อนหน้านี้ได้ มันมีสีส้มเข้มเป็นส่วนใหญ่ ยกเว้นลำตัว ขา และรอยรอบดวงตา เท้าของมันมีลายที่คล้ายเสือโคร่ง มีงาขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนเครา รวมถึงกรงเล็บที่ยาวและแหลมคมอีกด้วย มันมีผ้าพันแผลพันรอบหัวและเกราะคลุมอยู่ที่ฐานของลำตัว
นี่คือคาถาอัญเชิญของดันโซ และเขาก็ใช้ความสามารถของมันอย่างรวดเร็วในการเปิดปากและหายใจเข้า สร้างแรงดูดอันทรงพลังที่ดูดทุกสิ่งที่อยู่ในรัศมีกว้างของตัวมันเอง และทำให้ผู้คนที่อยู่รอบๆนั้นเคลื่อนที่ไม่ได้
ฮิรุเซ็นที่กำลังจะถูกดูดนั้นเคลื่อนไหวไม่ได้ แต่การโจมตีของมังกรไฟของฟุงาคุนั้นพุ่งไปอย่างรวดเร็วและโชคไม่ดีที่คาถาไฟมังกรนั้นเป้นจุดอ่อนของสัตว์อัญเชิญของดันโซที่ชื่อว่า บาคุ เมื่อมันดูดไฟเข้าไป มันก็ได้รับบาดเจ็บอย่างหนักและแรงดูดก็หายไปพร้อมกับการสลายไปของสัตว์อัญเชิญตัวนั้น
ในตอนนี้บาโคริโอะก็มาถึงพร้อมกับฮิอาชิ ตอนนี้ไม่มีทางหนีสำหรับดันโซอีกต่อไปแล้ว
ฮิอาชิรีบใช้วิชามวยอ่อนอย่างรวดเร็ว คนอื่นๆอย่างฟุงาคุก็โจมตีด้วยคาถาวิชาลวงตาของเขา และฮิรุเซ็นที่อยู่ในระยะไกลกับก็ใช้ตะบองเอ็มมะที่ขยายได้ฟาดมาที่ดันโซ
ดันโซประสบความพ่ายแพ้อย่างน่าสมเพชและเขาทำผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุดก็คือ เขามองข้ามการปรากฏตัวของบาโคริโอะ แม้แต่ดันโซที่ระมัดระวังและเจ้าเล่ห์ก็ไม่คิดว่าบาโคริโอะนั้นจะเป็นอันตรายต่อตัวเขา เพราะดันโซกำลังคิดถึงเรื่องการต่อสู้ในตอนนี้เท่านั้น
แต่หลังจากที่เขาหลบคุไนของฟุงาคุได้ สิ่งที่ยังคงอยู่กลางอากาศด้านหลังเขากลับกลายร่างเป็นเด็กที่เขานั้นมองข้าม ทันใดนั้นเขาก็โดนตัดแขนขวาสีขาวซีดของเขาที่ตอนนี้มันถูกเปิดออกพร้อมกับดวงตาสองดวงที่ฝังอยู่ในนั้น และคว้ามันไว้ในขณะที่ถอยห่างออกไป
ดันโซตกใจมาก แต่ก่อนที่เขาจะได้ตอบโต้ ฟุงาคุก็แทงเข้าที่หัวของเขาแล้ว
แต่ดันโซก็จางหายไปและกลับมาปรากฏตัวอีกครั้งห่างจากพวกเราเล็กน้อยโดยไม่เป็นอะไรเลย โดยมีความแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือตาข้างหนึ่งในสองดวงบนมือที่สีซีดค่อยๆปิดลง
'ชิ แม้ว่าจะตัดมือเขาออกไป เขาก็ยังสามารถใช้มันได้อีกเรอะ' บาโคริโอะคิดขณะมองดูว่าดันโซมองเขาอย่างระมัดระวังในครั้งนี้โดยไม่ปล่อยให้ละสายตาไปได้ ในขณะที่ทั้งสามคน ฟุงาคุ , ฮิาชิ และ ฮิรุเซ็นดูตกใจ แม้ว่า ฟุงาคุจะรู้เรื่องอิซนางิจากศิลาเก่าแก่ในศาลเจ้าของตระกูลอุจิวะ แต่เขาก็ไม่เคยได้เห็นใครใช้มันมาก่อน
"เอาล่ะ นายเหลือการฟื้นคืนชีพอีก 2 ครั้ง รีบทำให้มันจบเถอะ" บาโคริโอะพูด แล้วทั้งสามคนก็ออกจากความงุนงงอย่างรวดเร็วและเริ่มโจมตีอีกครั้ง ในขณะที่คราวนี้บาโคริโอะช่วยพวกเขามากขึ้นด้วยวิชานินจาหรือกลยุทธ์เหมือนครั้งก่อน แต่ดันโซผู้สิ้นหวังนั้นจะไม่ยอมตายไปแค่ตัวคนเดียวอย่างเด็ดขาด...