Chapter 85 : เมืองผาแดง
ราตรีผ่านไปอย่างรวดเร็ว แม้ว่าพวกเขาจะใช้เวลาทั้งคืนภายในสุสานอัปมงคลแต่กลับไม่มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้น หญิงสาวร่างสูงและโจวเฉินพลัดกันหลับใหลทำให้ความเหนื่อยล้าในช่วงสองวันที่ผ่านมาของพวกเขาหายไป
ในช่วงเช้าหลังจากคืนที่สามผ่านพ้น ทันทีที่พระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้าพวกเขาก็เดินออกมาจากสุสานและมุ่งหน้าตรงไปยังทิศทางที่ชายวัยกลางคนเคยชี้ไป
พวกเขาข้ามผ่านภูเขาสองลูกแต่กลับไม่พบหมู่บ้านเลยซักแห่ง สิ่งเดียวที่พวกเขาเห็นมีเพียงภูเขาโล้นโล่งเตียนที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะเท่านั้น
“มุ่งหน้าลงใต้ต่อเถอะ จะย้อนกลับไปอาศัยอยู่ที่สุสานก็คงไม่ดี”
พวกเขาไม่ได้ประหลาดใจนักที่โดนหลอกดังนั้นพวกเขาจึงมุ่งหน้าลงใต้ต่อ
คนทั้งสองปีนข้ามภูเขาและลำธารจนกระทั่งถึงช่วงบ่าย เมื่อวพกเขามาถึงยอดของภูเขาสูงแห่งหนึ่งพวกเขาก็พบเข้ากับบางสิ่งบางอย่าง
“ดูเหมือนตรงนั้นจะมีเมืองอยู่”
โจวเฉินเห็นบางสิ่งบางอย่างดูคล้ายสิ่งปลูกสร้างอยู่ไกลออกไปทางด้านหลังของภูเขา
บ้านบางหลังสูงและบางหลังก็เตี้ย การจัดวางเองก็ค่อนข้างไร้ระเบียบแบบแผนและดูไม่เป็นระเบียบเหมือนกับที่เมืองยอดเหมันต์เลยซักนิด
คนทั้งสองมุ่งหน้าไปยังที่แห่งนั้นและใช้เวลาไปกว่าสามชั่วโมงกว่าจะถึงพื้นที่บริเวณที่ว่า
เมื่อพวกเขากำลังจะเดินเข้าเมือง ทหารยามประจำเมืองที่เห็นโจวเฉินและหญิงสาวร่างสูงเป็นคนนอกก็รีบเข้ามาวุ่นวายกับพวกเขาในทันที กว่าเจ้าหมอนี่จะปล่อยให้พวกโจวเฉินเข้าไปก็เป็นตอนที่โจวเฉินหยิบเหรียญเงินหนึ่งเหรียญที่พบในสุสานยื่นให้กับมัน
“ความประทับใจแรกของเมืองนี้ต่ำเตี้ยเรี่ยดินกว่าเมืองยอดเหมันต์เยอะเลยนะ”
หลังจากเข้ามาในเมืองโจวเฉินก็บ่นกับหญิงสาวร่างสูง
“นั่นน่ะสิ...มีคนตามเรามาตั้งแต่เราเข้าเมืองแล้วนะ”
หญิงสาวร่างสูงพยักหน้ารับคำและเอ่ยเตือนเขา
“อืม...ฉันเองก็รู้ตัวเหมือนกัน พวกเราน่าจะถูกจับตามองแล้วล่ะ”
โจวเฉินไม่ได้สนใจมากนัก
“หาโรงแรมดีๆอยู่กันเถอะ”
เขาเริ่มเสาะหาสถานที่สำหรับซุกหัวนอนภายในเมืองแห่งนี้
หลังจากเดินข้ามถนนลูกรังที่ไม่กว้างมากนักพวกเขาก็มาถึงโรงแรมแห่งนี้ที่มีป้ายเขียนเอาไว้ด้านบนประตูว่า ‘ป่าอุ่น’ ด้วยภาษาท้องถิ่น
การตกแต่งภายในโรงแรมนั้นดูดีพอสมควรและให้ความรู้สึกสดชื่นเล็กน้อย เมื่อมองไปยังประตูก็จะพบว่ามันทั้งสะอาดและประณีตยิ่ง โจวเฉินและหญิงสาวร่างสูงเดินตรงไปยังเคาร์เตอร์ด้านในอย่างรวดเร็ว
“พวกเราต้องการห้องสองห้อง”
โจวเฉินกล่าวกับสตรีที่มีใบหูแหลมและมีผิวสีน้ำตาล
“ทราบแล้วค่ะ โปรดจ่ายเงินเป็นจำนวนหนึ่งเหรียญทองเป็นค่ามัดจำด้วยนะคะ”
หญิงสาวประจำเคาร์เตอร์กล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้ม
“แพงมาก...”
