ตอนที่ 537 อาญาจอมราชันย์
ร่มบัวแดงถูกเจาะทะลุผ่านได้ง่ายๆ เซียนจากวิหารเซียนพอไร้การป้องกันก็มีเซียนสามคนถูกเพลิงกลืนวิญญาณสังหาร ตั้งแต่แรกเริ่มพวกเขายังคงไม่รู้ตัวขณะที่เพลิงกลืนวิญญาณมีลักษณะที่หลอกตามากทำให้พวกเขาประมาทพลังสังหารของมันอย่างมาก
คนที่ตั้งตัวได้เร็วที่สุดคือซูอี้ เขาสังเกตเห็นฉากภาพที่เพลิงกลืนวิญญาณเผาผลาญพลังงาน หน้าของเขาเปลี่ยนและเขาเตือนเซียนที่เหลือ“หลบหลีกเปลวเพลิง”
เซียนสองสามคนกำลังเตรียมใช้ม่านพลังงานเพื่อเบี่ยงเบนเปลวเพลิงก็หมุนร่างหลบทันที
แต่ตำแหน่งของเพลิงวิญญาณถูกจัดการโดยคิดมาเป็นอย่างดีเพื่อประโยชน์ในการแสดงพลังในตอนแรกกับฝ่ายตรงข้ามของเขา ถังเทียนทำให้เพลิงกลืนวิญญาณของทุกคนเรียงตัวในลักษณะแคบมากทำให้ไม่มีพื้นที่สำหรับหลบ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งซูอี้และเซียนที่เหลือที่ยังคงเร่งความเร็ว
พวกเขาเร่งเข้ามาในฝนเพลิง ในขณะนั้นเองความเร็วของพวกเขาถึงขีดจำกัดแล้วและไม่สามารถหลบได้มากนัก ชี่ชี่ มีอีกสองคนถูกเพลิงกลืนวิญญาณสังหาร
ซูอี้แสดงพลังยิ่งใหญ่ของเขาได้อย่างไม่ต้องสงสัย แม้ว่าเขาจะใช้ความเร็วสูง แต่เขาก็ยังคล่องแคล่วเหมือนปลาเดี๋ยวตัดวนผ่านฝนเพลิง แม้ว่าเซียนห้าคนจะถูกเพลิงกลืนวิญญาณสังหารไป แต่เซียนที่เหลือก็สามารถผ่านฝนเปลวเพลิงมาได้
ซูอี้และพวกที่เหลือโกรธ พวกเขามักจะเป็นฝ่ายที่โจมตีก่อนเสมอ ตั้งแต่เมื่อใดกันที่พวกเขาต้องทนเจ็บปวดและเสียเปรียบอย่างนั้น? หน้าของซูอี้เต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟัน เขาคำราม ร่างของเขามีพลังทะลักเข้ามาทันที เขาปลดปล่อยแสงออกไปราวกับเทพศึก ความเร็วของเขาไวขึ้นเสียงแหวกอากาศเหมือนกับกระบี่แหลม เขาฝ่าเข้าไปในขบวนของศัตรูทันที
ศัตรูข้างหน้าเขาถอยกลับไปเหมือนกับน้ำลด
ต้องการถอยหรือ? ไร้เดียงสาเกินไปแล้ว
ซูอี้แค่นเสียงทันที ตาของเขากลายเป็นมืดดำ บุรุษคนหนึ่งถือโล่วิ่งผ่านมาตลอดแนว กลุ่มคนถอยกลับไปด้านหลัง ขณะเดียวกันแนวหลังก็เข้ามาใกล้ขึ้น
ในพริบตาขบวนของศัตรูกลายเป็นรูปกรวยและตำแหน่งที่แหลมที่สุดก็คือบุรุษที่ถือโล่!
รูปทรงกรวยโดยปกติมักจะใช้สำหรับการโจมตีและนักสู้ที่อยู่ปลายแหลมสุดของกรวยจะต้องเป็นส่วนของรูปทรงที่แข็งแกร่งที่สุด เพื่อที่ว่าทรงกรวยจะสามารถทำลายแนวของศัตรูได้
แต่ศัตรูมักจะตั้งรับเป็นส่วนใหญ่
ซูอี้เข้าใจความคิดของฝ่ายตรงข้ามของเขาทันทีวางแนวป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดไว้ที่ปลายแหลมโดยปกติจะสร้างพื้นที่รูปพัดเพื่อปกป้องทุกคน นับว่าฉลาดมาก ตามทฤษฎีตราบที่ป้องกันด้านหน้าสุด คนข้างหน้าต้องมีความแข็งแกร่งเพียงพอ จากนั้นพวกเขาจะอาศัยเขาปกป้องคนอื่นทุกคน
และซูอี้สามารถเห็นได้ชัดว่าทั้งสองด้านที่หดตัวได้ไวเหมือนคมมีดสองเล่มเมื่อเขาวิ่งเข้ามาโจมตีพวกเขาจะสะท้อนออกมาด้านนอกและโจมตีพวกเขา
แต่พวกเจ้าต้องการขวางการโจมตีของข้าหรือ?ฮึ ข้าสงสัยว่าพวกเจ้าไปเอาความมั่นใจมาจากไหน!
ซูอี้กระตุ้นปราณแท้แสงรังสีเพิ่มความหนาแน่นยิ่งขึ้น เขามักจะฝึกวิชาแสงสาง แต่สภาพแสงสางของเขาจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าเย่เฉาเกอหลายเท่า! ทุกๆ รังสีสว่างรอบตัวของเขาเป็นเหมือนกับเข็มแสง เข็มแสงเหล่านั้นเจิดจ้าแพรวพราว รอบตัวเขามีแสงครอบคลุมรอบจนมองไม่เห็นตัวเขาเหมือนกับตัวเขาเป็นแสงอาทิตย์ แสงสางซึ่งไม่มีใครรู้ถึงอำนาจข่มขวัญของมันอยู่ในมือของซูอี้ สามารถปลดปล่อยพลังกดขี่ที่มิอาจอธิบายได้
เจิดจ้าเหมือนกับดวงอาทิตย์
เหมือนกับดวงอาทิตย์แผดเผาแหวกผ่านท้องฟ้าระหว่างที่แสงกวาดผ่านอย่างรวดเร็วจะมีประกายระยิบระยับ ซูอี้ชูฝ่ามือแสงเหมือนจอมราชันย์ถือดาบของเขา
ความตั้งใจต่อสู้ของเซียนจากวิหารเซียนถูกแทนที่ด้วยพลังข่มขวัญและบุกโจมตีอย่างป่าเถื่อนของซูอี้ พวกเขาทุกคนรู้จักซูอี้มานานพอ แต่นี่ยังคงเป็นครั้งแรกที่หลายคนต่อสู้เคียงข้างเขา เมื่อเห็นประจักษ์ถึงความสามารถของเขา พวกเขารู้สึกเลือดลมพลุกพล่าน ขวัญกำลังใจของพวกเขาซึ่งถูกฝนเพลิงก่อนนั้นล้างไปได้รับการเติมเต็มสนับสนุนอย่างรวดเร็ว
และพวกที่ได้ต่อสู้เคียงข้างซูอี้มาก่อนก็ยิ่งเพิ่มกำลังใจมากขึ้น ทุกครั้งที่ซูอี้ปลดปล่อยพลังโจมตีที่รุนแรงของเขา จะต้องได้ชัยชนะแน่นอน!
