ตอนที่แล้วบทที่ 24 หลงทาง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 26 กินให้น้อยลง

บทที่ 25 มุ่งร้าย


ทุกคนบนเรือที่เพิ่งลงจอด พวกเขาอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นสะท้าน

"ช่างเป็นค่ายกลที่น่าสยดสยอง เรือตึกของข้าไม่สามารถหยุดพลังของค่ายกลนั้นได้แม้แต่น้อย"

ชิงหานมองไปทางด้านพื้นที่ซึ่งถูกฉีกกระชากแล้วกล่าวพึมพัม

ถึงกับสามารถฉีกกระชากมิติออกจากกันได้ อย่างน้อยก็เป็นไปได้ที่จะเหนือกว่าพลังของเซียนทองคำ

กลุ่มคนเดินลงจากเรือตึก จากนั้นชิงหานก็เก็บเรือตึก

"ดูนั่นสิ ของพวกนั้นลอยอยู่กลางอากาศ ทำไมเราถึงมองไม่เห็นก่อนหน้านี้ขณะที่อยู่บนท้องฟ้า!"

ทันใดนั้น เก่อหลงก็ร้องออกมาดังๆ

กลางอากาศ มีเศษซากวัตถุและซากศพล่องลอยอยู่ทุกแห่งหน แต่สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเศษเล็กเศษน้อย ไม่มีสิ่งใดที่สมบูรณ์

แม้แต่ศพ พวกมันก็ล้วนขาดด้วนและแตกหัก กลายเป็นเศษกระดูก

"สิ่งเหล่านี้เป็นของเหลือจากคนที่พยายามบุกเข้าไปในภูเขาหมื่นค่ายกลทางอากาศก่อนหน้านี้"

ลู่อวิ๋นพูดอย่างใจเย็น "ถ้าก่อนหน้านี้เราลงมาช้า เราก็จะกลายเป็นหนึ่งในนั้น”

ชิงหานก็สั่นสะท้านด้วยความเหน็บหนาว เขามองไปที่หลีโหย่วไฉอย่างเดือดดาล

"ข้า ข้าไม่รู้ว่ามันจะเป็นเช่นนั้น!"

หลีโหย่วไฉกำลังจะร้องไห้ ใบหน้าของเขาก็ซีดเผือดด้วยเช่นกัน

เป็นความคิดของหลีโหย่วไฉ ที่จะนำเอาเรือตึกเข้าสู่ภูเขาหมื่นค่ายกลและอาศัยพลังป้องกันของเรือตึก

"ทำไมเมื่อตอนที่เราอยู่บนฟ้า จึงมองไม่เห็นสิ่งเหล่านั้น… ในสำนึกเซียนของข้า ข้าไม่ได้สังเกตเห็นอะไรผิดปกติ”

ชายอ้วนพูดเสียงสั่น

"เพราะสำนึกเซียนของเจ้าก็สับสนโดยสถานการณ์นั้นเช่นกัน"

ลู่อวิ๋นพูดพร้อมกับสังเกตภูมิประเทศโดยรอบ

"เป็นเจ้า มันต้องเจ้า!"

เมื่อถึงตอนนี้ เจ้าเมืองเทียนเหอก็ชี้ไปที่ลู่อวิ๋น แล้วพูดเสียงดังว่า "ทำไมคนอื่นมองไม่เห็นความผิดปกติของที่แห่งนี้ แต่เจ้าซึ่งเป็นมดในเขตแดนปราณจึงสามารถมองทะลุทุกสิ่งในที่-แห่งนี้ได้"

"ท่านผู้ว่าการเทศมณฑลเป็นเซียนสวรรค์ !เซียนสวรรค์ เจ้าเข้าใจไหม เซียนย่อมเหนือกว่าสิ่งมีชีวิตทั้งมวล และเจ้าก็เป็นเพียงแค่มด!"