โจวเฉินรู้สึกว่าเขาโดนคนท้องถิ่นฟันราคาเข้าให้แล้วแต่เมื่อเห็นการตกแต่งภายในโรงแรมแห่งนี้ที่ดูเหมือนจะมีระดับสูงพอสมควรเขาจึงตัดสินใจยื่นเหรียญทองให้กับอีกฝ่าย
“พวกคุณพึ่งจะมาถึงเมืองผาแดงใช่ไหมคะ?”
หลังจากได้รับเงินมาหญิงสาวก็เอ่ยปากถามคนทั้งสอง
“ใช่”
โจวเฉินพยักหน้า
“ถ้างั้นโปรดระมัดระวังรอบตัวให้ดี ในโรงแรมแห่งนี้ดิฉันพอจะรับรองความปลอดภัยให้พวกคุณได้แต่ถ้าพวกคุณออกไปด้านนอกนั่นก็ยากจะกล่าวแล้ว”
หญิงสาวเอ่ยต่อ
“หมายความว่ายังไง? จะบอกว่าเมืองผาแดงแห่งนี้อันตรายงั้นหรอ?”
โจวเฉินยิ้มขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
“เมืองผาแดงไม่ได้อันตรายหรอกค่ะ ที่อันตรายจริงๆคือคนบางคนมากกว่า พยายามอย่าอยู่ด้านนอกนานเกินไปก็แล้วกันค่ะ”
หญิงสาวดูเหมือนจะไม่อยากพูดไปมากกว่านี้
“ขอบคุณ”
โจวเฉินและหญิงสาวร่างสูงเดินตามหญิงสาวหูยาวอีกคนหนึ่งขึ้นไปยังชั้นสองและตรวจสอบห้องทั้งสองห้องที่อยู่ติดกัน
จากนั้นคนทั้งสองก็นอนหลับพักผ่อนกันอยู่ซักพักและหาอะไรกินก่อนจะออกจากโรงแรมไป
“นี่ก็เกือบมืดแล้วถ้าพวกคุณออกไปตอนนี้จะอันตรายมากนะคะ”
เมื่อพวกเขากำลังจะเดินออกจากโรงแรมหญิงสาวหูยาวที่เป็นหัวหน้าก็เอ่ยปากเตือนพวกเขา
“ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวก็กลับมาแล้ว”
โจวเฉินยิ้มส่งให้กับนายหญิงของโรงแรมก่อนจะหมุนตัวจากไปจนอีกฝ่ายต้องส่ายหัวออกมาอย่างหมดหนทาง
เหตุผลที่ว่าทำไมโจวเฉินและหญิงสาวร่างสูงถึงออกมาาจากโรงแรมนัน้หลักๆเลยก็เพื่อซื้อหาไอเทมที่ระบบสามารถระบุได้ เช่นพวกอาวุธ ชุดเกราะและคัมภีร์สกิล
พวกเขาได้รู้ข้อมูลของเมืองจากนายหญิงประจำโรงแรมและรู้ว่าร้านอาวุธ ชุดเกราะ ร้านขายยาและร้านอื่นๆนั้นมีอยู่และตามที่นายหญิงของโรงแรมพูดถึงดูเหมือนร้านค้าที่มีจะมีมาตราฐานดีพอสมควร
เมื่อก้มลงมองแผนที่ที่ได้มาก็พบว่าพวกเขาใกล้จะถึงเป้าหมายแล้วซึ่งนั่นก็คือร้านขายยาที่มีแม่มดคนหนึ่งเป็นเจ้าของร้าน
หลังจากเดินข้ามถนนลูกรังมาอีกสองเส้นพวกเขาก็เข้ามาในตรอกแห่งหนึ่ง โจวเฉินและหญิงสาวร่างสูงจู่ๆก็ยื่นแน่นิ่งไปจนกระทั่งคนหลายคนปรากฏตัวออกมาขวางทางพวกเขาเอาไว้
นอกจากด้านหน้าแล้วด้านหลังของพวกเขายังมีคนอีกสามคนปรากฏตัวออกมา ดูจากลักษณะของเครื่องแต่งกายแล้วคนพวกนี้น่าจะเป็นพวกโจรกระจอก พวกมันจ้องเขม็งมาที่โจวเฉินและหญิงสาวร่างสูงด้วยสายตาละโมบจนปิดไม่มิด
“ส่งเงินทั้งหมดที่มีและตามพวกเรามาซะดีๆ ไม่อย่างนั้นพวกแกจะเสียใจ”
ชายตาเดียวในชุดผ้าลินินเดินออกมาและกล่าวกับโจวเฉินกับหญิงสาวร่างสูง
“พวกเราให้เงินได้แต่ทำไมต้องตามพวกนายไปด้วย?”
โจวเฉินถามออกมาด้วยความสงสัย
“ฮี่ๆ แน่นอนว่าต้องพาพวกแกไปสนุกยังไงล่ะ”
ชายตาเดียวดูเหมือนจะพึงพอใจท่าทีขี้ขลาดของโจวเฉินไม่น้อย รอยยิ้มเหี้ยมเผยออกมาบนใบหน้าของอีกฝ่าย
“ฮ่าๆๆๆ...”
โจรคนอื่นๆเองก็หัวเราะออกมาเช่นกัน
“ฆ่าให้หมด!”
หลังจากได้รับคำตอบโจวเฉินก็เอ่ยกับหญิงสาวร่างสูงเบาๆ จากนั้นเขาก็หยิบหอกเหล็กออกมาและพุ่งตรงเข้าใส่ชายตาเดียว
ชายตาเดียวตกตะลึงยิ่งนักเพราะไม่รู้เลยว่าจู่ๆหอกก็มาโผล่ในมือของเหยื่อของพวกมันได้ยังไง ในตอนที่มันกำลังจะถอยและปล่อยให้ลูกสมุนถือดาบด้านข้างรับมือกับศัตรูแทนหอกในมือของอีกฝ่ายกลับเสียบทะลุคอหอยของเขาเสียก่อนแล้ว
ชายตาเดียวพึ่งจะตกตายไม่นานขณะที่ร่างยังไม่ล้มลงไปบนพื้นดี ลูกสมุนถือดาบด้านข้างเองก็ถูกโจวเฉินแทงจนตายไม่ต่างกันเดียวกัน ยังไงซะในตรอกแคบๆแบบนี้ก็ไม่มีที่ให้หลบอยู่แล้วและโจวเฉินก็ได้เปรียบทั้งด้านระยะของอาวุธและพละกำลังกับความว่องไว
หลังจากแทงทุกชีวิตที่อยู่เบื้องหน้าจนดับดิ้นภายในเวลาไม่ถึงวินาทีหรืออาจจะมากกว่านั้นเล็กน้อย โจวเฉินก็หันมองไปรอบๆ
หญิงสาวร่างสูงเองก็ชักกระบี่ออกมาแล้วเช่นกัน พละกำลัง ความเร็วและทักษะของเจ้าหล่อนดีพอสมควร ในเวลาเพียงวินาทีเดียวเธอก็สังหารคนผู้หนึ่งลงได้แล้ว
โจวเฉินรีบก้าวเข้าไปช่วยอีกฝ่ายในทันที การต่อสู้ทั้งหมดนั้นดำเนินอยู่สั้นๆเพียงสามวินาทีเท่านั้นและไม่มีโจรคนไหนสามารถหลบหนีออกไปจากตรอกแห่งนี้ได้เลย
หลังจากสังหารคนพวกนี้แล้วโจวเฉินก็ค้นร่างกายของพวกมันและได้เงินมาอีกสองเหรียญทองกับเหรียญเงินอีกหลายเหรียญ
ขณะที่เขากำลังลูทของจากอีกฝ่ายอยู่นั้นหญิงสาวร่างสูงก็เอ่ยออกมาด้วยความสงสัย
“นายคิดจะออกจากเมืองเดี๋ยวนี้เลยรึไง? พวกเราแค่ไล่พวกมันไปก็ได้นี่”
“มารอดูเถอะว่าผลลัพธ์จะออกมายังไง”
โจวเฉินตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“บางทีการตายของโจรพวกนี้อาจจะไม่ส่งผลอะไรเลยก็ได้ ไม่ต้องห่วงเพราะต่อให้มีปัญหาขึ้นมาจริงๆฉันก็มีทางหนีอยู่ดี”
โจวเฉินไม่ได้คิดว่าการสังหารคนพวกนี้เป็นเรื่องใหญ่แต่อย่างใด ยังไงซะนี่ก็เป็นโลกของระบบอยู่แล้ว เขาเพียงเลือกวิธีที่ง่ายที่สุดในการรับมือเท่านั้นแม้ว่ามันจะดูดิบเถื่อยไปหน่อยก็ตาม
พวกเขารีบออกจากตรอกแห่งนั้นและเดินเตร่อยู่ในเมืองผาแดงอยู่ซักพักก่อนจะมาถึงเป้าหมาย – ร้านขายยาที่มีชื่อว่า ‘กระท่อมแห่งความฝัน’
เจ้าของร้านนี้เป็นแม่มดชราผู้หนึ่งที่มีรอยเหี่ยวย่นเต็มใบหน้า เมื่อโจวเฉินกล่าวว่าเขาอยากจะได้โพชั่นที่ดีที่สุด เจ้าหล่อนก็รีบนำโพชั่นขึ้นชื่อออกมาในทันที
“โพชั่นแห่งพลังขวดนี้คือโพชั่นขวดล่าสุดที่ข้าปรุงขึ้นมา มันจะทำให้น้องชายของเจ้าสามารถใช้งานได้ยาวนานที่สุดเวลาอยู่บนเตียง!”