พลังโจมตีของซูอี้ไม่ใช่แค่วิชาจิตวิญญาณเท่านั้น แต่เป็นการควบผสานวิชาแสงสางและแสงบุปผาความเร็วสูงซึ่งเป็นวิธีโจมตีดั้งเดิมที่สร้างขึ้นเอง
แสงสางตัวมันเองไม่มีพลังโจมตีมากนัก แต่ก็ยังเป็นวิชาจิตวิญญาณชั้นบรอนซ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในสมาพันธ์ชาวยุทธเพราะมันสามารถเผาไหม้ปราณแท้ได้ ปราณแท้ที่ถูกเผาผลาญจะมีพลังขยายตัวอีกหลายเท่าและแม้แต่พลังโจมตีที่ง่ายที่สุดก็ยังเต็มไปด้วยพลังที่น่าทึ่ง
และแสงบุปผาเป็นวิชาจิตวิญญาณหลักของซูอี้มันเร็วเท่ากับการไหลของแสง ความเร็วของมันเทียบกันไม่ได้ ซูอี้ค้นพบขณะฝึกว่าภายในวิชาแสงบุปผานั้น มีการเคลื่อนไหวหลายอย่างที่มีประโยชน์ต่อการรวบรวมพลังการใช้พลังงานที่เก็บสะสมโจมตีอย่างรวดเร็วผสานใช้กับแสงสางสามารถสร้างรังสีดาบที่มีความเร็วไร้สิ่งเปรียบปาน
นี่คือพลังโจมตีที่เป็นของเขาแต่ผู้เดียวและมีชื่อข่มขวัญอย่างมากคือ
อาญาราชันย์
โล่เงินที่ดูเรียบง่ายเผชิญหน้ากับดาบแสงที่ข่มขวัญและหนาแน่นมองดูอ่อนแอมาก อ่อนแอจนถึงจุดที่ผู้คนสงสัยว่าตราบใดที่ลำแสงสัมผัสเข้ากับโล่เงินโล่เงินอาจถูกตัดขาดเหมือนโล่กระดาษก็เป็นได้
แม้แต่มอนตาและเซียนที่เหลือซึ่งอยู่ด้านหลังถังเทียน พวกเขาถูกพลังโจมตีที่น่ากลัวซึ่งกำลังใกล้เข้ามาของซูอี้ข่มขวัญ หน้าของทุกคนบิดเบี้ยวน่าเกลียด พวกเขาไม่เคยเห็นแรงฟันที่ดุดันและรุนแรงอย่างนั้นมาก่อน พวกเขารู้สึกว่าแรงฟันสามารถตัดหน่วยพวกเขาออกเป็นสองส่วน
หัวใจเสี่ยวเอ้อสั่นสะท้าน แต่เมื่อเห็นมอนตาและเซียนอื่นมองดูหวาดผวาเมื่อมองจากมุมนัยน์ตาของเขา ความรังเกียจในใจกลายเป็นความโกรธ สมบัติลึกลับตกอยู่ในมือสวะพวกนี้เป็นได้เพียงสมบัติอัปยศ และเป็นการไม่เคารพต่อบรรพบุรุษ นี่มันเป็นของข้า ของข้า ของข้าทั้งนั้น!
ถังเทียนสะดุ้งตกใจจากพลังโจมตีของซูอี้ มันไวมาก
เขาเพิ่งวิ่งเข้ามาต่อหน้าขบวน และซูอี้ก็วิ่งเข้ามาหน้าเขาด้วยความเร็วนั้นเขาไม่สามรถมองเห็นได้ชัด แต่รู้สึกถึงปราณดาบที่มีพลังกดดันฟันลงมาที่เขา
ถังเทียนไม่อาจคิดเรื่องอะไรอื่นได้และคว้าโล่หนักลายเงินออกมาทันที
ซูอี้ตวัดสันมือฟัน เสียงกระหึ่มดังกังวานทำให้คนได้ยินขนลุกชูชันและสันมือของเขาฟันลงที่โล่เงินอย่างแรง
ปัง!
แสงแพรวพราวระเบิดขึ้นทันที
ระลอกพลังโจมตีที่รุนแรงเหมือนกับพายุสลาตันกวาดทุกสิ่งทุกอย่าง เซียนที่อยู่ใกล้รู้สีกเหมือนตกอยู่ในพายุ พวกเขาไม่สามารถยืนหยัดมั่นได้ หน้าของเขาเต็มไปด้วยอาการตกใจ
ถังเทียนเพียงแต่รู้สึกแต่แรงระเบิดทะลักออกมาจากตัวโล่ พลังงานที่ทรงพลังแทบทำให้เขาลื่นไถล ในทันทีนั้นร่างของเขามีปฏิกิริยาตอบโต้ตามสัญชาตญาณเขาย่อเอวลงเร็วเหมือนสายฟ้า เอนโล่มาอิงไหล่ของเขา จากเดิมที่ถือสองมือ กลับกลายเป็นโล่สองแขนและทั่วทั้งร่างต้องใช้พลังถึกเหมือนวัวใช้พลังต้นขายันไว้กับโล่
เสียงระเบิดต้านทานดังขึ้นจากตัวโล่ แก้วหูของถังเทียนอื้อสะเทือน เขาไม่สามารถได้ยินเสียงตะโกนของเขา ในสถานการณ์ความเป็นความตายเขาเป็นเหมือนสัตว์ป่าที่ดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง
โล่หนักลายเงินสั่นสะเทือนรุนแรงขณะที่ถังเทียนใช้แขนเกาะมือจับของโล่ หน้าของเขาบิดเบี้ยวเหยเก
ทั่วทั้งตัวของถังเทียนเกร็งเครียดจนแทบจะฉีกขาด ตาของเขาเป็นสีแดงปากของเขาส่งเสียงคำรามเหมือนสัตว์ร้าย “เฮ้ เฮ้ เฮ้..”
แสงหายไปแล้ว
ทุกคนมองดูถังเทียนอย่างเหลือเชื่อ เขากำลังเกาะโล่เหมือนกับว่าเป็นคนเมาหมุนตัวอยู่กับที่ช้าๆ
เป็น..เป็นแบบนั้นไปได้ยังไง...
ซูอี้ก็ยากจะเชื่อด้วยตาตนเองเหมือนกัน ความสามารถในการทำลายล้างของอาญาจอมราชันย์ไม่มีใครรู้ชัดดีเท่ากับเขา หากมีการแปลงค่าพลังวิญญาณที่ใช้ไป อาญาจอมราชันย์จะมีค่าพลังวิญญาณเกินว่า 400 จุดแน่นอน! แม้แต่ผู้อาวุโสระดับเซียนเงินก็ยังยกย่องวิชาของเขากันทุกคนเหตุผลก็คือแม้แต่เซียนชั้นเงินก็ไม่สามารถป้องกันการโจมตีนั้นได้
ความสำเร็จในการต่อสู้ของเขาพิสูจน์แล้วว่าการตัดสินของผู้อาวุโสนั้นเป็นความจริง อาญาจอมราชันย์ไม่เคยถูกขัดขวางมาก่อนหลังจากที่ถูกสร้างขึ้นมา
จนกระทั่งวันนี้!
มีบางคนขัดขวางเขาได้
สายตาที่ซูอี้มองดูถังเทียนเหมือนกับว่าเขากำลังมองดูสัตว์ประหลาด และสัตว์ประหลาดนั้นกำลังเคลื่อนไหวอย่างน่าตลก
ถังเทียนถูกเขย่าจนเหมือนคนโง่ ใจของเขาว่างเปล่า ทั่วทั้งตัวแดงเหมือนกุ้งที่โดนน้ำร้อนและเขายังมึนอยู่เขายังถือโล่หนักลายเงินเดินหมุนโคลงเคลงอย่างมึนงง
ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก จนถึงจุดที่เขาไม่มีเวลาคิด
พวกเซียนจากวิหารเซียนเตรียมจะฉวยโอกาสโจมตีซ้ำเติม พวกเขามั่นใจมากหลังจากการโจมตีของซูอี้ซึ่งเหมือนกับมีดร้อนที่ตัดลงไปบนเนย กระบวนของศัตรูสับสนวุ่นวายไม่เป็นระเบียบ
พวกเขาติดตามแสงรังสีมาอยู่ข้างหน้ากระบวนด้วยอารมณ์เดือดพล่าน แต่พวกเขาก็ได้ตระหนักว่าศัตรูของพวกเขาป้องกันไว้ได้
พวกเขาคิดถึงความเป็นไปได้ทุกอย่างแล้ว แต่ไม่มีใครในพวกเขาที่คิดว่าศัตรูจะสามารถป้องกันไว้ได้ ดังนั้นเมื่อพวกเขาถึงข้างหน้า พวกเขาไม่สามารถเชื่อตาตนเองได้
ในทางตรงกันข้ามมอนตาและเซียนอิสระซึ่งตกใจตอนแรกกับอาญาจอมราชันย์แต่หลังจากเห็นถังเทียนต้านรับพลังโจมตีที่น่ากลัว พวกเขาแทบไม่เชื่อสายตา แต่เลือดลมพวกเขาเริ่มเดือดเช่นกันถึงกับแสดงความบ้าระห่ำออกมาอย่างไม่เคยมีมาก่อน
ทั้งสองฝ่ายตกตะลึงพอกัน แต่กำลังใจของทั้งสองฝ่ายเปลี่ยนแปลงกันในเรื่องคุณภาพ
ซูอี้มองดูโล่เงินในมือถังเทียนบนผิวมีลวดลายที่งดงามมากและแสงเงินที่กระพริบอยู่บนผิวโล่ก็ดูง่ายๆชื่อในตำนานปรากฏออกมาในใจของเขา ตาของเขาหดและขยายทันที
โล่หนักลายเงิน!
โล่หนักลายเงินในตำนาน!
ได้รับการยกย่องว่าเป็นโล่ที่แม้แต่พลังโจมตีของวิชาจิตวิญญาณระดับทองก็ยังทำลายไม่ได้ โล่หนักลายเงิน
แย่แล้ว
พวกมันไปได้สมบัติอย่างนั้นมาได้ยังไง!
ทันใดนั้นซูอี้คิดถึงการโจมตีสกัดกั้นที่เพิ่งเกิดขึ้นก่อนนั้นลูกดอกสามเหลี่ยมดาวตกและชื่อในตำนานผุดขึ้นมาในใจ ทำให้ใจเขาสั่นสะท้าน
ลูกดอกดาราแห่งกลุ่มดาวสามเหลี่ยม
ลูกดอกดาราแห่งกลุ่มดาวสามเหลี่ยมที่ขึ้นชื่อในพลังที่รุนแรง
เขาจำได้ถึงกลุ่มลูกดอกสามเหลี่ยมที่ถูกซัดออกมาจากศัตรูที่ดูเหมือนธรรมดา เป็นไปไม่ได้! เขาเลิกคาดเดาทันที ถ้าขนาดยังมีโล่หนักลายเงินได้ อย่างอื่นก็เป็นไปได้
สำหรับโล่หนักลายเงินและลูกดอกดาราแห่งดาวสามเหลี่ยมปรากฏออกมาโดยพร้อมเพรียงกัน ความเป็นไปได้เช่นนั้น.... อย่าล้อเล่นน่ะ!
สายตาของเขากวาดผ่านไปที่ศัตรูของเขา
บุรุษที่ถือหอกอยู่ในมือหอกดูรูปร่างแปลกประหลาดเหมือนมีใบไม้แห้งพันอยู่รอบตัวหอก ดูน่าเกลียดมากจากลักษณะที่เห็นดูคล้ายกับหอกใบไม้ร่วงในตำนาน ทำให้จิตใจซูอี้สั่นสะท้าน
สมบัติวิญญาณฝ่ายศัตรูที่อยู่รอบๆบุรุษถือหอกก็แปลกเช่นกัน มีคนหนึ่งถือแส้เขียว หางแส้สีเขียว ทำไมข้ายังจำได้ว่ามีคำอธิบายจากที่ไหนมาก่อน.. เอ..ดูเหมือนจะคล้ายกับจะเป็นผมเขียวเบเรนิสในตำนาน หัวใจของซูอี้สั่นสะท้านอีกครั้ง
และศัตรูอีกคนหนึ่งดูเหมือนจะมีบางอย่างปั่นหมุนอยู่รอบตัวของเขา ตาของซูอี้คมมาก และเขาสังเกตได้ทันทีว่าเป็นกงจักรบินใสสีฟ้าซึ่งยากจะตรวจสอบได้ ด้วยเหตุผลบางอย่าง ซูอี้นึกถึงสมบัติที่ขึ้นชื่อในเรื่องพลังรุนแรงชิ้นหนึ่งได้ทันที กงจักรฟ้า ในใจเขาสั่นสะท้านอีกครั้ง
ซูอี้กวาดตาไปโดยไม่รู้ตัวอีกครั้ง
ใจของเขาไม่สั่นแล้ว แต่เขาตะลึงไปอย่างสิ้นเชิง