ตอนที่ 529 ชัยชนะเด็ดขาด
ภูเขาทะลุเมฆเป็นเทือกเขาที่สูงที่สุดในกลุ่มดาวหมีใหญ่ ความสูงเกิน 12 กิโลเมตรมีครึ่งหนึ่งที่อยู่ต่ำกว่าเมฆ
หลังแนวเขาทะลุเมฆมีกองทัพจักรกลเดินทางและไต่ไปตามแนวเขาอย่างรวดเร็ว
พวกเขาเข้าไปในกลุ่มเมฆอย่างรวดเร็ว
พวกเขาไต่ระดับสูงขึ้นไปในชั้นที่มีเมฆปกคลุมและเลี้ยวลงที่สันเขา กองกำลังระมัดระวังและเคร่งขรึมทันที ความเร็วของพวกเขาลดลงเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความผันผวนของพลังงานขนาดใหญ่ ขณะที่บินช้าๆ ความผันผวนของพลังงานจะลดลงมาก
สภาพอากาศในตอนนี้นับว่าดี มีชั้นเมฆที่หนาทึบสามารถช่วยกรองความผันผวนของพลังงานจากกองทัพจักรกลได้
ในเวลาอันรวดเร็วกองทัพจักรกลก็เข้าประจำตำแหน่งจู่โจม ขณะที่กองพลแสงอุทัยยังไม่ทันได้รู้ตัว
ท้องฟ้าเป็นของเซียน
คำพูดเหล่านี้ถ่ายทอดวนเวียนมาเกินกว่าหมื่นปีแล้ว ใบหน้าไพ่ของปิงสงบเหมือนเคย อย่างไรก็ตามอารมณ์ของเขากำลังปั่นป่วนเหมือนถูกไฟรุมล้อม เขาต้องการบอกโลกว่านอกจากเซียนที่อยู่ในท้องฟ้าแล้ว ท้องฟ้ายังเป็นของคนกลุ่มหนึ่งอีกด้วย
นักสู้จักรกลผู้ที่ถูกโลกลืมเลือนมานานเกินไปแล้ว
เราอยู่ที่นี่ ณที่นี้เราจะเอาท้องฟ้ากลับมาเป็นของเรา!
ปิงข่มโทสะในใจของเขาเต็มที่เขาเปลี่ยนทีท่าเคร่งขรึมกล่าวเสียงทุ้ม “ทุกคน เตรียมตัวบุก!”
กองทัพจักรกลปรับตัวเข้าประจำตำแหน่งนานแล้วเหมือนกับฝูงปลาพวกเขาทะลุผ่านเมฆ
กองพลแสงอุทัยเป็นของสาขาระดับทองที่สิบเอ็ดในสมาพันธ์ชาวยุทธ สาขาระดับทองที่สิบเอ็ดไม่ถือว่าเป็นสาขาที่แข็งแกร่ง แต่พวกเขามีคุณลักษณะที่ไม่เหมือนใคร วิชาแพทย์ของสาขาทองที่สิบเอ็ดลึกล้ำที่สุด นักสู้ชั้นทองของพวกเขาส่วนใหญ่เป็นผู้เชี่ยวชาญในวิชาแพทย์ วิชาแพทย์ไม่เหมาะกับการรบและเพื่อไล่ตามความสามารถในการต่อสู้พวกเขาเดินตามเส้นทางพิเศษ
ใช้วิชาแพทย์เพื่อแก้ไขและยกระดับร่างกายพวกเขา
นี่เองทำให้นักสู้ระดับทองในสาขาทองที่สิบเอ็ดไม่เหมือนกับหน่วยอื่น ในช่วงซ้อมรบของกองทัพสมาพันธ์ชาวยุทธ กองพลแสงอุทัยเป็นคู่ต่อสู้ที่ทุกคนไม่ยินดีพบเจอ ความสามารถในการต่อสู้ของพวกเขาไม่นับว่าแข็งแกร่งทรงพลัง แต่พวกเขามีพลังชีวิตที่แข็งแกร่งมาก ในสนามต่อสู้ นี่คือข้อได้เปรียบใหญ่ ตัวอย่างเช่น เมื่อพวกเขาได้รับบาดแผลชั่วคราวก็ยังดำเนินการต่อสู้ได้ต่อไปเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ด้วยหลักประกันวิทยายุทธสำหรับการรักษาที่แกร่งกล้า ตราบใดที่ทหารยังไม่ตายระหว่างสู้รบ พวกเขาก็จะไม่เป็นอะไร นี่ทำให้พวกทหารไม่กลัวต่อการบาดเจ็บ เพราะพวกเขาได้ค้นคว้าและเชี่ยวชาญวิชารักษาบาดแผลได้
กองพลแสงอรุณเชี่ยวชาญในการต่อสู้ยืดเยื้อตราบใดที่พวกเขาเข้าสู่สภาวะที่ยันกัน พวกเขามักจะเป็นฝ่ายชนะ เมื่อเห็นศัตรูของพวกเขาแขนขาใช้ไม่ได้แต่พวกเขาก็ยังโถมตัวเองไปข้างหน้าโดยไม่กลัวตายภาพเช่นนั้นถือเป็นฝันร้ายของศัตรู
“เราอยู่ห่างจากเมืองศีรษะหมีเท่าไหร่?” เลสเตอร์ถาม
“ตัดสินจากความเร็วในปัจจุบันของเรา เราจะไปถึงเมืองศีรษะหมีราวบ่ายของวันพรุ่งนี้”นายทหารผู้ช่วยของเขาคำนวณคำตอบอย่างมืออาชีพ
เลสเตอร์ขมวดคิ้ว “เราต้องรอจนถึงบ่ายวันพรุ่งนี้เชียวหรือ?”
“ใช่” นายทหารผู้ช่วยมองดูผู้บัญชาการอย่างระมัดระวัง ผู้บัญชาการของเขาอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเขาอธิบายอย่างรวดเร็ว “เราใช้เส้นทางที่ใกล้ที่สุดแล้ว ถ้าเราต้องการไปให้ถึงเร็วขึ้น เราจะต้องเพิ่มความเร็ว”
เลสเตอร์ไม่ใช่ผู้นำทหารระดับอาชีพ แต่เขาค่อนข้างเชี่ยวชาญในการศึกษากลยุทธ์สู้รบโดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับกลุ่มที่เท่าเทียมกันในอดีตเขาสามารถสร้างความประหลาดใจให้กับผู้คนได้ เมื่อสาขาทองที่สิบเอ็ดกำลังเตรียมตัวสร้างกองพลแสงอรุณ เขาเสนอบริการของเขาเพิ่มขึ้นจากรูปลักษณ์ที่ดูลึกซึ้งของเขา เขาได้รับตำแหน่งอย่างประสบความสำเร็จ
เลสเตอร์ค่อนข้างเจ้าอารมณ์ นิสัยของเขาใจร้อนเหมือนไฟและกลยุทธ์สู้ยอมสละชีวิตทำให้กองทัพอื่นปวดหัวจากน้ำมือของเขา
เลสเตอร์มองดูทหารที่ดูเหนื่อยอ่อนทุกคนและส่ายศีรษะ “จัดสรรเวลาพักไว้ปล่อยทีมเล็กสามทีมคอยคุ้มกัน ส่วนที่เหลือจะใช้พลังแสงอรุณ”
พลังแสงอรุณคือวิชายุทธที่ใช้ในการรักษาที่สำคัญที่สุดของกองพลแสงอรุณ มันจะช่วยทำให้ทหารฟื้นคืนความแข็งแรงและปราณแท้ในช่วงเวลาสั้นๆ ผลกระทบของมันเกินกว่าวิชาแพทย์ที่กองทัพใช้โดยปกติ ต้องใช้เวลาสามชั่วโมงเพื่อให้ทหารฟื้นคืนความแข็งแรงตามปกติของพวกเขา ข้อเสียเปรียบเพียงประการเดียวก็คือเมื่อพวกเขาใช้พลังแสงอรุณ พลังป้องกันของกองพลจะอ่อนลง
ขณะที่ใช้พลังแสงอรุณรักษานักสู้จะอยู่ในสภาวะไร้ความรู้สึกและถ้าพวกเขารักษายังไม่สำเร็จก็ยากที่จะออกไปได้
“หน่วยย่อยสามหน่วยน้อยเกินไปหรือเปล่า?” นายทหารผู้ช่วยถามอย่างระมัดระวัง
“ก็แค่หน่วยย่อยสามหน่วย!” เลสเตอร์พูดอย่างตัดสินใจ “เลือกนักสู้ระดับทองทุกคนเลย นักสู้ระดับทอง 30 คน ข้าไม่เชื่อเลยว่ากลุ่มดาวหมีใหญ่หรือใครอื่นจะสามารถคุกคามเราได้”
นายทหารผู้ช่วยของเขาเตือน “ศัตรูมีกองทัพจักรกล....”
เลสเตอร์หัวเราะลั่น “พวกเขาถูกส่งไปไกลแล้ว เมื่อเราเคลื่อนไหว พวกเขายังคงอยู่ในกลุ่มดาวเซกซ์แทนส์ เรามีพลังแสงอรุณคอยเพิ่มความเร็วให้เราอย่างเต็มที่ และพวกเขาจะเร็วกว่าเราได้ยังไง? มันเป็นไปไม่ได้นอกจากพวกเขามีมากกว่าสองขา”
นายทหารผู้ช่วยของเขาคิดอีก ผู้บัญชาการของเขาพูดถูก พวกเขาวิ่งผ่านไปตามถนนนอกจากจะฟื้นฟูด้วยพลังของแสงอรุณในระหว่างทางแล้ว พวกเขาไม่ต้องเสียเวลาเพิ่มขึ้นเลย ศัตรูของพวกเขาจะไวกว่าพวกเขาได้ยังไง?เป็นไปไม่ได้เลย
ในเวลาอันรวดเร็ว ค่ายก็สว่างไสวไปด้วยไฟอบอุ่น ในแสงสว่างหน้าของทหารเต็มไปด้วยความพึงพอใจ เลสเตอร์เข้าไปในแสงสว่าง เขาเดินหน้าอย่างต่อเนื่องทำให้เขาเหนื่อยหนัก นายทหารผู้ช่วยของเขาเดินตามเข้ามาข้างใน เขารู้ว่าการเดินทางยังต้องไปอีกไกล ถ้าไม่ใช่เพราะพลังแสงอรุณคอยช่วยฟื้นฟู เขาไม่แน่ใจว่าเขาจะสามารถติดตามกองทัพใหญ่ไปได้หรือไม่
นักสู้ระดับทอง 30 คนที่ได้รับเลือกแยกกระจายอยู่รอบๆ ค่าย
“นี่เป็นชีวิตที่ลำบากอย่างแท้จริงข้าเองก็เหนื่อยมากอยู่เหมือนกัน กลุ่มเจ้าบ้าพวกนี้รู้จักเสพสุขนัก รอบต่อไปข้าจะขอเพลิดเพลินกับพลังแสงอรุณบ้าง”
“หยุดบ่นเถอะน่า ถ้านายได้ยิน เจ้าเป็นได้เจอดีแน่”
“ฮ่าฮ่า ข้าเพียงแต่พูดเฉพาะต่อหน้าเจ้าเท่านั้น ข้าไม่อาจรอให้เราไปโผล่ที่เมืองศีรษะหมีในทันใดแล้วมองดูหน้าเจ้าพวกคนบ้านอก ฮ่าฮ่า คงเป็นภาพที่น่าทึ่ง!”
“ฮ่าฮ่าด้วยวิธีที่เจ้าพูด เจ้าก็มองไปข้างหน้าเหมือนสินะ... เอ่... นั่นเสียงอะไร?”
“เสียง? เจ้าประสาทหลอนไปแล้ว นี่คือที่แม้แต่นกก็ไม่กล้าวางไข่ แล้วยังจะมีเสียงอะไรอีก?”
“ไม่,ฟังดูสิ!”
“เอ่! มีจริงๆ ด้วย... เดี๋ยวก่อน... นั่นอะไร?”
นักสู้ชั้นทองนี้เหม่อมองจ้องท้องฟ้าจุดดำเล็กๆ พุ่งออกมาจากเมฆด้วยความเร็วน่าตื่นตระหนกขณะที่พวกเขาลงสู่พื้นจุดดำเหล่านั้นลงมาด้วยความเร็วสูง ในพริบตาพวกเขาก็ขยายขึ้นหลายเท่าต่อหน้าต่อตานักสู้ระดับทองทำให้พวกเขามองเห็นชัดขึ้น
อาวุธจักรกลวิญญาณ!
เป็นรูปแบบของอาวุธจักรกลวิญญาณที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน!
ลอบจู่โจม!
สีหน้าของนักสู้ระดับทองทั้ง 30คนเปลี่ยน ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเสียงหวีดหวิว ฝ่ายตรงข้ามกำลังเร่งเข้ามา
อาวุธจักรกลวิญญาณ 1000 ชุดคลุมเต็มท้องฟ้าและฉากภาพที่อาวุธจักรกลพันชุดบุกเข้ามาพร้อมกันเหมือนกับภูเขาไท้ซานถล่มลงมาต่อหน้าต่อตาทุกคน
นักสู้ระดับทอง 30คนเผชิญกับการโจมตีที่กำลังจะมาถึงอ่อนแอเป็นเหมือนกิ่งไม้แห้งในพายุ ทุกคนหน้าซีดขาว จิตใจว่างเปล่านัยน์ตาสับสนเต็มไปด้วยความกลัว
ในสายตาของพวกเขากลุ่มสีดำหนาแน่นก็คืออาวุธจักรกลวิญญาณทั้งหมด
อาวุธจักรกลวิญญาณที่เยือกเย็นดุจน้ำแข็งแต่ละเครื่องมีลักษณะที่น่ากลัว ทำให้ดูเหมือนบ้านน้ำแข็งถล่ม
ถ้ามีผู้นำทหารที่โดดเด่นเมื่อเห็นประจักษ์การระดมโจมตี เขาอาจจะหันหลังและวิ่งหนีโดยไม่ลังเล
อาวุธจักรกลวิญญาณ 1000 เครื่องที่พุ่งลงมาในขณะที่พวกเขาโฉบลงมาด้วยความเร็วสูงสุด ก็ยังคงตั้งขบวนได้เป็นชั้นๆ ถ้าผู้นำทหารคนหนึ่งมีความโดดเด่นพอเขาจะตระหนักได้ถึงสิ่งที่ปิงพยายามทำ
“ฆ่า!”
เสียงเยือกเย็นดังขึ้นจากจากอาวุธจักรกลวิญญาณแถวหน้าที่เยือกเย็นดุจน้ำแข็ง แม้แต่ท้องฟ้าก็เต็มไปด้วยเสียงหวีดหวิว ไม่สามารถทำลายน้ำแข็งได้ด้วยเสียงหวีดหวิวไม่สามารถทำลายได้ด้วยเสียงตะโกน
เมฆครึ้มม้วนตัวแต่ไกล พร้อมกับเปล่งแสงสว่างมาก
อาวุธจักรกลทั้งหมดตาสว่างเป็นประกาย
“ฆ่า!”
นักสู้พันคนในชุดอาวุธจักรกลวิญญาณตะโกนกราดเกรี้ยว ท้องฟ้าระเบิดเหมือนกับมีสายฟ้า นักสู้ชั้นทองตกใจมึนงงหูอื้อ
อาวุธจักรกลพันชุดปลดปล่อยรังสีมีดพร้อมกัน
รังสีมีดกระบี่นับไม่ถ้วนเหมือนกับฝูงปลาขนาดใหญ่ถาโถมใส่ปิงอย่างบ้าคลั่ง
นักสู้ชั้นทองมองดูท้องฟ้าด้วยสีหน้าว่างเปล่าแสงเจิดจ้าทำให้พวกเขานัยน์ตาพร่า
แต่เมื่อแสงสลัวลงทันที การมองเห็นของนักสู้ชั้นทองกลับคืนสู่สภาพปกติทันที ขณะที่พวกเขาพยายามมองให้ชัด หน้าของเขาว่างเปล่า ความตั้งใจจะป้องกันหายไปหมดไม่มีเหลือขณะที่พวกเขาทุกคนหันหลังและวิ่งหนีโดยไม่ลังเล
บอลแสงขนาดมหึมาเส้นผ่าศูนย์กลางมากกว่าสามสิบเมตรปรากฏอยู่ต่อหน้าอาวุธจักรกลวิญญาณสีฟ้า
บอลแสงไม่ได้สว่างเจิดจ้า แต่ค่อนข้างจะสลัวแต่มันปล่อยปราณที่น่ากลัวและนักสู้ระดับทองทั้งสามสิบคนไม่สามารถรวบรวมความกล้าเพื่อต่อต้านได้
ลูกกลมแสงสีคล้ำคลุมไปด้วยรังสีดาบจากอาวุธจักรกลทั้งพันชุด
พลังของรังสีดาบที่อาวุธจักรกลวิญญาณปล่อยออกมาทรงพลังมากกว่าวิทยายุทธของนักสู้ในขอบเขตชั้นเดียวกัน เพราะผ่านการเติมพลังหินดวงดาวแล้วจึงปล่อยออกมา ความคล่องแคล่วของอาวุธจักรกลวิญญาณไม่สามารถเทียบได้กับนักสู้ ดังนั้นนักสู้จักรกลผู้ขัดขวางจึงใช้ความได้เปรียบในการสู้ตัวต่อตัว
อย่างไรก็ตาม, เมื่อรังสีดาบพันสายถูกปลดปล่อย จากนั้นรวมตัวและสร้างเป็นบอลแสงขนาด 30 เมตร....
พลังที่บอลแสงบรรจุไว้นับว่าน่ากลัวจริงๆ
หลังจากผ่านการเพิ่มขนาดจากอาวุธจักรกลวิญญาณ พลังของรังสีดาบกร้าวแกร่งขึ้น แต่ในเวลาเดียวกันก็ควบคุมยากขึ้น ดังนั้นสำหรับผู้นำทหารจึงสามารถใช้รังสีควบคุมของเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด
อาวุธจักรกลวิญญาณสีฟ้าที่จะควบคุมรังสีดาบได้นั้นแทบจะนึกภาพไม่ออก แม้แต่ผู้นำทหารชั้นยอดสองสามคนก็ยังไม่สามารถทำได้
เมื่อเห็นด้วยตาตนเอง พวกเขาคงไม่อยากจะเชื่อ แต่ตอนนี้ในหัวของพวกเขามีความคิดเดียว “หนี”
ออกไปจากที่นี่ รีบออกไปจากที่นี่...
ปัง!
บอลแสงขยายขนาดตามหลังพวกเขา ความผันผวนของพลังงานนั้นน่ากลัวราวกับโลกถึงกาลอวสานจนทำให้พวกเขาแทบลืมหายใจ นักสู้ระดับทองสองสามคนที่วิ่งช้ากว่าถูกแสงกลืนเข้าไป ไม่มีอะไรเหลือ
คลื่นกระแทกที่น่ากลัวกระแทกออกไปฉับพลัน เหมือนกับกระแสอากาศที่คล้ายกำแพงเหล็กแรงปะทะหนักหน่วงกระแทกไล่หลังนักสู้ระดับทอง
ขณะที่พวกเขาถูกกระแทกอย่างหนัก พวกเขากระอักโลหิตแทบจะทันทีร่างปลิวกระเด็นออกไป
ใจของพวกเขาว่างเปล่หลังจากพวกเขากระแทกลงพื้น พวกเขาตะเกียกตะกายลุกขึ้นปากพวกเขาร้องโหยหวนอย่างบ้าคลั่งและพวกเขาวิ่งต่อไปข้างหน้าเมื่อตกอยู่ในสภาพบ้าคลั่งไปแล้ว พวกเขาไม่รู้ตัวเลยว่าอาวุธจักรกลวิญญาณไล่กวาดล้างตามหลังมาอย่างเงียบๆ
อาวุธจักรกลวิญญาณเหล่านี้ลอยตัวมีโลหะที่สีเข้มมันเงา ร่างขนาดใหญ่ของพวกมันคล่องแคล่วเหมือนกับนักล่าที่แฝงตัวอยู่ในความมืด เข้ามาใกล้เป้าหมายของพวกมันทุกที
พวกมันเงื้อมือขึ้นและสับดาบลงทันที