"หลีโหย่วไฉ เจ้าควรพิจารณาเปลี่ยนเจ้าเมืองเทียนเหอ"

ใบหน้าของลู่อวิ๋นมืดลงเล็กน้อย

เจ้าเมืองเทียนเหอนี้คอยจับผิดลู่อวิ๋นอยู่ทุกที่ เห็นได้ชัดว่าเพราะเขาอยู่ใกล้กับโม่อีมากเกินไป

โม่อีแม้จะสวมเสื้อผ้าผู้ชาย ไม่แต่งหน้า แต่หน้าตาสดใสไร้เทียมทาน เหนือกว่าผู้คนในบ้านเมือง

ช่วงเวลาที่หลีโหย่วไฉหมั้นนางกับเจ้าเมืองเทียนเหอนั้น เจ้าเมืองเทียนเหอก็ได้ถือว่านางเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของเขา ตอนนี้เจ้าเมืองเทียนเหอเห็นโม่อีที่ซื่อสัตย์กับตัวเองมาโดยตลอด เข้าใกล้ผู้ชายอีกคนโดยไม่คาดคิด เจ้าเมืองเทียนเหอจึงอิจฉาตาร้อนด้วยความหึงหวงจนเกือบเสียสติไปแล้ว

"โอ้? เจ้าต้องการที่จะถอดข้าออกจากเจ้าเมืองเทียนเหองั้นหรือ?"

เจ้าเมืองเทียนเหอยิ้มอย่างน่ากลัว

"ท่านทูตพิเศษ ข้าจำได้ว่า ทุกคนที่นี่ต้องการให้เจ้าเด็กนี่ตาย แค่ว่าหลายคนไม่ได้โจมตีเขาเพื่อรักษาหน้าของราชสำนัก ในกรณีนั้น… เช่นนั้นแล้ว ถ้าข้าทำเพื่อท่านล่ะ?”

พลันปรากฏกระบี่เซียนพิเศษขึ้นในมือเจ้าเมืองเทียนเหอ

ชิงหานไม่พูด เห็นได้ชัดว่ายอมรับคำพูดของเจ้าเมืองเทียนเหอ

เขาใช้โม่อีมาก่อนหน้านี้ เพื่อที่จะสังหารลู่อวิ๋น ส่งผลให้ลู่อวิ๋นหลบหนีไปได้ คราครั้งนี้ ชิงหานยินดีที่จะนำลู่อวิ๋นมาที่นี่ ก็ด้วยยังมีความคิดที่จะสังหารลู่อวิ๋นบนภูเขา

"ดี ดี ดี! ไม่ว่าอย่างไรที่แห่งนี้ก็คือภูเขาหมื่นค่ายกล ถ้าเจ้าฆ่าเขา เจ้าสามารถพูดได้ว่า พลังยุทธ์ของเขาอ่อนแอเกินไป เสียชีวิตในสถานที่อันตรายของภูเขาหมื่นค่ายกล ก็นับได้ว่าไม่มีใครเป็นคนผิด”

หลีโหย่วไฉยกมือขึ้นเห็นด้วย

ลู่อวิ๋นต้องการให้หมูป่าหมั้นกับเขา ถ้าตอนนี้ลู่อวิ๋นตาย ก็จะไม่มีใครพูดถึงการแต่งงานที่ไร้สาระนั้นอีก

ตอนนี้ หลีโหย่วไฉมองดูผู้ว่าการคนอื่นๆ อีกหลายคนที่อยู่ตรงนั้น พวกเขาต่างรีบแสดงความเห็นด้วย

"ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า——"

ทันใดนั้น เสียงหัวเราะก็ดังก้องขึ้นในที่แห่งนี้

ชิงหงเฉินกับคนของเขา ไม่รู้ว่าปรากฏตัวตั้งแต่เมื่อใด จากนั้นชิงหงเฉินก็มองไปที่ชิงหานและพวก พร้อมกับหัวเราะเสียงดังลั่น

“ชิงหงเฉิน!”

