ตอนที่ 536 ยินดีต้อนรับศัตรู
ในอากาศมีกลุ่มจุดสีดำกลุ่มหนึ่งพุ่งหวีดหวิวแหวกผ่านอากาศ
“หน่วยซู การสู้รบครั้งนี้ถือเป็นศึกใหญ่ ถ้าเราชนะ เราจะได้ผลงานที่ยอดเยี่ยมมาก”คนที่พูดเป็นบุรุษวัยกลางคนผิวขาวซีด เขายิ้มอยู่ตลอดเวลา
“ถูกแล้ว กองทัพระดับทองจะมีอะไร พวกไร้ประโยชน์ มายอมแพ้ในช่วงเวลาสำคัญพวกเขาต้องการให้เรามาชำระความยุ่งเหยิงนี้” เซียนบรอนซ์อีกคนหนึ่งบ่นอย่างไม่พอใน
ในใจกลางของหน่วยบุรุษผู้มีพลังโดดเด่นกำลังบินพร้อมกับแขนเสื้อยาวที่โบกสะบัด เขาหัวเราะ “ความดีความชอบไม่ใช่เล็กน้อยแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้าได้ฟังมาแล้วก่อนที่ข้าจะออกมา ถ้าเราทำภารกิจครั้งนี้ได้สำเร็จจะมีคะแนนสนับสนุนถึง 100 คะแนนเชียวนะ”
ทุกคนร่าเริงดีใจทันที
ในวิหารเซียนคะแนนสนับสนุนและค่าพลังวิญญาณจะเท่ากัน 100 คะแนนก็สามารถเปลี่ยนเป็นสมบัติวิญญาณ วิชาจิตวิญญาณหรือของวิเศษอย่างอื่นที่มีค่าพลังวิญญาณถึง 100 จุด
ค่าพลังวิญญาณคือทุกสิ่งทุกอย่างของเซียน
มูลค่าคะแนนสะสม100 คะแนนเป็นรางวัลที่ยอดเยี่ยมมาก ภารกิจเช่นนั้นไม่ใช่ว่าวิหารเซียนจะรับทำกันง่ายๆ แม้ว่าจะมีภารกิจเช่นนั้น แต่มันอันตรายมาก
ภารกิจครั้งนี้เป็นภารกิจ100 คะแนนที่ง่ายที่สุดในประวัติศาสตร์
เซียนอิสระ43คนในสายตาของเซียนบรอนซ์ที่อยู่ในสังกัดของวิหารเซียนก็เป็นแค่กลุ่มของกระสุนมนุษย์เท่านั้น แม้แต่ชูอี้ซึ่งมักจะสงสัยอย่างนั้น กลุ่มเซียนอิสระที่ยากไร้ขมขื่นเหล่านั้นเทียบกับพวกเขาแล้วก็เหมือนกับขอทานกับกองทัพประจำ
พวกเซียนอิสระฝึกฝนกันแบบจนกรอบตามมีตามเกิด พวกเขาไม่มีเงินซื้อการ์ดวิชาจิตวิญญาณ, พวกเขาไม่มีเงินซื้อสมบัติวิญญาณพวกขาไม่มีเงินซื้อของหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณเซียนชั้นดี พวกเขาจนกรอบกันมาก
พวกเซียนจากวิหารเซียนเมื่อพวกเขามีคุณสมบัติตามต้องการกลายเป็นเซียนชั้นบรอนซ์แล้ว วิหารเซียนจะมอบสมบัติวิญญาณซึ่งมีค่าพลังวิญญาณถึง 100 จุด เอาแค่เพียงอย่างเดียวนี้ก็เพียงพอทำให้พวกวิญญาณอนาถาเหล่านั้นต้องอิจฉาจนตาเขียวได้แล้ว
นอกจากนี้ทางวิหารเซียนยังให้การ์ดวิชาจิตวิญญาณโดยไม่คิดมูลค่า วิชาเหล่านั้นมีให้เลือกได้อย่างเหลือเฟือ
ทุกๆเดือนจะมีเซียนเงินที่เชี่ยวชาญมาคอยให้คำแนะนำสั่งสอนเรื่องกฎวิญญาณเป็นพิเศษ และแค่เพียงจ่ายคะแนนสนับสนุน ทุกคนก็จะได้รับตั๋วเพื่อเข้าไปนั่งฟังบรรยายได้ และตราบใดที่พวกเขาขยันขันแข็งมากขึ้นบ้างและรับภารกิจเพื่อสะสมคะแนนของพวกเขา พวกเขาสามารถใช้คะแนนซื้ออะไรก็ได้ในวิหารเซียน ถ้าคะแนนของท่านเพียงพอ พวกเขาสามารถให้เช่าห้องพลังดวงดาวและแนะนำสนับสนุนให้สร้างวิชาจิตวิญญาณ
เซียนของวิหารเซียนทุกคนเติบโตจากกิจกรรมเช่นนี้มาตลอด เทียบกับเซียนอิสระ ความแตกต่างไม่ใช่น้อยๆ
สถิติที่สูงที่สุดในบรรดาเซียนบรอนซ์จากวิหารเซียนก็คือเซียนระดับบรอนซ์ผู้ร่วมสู้รบสามารถฆ่าเซียนบรอนซ์อิสระได้ถึง 16 คน ตัวอย่างเฉพาะนี้ไม่ใช่ปรากฏการณ์ตามธรรมชาติโดยปกติ แต่เซียนบรอนซ์จากวิหารเซียนคนหนึ่งสามารถสู้กับเซียนอิสระได้ 3-5 คน นั่นเป็นเรื่องธรรมดา
นอกจากนี้คนที่นำกลุ่มก็คือซูอี้
ค่าพลังวิญญาณของซูอี้ถึงระดับ446 แล้ว ความสามารถในการต่อสู้เหนือล้ำใครๆ ทั้งหมด เขาเคยสยบเซียนที่มีค่าพลังวิญญาณสูงกว่าเขามาแล้ว นอกจากนี้เขายังมีอารมณ์ที่ดี ทักษะมนุษยสัมพันธ์ของเขาในหมู่เซียนบรอนซ์ก็ดีด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิหารเซียนให้ความสนใจกับภารกิจครั้งนี้มาก ดังนั้นพวกเขาจึงใช้งานซูอี้
“เรารีบทำงานให้จบ เสร็จแล้วจะได้รีบกลับกัน! สัปดาห์หน้าเป็นการแสดงปาฐกถาของอาจารย์ฉินลี่ ถ้าพลาดไปคงน่าเสียดายแย่” เซียนคนหนึ่งกล่าว
“ข้าไม่แน่ใจว่าเมื่อใดอาจารย์ฉินลี่จะสามารถกลายเป็นเซียนชั้นทองได้ อาจารย์ฉินลี่ได้รับการยกย่องเป็นอย่างสูงว่าอาจเข้าสู่ระดับเซียนชั้นทองได้”
“เหลวไหล! อาจารย์หลานตงอีมีความเป็นไปได้มากที่สุด, อาจารย์ตงอีเข้าใจเรื่องกฎวิญญาณต่างๆเหนือระดับเซียนเงินไปแล้ว”
“งั้นจากที่เจ้าพูดอาจารย์ตงอีน่าจะกลายเป็นเซียนระดับทองไปแล้ว!”
……
ผู้คนยังเข้าร่วมอภิปราย เห็นได้ชัดว่าพวกเขาให้ความสนใจในปัญหานี้
ซูอี้ส่ายศีรษะและหัวเราะ แต่ไม่ได้ห้ามอะไร เขาใส่ใจคิดเรื่องราวภารกิจอย่างระมัดระวัง เขาทำเช่นนั้นเพราะเป็นนิสัย ไม่ว่าเขาต้องเผชิญหน้ากับการต่อสู้แบบไหนก็ตาม เขาไม่เคยประมาทศัตรู สำหรับศัตรูที่สามารถปลุกวิหารเซียนได้ แสดงว่าพวกเขามีพลังความเข้มแข็งแน่นอน
อย่างไรก็ตามพลังของกองทัพระดับทองก็น่ากลัวอย่างแท้จริง
ดูเหมือนว่ากองทัพไม่เหมาะกับสมาพันธ์ชาวยุทธ สมาพันธ์ชาวยุทธไม่มีระบบคัดกรองผู้นำทหารและผลเช่นนั้นไม่ได้ทำให้ชูอี้แปลกใจ อย่างไรก็ตามประสบความล้มเหลวเร็วน่าจะเป็นเรื่องที่ดีกว่าก่อนที่พวกเขาจะมีอาการหลงตัวเอง
สำหรับกลุ่มนักสู้ วิหารเซียนก็เพียงพอแล้ว
ซูอี้เชื่อมั่นในเรื่องนั้นอย่างมิต้องสงสัย
เขาเชื่อมั่นว่าภารกิจจะสำเร็จอย่างงดงาม เขาต้องการทำให้ทั่วทั้งสวรรค์วิถีต้องเทิดทูนบูชาและสั่นไหวเมื่ออยู่ต่อหน้าวิหารเซียน สำหรับกลุ่มเซียนอิสระที่บังอาจเป็นศัตรูกับวิหารเซียนและเพิ่มอิทธิพลอย่างรวดเร็วล่าสุดบังอาจท้าทายอำนาจของวิหารเซียน นั่นช่างเป็นเรื่องน่าตลกจริงๆ มีแต่เอาเลือดออกเท่านั้นจึงจะทำให้พวกเขาสำนึกว่าพวกเขาได้กระทำผิดพลาดอย่างโง่เขลา
ทันใดนั้นป้ายเกียรติยศชาวยุทธของเขาสั่น..
“หยุดก่อน!”
ซูอี้ตะโกน,เขาหยุดยั้งร่างและเพียงแค่คิดจอภาพแสงก็ฉายอยู่ต่อหน้าเขาและปรากฏใบหน้าของชายชราหน้าตาเคร่งขรึมอยู่บนจอแสง
“ผู้เฒ่าเหอ!”
ทุกคนใจหายวูบ แต่ละคนรีบแสดงความเคารพ
หน้าของผู้เฒ่าเหอดูไม่สดชื่น เขาหน้าหมอง “กองพลดาบแสงทรยศเรา ผู้บัญชาการเย่โส่วซิน,รองผู้บัญชาการเมอร์เรย์กระตุ้นการทำงานของแสงลงทัณฑ์แล้ว”
สีหน้าของซูอี้และคนที่เหลือเปลี่ยนไปการทรยศต่อสมาพันธ์ชาวยุทธเกิดขึ้นได้ยากและการแปรพักตร์ทั้งกองพลไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
“ภารกิจของพวกเจ้าเปลี่ยนแปลงแล้ว นอกจากภารกิจครั้งก่อน พวกเจ้าจำเป็นต้องกวาดล้างกองพลดาบแสงทั้งหมดไม่ให้เหลือแม้แต่คนเดียว! สำหรับเย่โส่วซินและเมอร์เรย์ให้นำพวกเขากลับมาสมาพันธ์ พวกเขาจะต้องถูกคุมขังที่หอใหญ่ประจานต่อสาธารณชนเพราะความผิดของพวกเขา เราจะปล่อยให้เขาร้องโหยหวนทรมานตลอดทั้งวันเป็นการเตือนนักสู้ผู้ที่จะกระทำผิดทุกวัน”
หน้าของผู้เฒ่าเหอเต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟัน
หัวใจของทุกคนสั่นไหว พวกเขาตะโกนพร้อมกัน “ขอรับ!”
“เพิ่มคะแนนอีก 50 สำหรับภารกิจที่เพิ่มเติม”
ผู้อาวุเหอย้ำประโยคสุดท้ายอย่างเย็นชา จากนั้นตัดการติดต่อ
คะแนนสะสมที่เพิ่มขึ้นมาต่างหากไม่ได้ทำให้พวกเขารู้สึกมีความสุข ขณะที่สีหน้าของทุกคนดูไม่ดี พวกเขารู้ว่าการทรยศนั้นเป็นเรื่องจริงจังมาก
“ฮึ่ม...เป็นไปตามคาดกองทัพไม่อาจพึ่งพาได้” เซียนคนหนึ่งกล่าวอย่างเย็นชา
“เลิกพูดเหลวไหลเถอะ เราจะเร่งความเร็วกัน!” หน้าของซูอี้สลดลงไม่มีรอยยิ้ม ตลอดทั้งร่างของเขาปลดปล่อยรังสีฆ่าฟันที่น่ากลัว
ทรยศ!
คำพูดที่น่าอายอย่างนั้นมาเกี่ยวข้องกับสมาพันธ์ชาวยุทธได้ไงและยังมาจากกองทัพที่เป็นความหวังระดับสูง นี่ส่งผลกระทบต่อสมาพันธ์ชาวยุทธเป็นอย่างมาก
พวกเจ้าจะไม่มีใครหลบหนีไปได้แม้แต่คนเดียว!
ตาของซูอี้ฉายประกายน่ากลัว
เซียนคนอื่นไม่มีใครสนใจกระตือรือร้นพูดคุยเรื่องอื่น ทุกคนหน้าเคร่งขรึมขณะที่บินไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากบินต่อเนื่องเป็นเวลาครึ่งวัน สมาชิกคนหนึ่งตะโกนขึ้นทันที“พวกเขาอยู่ข้างหน้า!”
จิตวิญญาณของทุกคนสั่นไหว ซูอี้หยีตา เขาตะโกน “ประจัญบาน!”
ทุกคนเพิ่มความเร็วพวกเขาพุ่งแหวกอากาศเหมือนกับกระบี่แหลมคม
ถังเทียนและพวกที่เหลือรอคอยพวกเขาอยู่แล้ว หน้าของเสี่ยวเอ้อเขียวคล้ำ ขณะที่เขาลอยตัวอยู่ด้านหลังถังเทียน เขาเพ่งมองไปที่บันทึกเล่มเก่า และไม่เคยคาดเลยว่าเจ้าเด็กโง่จะให้ของดีๆหลายอย่างกับพวกกระสุนมนุษย์!
สมบัติวิญญาณทั้งหมดที่พูดถึงนั้นเป็นตำนานและทำให้เสี่ยวเอ้อถึงกับหน้าแดงหัวใจเต้นแรงด้วยความเจ็บปวด
หอกใบไม้ร่วง,กงจักรฟ้า, แว่นดำกลุ่มดาวหงส์ ลูกดอกดวงดาวกลุ่มดาวสามเหลี่ยม...
ทุกชิ้นที่เอาออกมาล้วนแต่เป็นของในตำนานทั้งนั้น
ระดับกุ่ยอู๋จะเก็บสมบัติธรรมดาไว้ยังไง? สมบัติรูปแบบนี้กลับเอาไปให้พวกกระสุนมนุษย์ใช้ตั้งมากมายซึ่งไม่ใช่แค่ค่าพลังวิญญาณ200 จุดเท่านั้น นอกจากนี้แต่ละคนยังหอบไปมากกว่าหนึ่งชิ้น สมบัติสีสันแพรวพราวทำให้เสี่ยวเอ้อมองดูพวกเขาด้วยความโกรธอย่างมิอาจบรรยายได้เหมือนกับว่ามีสัตว์ร้ายร้องโหยหวนอยู่ในใจเขา
เสียของล้ำค่าไปโดยเปล่าประโยชน์!
บัดซบเอ๊ย! เจ้ามันสมควรตายจริงๆ!
เสี่ยวเอ้อกำหมัดอย่างหนักจนซีดขาว หัวใจของเขาเต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟันหนาแน่นจนยากข่มใจลงได้ สภาพของเสี่ยวเอ้อในปัจจุบันนี้เหมือนกับถังดินระเบิดที่ตากแห้งจนถึงขีดจำกัดขอเพียงมีประกายไฟเล็กน้อยที่สุดก็ทำให้ระเบิดได้
ถังเทียนไม่รู้สึกถึงอาการแปลกประหลาดของเสี่ยวเอ้อ เขาเพ่งสมาธิอยู่กับเซียนที่กำลังบุกเข้าหาพวกเขา เขาให้ความสนใจเซียนพวกนี้เต็มที่ เขารู้ว่าถ้ามีข้อผิดพลาดเพียงเล็กน้อยกับศึกที่จะมาถึงก็หมายความว่าพวกเขาถูกกำจัดสิ้น!
แสงในดวงตาของเขาเป็นประกายเจิดจ้า เขาสูดหายใจลึกและตวาดลั่น “ฆ่า!!”
ทุกคนที่เตรียมพร้อมอยู่นานแล้วลุกขึ้นยืนทันที
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของศัตรูซูอี้ตระหนักได้ว่าฝ่ายตรงข้ามก็เตรียมตัวรับมือพวกเขา
นัยน์ตาของซูอี้เป็นประกายสีทอง แล้วยังไงเล่าต่อให้พวกมันตื่นตัวเตรียมพร้อม? ด้วยพลังที่แตกต่างกันอย่างนี้ สิ่งที่เรียกว่าความมุ่งมั่นก็แค่ประดิษฐ์ถ้อยคำเอาไว้เรียกเท่ๆ เท่านั้น
วูบบบบ
ฝนเพลิงถูกยิงออกมาแต่ละเปลวเพลิงมีขนาดเท่ากำปั้นและมีสีโปร่งใส
“ปล่อยข้าเอง” สมาชิกคนหนึ่งตะโกนอย่างตื่นเต้น เขารีบพุ่งมาอยู่ข้างหน้ากลุ่มทันที
เขากางแขนทั้งสองและตะโกน “ร่มบัวแดง!”
เปลวเพลิงแดงนับไม่ถ้วนปลดปล่อยออกมาจากร่างของเขาหมุนเป็นเกลียวด้วยความเร็วสูงอยู่ต่อหน้าของเขาแล้วแปรสภาพเป็นร่มเพลิงคลุมพื้นที่ข้างหน้า30 เมตร
ร่มมหึมาปกป้องทุกคนไว้วิชาจิตวิญญาณนี้เขาฝึกโดยใช้ค่าพลังวิญญาณเกินกว่า 120 จุด เป็นวิชาที่ทรงพลัง! เขาวิ่งเข้ารับพลังโจมตีของศัตรูทันที
ด้วยพลังสนับสนุนของร่มบัวแดง ความเร็วของพวกเขาไม่ลดลงแต่อย่างใดกลับทำให้เกิดภาพเงาลวงตาตามหลัง และส่งเสียงหวีดหวิวหาถังเทียน
วืดวืด วืด!!
ฝนเพลิงกระทบร่มบัวแดงทำให้เขาแค่นเสียง
แต่สิ่งเกิดขึ้นที่ตามมาทำให้ยิ้มเขาชะงักค้าง
ในพริบตาฝนเพลิงก็ทะลุผ่านร่มบัวแดงเหมือนกับว่าทะลุผ่านกระดาษและตัวเขาที่กำลังใช้ร่มบัวแดงบุกโจมตีไม่คาดว่าผลจะเป็นเช่นนี้ ก่อนที่เขาจะทันตั้งตัวลูกเพลิงสองลูกก็พุ่งใส่ข้างหน้าเขาแล้ว
สีหน้าของเปลี่ยนและรีบกระตุ้นการทำงานของเกราะแสงสมบัติสำหรับช่วยชีวิต
ม่านแสงแพรวพราวทำให้เขาได้รับการปกป้องอย่างแน่นหนา
เกือบไป
จิตใจของเขามั่นคงขึ้น เกราะแสงคือสมบัติวิญญาณซึ่งมีค่าพลังวิญญาณถึง160 และเป็นสมบัติสำหรับใช้ช่วยชีวิต นอกจากนี้เกราะแสงยังมีความสามารถพิเศษอย่างอื่น เมื่อวิชาจิตวิญญาณของฝ่ายตรงข้ามใกล้เข้ามา มันจะเป็นเหมือนแม่เหล็กสร้างแรงผลักพลังโจมตีทั้งหมดออกไป
เขาเตรียมการสำหรับการถูกจัดการไว้ก่อนแล้ว
วิ้ววว วิ้ววววว!
เปลวเพลิงหิ่งห้อยสองจุดกระทบเข้ากับเกราะแสง แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงก็คือเกราะแสงไม่สะท้อนมันออกไปเปลวเพลิงโปร่งใสทั้งสองเกาะเข้ากับม่านแสงและเผาไหม้ต่อเนื่องทันที
เกราะแสงไหม้เป็นรูโหว่สองรูซึ่งขยายใหญ่ด้วยความเร็วที่น่ากลัว
อกของเขารู้สึกถึงคลื่นเจ็บปวด สีหน้าของเขาแข็งค้าง เขาก้มหน้าดูที่อกของเขาลูกดอกสามเหลี่ยมกระทบเข้าที่อกของเขาและพลังงานแหลมคมทะลวงเข้าไปในร่างของเขา
นี่คือ...
ลูกดอกกลุ่มดาวสามเหลี่ยมลอยเป็นแนวโค้งสวยงามแตกต่าง แนวโค้งเหล่านี้ยิงมาในมุมที่แตกต่างกันมีทั้งโค้งใน และตัดไขว้ ทุกแนวโค้งดูเหมือนจะตั้งใจทำเป็นอย่างดีและแนวโค้งข้างหน้าซึ่งเป็นจุดแหลมคมที่สุดซึ่งมีรูปดวงดาวสามารถเห็นได้อย่างเลือนลาง
ในใจของเขา เขาคิดถึงสมบัติในตำนาน
ลูกดอกดารากลุ่มดาวสามเหลี่ยม...มีความคมเท่ากับที่ปรากฏในตำนาน
นี่คือความคิดสุดท้าย ขณะที่เขาจมดิ่งสู่ความมืดไม่มีที่สิ้นสุด
มันแหลมคมเหมือนที่กล่าวไว้ในตำนานจริงๆ!
เมื่อเสี่ยวเอ้อเห็นพลังของลูกดอกดาวสามเหลี่ยมแล้วนัยน์ตาของเขากระตุกทันที เหมือนกับว่าหัวใจถูกเชือดเฉือนจนหลั่งเลือด
นั่นมันของข้า! ของข้า! ของข้า!
เขาคำรามในหัวใจเงียบงัน
ใบหน้าที่หล่อเหลางดงามของเสี่ยวเอ้อเต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟันรุนแรง