CD บทที่ 303 ทำไมคุณไม่พูดก่อนหน้านี้?
“ไม่ต้องตกใจ เขาเป็นหนึ่งในพวกเรา! ฮิฮิฮิ!”
เมื่อจ้าวหยู่และหลี่เบ่ยหนีเดินเข้ามาใกล้ พวกเขาได้ยินเสียงของชายคนหนึ่งที่เสียงดังกังวาล เขากำลังพูดถึงชายร่างใหญ่ในชุดเทควันโด
ชายคนนั้นสูงกว่าจ้าวหยู่หลายฟุต เขามีผมยาว รูปหล่อ และดูดีมากทีเดียว ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนที่แข็งแกร่งและมีชื่อเสียง
"จริงสิ!" มือของเหมี่ยวอิงอยู่บนเอวของเธอ เธอพูดกับจางเหยาฮุ่ยที่อยู่ด้านข้างของเธอ "เหยาฮุ่ย เรามีเรื่องต้องทำต่อ อย่าไปสนใจเรื่องพวกนี้เลย!"
“แต่ว่า… หัวหน้าทีมเหมี่ยว…” จางเหยาฮุ่ยปฏิเสธที่จะยอมจำนน
"ฮิฮิ เยี่ยมจริง ๆ!" ชายหน้าตาดีกล่าวว่า "ใครจะไปรู้ว่ารุ่นน้องที่น่ารักของฉัน ตอนนี้เธอจะกลายเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจไปแล้ว!"
"เฮอะ!" มีชายหนุ่มคนหนึ่งที่สวมชุดเทควันโดแบบเดียวกัน เขาพูดอย่างดูถูกเหยียดหยาม "เป็นตำรวจแล้วจะทำไม? มันช่วยให้เธอต่อสู้ได้เก่งหรือเปล่า? ฮ่าฮ่าฮ่า!"
"เฮ้! หยุดพูดจาไร้สาระได้แล้ว บอกพวกเรามาว่าพวกคุณเป็นใคร!?" จางเหยาฮุ่ยชี้ไปที่ชายคนนั้นแล้วพูดว่า "คนของพวกคุณเดินมาชนเพื่อนร่วมงานของเราก่อน แล้วยังไม่ขอโทษพวกเราอีก ฉันไม่เคยเจอที่ไร้มารยาทอย่างมาก่อนเลย!”
"ว่าไงนะ!?" ผู้ชายอีกคนในชุดเทควันโดตะโกนอย่างหยิ่งยโส "ใครกันแน่ที่เดินชน? ทั้งที่ตัวเองเดินไม่รู้จักตาม้าตาเรือเองแท้ ๆ อย่าบอกนะ พวกเราได้ทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ? ถ้าอย่างนั้นทำไมพวกคุณไม่จับพวกเราในข้อหาทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยการเดินชนล่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า!"
"หนอย!" หม่าเว่ยกำลังลุกไหม้ด้วยความโกรธแค้นและคำราม "เจ้าพวกเด็กปากกไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม อยากจะลองดีใช่มั้ย?"
"ก็เข้ามาเซ่!" อีกด้านหนึ่งโต้กลับ "ถ้าคุณกล้าเข้ามาในโรงฝึกของเราและต่อสู้กับเรา ดูว่าใครคือคนที่คลานออกมาในภายหลัง!”
"นี่แก... " นักสืบไม่เคยเจอใครทำตัววางกล้ามขนาดนี้มาก่อน และพวกเขาก็เป็นเพียงเด็กหนุ่มที่ลำพองตัวเองด้วยความหยิ่งยะโส มันจึงทำให้ทำให้พวกนักสืบหัวร้อนจนอยากเข้าไปชกต่อย
"เหลยปิ่น!" ทันใดนั้น เหมี่ยวอิงหันไปพูดกับชายหน้าตาดี "นี่เป็นวิธีที่คุณสอนคนของคุณงั้นหรือ? แค่มารยาทพื้นฐานพวกเขาก็ยังให้พวกเราไม่ได้เลย"
"ฮิฮิฮิ! รุ่นน้องก็พูดเกินไป!" ชายคนนั้นชื่อเหลยปิ่นหัวเราะ "แน่นอนว่ามารยาทพื้นฐานเรามีให้กับผู้อื่นแน่นอน แต่คุณก็รู้ดีนี่ว่าถ้าอยากได้ความเคารพจากคนอย่างพวกเรา มันต้องทำอย่างไร? พวกเราคุยกันด้วยหมัดเท่านั้น ดังนั้นคุณจะต้องมีฝีมือมากพอถึงจะได้รับมันมา”
เหลยปิ่นตะโกนใส่คนของเขา "เฮ้ พวกนาย ระวังเรื่องมารยาทด้วย! นักสืบหญิงคนนี้มีฝีมือมาก พวกนายต้องเรียกเธอว่ารุ่นพี่ ที่ฉันพูดแบบนี้เพราะพวกนายคงไม่สามารถเอาชนะเธอได้ แม้ว่าพวกนายร่วมมือกันก็ตาม!"