ชิงหานสีหน้าเปลี่ยนไป

"น้องเจ็ด เราเจอกันอีกแล้ว"

ชิงหงเฉินมองไปที่ชิงหาน ด้วยสีหน้าเยาะเย้ยถากถาง ต่อจากนั้นเขาก็ยิ้มให้ลู่อวิ๋นอีกครั้งและพูดว่า "ผู้ว่าราชการเฉวียนโจวดูเหมือนว่าจะไม่มีใครในที่แห่งนี้อยากให้เจ้ามีชีวิตอยู่ แต่ถ้าเจ้าตอนนี้เต็มใจที่จะลี้ภัยในตัวข้า เป็นคนของข้า ข้าสามารถคุ้มครองเจ้าให้พ้นจากตายได้"

"เหตุผลที่หลายคนอยากเจ้าตายแล้ว ก็เพียงแค่ต้องการสนับสนุนกระบอกเสียงคนใหม่ แต่แทนที่จะสนับสนุนกระบอกเสียงคนใหม่ จะเป็นการดีกว่าที่ข้าจะไปหาเจ้าแทน ผู้ว่าราชการเฉวียนโจว”

"พี่ชายห้า เขามาจากต้นตระกูลลู่"

ชิงหานขมวดคิ้วเล็กน้อย

"ต้นตระกูลลู่แล้วทำไม?"

ชิงหงเฉินหัวเราะ "ข้าได้ข่าว ผู้ว่าราชการเฉวียนโจวคนนี้เอาชนะลู่หยวนโหวของต้นตระกูลลู่ โยนออกจากจวนผู้ว่าราชการ ทำให้เขาเสียหน้า แค่นี้ก็พอแล้วที่จะทำให้ข้าชอบลู่อวิ๋น ”

ในแดนสวรรค์หลางเสี๋ยทั้งหมด ชิงหงเฉินและลู่หยวนโหวเรียกได้ว่าเป็นความภาคภูมิใจทั้งสองคน เช่นเดียวกับที่พวกเขาถือว่าเป็นบุตรแห่งสวรรค์ที่น่าภาคภูมิใจภายใต้เซียน

แต่ต้นตระกูลชิงกับต้นตระกูลลู่บาดหมางกัน ชิงหงเฉินและลู่หยวนโหวก็ได้รับแรงผลักดันเช่นกัน การต่อสู้ระหว่างทั้งสองก็ยังกลายเป็นจุดสนใจของแดนสวรรค์หลางเสี๋ย

ดวงตาของชิงหานแทบลุกเป็นไฟ

"ในเมื่อคุณชายห้าต้องการปกป้องข้า เช่นนั้นข้าก็จะเป็นคนของคุณชายห้า”

ลู่อวิ๋นมีผิวหน้าหนา แต่ก็เป็นเพราะผิวหน้าหนานี้ เขาจึงสามารถมีชีวิตอยู่ได้เป็นอย่างดี

ในเมื่อคุณชายห้าตระกูลชิงนี้ต้องการปกป้องลู่อวิ๋น ลู่อวิ๋นก็ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธเช่นกัน

"ช่างไร้ยางอาย!"

ชิงหานกัดฟันและกล่าวขึ้น

"คนฉลาดย่อมดำเนินการไปตามสถานการณ์"

ชิงหงเฉินหัวเราะเสียงดัง "เจ้าอ้วน เจ้าหมายความว่าไง"

ชิงหงเฉินมองหลีโหย่วไฉ "เจ้านายของเจ้า ผู้ว่าราชการเฉวียนโจว ตอนนี้เป็นคนของข้า "

"ทุกอย่างเป็นไปตามคำสั่งของคุณชายห้า! เพียงคุณชายห้าได้โปรดอย่าสนใจเรื่องก่อนหน้านี้"

ชายอ้วนพูดอย่างรวดเร็ว

"เกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้งั้นหรือ หรือว่าก่อนหน้านี้มีอะไรเกิดขึ้น?"

ชิงหงเฉินแกล้งถามด้วยสีหน้าสงสัย

ชายอ้วนปลื้มใจมาก

ชิงหานหนาตาซีดเผือด เขาไม่ได้คาดหวังว่าชิงหงเฉินจะทำลายข้อได้เปรียบทั้งหมดของเขาด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ

"ตอนนี้นายท่านเป็นคนของคุณชายห้า แล้วพวกเจ้าล่ะ?"

หลีโหย่วไฉมองไปยังพวกผู้ว่าการ เขาถามพร้อมฮัมเพลง

ขว้างหินใส่คนตกบ่อ(1) ข้อความนี้ ชายอ้วนตีความออกมาเต็มความหมาย

"ข้า… "

เจ้าเมืองเทียนเหอที่กำลังจะเดินออกมา ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกถึงการจ้องมองอย่างดุร้ายสองข้างจากข้างหลังเขา

"ข้า ผู้ว่าการของเมือง เป็นเรื่องปกติที่จะให้คำมั่นว่าจะจงรักภักดีต่อท่านทูตพิเศษ!"

เจ้าเมืองเทียนเหอแม้ว่าจะไม่เต็มใจ แต่เขาต้องยืนอยู่ข้างชิงหาน

มั่นใจได้ หากพวกเขากล้าทรยศชิงหาน ชิงหานจะจัดการพวกเขาทันที ชิงหานคือผู้ฝึกยุทธ์เซียนเขตแดนเทพ การสังหารผู้ว่าการสองสามคนในเขตแดนแก่นต้นกำเนิด ยังคงเป็นเรื่องง่าย

ชิงหานมีสีหน้าอ่อนลงเล็กน้อย อย่างไรก็ตามมีความเฉยเมยในดวงตาของเขา

"เอาล่ะ ปกติข้าจะไว้หน้าน้องชายคนที่เจ็ดของข้า ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นพี่ชายของเขา"

ชิงหงเฉินตบมือหัวเราะเสียงดัง “น้องเจ็ด คราครั้งนี้ให้พวกเราสองพี่น้องรวมพลังกันบุกเข้าไปในภูเขาหมื่นค่ายกลนี้…กันเถอะ”

ร่างกายของชิงหานสั่นสะท้านเล็กน้อย รู้สึกเหน็บหนาว ความสิ้นหวังท่วมท้นหัวใจของเขา

ถ้ามีโอกาส ชิงหงเฉินจะสังหารชิงหานโดยไม่ลังเลอย่างแน่นอน และจะไม่มีความเมตตา นี่ไม่ใช่การต่อสู้ในต้นตระกูล แต่เป็นเจตจำนงของต้นตระกูลชิงส่วนใหญ่

ตอนนี้ชิงหงเฉินไม่ได้สังหารเขา เป็นเพราะกระบวนการสำรวจภูเขาหมื่นค่ายกล ต้องการตัวตายตัวแทน ชิงหงเฉินจะไม่ปล่อยให้ชิงหานออกไปจากที่แห่งนี้อย่างมีชีวิต

สถานที่ซึ่งกลุ่มของพวกเขาอยู่นั้น ยังไม่ได้เข้าไปในภูเขาหมื่นค่ายกลที่แท้จริง แต่เป็นเพียงแค่รอบนอกของภูเขาหมื่นค่ายกลเท่านั้น แต่เพียงแค่รอบนอกของภูเขาหมื่นค่ายกลนี้ก็ยังเป็นอันตรายอย่างมาก

เพียงไม่ใส่ใจเพียงเล็กน้อย ก็อาจติดอยู่ในค่ายกล และจะไม่มีวันได้กลับคืนมา

"ช่างเป็นค่ายกลที่ประณีต มันสมกับเป็นสมบัติเซียนสวรรค์ที่บันทึกไว้ในคัมภีร์โบราณที่ค้นพบจากสุสานเซียน"

เจิ้นสือซานชื่นชมขณะที่สังเกตค่ายกลของที่แห่งนี้ ระหว่างทาง ด้วยการชี้นำของเจิ้นสือซาน กลุ่มของพวกเขาก็มาถึงเชิงเขาโดยไร้อันตรายใดๆ

"หยุด ถ้าก้าวต่อไปอีก พวกเจ้าได้ตายกันจริงๆ”

ทันใดนั้น ลู่อวิ๋นก็พูดขึ้น

“หือ?”

