ตอนที่ 16-9 อารมณ์ความรู้สึก
คลื่นทะเลม้วนตัวเป็นระลอก ไม่มีใครเหลืออยู่รอบตัวพวกเขาเลย
ผู้โชคดีรอดชีวิตสิบสองคนมีสีหน้าแปลก
เมื่อเห็นบีบีทำท่ามองหายอดฝีมือซ่อนตัวอย่างต่อเนื่อง เบสบุรุษเคราดำลอบสบถกับตัวเองเจ้าก็รู้ว่าเป็นใคร แต่ก็ยังทำไก๋อยู่ได้
เขาหัวเราะเสียงดังทันที “บีบี ถ้ายอดฝีมือนั้นไม่ต้องการเผยตนเอง แล้วเจ้าจะรู้ได้ยังไง? จริงไหม?”
“ก็นั่นน่ะสิ” บีบีพยักหน้า
บ็อฟบุรุษหนุ่มศีรษะโล้นยังมีสีหน้าใจเย็น ร่างแยกเทพระดับสูงของเขาตายเหลือแต่เพียงร่างแยกระดับเทพแท้ เขาพูดอย่างสงบ “ไม่จำเป็นต้องมองหาเขาก็ได้ บางทียอดฝีมือไม่ได้อยู่ในกลุ่มพวกเรา เขาอาจจะซ่อนตัวอยู่ใกล้ๆ คอยช่วยเราก็ได้จากนั้นก็จากไป นี่มิใช่เป็นไปไม่ได้”
เป็นไปได้แน่นอนสำหรับยอดฝีมือระดับอสูรเจ็ดดาวหรือระดับเทพอสูรที่จะหลบหนีไป สังเกตดูพวกโจรเหล่านี้ แต่ภายใต้เงื่อนไขธรรมดายอดฝีมือระดับเทพอสูรก็คงเบื่อหน่ายจะช่วยพวกเขากระมัง?
เว้นเสียแต่จะมีบางคนที่พวกเขาใส่ใจตอนนี้
“นั่นก็อาจเป็นแบบนั้นได้” หน้าของแอ็ชยังมีรอยยิ้ม “ทุกท่าน,เราอย่าเสียเวลาต่อไปเลย ออกเดินทางกันเถอะ” แอ็ชเป็นคนฉลาด ไม่ว่าจะมียอดฝีมืออยู่ในกลุ่มพวกเขาหรือไม่ก็ตาม แต่เนื่องจากเขาไม่ต้องการเผยตัวเอง แอ็ชก็คงไม่กดดันและทำให้คนผู้นั้นไม่สบายใจ
แอ็ชดีใจจากก้นบึ้งหัวใจ
กลุ่มของเขามียอดฝีมือยอย่างนั้นอยู่ร่วมด้วยพวกเขาจะต้องกลัวอะไรกับการเดินทางของพวกเขา?
“โอว ไม่นะ!” แอ็ชหัวเราะอย่างขมขื่นทันที
“มีอะไรหรือ?”คนอื่นๆ มองดูเขา
แอ็ชหัวเราะอย่างจนใจ “นั่นเป็นอสูรโลหะตัวสุดท้ายของข้าและมันถูกทำลายไปแล้ว อย่างไรก็ตามเราเดินทางเป็นระยะทางไม่ถึง10% ของการเดินทาง ข้าจะทำไงดี?” แอ็ชมองดูคนรอบๆ ที่นี่ใครมีอสูรโลหะให้ข้ายืมบ้างไหม?ข้าขอซื้อได้ไหม? หรือบางทีข้าสามารถจ่ายด้วยอัญมณีศักดิ์สิทธิ์ในระหว่างทางก็ได้”
ทุกคนมองหน้ากันเอง
อสูรโลหะเป็นของใช้ระดับค่อนข้างสูง พูดโดยทั่วไปอสูรระดับเทพแท้ไม่สามารถซื้อมาได้
“เตรียมอสูรโลหะไว้น้อยหรือ?” เบสบุรุษเคราดำหัวเราะ จากนั้นโบกมือทันใดนั้นอสูรโลหะลอยอยู่เหนือทะเลขณะที่เปลี่ยนเป็นเรือ “แอ็ช! อสูรโลหะนี้ไม่มีอัญมณีศักดิ์สิทธิ์ในนี้แต่อย่างใด เจ้าจัดการใส่ได้เลย”
“หืม..เขาเป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง แต่ขี้เหนียวเป็นบ้า” บีบีพึมพำ
เบสหันมองเขาทันที เขาอดจ้องบีบีไม่ได้ จากนั้นชำเลืองมองลินลี่ย์ เขาได้แต่หัวเราะ จากนั้นส่งสำนึกเทพคุย“เฮ้..ลินลี่ย์.. เจ้าเป็นยอดฝีมือของสี่ตระกูลอสูรศักดิ์สิทธิ์ เจ้าเป็นอสูรหกดาวใช่หรือเปล่าหรือว่าเป็นอสูรเจ็ดดาว? ทำไมเจ้าถึงซ่อนสถานะตนเองไว้?”
อสูรหกดาว? อสูรเจ็ดดาว?
“ความจริงข้าเป็นอสูรดาวเดียว” ลินลี่ย์ส่งสำนึกเทพตอบ
“อสูรดาวเดียว?” เบสเหลือกตา จากนั้นหมุนตัวและบินเข้าไปในอสูรโลหะ “เฮ้, รีบๆ เข้า เตรียมตัวเดินทางต่อ”
ตอนนี้ลินลี่ย์คืนร่างเป็นมนุษย์
“ข้าบอกความจริง แต่เขาไม่เชื่อ” ลินลี่ย์ส่ายศีรษะหัวเราะกับตนเอง แล้วจากนั้นเขาได้แต่ถอนหายใจ “พลังของคุกศิลาดำนี้ยิ่งใหญ่จริงๆ แค่ส่วนหนึ่งของมันเป็นเคล็ดความรู้ลึกลับ แต่ส่วนอื่นๆ เป็นเคล็ดพิเศษในการใช้เคล็ดความรู้ลึกลับ เป็นไปได้ยังไงที่มีเคล็ดที่ทรงพลังขนาดนั้น?”
ลินลี่ย์ไม่เข้าใจ
แค่เคล็ดพิเศษถูกใช้ก็สามารถทำให้พลังดึงดูดพลังเกินขีดจำกัดไปหลายร้อยเท่า เป็นไปได้ว่าแม้การหลอมรวมกับเคล็ดความรู้ลึกลับอื่นก็คงไม่ให้ผลเป็นพลังมากมายมหาศาลอย่างนั้น
“นอกจากนี้ถ้าข้าลองคาดคำนวณจากพลังแล้ว เป็นไปได้ว่าหลังจากผ่านเวลานานปีนับไม่ถ้วน ข้าคงไม่สามารถทำเช่นนั้นได้” ลินลี่ย์รู้ดีว่ายากจะพัฒนาตัวเองให้ได้ขนาดนี้ ที่สำคัญใครจะใช้รังสีพลังเทพ 108 สายได้ นอกจากนี้รังสีพลังเทพ 108 สายนี้สามารถกำหนดวิธีการใช้ได้ตั้งมากมายและแทบทั้งหมดนั้นอ่อนแอมาก
แต่ใครจะคิดถึงกันเล่าว่าภายใต้สถานการณ์ที่แน่นอนรังสีเหล่านั้นสามารถสร้างผลกระทบเช่นนั้นได้
ก่อนที่ลินลี่ย์จะเรียนรู้เคล็ดวิชานี้มีแต่เพียงอสูรอะเมทิสต์น้อยที่สามารถใช้ออกได้ และอสูรอะเมทิสต์น้อยก็เป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ วิชานี้เป็นพรสวรรค์ธรรมชาติของเขาเป็นวิชาสุดยอด! เมื่อใช้ออกจึงมีพลังมากกว่าที่ลินลี่ย์ใช้
“ครืน..”
อสูรโลหะพุ่งฝ่าคลื่นมุ่งหน้าต่อไป
ภายในอสูรโลหะ ทุกคนกำลังสนทนา ดื่มเหล้าและหัวเราะ เพียงแต่บางคนจะจงใจมองคนอื่นและไตร่ตรองว่าใครมีทางเป็นไปได้ว่าคือสุดยอดฝีมือลับ
“ใครเป็นสุดยอดฝีมือผู้นั้น?” ไทม์บุรุษผมเขียวสงสัยมาก ในเวลาเดียวกันเขามีสายตาค่อนข้างตื่นเต้น เขากวาดตามองผู้โชคดีรอดชีวิตทุกคนที่อยู่ใกล้ๆ เมื่อสายตาเขาเห็นวิลเบิร์น เขาส่ายศีรษะเล็กน้อย ถ้าวิลเบิร์นเป็นยอดฝีมือผู้นั้น เป็นไปได้ว่าเขาคงไม่ปล่อยให้พี่ชายตายเป็นแน่
ไทม์ยังคงมองดูพวกเขาทีละคน
“ไม่น่าใช่พวกเขา ข้ารู้จักคนพวกนี้” จากนั้นไทม์หันไปมองเบสคนเคราดกที่กำลังจ้องมองเขา “เจ้ากำลังมองหาอะไร?”
ไทม์หัวเราะแก้เก้อทันที
อย่างไรก็ตามไทม์รู้ว่าเบสฝึกมาทางกฎธาตุมืดดังนั้นไม่ใช่ยอดฝีมือผู้นั้น
“หรือจะเป็นพวกเขา?” จากนั้นไทม์ชำเลืองมองกลุ่มของลินลี่ย์ เมื่อมองดูพวกเขาแต่ละคนและเห็นลินลี่ย์ เขาชะงักเล็กน้อย “นั่นก็ไม่น่าจะใช่ ข้าเห็นเขาใช้กระบี่ม่วงยาว ดูเหมือนเขาจะฝึกมาทางกฎธาตุลม ไม่ใช่เขาแน่!”
แม้ว่าพวกเทพจะฝึกกฎธาตุได้มากกว่าหนึ่ง แต่เมื่อพวกเขาร่วมรบโดยทั่วไปพวกเขาจะใช้เคล็ดกฎธาตุที่ทรงพลังที่สุด พวกเขาเห็นลินลี่ย์ใช้วิชาในกฎธาตุลม ดังนั้นแน่ใจว่าลินลี่ย์เป็นเทพสายธาตุลม พวกเขาไม่มีความคิดเป็นอย่างอื่น
“ลินลี่ย์”
มีเสียงหนึ่งดังขึ้นในใจของเขา ลินลี่ย์เองอยู่ที่ด้านข้างของห้องโถง เขากำลังมองดูด้านนอกผ่านอสูรโลหะ เมื่อได้ยินเสียงนี้ เขาส่งสำนึกเทพตอบทันที “เบส,ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาทำไมเจ้าเอาแต่คุยกับข้าเล่า?”
“ฮืม... ตั้งแต่วันที่ข้าเปิดเผยพลังแท้จริงของข้า เด็กๆพวกนั้นก็ระมัดระวังตัวที่จะคุยกับข้า มันน่าเบื่อจริงๆ” เบสกล่าว
ลินลี่ย์หัวเราะ เบสเป็นคนที่ชอบบรรยากาศครึกครื้น
“เฮ้, ดูสิ,เจ้าเด็กวิลเบิร์นมีสีหน้าเศร้าสร้อยมาสองสามวันแล้ว เขาดูเหมือนกลายเป็นคนพิการไปเลย ข้าไม่คาดเลยว่าพี่ชายตัวเตี้ยของเขาจะสำคัญต่อเขามากมายขนาดนั้น”เบสส่งสำนึกเทพคุยด้วยอีกครั้ง
ลินลี่ย์หันไปมองวิลเบิร์น วิลเบิร์นผู้นี้ให้ความสำคัญกับอารมณ์ความรู้สึก ถ้าหากเป็นลินลี่ย์หรือวอร์ตันตายอีกฝ่ายหนึ่งก็คงรู้สึกหัวใจสลายเช่นกัน
“วอร์ตัน เมื่อข้าไม่ยอมให้เขามาที่แดนนรกด้วยถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกแล้ว” ลินลี่ย์ถอนหายใจในใจ
แดนนรกมีอันตรายหลายอย่างเกินไปกว่าที่เขาคาดคิดไว้ อย่างไรก็ตามหลังจากผ่านการฝึกฝนในภูเขาอะเมทิสต์หกร้อยปี เขามีความมั่นใจแล้วว่าเขามีความสามารถปกป้องตนเองไม่ว่าจะเป็นพายุหมอกทะเลหรือพวกโจรแห่งเกาะไนฟ์เบลด ก็ยังไม่คุกคามอะไรต่อเขามากนัก
ยามราตรี ลมทะเลโบกพัด
ลินลี่ย์เดินอยู่ข้างหน้าเรือ แม้ว่าอสูรโลหจะเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วมาก ลินลี่ย์ยังคงเดินได้อย่างมั่นคงบนเรือ
“หือ?” ลินลี่ย์มองดูข้างหน้าเรือด้วยความประหลาดใจ “มีใครบางคนอยู่ที่นี่!” กลางคืนนอกจากตัวเขาเองยังคงมีอีกคนหนึ่งซึ่งอยู่ข้างหน้าเรืออสูรโลหะอยู่นานแล้ว เป็นบุรุษผมเงิน .. วิลเบิร์นยืนพิงราวเรือ
ลินลี่ย์รู้สึกประหลาดใจ...
หน้าของวิลเบิร์นเต็มไปด้วยน้ำตา เขาเหม่อมองทะเลอย่างไร้จุดหมาย ใครจะรู้ว่าเขากำลังคิดอะไร?
“วิลเบิร์น” ลินลี่ย์นั่งลงเช่นกัน
วิลเบิร์นสะดุ้ง น้ำตาของเขาแห้งเหือดทันที และเขามองดูเยือกเย็นและไร้ความรู้สึกเหมือนเคย
“คิดถึงพี่ชายเจ้าหรือ?” ลินลี่ย์มองดูคลื่นทะเลข้างหน้า แต่พูดอย่างเจาะจง
เมื่อวิลเบิร์นได้ยินเช่นนี้ กล้ามเนื้อใบหน้าสั่นกระตุกทันที
“เจ้ามีพี่ชายอยู่คนหนึ่ง ขณะที่ข้าเองก็มีน้องชายอยู่คนหนึ่ง” ลินลี่ย์ถอนหายใจยาว “เขาชื่อวอร์ตัน! อย่างไรก็ตามคราวที่ข้าเดินทางมาแดนนรกนี้ ข้าไม่ยอมให้เขาร่วมทางกับข้า... พริบตาเดียว ผ่านไปเกือบเจ็ดร้อยปีแล้วข้าเองก็สงสัยว่าน้องชายของข้ากำลังทำอะไรอยู่”
เกือบเจ็ดร้อยปี
ในทวีปยูลานลินลี่ย์ใช้เวลาไม่กี่สิบปีเขาก็กลายเป็นตำนาน ในแดนนรกเขาใช้เวลาถึงเจ็ดร้อยปี เจ็ดร้อยปี..ในช่วงเวลาอย่างนี้จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง? ลินลี่ย์ไม่รู้ สมาชิกครอบครัวของเขาที่อยู่ไกลถึงทวีปยูลานจะเป็นยังไงบ้าง?
“พี่ชายข้ากับข้าอยู่ในแดนนรกด้วยกันมาหลายหมื่นปีแล้ว”จู่ๆ วิลเบิร์นก็พูดขึ้น
ลินลี่ย์ค่อนข้างประหลาดใจ วิลเบิร์นพูดจริงๆ
อย่างไรก็ตาม ลินลี่ย์ยังคงฟังอย่างระมัดระวัง เนื่องจากวิลเบิร์นใจสลายเขาจะรู้สึกดีขึ้นเมื่อได้พูดออกมา
“พี่ชายข้าใส่ใจดูแลข้าเป็นอย่างดี ข้ายังจำได้ว่าเมื่อตอนอยู่ที่บ้านเกิดเดิมเราเป็นเช่นไร” สายตาของวิลเบิร์นเหม่อมองขณะระลึกถึงความทรงจำเก่า “พี่ชายข้าเป็นคนซื่อๆ ง่ายๆ ขณะที่ข้าค่อนข้างหยิ่งผยอง! เมื่อข้ายังอายุน้อยเพราะความหยิ่งลำพองของข้า ทำให้ข้าไม่มีสหายมากมีแต่เพียงพี่ชายที่ดูแลข้าอยู่เสมอ”
“หลังจากนั้นเมื่อข้าเติบโตขึ้นเพราะเกิดเรื่องบางอย่างทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเราสองพี่น้องร้าวฉาน” วิลเบิร์นพูดอย่างขมขื่นใจ “ข้าฆ่าคู่หมั้นขอองพี่ชาย!”
ลินลี่ย์ตกใจ
เมื่อเห็นใบหน้าของวิลเบิร์นลินลี่ย์สามารถคาดเดาได้ว่าสถานการณ์ตอนนั้นคงต้องซับซ้อนมาก มิฉะนั้นวิลเบิร์นจะใส่ใจพี่ชายของเขาได้ยังไง เขาคงไม่ทำเรื่องเช่นนั้นแน่
“จากวันนั้นเป็นต้นมา พี่ชายของข้าก็ไม่มาพบข้าอีก สำหรับข้าเอง ข้ายิ่งกลายเป็นคนหยิ่งลำพองมากขึ้น เพราะเรื่องบางเรื่องซับซ้อนด้วยความโกรธของข้า ข้าโจมตีวังหลวงและฆ่ารัชทายาทและจักรพรรดิที่น่ารังเกียจ คืนนั้นเกิดการนองเลือด เลือดไหลเป็นลำธาร...”
“เพียงแต่อำนาจของวังหลวงยังคงแข็งแกร่งมากเช่นกัน พวกเขามีเซียนอยู่แปดคน! ข้าฆ่าพวกเขาไปห้าคน แต่ก็ได้รับบาดเจ็บด้วยเช่นกันข้าเห็นความตายกำลังคืบคลานเข้ามาหาข้า”
“ข้ายอมตายที่สำคัญคือข้าได้ฆ่ารัชทายาทและจักรพรรดิชั่วนั้นได้ ข้ายินดีตาย เพียงแต่ในเวลานั้นพี่ชายของข้าปรากฏตัว เขาช่วยข้า! การทำเช่นนั้นก็หมายความว่าจะเป็นฝ่ายตรงข้ามกับจักรวรรดิ!” วิลเบิร์นคิดถึงเหตุการณ์ในปีนั้น
วิลเบิร์นส่ายศีรษะและฝืนพูดต่อ “ความจริงตอนนั้น ข้าฆ่าว่าที่พี่สะใภ้นั้นเป็นเรื่องอุบัติเหตุ ข้ารู้สึกผิดต่อพี่ชายของข้าเสมอมา...”
“หลังจากฆ่าจักรพรรดิ, หลายๆ อย่างยากลำบากขึ้น นายกสมาคมจอมเวทแห่งจักรวรรดิไม่เคยมีส่วนร่วมในเรื่องราว แต่หลังจากได้ทราบเรื่องนี้แล้ว เขาจะเข้ามาแทรกแซงแน่นอน”
“วิลเบิร์นถอนหายใจ ”ดังนั้น เราจึงหนีทันทีและจากนั้นผู้ดูแลประตูพิภพส่งเราไปที่แดนนรกทันที”
“เจ้ามาที่นี่ขณะยังเป็นเซียนหรือ?” ลินลี่ย์ตกใจ
วิลเบิร์นพยักหน้า “เพียงแต่หลังจากมาถึงเราก็ได้รู้ว่า..มันอันตรายมากเพียงไหน สำหรับเซียน ในแดนนรก..ที่นี่คือฝันร้าย...” ขณะที่เขาพูด วิลเบิร์นเงียบลงและเริ่มหลั่งน้ำตาอีกครั้ง
“พอแค่นั้นแหละ” วิลเบิร์นส่ายศีรษะ “หลังจากมาถึงที่นี่และได้พบกับอันตรายของแดนนรกมากมาย พี่ชายข้าและข้าเข้าใจดีว่าอาจพบกับความตายได้ทุกเมื่อ ข้ามักจะหวังว่าถ้าเราจะตาย ข้าควรจะตายก่อน ข้าไม่ต้องการให้พี่ชายตายเลย...เพราะตลอดชีวิตของข้า เขาเป็นครอบครัวและเพื่อนแท้คนเดียวที่ข้าเคยมี!”
ลินลี่ย์ชำเลืองมองวิลเบิร์น จากนั้นลอบถอนหายใจ
อย่างไรก็ตาม ลินลี่ย์เองไม่รู้สึกเศร้ามากนัก เขามีประสบการณ์มากมายในแดนนรกแห่งนี้ เขาเห็นเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นบ่อยๆ การสอบเข้าเป็นอสูรมีเพียงอสูรไม่กี่คนที่เหลือรอดมาได้จากจำนวนเป็นพันๆ สำหรับคนที่มาถึงแดนนรกมีอยู่กี่คนที่เป็นคนธรรมดา?
ลินลี่ย์นั่งนิ่งกับที่
พอถึงเวลาหนึ่ง วิลเบิร์นกลับเข้าไปในห้องเรือ ลินลี่ย์ยังคงนั่นอยู่กับที่และจ้องมองคลื่นทะเล
คืนนี้พอมองเห็นพระจันทร์เสี้ยวสีม่วงได้เลือนราง ทะเลสตาร์มิสท์ทั้งสิ้นดูเหมือนมืดมนอนธการ คลื่นทะเลดูคล้ายกับส่วนหนึ่งของสัตว์ประหลาดมหึมา
“แดนนรกก็คล้ายกับทะเลสตาร์มิสท์นี้ กว้างใหญ่ไพศาลและกลืนกินสิ่งมีชีวิตคนแล้วคนเล่า มีแต่ยอดฝีมือที่ทรงพลังจึงจะสามารถอยู่ในแดนนรกได้และไปจนถึงจุดสุดยอด ยอดฝีมือตายไปมาก ต้องเป็นยอดฝีมือที่ทรงพลังยิ่งกว่าเท่านั้นจึงจะมีชีวิตอยู่ได้!” ลินลี่ย์จ้องมองน้ำทะเลไร้ขอบเขตข้างหน้าของเขา เพราะเหตุผลบางประการเขารู้สึกว่าใจของเขาสั่นเล็กน้อย
น้ำทะเลมืดมิดกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต
ลินลี่ย์นั่งอยู่กับที่เงียบๆ อยู่บนหัวเรือ มองดูทะเลกว้างใหญ่อย่างเงียบงันไม่มีประกายอยู่ในดวงตาเขาแม้แต่น้อย
บางทีเวลาอาจผ่านไปนาน หรืออาจจะผ่านไปครู่หนึ่ง...
ลินลี่ย์ลืมตา
ในใจของลินลี่ย์ รัศมีลวงตาของพลังเทพก่อตัวขึ้น รังสีพลังเทพก่อตัวเป็นคุกศิลาดำ เคล็ดชีพจรโลก เคล็ดสนามพลังโน้มถ่วงและเคล็ดแก่นธาตุดินทั้งหมดหลอมรวมเข้าในวิญญาณเขา
รุ่งสาง
ลินลี่ย์ลุกขึ้นยืนเช่นกัน จ้องมองพระอาทิตย์สีเลือด เมฆบางลอยอยู่ด้านหลังของเขา เขามีรอยยิ้มบนใบหน้า