"มันก็ไม่แน่หรอกอาจารย์" ศิษย์ของเหล่ยปิ่นไม่ยอมรับ "เราเป็นถึงแชมป์มณฑล มันเป็นไปไม่ได้ที่เราไม่สามารถเอาชนะผู้หญิงแค่คนเดียวได้! ฉันไม่ยอมรับเด็ดขาด!"
"ฮิฮิฮิ..." เหลยปิ่นเดินไปหาเหมี่ยวอิงและยิ้มอย่างร้ายกาจ "เมื่อพูดถึงเรื่องมารยาท ฉันเองก็เป็นถึงรุ่นพี่ของคุณ! มันคงจะหยาบคายมากนะที่เมื่อกี้คุณเรียกฉันด้วยชื่อเฉย ๆ"
"เหลยปิ่น ฉันกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ อย่าทำให้พวกเราเสียเวลา!" เหมี่ยวอิงพูดอย่างเยือกเย็น "ให้คนของคุณขอโทษเพื่อนร่วมงานของเราและเราจะปล่อยผ่านเรื่องนี้ไป!"
"อะไรนะ ฮ่าฮ่าฮ่า…" พวกเขาทุกคนหัวเราะและมีคนพูดว่า "นั่นเป็นเรื่องตลกสิ้นดี! ทำไมเราต้องขอโทษ? ใช่มั้ยรุ่นพี่?”
"เฮ้!" เหลยปิ่นตะโกนใส่ศิษย์ว่า "ใครสอนให้พวกแกทำตัวแบบนี้ มันหยาบคายมาก ถอยไปให้ฉันจัดการเอง!!” เขาคำราม ทำให้สีหน้าของศิษย์คนนั้นเปลี่ยนไป เขาเชื่อฟังและซ่อนตัวอยู่ด้านหลัง
"รุ่นน้องของฉัน!" เหลยปิ่นหันกลับมาและพูดว่า "มันเกิดอะไรขึ้น? หรือว่าท่าทีอย่างนี้มันมาในตอนที่คุณเป็นตำรวจใช่ไหม? คุณไม่... คุณไม่ต้องการแก้แค้นสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้นเหรอ?"
"แก..." มันเป็นตาของเหมี่ยวอิงที่จะทำหน้าราวกับว่าเหลยปิ่นได้เปิดเผยอะไรบางอย่าง
"ฮ่าฮ่าฮ่า… แต่ฉันไม่คิดว่าคุณต้องกล้าที่จะทำอย่างนั้น!" เหลยปิ่นหัวเราะและพูดว่า "ถ้าเป็นเช่นนั้นคุณต้องขอโทษศิษย์ของฉันก่อน พวกคุณถึงจะออกไปจากที่นี่ได้!" คำพูดของเหล่ยปิ่นทำให้พวกศิษย์ของเขารู้สึกถือไพ่เหนือกว่า
"เฮ้… พวกคุณไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเลยนะ!" จางเหยาฮุ่ยหยิบกุญแจมือและถ่มน้ำลายออกมา "ฉันสามารถจับกุมคุณในข้อหาขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ได้นะ!"
"เอาเลย เข้ามาจับเลยสิ!" ลูกศิษย์คนหนึ่งพูดอย่างกับตัวเองเป็นเจ้านายว่า "ไม่เพียงแต่เราจะมีกล้องวงจรปิดเท่านั้น แต่เรายังมีการบันทึกเสียงด้วย มาเลย มาจับพวกเราเลย! พวกคุณจะเห็นหน้าตัวเองในหน้าแรกของหนังสือพิมพ์!"