ทุกคนมองลู่อวิ๋นอย่างสงสัย

"ผู้เยาว์ เจ้ากลัวงั้นหรือ?"

เจิ้นสือซานกำลังเตรียมตัวที่จะถอดค่ายกลแรกของภูเขาหมื่นค่ายกล ในทันใดนั้นเขาก็ได้ยินลู่อวิ๋นพูดแบบนี้ เขาก็อดที่จะยิ้มหยันไม่ได้

ลู่อวิ๋นส่ายหน้าเล็กน้อย "ภูเขาหมื่นค่ายกลขึ้นชื่อว่าเป็นหมื่นค่ายกล หากเจ้าทำลายค่ายกลตลอดทางนับจากตีนเขา เจ้าจะทำลายค่ายกลได้กี่หลัง"

"ฮี่ฮี่ฮี่ ลู่อวิ๋นเจ้าอาจไม่เคยได้ยินชื่อสุภาพบุรุษผู้นี้"

หลีโหย่วไฉได้ฟังลู่อวิ๋น อดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ย "สุภาพบุรุษชราคนนี้ชื่อเจิ้นสือซาน ผู้เชี่ยวชาญค่ายกลอันดับที่สิบสามของแดนสวรรค์หลางเสี๋ย!"

เจิ้นสือซานมีใบหน้าภาคภูมิใจ

"อันดับที่สิบสามด้านค่ายกลของแดนสวรรค์หลางเสี๋ยงั้นหรือ?"

ลู่อวิ๋นเยาะเย้ย "อันดับที่สิบสามก็อาละวาดไปทั่ว ถ้าเช่นนั้นปรมาจารย์ค่ายกลอันดับที่สิบสองจนถึงอันดับหนึ่ง ก็คงจะไปสวรรค์แล้วใช่ไหม?”

ใบหน้าของเจิ้นสือซานมืดลงในทันใดนั้น

ลู่อวิ๋นขี้เกียจที่จะให้ความสนใจเขา กล่าวกับตนเองว่า “ภูเขาหมื่นค่ายกลอยู่ในเฉวียนโจวนานห้าพันปี และเมื่อพันปีก่อน เฉวียนโจวก็ยังไม่ใช่พื้นที่ต้องห้ามของเซียนระดับสูง แต่นับเป็นเวลาห้าพันปีภูเขาหมื่นค่ายกลก็ยังคงมีอยู่…”

ลู่อวิ๋นเงยหน้า มองขึ้นไปในอากาศ

ชิ้นส่วนอาวุธวิเศษสิ่งประดิษฐ์เซียน ซากที่หลงเหลือของผู้ฝึกยุทธ์เซียน ยังคงลอยอยู่บนอากาศอย่างเงียบงัน

คำพูดของลู่อวิ๋นมีความหมายชัดเจน ห้าพันปีมาแล้ว ปรมาจารย์ค่ายกลจำนวนนับไม่ถ้วนพยายามถอดภูเขาหมื่นค่ายกล แต่ไม่มีข้อยกเว้น ทั้งหมดล้วนล้มเหลว

บางคนหนีไปได้ คนอื่นๆ กลายเป็นขยะที่ลอยอยู่นอกภูเขาหมื่นค่ายกล

เจิ้นสือซานหน้าแดง แต่ไม่รู้จะหักล้างอย่างไร

"ผู้ว่าราชการเฉวียนโจวพูดได้ตรงจุด"

ชิงหานพยักหน้า เขาพูดอย่างว่างเปล่าว่า "ก่อนหน้านี้เป็นผู้ว่าราชการเฉวียนโจวที่เห็นทะลุค่ายกลกลางอากาศ และพาพวกเราลงมา"

"โอ้?"

ชิงหงเฉินตาเป็นประกาย

"ถ้าเช่นนั้นแล้ว เจ้าคิดว่าควรจะทำอย่างไร"

ใบหน้าชราของเจิ้นสือซานแดง ก่อนหน้านี้พวกเขาติดตามด้านหลังเรือตึกของชิงหาน ถ้าไม่ใช่เรือตึกของชิงหานลงจอด พวกเขาคงต้องถูกฝังร่วมกัน

เดิมเจิ้นสือซานคิดว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ไม่ได้คาดหวังว่าจะกลายเป็นวัยรุ่นผู้ว่าราชการที่เห็นความลึกลับของภูเขาหมื่นค่ายกล

"ภูเขาหมื่นค่ายกลนี้ จริงแล้วมันคือหลุมฝังศพขนาดยักษ์ แม้ว่าหลุมฝังศพจะไม่ใช่สุสาน แต่แก่นของมันก็ยังคงอยู่ใต้ดิน ต้องการสำรวจภูเขาหมื่นค่ายกล ค้นหาสมบัติในภูเขาหมื่นค่ายกล ต้องเปิดทางเข้าสู่ใต้ดินของภูเขาหมื่นค่ายกล”

ลู่อวิ๋นไม่สนใจคำพูดของพวกเขา แต่เขาพูดกับตัวเขาเอง

ชิงหานต้องการสังหารเขาในภูเขาหมื่นค่ายกลนี้ และชิงหงเฉินก็เห็นว่าลู่อวิ๋นเป็นเบี้ย ทั้งคู่ต่างก็รู้สึกไม่สบายใจ

ในเมื่อลู่อวิ๋นกล้ามา ทำไมไม่ใช้ประโยชน์จากพวกเขา

ด้วยลู่อวิ๋นในตอนนี้ ไม่มีความสามารถในการสำรวจภูเขาหมื่นค่ายกลเพียงลำพังคนเดียว ดังนั้นเขาจึงต้องการกุลี(กรรมกรแบกหาม) และเหยื่อล่อ

"นั่นจะเป็นไปได้อย่างไร!?"

ชิงหงเฉินอุทานออกมาอย่างงงงัน

โม่อีเคยได้ยินคำพูดสยดสยองลู่อวิ๋นมาก่อน ดังนั้นสีหน้าของนางจึงไม่เปลี่ยนแปลง

แต่คนอื่นต่างตกตะลึงกับคำพูดนั้น

หลุมฝังศพขนาดยักษ์งั้นหรือ?

ภูเขาสูงตระหง่านลูกนี้ มันกลายเป็นหลุมฝังศพขนาดยักษ์?

เรื่องเช่นนี้เป็นเพียงจินตนาการ

"เจ้า… นั่นเป็นเรื่องไร้สาระ เป็นไปได้อย่างไรที่จะมีหลุมฝังศพขนาดใหญ่เช่นนี้ สุสานเซียนของจักรพรรดิเซียนโบราณก็ไม่ใหญ่มากถึงขนาดนี้"

เจิ้นสือซานตะโกน

ลู่อวิ๋นไม่สนใจเจิ้นสือซาน เขามองไปรอบๆ และเริ่มสังเกตภูมิประเทศของที่แห่งนี้

"นี่คือรูปแบบของ 'มังกรล้อมพยัคฆ์' … คนที่สร้างรูปแบบนี้มีเจตนาชั่วร้ายอย่างยิ่ง พวกเขาต้องมีความเกลียดชังอย่างลึกล้ำกับคนในหลุมฝังศพ!"

