Chapter 81 : แผ่นดินไหว – หิมะถล่ม
“แพงเกินไปแล้ว”
หญิงสาวร่างสูงหมดคำจะพูด เจ้าหล่อนมีเงินเพียงสองเหรียญทองเท่านั้นและก็ไม่คิดด้วยว่าอาวุธที่ตัวเองชอบจะราคาแพงขนาดนี้
“ราคานี้สมเหตุสมผลแล้วขอรับคุณผู้หญิง”
ชนพื้นเมืองวัยกลางคนยิ้มตอบ
“นี่คือดาบคุณภาพดีที่ถูกสร้างขึ้นมาเพียงไม่กี่เล่มต่อปีภายในร้านอาวุธเหมันต์สีเงินของเรา การเสริมพลังด้วยแสงศักดิสิทธิ์นั้นยิ่งทำให้มันมีค่าขึ้นไปอีก มันทำให้ท่านสามารถจัดการกับสิ่งมีชีวิตชั่วร้ายได้โดยไม่เพลี่ยงพล้ำ”
“ขอดูรอบๆก่อนแล้วกัน”
ไม่ว่าคนผู้นี้จะพยายามโอ้อวดสรรพคุณอย่างไรแต่หญิงสาวก็ทราบดีว่าเจ้าหล่อนจ่ายไม่ไหว เธอจึงไปเดินดูอาวุธชิ้นอื่นแทน
“หอกนี่ราคาเท่าไหร่?”
โจวเฉินเองก็สังเกตเห็นหอกระดับทองแดงขั้นกลางด้ามนึงและเอ่ยถามราคาออกมา
“ยี่สิบเหรียญทองขอรับ”
ชายชนพื้นเมืองวัยกลางคนเอ่ยตอบทันที
“ยี่สิบ...นี่มันถูกกว่าดาบเมื่อกี้เยอะเลยนะหรือจะเป็นเพราะมันไม่มีการเสริมพลัง?”
โจวเฉินถามด้วยความสงสัย
“ถูกต้องแล้วขอรับ การเสริมพลังนั้นจำเป็นต้องใช้วัสดุล้ำค่าและจอมมนตราที่เชี่ยวชาญ ราคาของการเสริมพลังโดยปกติจะสูงกว่าตัวอาวุธเสียอีก”
ชายชนพื้นเมืองวัยกลางคนอธิบายให้เขาฟัง
“ถ้างั้นพวกคุณพอจะเสริมพลังให้ได้ไหม? ฉันอยากจะเสริมพลังให้หอกซักหน่อย”
โจวเฉินถาม
“แน่นอนขอรับแต่ท่านจำเป็นต้องวางมัดจำเงินเอาไว้ก่อน ส่วนการเสริมพลังนั้นจะแล้วเสร็จภายในหนึ่งเดือน”
“เดือนนึง...ช้าเกินไป”
โจวเฉินส่ายหัว พวกเขาไม่ได้มีเวลามากขนาดนั้น
คนทั้งสามเดินดูรอบๆร้านอาวุธอยู่ซักพักและพบอาวุธคุณภาพสูงที่สามารถซื้อกลับไปยังดาวขั้วฟ้าอยู่หลายเล่ม หากแต่ส่วนใหญ่นั้นพวกมันมีราคาแพงมากพวกเขาจึงจากมาโดยไม่ได้ซื้ออะไรเลย
“สิบวัน...สงจริงๆว่าเวลาเท่านี้จะพอหาเงินได้สิบห้าเหรียญทองรึเปล่า...”
ขณะที่เดินอยู่บนถนนที่ปูด้วยแผ่นหินภายในเมืองยอดเหมันต์ชายหนุ่มท่าทางสุภาพก็เอ่ยพึมพำออกมา
“นายยังคิดถึงมีดสั้นเล่มนั้นอยู่อีกหรอ?”
โจวเฉินอดยิ้มออกมาไม่ได้
ชายหนุ่มท่าทางสุภาพผู้นี้ดูเหมือนจะชื่นชอบมีดสั้นคุณภาพสูงที่มีราคา15เหรียญทองภายในร้านอาวุธเมื่อครู่ยิ่งนัก โจวเฉินเสนอให้อีกฝ่ายหยิบยืมเงินก่อนแต่อีกฝ่ายกลับปฏิเสธ เขากล่าวว่าเขาจะหาเงินด้วยตัวเอง
“ไม่ต้องห่วงฉันคิดว่าฉันจะต้องซื้อมันได้ก่อนที่ภารกิจเซอร์ไววัลหนนี้จะจบลงแน่นอน”
ชายหนุ่มท่าทางสุภาพดันกรอบแว่นขึ้นเบาๆและกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
ยังไงก็ตามก่อนที่โจวเฉินจะทันได้ตอบอะไรออกไปเรื่องผิดปกติก้พลันเกิดขึ้นเสียก่อน
พื้นดินใต้เท้าของพวกเขาเริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง บ้านหินหลายหลังทั้งสองฝากฝั่งของถนนเริ่มโคลงเคลงไปมาราวกับว่าพวกมันพร้อมกับพังทลายในเสี้ยววินาทีถัดไป
“เชี่ย! แผ่นดินไหว!”
โจวเฉินตอบสนองทันควัน
“รีบวิ่งไปที่จตุรัส!”
เขาออกตัววิ่งไปยังลานโล่งๆของจตุรัสซึ่งไม่มีสิ่งก่อสร้างใดๆอยู่เลยเพื่อไม่ให้ถูกสิ่งก่อสร้างรอบด้านล้มลงมาทับ
ยังไงก็ตามระยะห่างระหว่างพวกเขาและจัตุรัสนั้นค่อนข้างไกลอยู่พอสมควรแลแผ่นดินไหวเองก็มาอย่างฉับพลันและรุนแรงมาก ในตอนที่พวกเขายังวิ่งไปไม่ถึงจตุรัสบ้านหินทั้งสองฝากของถนนก็เริ่มพังทลายลงมาเสียก่อน
พริบตานั้นคนทั้งสามต้องเผชิญกับแรงกดดันอย่างใหญ่หลวง ไม่เพียงแต่พวกเขาต้องหลบหลีกชนพื้นเมืองที่ตื่นตระหนกเท่านั้นแต่ยังต้องหลบก้อนหินที่ล่วงลงมาจากบ้านอีกด้วย เส้นทางที่พวกเขาเลือกใช้พริบตาเดียวก็ถูกบ้านหินที่พังทลายล้มลงมาขวางเอาไว้ทำให้ยากจะผ่านไปได้
โจวเฉินเปิดใช้งานสกิลย่างก้าวสายลมในทันที เขาทานรับแรงกระแทกจากหินที่ล่วงหล่นลงมาและกระโดดขึ้นไปบนยอดของกองหิน ที่ทำเช่นนี้เป็นเพราะว่าสิ่งก่อสร้างทั้งหมดในบริเวณได้พังทลายลงมาแล้วและแม้ว่ากองหินพวกนี้จะยังคงพังทลายลงมาแต่จำนวนหินที่หล่นลงมาก็ไม่ได้มากมายเท่าก่อนหน้านี้
จากจุดนี้เขามองไม่เห็นชายหนุ่มท่าทางสุภาพกับหญิงสาวร่างสูงอีกต่อไปแต่ก็รู้ดีว่าทั้งสองคนนั้นน่าจะอยู่ใต้กองหิน
เมืองที่เดิมทีเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยกลับกลายเป็นซากปรักหักพังภายในเวลาไม่กี่วินาที นอกจากปราสาทที่อยู่ใจกลางเมืองที่ดูเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบซักเท่าไหร่แล้วสถานที่อื่นๆล้วนถูกทำลายจนสิ้นซาก กระทั่งโจวเฉินที่เป็นเพียงแขกต่างเมืองก็ยังรู้สึกปวดใจ
‘ระบบนี่มันระยำจริงๆ ไม่คิดจะมองพวกเราใช้ชีวิตอย่างสงบเลยสินะ?’
เมื่อเห็นว่าแผ่นดินไหวคล้ายว่าจะหยุดแล้วและสิ่งก่อสร้างเกือบทั้งหมดเองก็พังทลายลงมาแล้ว โจวเฉินก็กระโดดลงจากกองหินเพื่อตามหาสหายอีกสองคนขณะเดียวกันก็ขบคิดไปด้วย
ไม่นานนักเขาก็พบกับหญิงสาวร่างสูงใต้กองหิน สภาพของเธอยังดูดีอยู่ นอกจากรอยขีดข่วนเล็กน้อยบนไหล่แล้วก็ไม่มีอะไรอีก
“เขาถูกฝังอยู่ตรงนั้น อาจจะตายไปแล้วก็ได้”
หญิงสาวร่างสูงทันทีที่เห็นโจวเฉินเธอก็ชี้ไปที่กองหินอีกกองในทันที
โจวเฉินเดินเข้าไปดูและพบว่ากองหินนั้นไม่เล็กเลย ขนาดเล็กที่สุดของมันอย่างน้อยก็หนักหลายตันเข้าไปแล้ว มันน่าจะเป็นวัสดุที่ตกมากจากโรงหนังขนาดใหญ่ที่อยู่ติดถนน
“เขาตายแล้วจริงๆนั่นแหละ สกิลตรวจจับของฉันสัมผัสได้ว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆหลงเหลืออยู่ตรงนี้แล้ว”
การรับรู้ของโจวเฉินเรียกได้ว่าทรงพลังมากและเขายังมีสกิลติดตัวอย่าง ‘กระหายเลือด’ ที่ใช้ในการสัมผัสถึงสิ่งมีชีวิตอีกด้วย ดังนั้นเขาจึงตัดสินได้ทันทีว่าชายหนุ่มท่าทางสุภาพน่าจะเสียชีวิตไปแล้ว
ตูม!
คนทั้งคู่ไม่มีเวลามาเสียใจมากนัก ทันทีหลังจากนั้นพวกเขาพลันได้ยินเสียงดังกึกก้องที่ฟังดูทุ้มลึกดังขึ้นมาจากที่ไกลๆจนพวกเขาอดหันไปมองไม่ได้
ยอดภูเขาที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะซึ่งเดิมทีแล้วสูงตะหง่านหากแต่ในเวลานี้กลับดูหดสั้นลง หินและกองหิมะจำนวนมหาศาลกำลังถล่มลงมาทางนี้
“...”
โจวเฉินรู้สึกว่าระบบนี่ช่างโหดเหี้ยมยิ่งนัก เขาเปิดใช้สกิลย่างก้าวสายลมอีกครั้งและรีบออกวิ่งในทันที
‘น่าเสียดายจริงๆ เดิมทีแล้วอยากจะไปที่ร้านอาวุธเหมันต์สีเงินซะหน่อยแท้ๆ’
โจวเฉินคิดขณะหลบหนี จริงๆแล้วแผ่นดินไหวที่ผ่านมาก็ไม่ใช่เรื่องแย่ทั้งหมดเพราะมันทำให้เขาสามารถใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ในครั้งนี้ได้ ยังไงก็ตามหิมะถล่มที่กำลังไหลลงมานั่นต่างหากที่ขับไล่ความคิดของเขาไปจนสิ้น
หญิงสาวร่างสูงที่อยู่หลังโจวเฉินเองก็ออกวิ่งเต็มกำลังเช่นเดียวกัน ความเร็วของเจ้าหล่อนรวดเร็วมากแต่ก็เทียบกับโจวเฉินที่เปิดใช้งานสกิลย่างก้าวสายลมไม่ได้ ไม่นานนักเธอก็ถูกทิ้งห่างมากขึ้นเรื่อยๆ
โจวเฉินวิ่งมาเกือบห้ากิโลก่อนจะหยุดเพื่อพักเอาแรง
เขามองกลับไปและเห็นว่าเมืองยอดเหมันต์ที่พังทลายจากแผ่นดินไหวอยู่ก่อนแล้วตอนนี้กลับมาถูกหิมะถล่มกลบฝังและโดนเศษหินจากภูเขาในระแวกใกล้เคียงกระหน่ำทับลงไปอีกครั้ง กระทั่งปราสาทในบริเวณใจกลางเมืองเองก็ไม่รอด
“เจ้าเมืองที่นี่มันมีปัญหาอะไรรึเปล่า หรือคิดจะดูเมืองตัวเองถูกทำลายไปทั้งๆแบบนี้?”
โจวเฉินคิดกับตัวเองขณะจ้องมองดูหายนะที่เกิดขึ้น
เดิมทีเขาคิดว่าตัวตนอย่างเจ้าเมืองของโลกนี้น่าจะมีความโดดเด่นและอาจจะมีวิธีหยุดยั้งหรือบรรเทาหายนะที่เกิดขึ้นได้ มาตอนนี้ดูเหมือนเขาจะคิดมากไป
โจวเฉินพักผ่อนอยู่ซักพักท่ามกลางหิมะที่ปกคลุม ไม่นานนักหญิงสาวร่างสูงก็วิ่งตามมาทัน
“ไป...ไปที่เมืองซีดาร์ใช่ไหม?”
หญิงสาวถามขณะที่หอบหายใจ
“ใช่”
“หวังว่าที่นั่นจะไม่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวนะ”
โจวเฉินตอบกลับก่อนจะปรายตามองไปยังหิมะบนพื้นดินที่ได้รับผลกระทบเนื่องจากแผ่นดินไหว
“แต่ต่อให้สถานการณ์มันดีจริงๆแต่พวกเราก็อยู่นานไม่ได้ ฉันรู้สึกว่าตอนนี้พวกเราไม่ต่างอะไรไปจากตัวซวยเลย”
โจวเฉินกล่าวออกมาอย่างอดไม่ได้