"หนอย..." เหมี่ยวอิงกำลังปะทุด้วยความโกรธ เธอไม่ต้องการมีเรื่องกับเจ้าพวกนักเลงที่สวมชุดเทควันโด แต่เธอก็ไม่สามารถเดินออกไปจากที่นี่ได้!
‘นี่เป็นเรื่องยากมาก… ฉันควรจะแก้ไขอย่างไรดี?’ เธอคิด
ทันใดนั้น จ้าวหยู่ก็ปรากฏตัวขึ้น แม้ว่าเขาจะพึ่งไปถึงที่นั่น แต่เขาก็เข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด บางทีเพื่อนร่วมงานของพวกเขาอาจก่อให้เกิดความขัดแย้งเล็กน้อยกับกลุ่มเทควันโดและพวกเขาต้องการให้อีกฝ่ายขอโทษ แต่อีกฝ่ายปฏิเสธที่จะทำเช่นนั้น จากนั้นชายคนนี้ชื่อเหลยปิ่นที่เคยเป็นรุ่นพี่ของเหมี่ยวอิงก็เข้ามา และดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีเรื่องบาดหมางต่อกัน
แม้ว่าจ้าวหยู่จะไม่ได้รับคำว่า ‘Kan’ ในวันนี้ จ้าวหยู่ก็ไม่สามารถปล่อยโอกาสที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้หลุดมือไปได้ หากเขาออกหน้าเพื่อเหมี่ยวอิง ความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองอาจก้าวหน้าต่อไป
เขาคิดกับตัวเองว่า ‘ได้เลเหลยปิ่น ฉันจะเป็นคนจัดการแกเอง!’
เพื่อแสดงว่าเขามีเหตุผลเพียงพอที่จะต่อสู้เพื่อเหมี่ยวอิง จ้าวหยู่จับไหล่ของเธอแล้วพูดว่า
"ที่รัก มันเกิดอะไรขึ้น? คุณเจอหมาบ้าอีกแล้วเหรอ? คุณต้องให้ฉันทำความสะอาดให้คุณมั้ย?”
“จ้าวหยู่…” พูดตามตรงเหมี่ยวอิงคาดหวังว่าจ้าวหยู่จะเข้ามาช่วย เพื่อจัดการกับไอ้เลวอย่างเหล่ยปิ่น พวกเขาต้องเจอนักเลงอย่างเขา แต่เมื่อเห็นว่าจ้าวหยู่เรียกเธอว่า ‘ที่รัก’ เหมี่ยวอิงก็ตบมือของจ้าวหยู่ออกไปทันที
"โอ้!? ช่างเป็นที่หายากเสียจริง" เหลยปิ่นยิ้มและพูดอย่างเหยียดหยาม "คุณมีแฟนแล้วเหรอ? ไม่อยากจะเชื่อเลย แฟนของรุ่นน้องของฉัน ดูสิว่าเขาจะทนลูกเตะของฉันได้กี่ครั้ง"
“โอ้ว!” จ้าวหยู่แสร้งทำเป็นตกใจ "หมาตัวใหญ่จัง! ไม่แปลกใจเลยที่เหมี่ยวเหมี่ยวของฉันจะโกรธมาก! อย่าโกรธเลยนะที่รัก! ตอนนี้ฉันอยู่นี่แล้ว ไม่ต้องห่วง ฉันฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้ามาแล้ว!"
เมื่อได้ยินคำพูดล้อเรียนของจ้าวหยู่ พวกนักสืบก็เริ่มหัวเราะ
"ฮึ่ม!" เหลยปิ่นหัวเราะเยาะ "ฉันไม่คิดว่าแฟนของเหมี่ยวอิงจะเป็นคนบ้า พี่ชาย หมายเลขคนไข้ของคุณในโรงพยาบาลจิตเวชของคุณคืออะไร?"
"9527!" จ้าวหยู่ตอบโดยไม่ต้องคิด "และแม่ของคุณคือ 9526 นังแพศยานั่นวิ่งมาที่เตียงของฉันทุกวัน บางคุณอาจมีน้องชายหรือน้องสาวไปแล้วก็ได้!"
"แก!?" เหล่ยปิ่นสูญเสียการควบคุมอารมณ์ของเขาและตะโกนใส่จ้าวหยู่ "แกกล้าดียังไง!? ไอ้กร๊วกเอ๊ย!"
"แล้วมันทำไมไอ้หน้าหนังไข่…" จากนั้น จ้าวหยู่ต่อด้วยคำด่าชุดใหญ่ เขามีชื่อเสียงในการพ่นคำหยาบในที่สาธารณะ มันเหมือนกับว่าเขากำลังร้องเพลงขณะที่เขาพูดคำหยาบอย่างต่อเนื่อง
เหลยปิ่นโกรธมาก ทางด้านเหล่านักสืบทุกคนต่างตกตะลึง นับประสาอะไรกับกลุ่มเทควันโด
"โห!" หลันโบชื่นชมเขาเบา ๆ กับคนอื่น ๆ “พี่หยู่ช่างน่าทึ่งมาก! ทักษะพ่นคำด่าระดับเทพเลย”
"ฮึ่ม!" เหล่ยปิ่นโกรธมากที่เขาเหวี่ยงหมัดใส่จ้าวหยู่ซึ่งอีกฝ่ายก็ยินดีโอบรับอย่างมีความสุข หากเหล่ยปิ่นเริ่มทำร้ายจ้าวหยู่เมื่อไหร่ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มีเหตุผลเพียงพอที่จะจับกุมเขาในข้อหาทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ!
แต่ทว่าเหล่ยปิ่นก็ไม่ได้โง่เช่นกัน เมื่อเห็นจ้าวหยู่พร้อมรับหมัด เขาหยุดอย่างรวดเร็ว!
“เยี่ยมจริง ๆ ฉันเกือบจะพลาดท่าแกแล้ว!” เหลยปิ่นพูดด้วยความโกรธ "ถ้าแกเป็นลูกผู้ชาย มาต่อสู้อย่างยุติธรรมบนสังเวียนดีกว่า ถ้าแกเป็นแค่คนขี้ขลาด แกก็กลับบ้านพร้อมกับหางจุกตูดไปเลย!"
"หื้ม? ตอนนี้ฉันกำลังคันไม้คันมืออยู่พอดี!" จ้าวหยู่ลูบกำปั้นของเขาและพูดว่า "ฉันมีชื่อเสียงในด้านพละกำลังที่มากเกินไป ถ้าฉันเผลอฆ่าคุณไป มันคงจะแย่มากหากฉันคงต้องรับภรรยาของคุณมาดูแล!"
"หนอย! แก!" เหล่ยปิ่นชี้ไปที่โรงฝึกเทควันโดของเขาด้วยความโกรธ "มาสู้กัน! มาดูสิว่าใครกันแน่ที่จะตาย!"
"ไดด้สิ เข้าไปกันเลย!" จ้าวหยู่ก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่เกรงกลัว
“จ้าวหยู่… จ้าวหยู่…” เหมี่ยวอิงรีบดึงเขาแล้วพูดว่า “ไม่มีทาง คุณเอาชนะเขาไม่ได้!”
"ไม่ต้องกังวล!" จ้าวหยู่จับมือของเหมี่ยวอืง และพูดอย่างจริงใจว่า "หัวหน้าทีมเหมี่ยว ใครก็ตามที่ดูหมิ่นคุณ มันก็ไม่ต่างจากดูหมิ่นฉัน แม้ว่าคุณต้องการปล่อยผ่านเรื่องนี้ไป แต่ฉันทำไม่ได้!"
"ไม่ ไม่ใช่อย่างนั้น" เหมี่ยวอิงดูเขินอาย เธอดึงจ้าวหยู่ไปด้านข้างและพูดเบา ๆ ว่า "จ้าวหยู่ไม่ใช่ว่าฉันอยากจะปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปนะ แต่... คุณสู้เขาไม่ได้!
หลังจากที่ฉันฝึกศิลปะการต่อสู้ ฉันแทบไม่เคยเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในการต่อสู้เลย จากจำนวนการต่อสู้ทั้งหมด จำนวนที่ฉันแพ้มีราว ๆ 10 ครั้ง และใน 10 ครั้งนี้ นอกเหนือจากที่เราเสมอกัน อีก 9 ครั้งฉันแพ้เขาทั้งหมด เชื่อฉันเถอะ คุณสู้เขาไม่ไหวหรอก!”
"อะไรนะ!?" เมื่อได้ยินเช่นนั้น จ้าวหยู่ก็ตกใจมาก เขาบ่นในหัวว่า
"โธ่ เหมี่ยวอิง ทำไมไม่คุณพูดก่อนหน้านี้!?"