ลู่อวิ๋นตกใจเป็นอย่างมาก

มังกรล้อมพยัคฆ์เป็นอิทธิฮวงจุ้ยที่ชั่วร้าย

มังกรเป็นจักรพรรดิ พยัคฆ์เป็นราชา ทั้งสองเข้ากันไม่ได้ นับตั้งแต่สมัยโบราณมีคำกล่าวว่ามังกรสู้พยัคฆ์

มังกรล้อมพยัคฆ์นี้ ก็คือการต่อสู้ระหว่างมังกรกับพยัคฆ์ จักรพรรดิและราชาต่อสู้กันไร้ที่สุด หากถูกฝังไว้ในที่แห่งนี้ ไม่เพียงแต่จะไม่ได้ไปเกิดใหม่ตลอดไป กระทั่งความตายก็ยังไม่สงบสุข

ที่สำคัญกว่านั้น มีความดุร้ายของมังกรและพยัคฆ์อยู่ในกระแสพลังของมังกรและพยัคฆ์ ความแค้นของคนที่ถูกฝังอยู่ในหลุมฝังศพ ความแค้นของวิญญาณที่ตายแล้วนับไม่ถ้วนในเมืองเจิ้นสุ่ยที่ถูกกดไว้ใต้หลุมฝังศพขนาดยักษ์… ลู่อวิ๋นไม่รู้ว่าสิ่งที่ชั่วร้ายประเภทไหนที่จะถือกำเนิดออกมาจากหลุมฝังศพขนาดยักษ์นี้

"สิบแปดลี้ทางตะวันออกเฉียงใต้ของที่นี่ มีหุบเขาที่กลายเป็นถ้ำ ขุดจากที่นั่น ก็จะสามารถเข้าไปในหลุมฝังศพขนาดยักษ์นี้ได้"

ลู่อวิ๋นคำนวณเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวอย่างเด็ดขาด

"มีหุบเขาห่างออกไปสิบแปดลี้งั้นหรือ?"

ชิงหงเฉินตกตะลึง "เจ้า ไปแล้วสำรวจดู"

ชิงหงเฉินชี้ไปที่ผู้ว่าการคนหนึ่งภายใต้อำนาจของชิงหานแล้วตะโกนสั่ง

เห็นได้ชัดว่า เขาไม่มั่นใจในตัวลู่อวิ๋นอย่างเต็มที่

ชิงหานทำหน้าตาย

“นี่…”

หัวใจของผู้ว่าการนั้นพลันเหน็บหนาวลงไปในทันที

ก่อนหน้านี้นำโดยเจิ้นสือซาน พวกเขามาถึงที่แห่งนี้อย่างปลอดภัย หากออกห่างจากเจิ้นสือซาน ในฐานะผู้ฝึกยุทธ์เซียนเขตแดนแก่นต้นกำเนิดตัวจ้อย เกรงว่าเขายากที่จะอยู่รอดในที่แห่งนี้

"เจ้าหลับตาลง เดินไปตามเส้นทางที่ข้าชี้ตรงไปข้างหน้า และหยุดเมื่อได้ระยะสิบแปดลี้สามจั้งหกฉือหนึ่งชุ่น"

"ระหว่างทาง ไม่ว่าเจ้าจะพบเจออะไร หรือได้ยินอะไร อย่าลืมตา อย่าแม้แต่จะหยุด มิเช่นนั้นเจ้าจะตาย”

ลู่อวิ๋นมองเข้าไปในตาของผู้ว่าการนั้น พูดอย่างจริงจัง

ผู้ว่าการนั้นสั่นสะท้านด้วยความเหน็บหนาว พยักหน้าอย่างดุเดือด

หุบเขาแห่งนั้นอยู่ห่างออกไปสิบแปดลี้ มันเป็นข้อบกพร่องในกระแสพลังของมังกรล้อมพยัคฆ์ ไม่รู้ว่ากระแสพลังของมังกรล้อมพยัคฆ์นี้มีอยู่มานานแค่ไหน เกรงว่าจะมีสิ่งแปลกๆ บางอย่างปกป้องข้อบกพร่องนั้น

แน่นอน มังกรล้อมพยัคฆ์นี้เป็นค่ายกลขนาดใหญ่เช่นกัน สิ่งที่ลู่อวิ๋นชี้ให้เห็นนั้นก็คือข้อบกพร่องของค่ายกลเช่นกัน

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด