ตอนที่แล้วตอนที่ 530 ระเบิด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 532 ภายในลูกปัดข่มพลัง

ตอนที่ 531 เพลิงกลืนวิญญาณ


แม้ว่าพวกเขาจะมีเวลาสั้นมากในการโยนให้เข้าเป้า  แต่ทุกคนคือเซียน เมื่อพวกเขาปล่อยมือก็ไม่มีอะไรแตกต่างกันมาก ลูกกลมบรอนซ์ทุกลูกเข้าเป้าที่มุมสามเหลี่ยมพร้อมกัน

เผียะ เผียะ เผียะ!

เหมือนกับฝนตกกระทบใบตอง  ลูกกลมบรอนซ์แตกส่งเสียงออกมา

การระเบิดที่คาดว่าน่าจะเกิดกลับไม่เกิดไม่มีแม้แต่แสงวาบให้เห็นทำให้ทุกคนสะดุ้ง

ความรู้สึกของพวกเซียนนั้นรุนแรง  พวกเขาสามารถรู้สึกได้ถึงพลังงานอันตรายที่แฝงอยู่ภายในลูกกลมบรอนซ์  นึไม่ถึงเลยว่าจะไม่มีอะไรที่ระเบิดออกมา  หรือว่าพวกเขารู้สึกคลาดเคลื่อนไปเอง?

มอนตาหรี่ตาและตะโกน  “ดู, เปลวไฟเล็กๆ!”

ทุกคนตื่นตัว พวกเขาตั้งใจมองทุกๆ ที่ซึ่งลูกกลมบรอนซ์แตกและมีเปลวเพลิงเป็นเส้นบาง  แต่จากนั้นทุกคนก็มีทีท่าผิดอย่างรวดเร็ว  เพลิงทั้งหมดโปร่งใสและสลัวมาก  ทุกๆ เปลวมีขนาดเท่าเทียน เป็นเปลวเทียนเล็กๆไม่น่าสงสัย ไม่น่าเป็นที่สังเกต

จะใช้เปลวเพลิงริบหรี่แบบนั้นไปเผาป้อมสมบัติขนาดใหญ่วันนั้นยังมีมาถึงด้วยหรือ?

ทุกคนคิดเหมือนกัน ดูเหมือนการทำลูกกลมบรอนซ์คงมีบางอย่างที่ผิดเพี้ยนไปแต่พวกเขาไม่กล้าเอะอะออกไป  เจ้ากลุ่มดาวเพิ่งเข้าสู่ระดับเซียนในระยะเวลาสั้นๆคงมีการสะดุดบ้างเล็กน้อยเป็นเรื่องปกติ

ทันใดนั้นทุกคนสังเกตว่าเจิ้งหวี่มีท่าทีสีหน้าที่แปลกไป  ดูเหมือนกับว่าจะมีทั้งตื่นเต้นและ  ร่างของเขากำลังสั่นและบางคนถาม  “เฒ่าเจิ้ง เจ้าเป็นอะไรไป?”

“เพลิง...เพลิงเหล่านั้นน่ากลัวจริงๆ!”

เสียงของเจิ้งหวี่สั่น เขาฝึกวิชาจิตวิญญาณประเภทใช้ตาและตั้งแต่เริ่มต้นเมื่อเปลวเพลิงน้อยปรากฏเขาประหลาดใจ จากนั้นใช้วิชาจิตวิญญาณทางตาของเขาเพ่งดู เขาถึงกับตะลึง

ในสายตาของเขา เปลวเพลิงน้อยเหมือนตัวหนอนที่หิวกระหายและน่ากลัว พวกมันกำลังกลืนกินฐาน

ทรงพลังมากนักหรือ?

ทุกคนสะดุ้งและหันไปมองดูป้อมอีกครั้งหนึ่ง

วูบบบ

เปลวเพลิงที่ร้ายกาจลามเลียและลุกลามขึ้นและจากนั้นเกิดมีสีที่แตกต่างกันดูงดงามเหมือนสีรุ้งเป้าหมายของมันคือมุมสามเหลี่ยมซึ่งค่อยๆหายไปอย่างเงียบๆ

เสี่ยวเอ้อที่กางร่มอยู่มีนัยน์ตาที่เปี่ยมไปด้วยความสุข เขาจำประโยคที่กุ่ยอู๋พูดไว้จากเศษเสี้ยวความทรงจำ

บนป้อมสมบัติดวงดาวมีหลุมขนาดใหญ่อยู่บนซีกเบื้องหน้าของป้อมซึ่งดูแล้วสะดุดตามากและน่าเกลียดน่ากลัว

เซียนที่อยู่ในอากาศถึงกับตกตะลึง

ม่านพลังงานที่หนาแน่นของป้อมเกินคาดหมายพวกเขาไปมาก  พวกเขาเตรียมกับการต่อสู้ยืดเยื้อ และคาดว่าจะมีพลังระเบิดที่กลัวสามารถทำให้ม่านพลังงานที่หนาแน่นพังทลาย

พวกเขาไม่รู้สึกถึงความผันผวนพลังงานแม้แต่น้อย

เปลวเพลิงนั่น... สิ่งที่ขยายออกมาก็คือ..

บางคนที่เป็นคนฉลาดอย่างมอนตาคิดออกแล้ว  ถ้าเปลวเพลิงเหล่านั้นติดเชื้อสมบัติวิญญาณ

ความคิดเช่นนั้นทำให้พวกเขาสั่นด้วยความกลัว

ในป้อมตกอยู่ในความยุ่งเหยิงสิ้นเชิง

เมื่อเห็นช่องโหว่ยังขยายออกไป  เย่โส่วซินดูเหมือนกับว่าเขาสูญเสียวิญญาณ  หน้าของเขาว่างเปล่าปราศจากสีเลือด นายทหารผู้ช่วยตะโกนอย่างตื่นเต้น  “ดับไฟนั้น!  รีบดับไฟนั้น!”

การโจมตีลักษณะต่างๆอย่างบ้าคลั่งทำให้เปลวเพลิงจางลง

หัวใจทุกคนเต็มไปด้วยความกลัว  ที่มั่นที่กำลังถูกทำลายกำลังละลายไปเหมือนกับหิมะ  เพลิงสีแปลกประหลาดกำลังไหม้อย่างต่อเนื่อง  เหมือนกับอสูรร้ายกำลังกลืนกินฐานที่มั่น

ไม่ต้องคำนึงถึงคุณสมบัติโจมตีเช่นใดก็ตาม  เมื่อใดก็ตามที่สมบัติถูกเปลวเพลิงสีจะเหมือนกับวัวที่ตกลงไปในมหาสมุทรสูญหายไปโดยไม่เหลือร่องรอย

แต่ความกลัวอย่างรุนแรงทำให้ทุกคนไม่สามารถควบคุมตนเองได้  พวกเขารู้แต่วิธีโจมตีอย่างสุดกำลัง  จนกระทั่งพลังปราณแท้ในร่างของพวกเขาหมดไปและพวกเขาเริ่มล้มลงกับพื้น

นักสู้จากสมาพันธ์ชาวยุทธคนหนึ่งก็พังทลายในที่สุด  เขาร้องโหยหวนและบินหนีออกไป ออกไปจากหลุมนรก

ในวินาทีที่เขาเตรียมจะบินหนีออกไปจากช่องว่างวูบบวินาทีต่อมาเปลวเพลิงที่มีสีสันและร้ายกาจก็ขยายเปลวออกมาและกลืนกินนักสู้ผู้นั้นในคำเดียว  ในพริบตาก็ไม่มีเสียงร้องออกมา  เขาสูญสลายหายไปไม่เหลือร่องรอย

นักสู้ของสมาพันธ์ชาวยุทธที่อยู่ในที่มั่นพากันตะลึงหมดทุกคน

หน้าของทุกคนซีดขาว  พวกเขาเหม่อมองเพลิงสีต่างๆที่อยูเหนือเขา มันคืออสูรที่กินทุกอย่างไม่เลือก

เซียนที่อยู่ในอากาศยังคงตกใจกลัวกับภาพที่เห็น

แม้ว่าพวกเขาจะได้ฆ่าคนมาก่อนแม้ว่าพวกเขาจะเคยเห็นเลือดมาก่อน แต่ฉากภาพที่อยู่ต่อหน้าพวกเขาทำให้ฝ่ามือของพวกเขามีเหงื่อเยือกเย็นซึมออกมา

นักสู้ของกองพลดาบแสงเหมือนกับสัตว์ที่ติดอยู่ในกับดัก  พวกเขาทุกคนหนีออกจากตำแหน่งที่ตนเองป้องกัน

“เราจะทำยังไงกันดี?”  นายทหารผู้ช่วยถามเย่โส่วซินปากคอสั่น

ป้อมฐานกำลังถูกกลืนกินด้วยระดับความเร็วน่าประหลาด ทั่วทั้งกองพลดาบแสงกำลังปั่นป่วนเหมือนแกะที่รอถูกเชือด  ใบหน้าของทุกคนปกคลุมไปด้วยความกลัวและสิ้นหวัง  เพราะพวกเขารู้ว่าเมื่อฐานถูกกลืนกินจนหมดก็จะถึงคราวพวกเขา เพลิงสีรุ้งจะกลืนกินพวกเขาทุกส่วน

“ยอมแพ้!” แม้ว่าหน้าของเย่โส่วซินจะซีดขาว แต่เขาก็ยังสงบและมั่นคงที่สุด

“ยอมแพ้?”  นายทหารผู้ช่วยสะดุ้งและโกรธทันที  “เราจะยอมแพ้ได้ยัไง?  เราคือคนของสมาพันธ์ชาวยุทธ..”

เย่โส่วซินมองดูเขาเงียบๆ  แต่ไม่พูดอะไรสักคำ

ผู้ช่วยนายทหารตอนแรกตะโกนเหมือนฟ้าร้องก็ค่อยๆ เสียงอ่อนลงทุกที และในที่สุดเขาก็เงียบ สีหน้าของเขาพ่ายแพ้ ทหารรอบตัวเขามองดูสิ้นหวัง ไม่มีใครมีใจคิดสู้ รวมทั้งตัวเขาเองด้วย

และเขายังไม่มีความคิดอื่น

“ให้ข้าตัดสินใจเรื่องนี้เอง  ข้าจะยอมรับทัณฑ์แสงเอง”  เย่โส่วซินพูดอย่างเฉยชา

สำหรับกองพลคุณภาพสูงอย่างพวกเขา พวกเขาได้ทำการสาบานไว้กับสมาพันธ์ชาวยุทธไว้แล้วเป็นสิ่งที่คล้ายกับสัญญาจิตวิญญาณยุทธ ถ้าพวกเขาผิดสัญญา พวกเขาจะถูกลงโทษด้วยทัณฑ์แสง

“ไม่,ไม่มีเหตุผลที่ท่านจะต้องมารับการลงทัณฑ์ตามลำพัง”  นายทหารผู้ช่วยพยายามยืนขึ้น หน้าของเขาเต็มไปได้ความโกรธ  “เราพ่ายศึกนี้ด้วยกัน เราไม่มีทางต้านทานใดๆได้เลย  แม้ว่าข้าจะไม่ใช่ผู้นำทหาร  แต่ข้าก็ยังมีความรู้สึกละอาย ถ้าแม้แต่ทหารยังไม่มีความกล้าสู้เพื่อโอกาสยอมแพ้ของตน  ข้าคงยกโทษให้ตัวเองอีกไม่ได้”

เย่โส่วซินมองดูผู้ช่วยนายทหารของเขา  คนที่เด็ดเดี่ยวจากสาขาทองที่สาม  ความจริงเขาไม่ชอบนายทหารผู้ช่วยคนนี้  เพราะเขารู้ว่า นายทหารผู้ช่วยของเขาคือผู้คุมกองทัพที่แท้จริงและเขาเองเป็นผู้ออกคำสั่งในนามและเมื่อว่าตามตรงเขาก็แค่ผู้จัดการที่ได้รับเงินเดือนสูง  ก็แค่ในช่วงเวลาปกติ เขาจะเป็นคนที่ถ่อมตนไม่ชอบการรบ ดังนั้นเขาจึงรู้สึกเคารพนายทหารผู้ช่วยในเรื่องนั้น

แต่ในช่วงเวลานั้นเขายกย่องนายทหารผู้ช่วยของเขา

เพื่อชีวิตผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาเอง  เขายินดีจะแบกรับความอับอายและถูกลงโทษ ความกล้าหาญและความเข้มแข็งนี้ใช่ว่าจะมีกันทุกคน

เย่โส่วซินพยักหน้า  จากนั้นตะโกนออกไป

“ข้า,เย่โส่วซิน ผู้บัญชาการกองพลดาบแสง  ขอเป็นตัวแทนประกาศว่ากองพลดาบแสงขอยอมแพ้!”

ผู้ช่วยของเขายังคงตะโกน “ข้าเมอร์เรย์ผู้ช่วยผู้บัญชาการกองพลดาบแสงขอประกาศว่ากองพลดาบแสงขอยอมแพ้”

ปัง!

แสงสีขาวแผ่กระจายออกมาจากภายในร่างของพวกเขากักคนทั้งสองไว้ นั่นคือแสงลงทัณฑ์จากสมาพันธ์ชาวยุทธไม่ว่าเมื่อใดก็ตามที่นักสู้ผิดคำสาบานแสงลงทัณฑ์จะปรากฏ  ทั้งสองคนมีท่าทางเจ็บปวด  สีหน้าของเขาบิดเบี้ยวจิตวิญญาณยุทธของพวกเขาที่อยู่ภายในรังสีแสง เริ่มเผาไหม้อย่างรวดเร็ว

“ท่านแม่ทัพ!”

“ท่านผู้ช่วยแม่ทัพ!”

ทหารทุกคนตกใจกับเหตุรบกวนกระทันหัน

เซียนที่อยู่ในอากาศรู้สึกสะดุ้ง  ทุกคนมองมาทางถังเทียน

“ยอมแพ้?”

ถังเทียนก็สะดุ้งเช่นกัน เขาไม่เคยคิดว่ากองทัพของสมาพันธ์ชาวยุทธจะยอมแพ้  ในสายตาของเขาสมาพันธ์ชาวยุทธมักจะเป็นตัวหงุดหงิดน่ารำคาญอยู่เสมอ และจะต้องสู้แลกชีวิตกัน

เขาไม่เคยคาดว่าพวกเขาจะยอมแพ้...

เมื่อแสงลงฑัณฑ์ลุกโพลงจากร่างของทั้งสอง  ถังเทียนจึงเข้าใจทันที  พวกเขายอมแพ้จริงๆและยอมรับการลงทัณฑ์ทรมาน ถังเทียนสามารถรู้สึกได้ถึงสัญญาจิตวิญญาณยุทธจากรังสีขาว

“เสี่ยวเอ้อ!”

ถังเทียนตะโกน

เสี่ยวเอ้อรู้สึกขัดใจมากเดิมทีเขาไม่คาดเลยว่ากำลังของเพลิงจิตวิญญาณจะมีขนาดใหญ่โตมากมาย และเมื่อเพลิงจิตวิญญาณเปลี่ยนสภาพเป็นเพลิงหลากสี เขาคิดเรื่องสมบัติวิญญาณอีกรูปแบบหนึ่งที่บันทึกไว้โดยกุ่ยอู๋

การกลืนกินป้อมสมบัติดวงดาวกับสมบัติดวงดาวสองพันชิ้นจะทำให้มันวิวัฒนาการ

เพลิงสีมีชื่อว่า เพลิงกลืนวิญญาณ

นี่คือสมบัติวิญญาณนอกสารบบแบบหนึ่งและมีเพียงเซียนพลังสายเลือดจึงสามารถสร้างสมบัติวิญญาณที่แปลกและร้ายกาจได้  หยินและหยางให้กำเนิดเพลิงวิญญาณและเมื่อเพลิงวิญญาณยังพัฒนาต่อไปก็จะกลายเป็นเพลิงกลืนวิญญาณ สิ่งที่สำคัญที่สุดในการขัดเกลาเพลิงกลืนวิญญาณก็คือจำเป็นต้องได้สมบัติดวงดาวที่หายากและปล่อยให้มันเติบโต

หลังจากกินสมบัติเกินสองพันชิ้นค่าพลังของเพลิงกลืนวิญญาณยังคงพุ่งขึ้นสูงจนกระทั่งระดับปัจจุบันเกินกว่า 180 จุด อีกก้าวเดียวก็จะไปถึง 200 จุด

ถ้าค่าพลังวิญญาณผ่าน 200 จุด เพลิงกลืนวิญญาณจะวิวัฒนาการอีกครั้งหนึ่ง

เพลิงกลืนวิญญาณสามารถกลืนกินจิตวิญญาณยุทธของนักสู้และทำให้มันเติบโต  ถ้ามันกลืนกินทหารทั้งกองพล  มันจะวิวัฒนาการได้อีกครั้ง

แต่น่าเสียดาย  พวกเขายอมแพ้จริงๆ...

เสี่ยวเอ้อรู้สึกเศร้าใจ ลูกปัดข่มพลังลอยออกมาจากร่างของเขาและหมุนวนเวียนช้าๆ เขาเพิ่งใช้ลูกปัดข่มพลังควบคุมเพลิงกลืนวิญญาณและกลืนกินทหารที่เตรียมจะหลบหนี

เพลิงกลืนวิญญาณอ่อนลงทันทีขณะนั้นมันมอดลงอย่างรวดเร็วและสีรุ้งกลายเป็นสีทึบ

ทหารของกองพลดาบแสงที่กำลังตื่นตกใจปรากฏอยู่ต่อหน้าทุกคนและเย่โส่วซินกับเมอร์เรย์ซึ่งกักอยู่ในกรงแสง แสงลงทัณฑ์ไม่ได้เอาชีวิตพวกเขา แต่ส่วนที่น่ากลัวที่สุดก็คือจะทำให้ผู้ทรยศหักหลังมีชีวิตอยู่แย่ยิ่งกว่าตาย

เสี่ยวเอ้อไม่พอใจอย่างมาก เมื่อเห็นแสงลงทัณฑ์เขาไม่พอใจ เสี่ยวเอ้อไม่ยินดียอมรับความพ่ายแพ้ของพวกเขา  แต่เขาไม่สามารถทรยศต่อคำสั่งถังเทียนได้

โธ่เว้ย!

แสงลงฑัณฑ์ทั้งสองเจิดจ้าแพรวพราวมากขึ้นทำให้เสี่ยวเอ้อเศร้าใจมากขึ้น  เขาคำรามในใจและลูกปัดข่มพลังที่อยู่ต่อหน้าเขาหมุนอย่างนุ่มนวล

ทันใดนั้นเพลิงกลืนวิญญาณพุ่งไปหาคนทั้งสองกลืนคนทั้งสองจนกลุ่มผู้คนอุทานเสียงดัง เพลิงกลืนวิญญาณผละออกจากพวกเขาและปล่อยทั้งสองคนให้หมดสติ

เพลิงกลืนวิญญาณเปลี่ยนเป็นเปลวเพลิงอ่อนบินเข้าไปในลูกปัดข่มพลัง  แสงลงทัณฑ์ถูกมันกลืนกิน

แต่สีหน้าของเสี่ยวเอ้อแปลกประหลาดมาก  เขามองดูหงุดหงิดและไม่สบายใจมาก  และเขากับลูกปัดข่มพลังหายวับไป

แสงลงทัณฑ์ของสมาพันธ์ชาวยุทธมีอะไรแปลกประหลาดอยู่ในนี้!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด