ตอนที่ 531 เพลิงกลืนวิญญาณ
แม้ว่าพวกเขาจะมีเวลาสั้นมากในการโยนให้เข้าเป้า แต่ทุกคนคือเซียน เมื่อพวกเขาปล่อยมือก็ไม่มีอะไรแตกต่างกันมาก ลูกกลมบรอนซ์ทุกลูกเข้าเป้าที่มุมสามเหลี่ยมพร้อมกัน
เผียะ เผียะ เผียะ!
เหมือนกับฝนตกกระทบใบตอง ลูกกลมบรอนซ์แตกส่งเสียงออกมา
การระเบิดที่คาดว่าน่าจะเกิดกลับไม่เกิดไม่มีแม้แต่แสงวาบให้เห็นทำให้ทุกคนสะดุ้ง
ความรู้สึกของพวกเซียนนั้นรุนแรง พวกเขาสามารถรู้สึกได้ถึงพลังงานอันตรายที่แฝงอยู่ภายในลูกกลมบรอนซ์ นึไม่ถึงเลยว่าจะไม่มีอะไรที่ระเบิดออกมา หรือว่าพวกเขารู้สึกคลาดเคลื่อนไปเอง?
มอนตาหรี่ตาและตะโกน “ดู, เปลวไฟเล็กๆ!”
ทุกคนตื่นตัว พวกเขาตั้งใจมองทุกๆ ที่ซึ่งลูกกลมบรอนซ์แตกและมีเปลวเพลิงเป็นเส้นบาง แต่จากนั้นทุกคนก็มีทีท่าผิดอย่างรวดเร็ว เพลิงทั้งหมดโปร่งใสและสลัวมาก ทุกๆ เปลวมีขนาดเท่าเทียน เป็นเปลวเทียนเล็กๆไม่น่าสงสัย ไม่น่าเป็นที่สังเกต
จะใช้เปลวเพลิงริบหรี่แบบนั้นไปเผาป้อมสมบัติขนาดใหญ่วันนั้นยังมีมาถึงด้วยหรือ?
ทุกคนคิดเหมือนกัน ดูเหมือนการทำลูกกลมบรอนซ์คงมีบางอย่างที่ผิดเพี้ยนไปแต่พวกเขาไม่กล้าเอะอะออกไป เจ้ากลุ่มดาวเพิ่งเข้าสู่ระดับเซียนในระยะเวลาสั้นๆคงมีการสะดุดบ้างเล็กน้อยเป็นเรื่องปกติ
ทันใดนั้นทุกคนสังเกตว่าเจิ้งหวี่มีท่าทีสีหน้าที่แปลกไป ดูเหมือนกับว่าจะมีทั้งตื่นเต้นและ ร่างของเขากำลังสั่นและบางคนถาม “เฒ่าเจิ้ง เจ้าเป็นอะไรไป?”
“เพลิง...เพลิงเหล่านั้นน่ากลัวจริงๆ!”
เสียงของเจิ้งหวี่สั่น เขาฝึกวิชาจิตวิญญาณประเภทใช้ตาและตั้งแต่เริ่มต้นเมื่อเปลวเพลิงน้อยปรากฏเขาประหลาดใจ จากนั้นใช้วิชาจิตวิญญาณทางตาของเขาเพ่งดู เขาถึงกับตะลึง
ในสายตาของเขา เปลวเพลิงน้อยเหมือนตัวหนอนที่หิวกระหายและน่ากลัว พวกมันกำลังกลืนกินฐาน
ทรงพลังมากนักหรือ?
ทุกคนสะดุ้งและหันไปมองดูป้อมอีกครั้งหนึ่ง
วูบบบ
เปลวเพลิงที่ร้ายกาจลามเลียและลุกลามขึ้นและจากนั้นเกิดมีสีที่แตกต่างกันดูงดงามเหมือนสีรุ้งเป้าหมายของมันคือมุมสามเหลี่ยมซึ่งค่อยๆหายไปอย่างเงียบๆ
เสี่ยวเอ้อที่กางร่มอยู่มีนัยน์ตาที่เปี่ยมไปด้วยความสุข เขาจำประโยคที่กุ่ยอู๋พูดไว้จากเศษเสี้ยวความทรงจำ
บนป้อมสมบัติดวงดาวมีหลุมขนาดใหญ่อยู่บนซีกเบื้องหน้าของป้อมซึ่งดูแล้วสะดุดตามากและน่าเกลียดน่ากลัว
เซียนที่อยู่ในอากาศถึงกับตกตะลึง
ม่านพลังงานที่หนาแน่นของป้อมเกินคาดหมายพวกเขาไปมาก พวกเขาเตรียมกับการต่อสู้ยืดเยื้อ และคาดว่าจะมีพลังระเบิดที่กลัวสามารถทำให้ม่านพลังงานที่หนาแน่นพังทลาย
พวกเขาไม่รู้สึกถึงความผันผวนพลังงานแม้แต่น้อย
เปลวเพลิงนั่น... สิ่งที่ขยายออกมาก็คือ..
บางคนที่เป็นคนฉลาดอย่างมอนตาคิดออกแล้ว ถ้าเปลวเพลิงเหล่านั้นติดเชื้อสมบัติวิญญาณ
ความคิดเช่นนั้นทำให้พวกเขาสั่นด้วยความกลัว
ในป้อมตกอยู่ในความยุ่งเหยิงสิ้นเชิง
เมื่อเห็นช่องโหว่ยังขยายออกไป เย่โส่วซินดูเหมือนกับว่าเขาสูญเสียวิญญาณ หน้าของเขาว่างเปล่าปราศจากสีเลือด นายทหารผู้ช่วยตะโกนอย่างตื่นเต้น “ดับไฟนั้น! รีบดับไฟนั้น!”
การโจมตีลักษณะต่างๆอย่างบ้าคลั่งทำให้เปลวเพลิงจางลง
หัวใจทุกคนเต็มไปด้วยความกลัว ที่มั่นที่กำลังถูกทำลายกำลังละลายไปเหมือนกับหิมะ เพลิงสีแปลกประหลาดกำลังไหม้อย่างต่อเนื่อง เหมือนกับอสูรร้ายกำลังกลืนกินฐานที่มั่น
ไม่ต้องคำนึงถึงคุณสมบัติโจมตีเช่นใดก็ตาม เมื่อใดก็ตามที่สมบัติถูกเปลวเพลิงสีจะเหมือนกับวัวที่ตกลงไปในมหาสมุทรสูญหายไปโดยไม่เหลือร่องรอย
แต่ความกลัวอย่างรุนแรงทำให้ทุกคนไม่สามารถควบคุมตนเองได้ พวกเขารู้แต่วิธีโจมตีอย่างสุดกำลัง จนกระทั่งพลังปราณแท้ในร่างของพวกเขาหมดไปและพวกเขาเริ่มล้มลงกับพื้น
นักสู้จากสมาพันธ์ชาวยุทธคนหนึ่งก็พังทลายในที่สุด เขาร้องโหยหวนและบินหนีออกไป ออกไปจากหลุมนรก
ในวินาทีที่เขาเตรียมจะบินหนีออกไปจากช่องว่างวูบบวินาทีต่อมาเปลวเพลิงที่มีสีสันและร้ายกาจก็ขยายเปลวออกมาและกลืนกินนักสู้ผู้นั้นในคำเดียว ในพริบตาก็ไม่มีเสียงร้องออกมา เขาสูญสลายหายไปไม่เหลือร่องรอย
นักสู้ของสมาพันธ์ชาวยุทธที่อยู่ในที่มั่นพากันตะลึงหมดทุกคน
หน้าของทุกคนซีดขาว พวกเขาเหม่อมองเพลิงสีต่างๆที่อยูเหนือเขา มันคืออสูรที่กินทุกอย่างไม่เลือก
เซียนที่อยู่ในอากาศยังคงตกใจกลัวกับภาพที่เห็น
แม้ว่าพวกเขาจะได้ฆ่าคนมาก่อนแม้ว่าพวกเขาจะเคยเห็นเลือดมาก่อน แต่ฉากภาพที่อยู่ต่อหน้าพวกเขาทำให้ฝ่ามือของพวกเขามีเหงื่อเยือกเย็นซึมออกมา
นักสู้ของกองพลดาบแสงเหมือนกับสัตว์ที่ติดอยู่ในกับดัก พวกเขาทุกคนหนีออกจากตำแหน่งที่ตนเองป้องกัน
“เราจะทำยังไงกันดี?” นายทหารผู้ช่วยถามเย่โส่วซินปากคอสั่น
ป้อมฐานกำลังถูกกลืนกินด้วยระดับความเร็วน่าประหลาด ทั่วทั้งกองพลดาบแสงกำลังปั่นป่วนเหมือนแกะที่รอถูกเชือด ใบหน้าของทุกคนปกคลุมไปด้วยความกลัวและสิ้นหวัง เพราะพวกเขารู้ว่าเมื่อฐานถูกกลืนกินจนหมดก็จะถึงคราวพวกเขา เพลิงสีรุ้งจะกลืนกินพวกเขาทุกส่วน
“ยอมแพ้!” แม้ว่าหน้าของเย่โส่วซินจะซีดขาว แต่เขาก็ยังสงบและมั่นคงที่สุด
“ยอมแพ้?” นายทหารผู้ช่วยสะดุ้งและโกรธทันที “เราจะยอมแพ้ได้ยัไง? เราคือคนของสมาพันธ์ชาวยุทธ..”
เย่โส่วซินมองดูเขาเงียบๆ แต่ไม่พูดอะไรสักคำ
ผู้ช่วยนายทหารตอนแรกตะโกนเหมือนฟ้าร้องก็ค่อยๆ เสียงอ่อนลงทุกที และในที่สุดเขาก็เงียบ สีหน้าของเขาพ่ายแพ้ ทหารรอบตัวเขามองดูสิ้นหวัง ไม่มีใครมีใจคิดสู้ รวมทั้งตัวเขาเองด้วย
และเขายังไม่มีความคิดอื่น
“ให้ข้าตัดสินใจเรื่องนี้เอง ข้าจะยอมรับทัณฑ์แสงเอง” เย่โส่วซินพูดอย่างเฉยชา
สำหรับกองพลคุณภาพสูงอย่างพวกเขา พวกเขาได้ทำการสาบานไว้กับสมาพันธ์ชาวยุทธไว้แล้วเป็นสิ่งที่คล้ายกับสัญญาจิตวิญญาณยุทธ ถ้าพวกเขาผิดสัญญา พวกเขาจะถูกลงโทษด้วยทัณฑ์แสง
“ไม่,ไม่มีเหตุผลที่ท่านจะต้องมารับการลงทัณฑ์ตามลำพัง” นายทหารผู้ช่วยพยายามยืนขึ้น หน้าของเขาเต็มไปได้ความโกรธ “เราพ่ายศึกนี้ด้วยกัน เราไม่มีทางต้านทานใดๆได้เลย แม้ว่าข้าจะไม่ใช่ผู้นำทหาร แต่ข้าก็ยังมีความรู้สึกละอาย ถ้าแม้แต่ทหารยังไม่มีความกล้าสู้เพื่อโอกาสยอมแพ้ของตน ข้าคงยกโทษให้ตัวเองอีกไม่ได้”
เย่โส่วซินมองดูผู้ช่วยนายทหารของเขา คนที่เด็ดเดี่ยวจากสาขาทองที่สาม ความจริงเขาไม่ชอบนายทหารผู้ช่วยคนนี้ เพราะเขารู้ว่า นายทหารผู้ช่วยของเขาคือผู้คุมกองทัพที่แท้จริงและเขาเองเป็นผู้ออกคำสั่งในนามและเมื่อว่าตามตรงเขาก็แค่ผู้จัดการที่ได้รับเงินเดือนสูง ก็แค่ในช่วงเวลาปกติ เขาจะเป็นคนที่ถ่อมตนไม่ชอบการรบ ดังนั้นเขาจึงรู้สึกเคารพนายทหารผู้ช่วยในเรื่องนั้น
แต่ในช่วงเวลานั้นเขายกย่องนายทหารผู้ช่วยของเขา
เพื่อชีวิตผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาเอง เขายินดีจะแบกรับความอับอายและถูกลงโทษ ความกล้าหาญและความเข้มแข็งนี้ใช่ว่าจะมีกันทุกคน
เย่โส่วซินพยักหน้า จากนั้นตะโกนออกไป
“ข้า,เย่โส่วซิน ผู้บัญชาการกองพลดาบแสง ขอเป็นตัวแทนประกาศว่ากองพลดาบแสงขอยอมแพ้!”
ผู้ช่วยของเขายังคงตะโกน “ข้าเมอร์เรย์ผู้ช่วยผู้บัญชาการกองพลดาบแสงขอประกาศว่ากองพลดาบแสงขอยอมแพ้”
ปัง!
แสงสีขาวแผ่กระจายออกมาจากภายในร่างของพวกเขากักคนทั้งสองไว้ นั่นคือแสงลงทัณฑ์จากสมาพันธ์ชาวยุทธไม่ว่าเมื่อใดก็ตามที่นักสู้ผิดคำสาบานแสงลงทัณฑ์จะปรากฏ ทั้งสองคนมีท่าทางเจ็บปวด สีหน้าของเขาบิดเบี้ยวจิตวิญญาณยุทธของพวกเขาที่อยู่ภายในรังสีแสง เริ่มเผาไหม้อย่างรวดเร็ว
“ท่านแม่ทัพ!”
“ท่านผู้ช่วยแม่ทัพ!”
ทหารทุกคนตกใจกับเหตุรบกวนกระทันหัน
เซียนที่อยู่ในอากาศรู้สึกสะดุ้ง ทุกคนมองมาทางถังเทียน
“ยอมแพ้?”
ถังเทียนก็สะดุ้งเช่นกัน เขาไม่เคยคิดว่ากองทัพของสมาพันธ์ชาวยุทธจะยอมแพ้ ในสายตาของเขาสมาพันธ์ชาวยุทธมักจะเป็นตัวหงุดหงิดน่ารำคาญอยู่เสมอ และจะต้องสู้แลกชีวิตกัน
เขาไม่เคยคาดว่าพวกเขาจะยอมแพ้...
เมื่อแสงลงฑัณฑ์ลุกโพลงจากร่างของทั้งสอง ถังเทียนจึงเข้าใจทันที พวกเขายอมแพ้จริงๆและยอมรับการลงทัณฑ์ทรมาน ถังเทียนสามารถรู้สึกได้ถึงสัญญาจิตวิญญาณยุทธจากรังสีขาว
“เสี่ยวเอ้อ!”
ถังเทียนตะโกน
เสี่ยวเอ้อรู้สึกขัดใจมากเดิมทีเขาไม่คาดเลยว่ากำลังของเพลิงจิตวิญญาณจะมีขนาดใหญ่โตมากมาย และเมื่อเพลิงจิตวิญญาณเปลี่ยนสภาพเป็นเพลิงหลากสี เขาคิดเรื่องสมบัติวิญญาณอีกรูปแบบหนึ่งที่บันทึกไว้โดยกุ่ยอู๋
การกลืนกินป้อมสมบัติดวงดาวกับสมบัติดวงดาวสองพันชิ้นจะทำให้มันวิวัฒนาการ
เพลิงสีมีชื่อว่า เพลิงกลืนวิญญาณ
นี่คือสมบัติวิญญาณนอกสารบบแบบหนึ่งและมีเพียงเซียนพลังสายเลือดจึงสามารถสร้างสมบัติวิญญาณที่แปลกและร้ายกาจได้ หยินและหยางให้กำเนิดเพลิงวิญญาณและเมื่อเพลิงวิญญาณยังพัฒนาต่อไปก็จะกลายเป็นเพลิงกลืนวิญญาณ สิ่งที่สำคัญที่สุดในการขัดเกลาเพลิงกลืนวิญญาณก็คือจำเป็นต้องได้สมบัติดวงดาวที่หายากและปล่อยให้มันเติบโต
หลังจากกินสมบัติเกินสองพันชิ้นค่าพลังของเพลิงกลืนวิญญาณยังคงพุ่งขึ้นสูงจนกระทั่งระดับปัจจุบันเกินกว่า 180 จุด อีกก้าวเดียวก็จะไปถึง 200 จุด
ถ้าค่าพลังวิญญาณผ่าน 200 จุด เพลิงกลืนวิญญาณจะวิวัฒนาการอีกครั้งหนึ่ง
เพลิงกลืนวิญญาณสามารถกลืนกินจิตวิญญาณยุทธของนักสู้และทำให้มันเติบโต ถ้ามันกลืนกินทหารทั้งกองพล มันจะวิวัฒนาการได้อีกครั้ง
แต่น่าเสียดาย พวกเขายอมแพ้จริงๆ...
เสี่ยวเอ้อรู้สึกเศร้าใจ ลูกปัดข่มพลังลอยออกมาจากร่างของเขาและหมุนวนเวียนช้าๆ เขาเพิ่งใช้ลูกปัดข่มพลังควบคุมเพลิงกลืนวิญญาณและกลืนกินทหารที่เตรียมจะหลบหนี
เพลิงกลืนวิญญาณอ่อนลงทันทีขณะนั้นมันมอดลงอย่างรวดเร็วและสีรุ้งกลายเป็นสีทึบ
ทหารของกองพลดาบแสงที่กำลังตื่นตกใจปรากฏอยู่ต่อหน้าทุกคนและเย่โส่วซินกับเมอร์เรย์ซึ่งกักอยู่ในกรงแสง แสงลงทัณฑ์ไม่ได้เอาชีวิตพวกเขา แต่ส่วนที่น่ากลัวที่สุดก็คือจะทำให้ผู้ทรยศหักหลังมีชีวิตอยู่แย่ยิ่งกว่าตาย
เสี่ยวเอ้อไม่พอใจอย่างมาก เมื่อเห็นแสงลงทัณฑ์เขาไม่พอใจ เสี่ยวเอ้อไม่ยินดียอมรับความพ่ายแพ้ของพวกเขา แต่เขาไม่สามารถทรยศต่อคำสั่งถังเทียนได้
โธ่เว้ย!
แสงลงฑัณฑ์ทั้งสองเจิดจ้าแพรวพราวมากขึ้นทำให้เสี่ยวเอ้อเศร้าใจมากขึ้น เขาคำรามในใจและลูกปัดข่มพลังที่อยู่ต่อหน้าเขาหมุนอย่างนุ่มนวล
ทันใดนั้นเพลิงกลืนวิญญาณพุ่งไปหาคนทั้งสองกลืนคนทั้งสองจนกลุ่มผู้คนอุทานเสียงดัง เพลิงกลืนวิญญาณผละออกจากพวกเขาและปล่อยทั้งสองคนให้หมดสติ
เพลิงกลืนวิญญาณเปลี่ยนเป็นเปลวเพลิงอ่อนบินเข้าไปในลูกปัดข่มพลัง แสงลงทัณฑ์ถูกมันกลืนกิน
แต่สีหน้าของเสี่ยวเอ้อแปลกประหลาดมาก เขามองดูหงุดหงิดและไม่สบายใจมาก และเขากับลูกปัดข่มพลังหายวับไป
แสงลงทัณฑ์ของสมาพันธ์ชาวยุทธมีอะไรแปลกประหลาดอยู่ในนี้!