ตอนที่ 16-15 เกาะมิลัวร์
เกาะมิลัวร์เป็นเกาะเขียวชอุ่ม ต้นไม้ใหญ่โบราณมองเห็นได้อยู่ทั่วทุกที่ และมีอากาศสดชื่นทำให้ลินลี่ย์และคนอื่นกระปรี้กระเปร่า จากในระยะไกล พวกเขาสามารถเห็นอาคารแตกต่างบางส่วนก็เป็นร้านอาหารและยังมีสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ ผู้คนบนท้องถนนหลั่งไหลมาไม่ขาดสาย
ขณะนั้นเองมีสมาชิกของเผ่าพันธุ์แปลกประหลาดเดินผ่านกลุ่มของลินลี่ย์ไปบางส่วนก็มีลักษณะเหมือนภูตน้อยหูแหลมผิวสีเขียวขณะที่คนอื่นก็มีนักรบวาฬซึ่งขนาดร่างมหึมาใบหน้าของเขามีเกล็ด แม้เมื่อกลายเป็นระดับเทพ เขาสามารถแปลงเป็นร่างมนุษย์ได้ เผ่าพันธุ์ประหลาดบางส่วนมีมาตรฐานความงามไม่เหมือนกันเมื่อเทียบกับมนุษย์ แม้จะอยู่ในร่างมนุษย์พวกเขาก็ยังคงมีหลายอย่างที่ทำให้พวกเขารู้สึกภูมิใจที่สุด ตัวอย่างเช่นหางของมนุษย์จิ้งจอกหรือเกล็ดปลาของเผ่าพันธุ์ทะเล
กลุ่มของลินลี่ย์ไม่ประหลาดใจกับสิ่งประหลาดเหล่านี้อีกต่อไป กลับกลายเป็นว่าเขาหัวเราะขณะที่เขามองดูเดเลียและคนอื่นที่อยู่ใกล้ “เราอยู่ในทะเลมานานพอดู เราไปร้านอาหารกันก่อนเถอะ จากนั้นค่อยไปที่สนามต่อสู้และไปที่ปราสาทเสรี” ลินลี่ย์สงสัยมานานแล้วเกี่ยวกับสนามต่อสู้ในตำนาน ในที่นี้เขาคงได้เห็นเคล็ดวิชาการต่อสู้ที่แท้จริงของพวกยอดฝีมือก็ได้เขาจะยอมพลาดโอกาสเช่นนี้ได้ยังไง?
“เราจะว่ากันตามที่ท่านบอก ท่านลินลี่ย์” แอ็ชหัวเราะขณะกล่าว
ลินลี่ย์ได้ยินคำพูดเช่นนี้ก็เข้าใจว่าตั้งแต่เขาสู้กับแกนมอร์ติน เขาได้รับการยอมรับโดยปริยายให้เป็นหัวหน้ากลุ่มนี้ นี่คือเรื่องปกติที่เป็นไปในแดนนรก
“เฮ้, พี่ใหญ่ ดูสิคนกลุ่มนั้นแต่งชุดเกราะสีแดงเลือด ทั้งหมดเป็นเทพชั้นสูง” บีบีชี้แต่ไกล
ลินลี่ย์และคนอื่นหันไปมองทันทีความจริงในท่ามกลางกระแสผู้คนบนถนน มีบุรุษสามคนสวมชุดเกราะแดงโลหิตซึ่งเป็นรูปแบบไม่เหมือนใคร ลินลี่ย์ไม่สามารถบอกได้ว่าลวดลายเช่นนั้นสื่อความหมายอะไร ขณะที่นักรบสามคนเดินโดดเด่นอยู่บนถนน คนอื่นทุกคนบนถนนจะจงใจเว้นระยะห่างจากพวกเขา เห็นได้ชัดว่าไม่กล้าตอแยพวกเขา
เบสรีบกล่าว “ลินลี่ย์ นั่นเป็นกองทัพส่วนตัวที่ประจำการเพื่อปกป้องเกาะมิลัวร์ ไม่ว่ายังไงอย่าไปตอแยพวกเขา ทุกคนเป็นเทพชั้นสูง และพวกเขามีจำนวนมาก ในช่วงหลายปีนับไม่ถ้วนนี้ไม่มีใครกล้าสร้างความลำบากให้กับเกาะมิลัวร์”
“เข้าใจแล้ว” ลินลี่ย์หัวเราะอย่างใจเย็น
กองทัพส่วนตัวของเกาะก็มีนักสู้ฝีมือยอดเยี่ยมกว่ากองทัพสตาร์มิสท์หรือกองทัพประจำแคว้น นอกจากนี้เกาะมิลัวร์ยังคึกคักมาหลายปีจนบัดนี้ ลินลี่ย์อดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้ใครอยู่เบื้องหลังเกาะมิลัวร์กันแน่
“เอ๊ะ?” เดเลียที่อยู่ใกล้ๆ ขมวดคิ้วทันที “เบส,ข้าจำได้ว่าท่านบอกว่าเกาะมิลัวร์แบ่งออกเป็นพื้นที่เกาะด้านตะวันตกและเกาะด้านตะวันออก ในเกาะด้านตะวันออกดูเหมือนว่าจะมีเพียงสนามต่อสู้และปราสาทเสรีเท่านั้นที่ถูกจำกัด ในพื้นที่อื่นจะไม่เป็นไรถ้ามีการต่อสู้เกิดขึ้น ดังนั้นไม่ควรจะมีสมาชิกใดๆ ของเกาะตระเวนอยู่ใช่หรือเปล่า?”
กลุ่มของลินลี่ย์ก่อนที่จะมาถึงเกาะมิลัวร์ได้รับการเตือนเรื่องกฎของเกาะมิลัวร์จากเบสที่คุ้นเคยกับพวกเขา เพียงแต่เวทีต่อสู้และปราสาทเสรีของเกาะมิลัวร์เท่านั้นที่เป็นพื้นที่ปลอดภัย
“พวกเหล่านั้นไม่ได้ลาดตระเวน นักรบทั้งสามนั้นกำลังอยู่ในช่วงพัก” เบสหัวเราะขณะกล่าว “ถึงแม้ว่าเกาะมิลัวร์จะมีนักรบคอยลาดตระเวนแต่ละกลุ่มจะมีคนสิบคน ไม่ใช่สามคน”
ขณะที่เดินและคุยสนทนากันกลุ่มของลินลี่ย์เดินลึกเข้าไปในเกาะมิลัวร์ เกาะมิลัวร์กว้างใหญ่ไพศาล แค่เส้นรอบเกาะกินพื้นที่เป็นแสนกิโลเมตรซึ่งใหญ่กว่าทวีปยูลานบ้านเกิดของลินลี่ย์หลายเท่าโชคดีที่กลุ่มของลินลี่ย์สามารถเคลื่อนไหวได้เร็วเกินกว่ามนุษย์ทั้งหลาย ดังนั้นขอบเขตขนาดนี้จึงไม่มีอะไรมาก
“ร้านอาหารนี้ไม่เลวเลย ครั้งก่อนข้าก็เคยมากินที่นี่” เบสชี้ไปที่อาคารข้างหน้าที่ดูเก่าแก่สง่างาม
“ก็ได้ ข้าจะเชื่อการตัดสินของเจ้า”บีบีหัวเราะและเป็นคนแรกที่วิ่งเข้าไปในร้านอาหาร กลุ่มของลินลี่ย์เริ่มหัวเราะขณะเดินตามเขาเข้าไป อย่างไรก็ตามขณะที่พวกเขาเดินเข้าไปในร้านอาหารลินลี่ย์ถึงกับตะลึง
ที่ข้างประตูมีตัวหนังสืออธิบาย
สำหรับลูกค้าที่ใช้บริการร้านอาหารของเรา ถ้ามีการต่อสู้กันจะต้องจ่ายค่าปรับหมื่นศิลาดำ ถ้าเก้าอี้พังต้องจ่ายตัวละร้อยศิลาดำถ้าโต๊ะพัง...
“อะไร...นี่มันอะไรกัน?” ลินลี่ย์ไม่เคยเห็นร้านอาหารข้างนอกเป็นแบบนี้มาก่อน โอลิเวอร์สงสัย เขาอ่านกฎของร้านด้วยเช่นกัน “โลภจริงๆ เก้าอี้กับโต๊ะราคาอาจไม่ถึงตัวละศิลาดำ แต่พวกเขาต้องการเรียกราคามากมาย นอกจากนี้ราคาอาหารมิต้องจ่ายเป็นสิบเท่าเชียวหรือ?”
แอ็ชหัวเราะ “นี่คือด้านพิเศษของเกาะมิลัวร์ ที่สำคัญในเมืองธรรมดาการต่อสู้ถูกห้ามอย่างเคร่งครัด แต่ในเกาะมิลัวร์...นอกจากพื้นที่ทั้งสองแล้วพื้นที่อื่นอนุญาตให้สู้และฆ่ากันได้ หรืออย่างน้อยทหารตรวจการของเกาะมิลัวร์จะไม่เข้าไปแทรกแซง แต่ร้านอาหารและโรงแรมเหล่านี้และพื้นที่บริการซึ่งมีการก่อตั้งความเป็นพันธมิตรกัน จึงจะมีการแทรกแซง”
ร้านอาหารโรงแรมและพื้นที่บริการมีการร่วมมือเป็นพันธมิตร? ลินลี่ย์ค่อนข้างประหลาดใจ
“พวกเขาจะไม่กดดันท่านจนเกินไป แต่ถ้าเกิดการต่อสู้ อย่างนั้นท่านจะต้องชดใช้อย่างเพียงพอแน่นอน ถ้าหากท่านไม่จ่าย พวกเขาจะโจมตี” แอ็ชถอนหายใจชื่นชม “ถ้าข้าเป็นเจ้าของร้านข้าหวังว่าคนจะมีคนต่อสู้กัน และจากนั้นข้าจะได้เรียกเก็บเงินตามหลังจากนั้น
สถานที่พิเศษย่อมมีกฎพิเศษ
“น่าสนใจดี” ลินลี่ย์ชื่นชมอยู่ไม่กี่คำ จากนั้นจึงเดินเข้าร้านอาหาร ร้านอาหารมีพื้นที่ขนาดใหญ่มากและมีลูกค้าค่อนข้างมาก กลุ่มของลินลี่ย์ตรงไปที่ชั้นสองแบ่งออกเป็นสองโต๊ะ โต๊ะของลินลี่ย์จะนั่งอยู่ใกล้หน้าต่าง แอ็ชรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพ
“ปลาเงินแล่นุ่มมากมันละลายทันทีที่เข้าปาก” บีบีถอนหายใจทึ่ง และใช้ช้อนตักปลาอีกชิ้นเข้าปาก ขณะที่ชมเชยไม่ขาดปาก“อร่อย, ฮื้ม..อร่อย”
“บีบี...” ลินลี่ย์กับเดเลียก็มีความสุข โอกาสได้กินอาหารอร่อยแบบนี้หาได้ยากเช่นกัน
“เจ้าพูดผิดหรือเปล่า? เป็นไปได้ยังไงกัน?”
“แน่นอนว่าข้าพูดไม่ผิด! พูดถูกแน่นอนในทะเลแห่งนี้จากเมืองบลูเมเปิลของทวีปเรดบุด โจรกลุ่มใหญ่จากทวีปเรดบุดถูกทำลายราบคาบ กองกำลังโจรเหล่านั้นแตกกระจายไปหมด!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ลินลี่ย์ตกใจ กองโจรที่ทรงกำลังอำนาจตั้งแต่เมืองบลูเมเปิลจนถึงที่นี่ถูกทำลายหมดหรือ? ใครที่ทรงพลังขนาดนั้น? ลินลี่ย์หันไปมองและเห็นบุรุษสองคนกำลังดื่มเหล้าสนทนากันในกลุ่มพวกเขาเอง หนึ่งในนั้นเป็นบุรุษผมยาวสีทองกำลังพูดด้วยความมั่นใจและหนักแน่น
“เจ้าอาจจะหัวเราะเยาะในสิ่งที่ข้าพูดนี้ก็ได้ แต่สหายรักคนหนึ่งของข้ากลายเป็นโจร เขาเห็นกับตาว่าบุรุษผมดำคนหนึ่งกวาดล้างเกาะโจรออคิดโครอลของเขา เทพชั้นสูงสิบเอ็ดคนบนเกาะรวมทั้งหัวหน้าตายกันหมด บุรุษผมดำใช้ดาบโจมตีเพียงครั้งเดียว! สหายของข้าและโจรธรรมดาอื่นแยกย้ายกันหนี เป็นไปได้ว่ายอดฝีมือนั้นไม่สนใจจะไล่ตามฆ่าเทพแท้ธรรมดา”
การสนทนาระหว่างคนทั้งสองนี้มีคนที่อยู่ใกล้ๆได้ยินได้ฟังไปด้วยและคนเหล่านี้เริ่มพูดคุยกันในหมู่พวกของตนด้วยเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าข่าวว่ากองโจรที่แข็งแกร่งถูกทำลายไม่ใช่เรื่องลับอีกต่อไป
“นี่เป็นเรื่องจริง เมื่อหนึ่งเดือนที่แล้วดูเหมือนว่าหนึ่งในกลุ่มเทพชั้นสูงกองกำลังของโจรบนเกาะบลูชาร์คก็หนีไปได้เช่นกัน คนอื่นๆ ตายหมด”
กลุ่มของลินลี่ย์ได้ยินการสนทนานี้อดถอนหายใจทึ่งมิได้
“ทำลายกองโจรได้มากมาย ด้วยตนเองทั้งหมด?” บีบีถอนหายใจชื่นชม โอลิเวอร์ขมวดคิ้ว “บุรุษผมดำ? ทุกคน! พวกเจ้ายังจำบุรุษที่สามารถต้านทานสายฟ้าที่เราเห็นตอนนั้นได้ไหม?”
ใจของลินลี่ย์นึกย้อนไปถึงวันเหตุการณ์พายุหมอกทะเลทันที และวิธีที่บุรุษผู้นั้นสะพายดาบศึกไว้ที่หลังต่อต้านสายฟ้า บุรุษผู้นั้นก็มีผมดำเช่นกัน
“ถ้าเป็นเขา เขาอาจมีพลังพอทำลายกลุ่มโจรที่ทรงพลังอำนาจทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย” ลินลี่ย์บอกกับตนเอง ขณะเดียวกันลินลี่ย์ยังคงคิดถึงเหตุการณ์ที่พวกเขาเผชิญพบกับกลุ่มโจรธรรมดา บุรุษผมดำโจมตีและฆ่าพวกเขาทันที
เห็นได้ชัดว่าบุรุษผมดำมีความเกลียดชังพวกโจรอย่างลึกซึ้ง
กลุ่มของลินลี่ย์พูดคุยพลางกินไปพลาง
“ลินลี่ย์, อาหารจานนี้ยอดเยี่ยมจริงๆ รสชาติดี” เดเลียกล่าว ลินลี่ย์อดหันไปยิ้มให้นางมิได้ แต่ขณะนั้นเอง.. “ปัง!” เสียงระเบิดที่เกิดจากแรงปะทะกันดังขึ้นบนร้านอาหารชั้นสอง
ทันใดนั้นลูกค้าอื่นๆบนชั้นสองสะดุ้งตกใจ ลินลี่ย์หันไปมองและสังเกตว่ามีคนสองคนกำลังต่อสู้กันและเคลื่อนไหวด้วยความเร็วดุจสายฟ้า “แคล้ง!” อาวุธเทพปะทะกัน และจากนั้นเงาขาที่มีไฟคลุมรอบเตะใส่อกของบุรุษชุดดำอีกคนหนึ่งปลิวกระเด็นทันที
“ควั่บ!” บุรุษชุดดำถูกเตะอย่างรุนแรงขณะที่เขาปลิวมาทางกลุ่มของลินลี่ย์รวดเร็วราวกับสายฟ้า เขากำลังจะกระแทกเข้ากับโต๊ะอาหารของกลุ่มลินลี่ย์
ลินลี่ย์อดขุ่นเคืองมิได้และรวมพลังเทพธาตุในร่างเขา
“เขาพยายามจะฆ่าข้าจริงๆ” บุรุษชุดดำที่ถูกเตะยินดีในใจจริงๆ เขาตั้งใจฉวยโอกาสหนีและบินออกทางหน้าต่างที่กลุ่มลินลี่ย์นั่งอยู่ แต่ขณะที่เขาร่วงลงใส่กลุ่มของลินลี่ย์
แรงแม่เหล็กผลักออกดันร่างบุรุษชุดดำแรงผลักนั้นรุนแรงกล้าแข็ง บุรุษชุดดำถูกพลังผลักที่มองไม่เห็นดันกลับมาในทิศทางตรงกันข้ามพุ่งเข้าหาร่างที่มีเพลิงคลุมตัวด้วยความเร็วสูง
“ฉัวะ!”
เงาดาบเพลิงสีแดงสับลงพอดีและฟันใส่ศีรษะของบุรุษชุดดำอย่างง่ายดาย บุรุษชุดดำจ้องมองด้วยอาการเหลือเชื่อจากนั้นศีรษะของเขาแยกออกเป็นชิ้นๆ ผลกระทบจากแรงผลักที่เกิดขึ้นฉับพลันทำให้บุรุษชุดดำตกอยู่ในสถานการณ์ที่แปลกประหลาดและเขาตายในดาบเดียว
“ฮ่าฮ่า...หลังจากผ่านไปนานหลายปีในที่สุดข้าก็ฆ่าเจ้าได้ เจ้าบัดซบ” แสงสีแดงเพลิงที่ครอบคลุมตัวบุรุษชุดแดงหายไป หน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ขณะเดียวกันนั้นเองเขาเก็บแหวนมิติและสมบัติเทพไว้
ขณะนั้นบริกรคนหนึ่งในร้านอาหารเดินเข้ามาและพูดตามปกติ “ท่านก็ทราบกฎอยู่แล้ว ค่าใช้จ่ายรวมทั้งสิ้น 32,100 ศิลาดำ” ในเกาะมิลัวร์มีเพียงน้อยคนที่จะกล้าล่วงเกินพันธมิตรการค้า ดังนั้นไม่จำเป็นต้องคุกคามบริกรเพียงแต่ยื่นใบเสร็จรับเงินเท่านั้นก็พอ
บุรุษชุดแดงหยิบเงินราวสามหมื่นกว่าส่งให้ตรงๆ และจากนั้นเดินตรงมาที่กลุ่มของลินลี่ย์คำนับเล็กน้อยขณะกล่าว “ขอบคุณที่ท่านช่วยไม่อย่างนั้นใครจะรู้กันว่าจะต้องใช้เวลาอีกนานเท่าใดกว่าข้าจะตามล้างแค้นศัตรูได้”
“ตอนนี้เจ้าไปได้แล้ว อย่ากวนใจเรา” บีบีที่ยังคงเคี้ยวกินอย่างเอร็ดอร่อยรู้สึกหงุดหงิด
บุรุษชุดแดงไม่โกรธเขาเดินออกมาทันที
“ในเกาะมิลัวร์จำเป็นต้องระมัดระวังจริงๆ การต่อสู้เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ” ลินลี่ย์หลังจากที่พบกับเหตุการณ์นี้แล้วเขาเตือนตนเอง แผนของเขาก็คือไปที่ปราสาทเสรีเพื่อซื้อของ ดูเหมือนว่าเขาจำเป็นต้องระมัดระวัง ที่สำคัญคือการเปิดเผยฐานะสมบัติ นั่นอาจทำให้ดึงดูดคนโลภสมบัติมาหาเขาก็ได้
หลังจากกินอาหารกลุ่มของลินลี่ย์ออกจากร้านอาหารและตรงไปที่สนามต่อสู้แห่งเกาะมิลัวร์ที่ลือชื่อ
สนามต่อสู้มีขนาดใหญ่โตมโหฬารกินพื้นที่เกินร้อยตารางกิโลเมตร ผู้ชมในสนามไม่ได้รับอนุญาตให้สู้กันเอง ถ้าพวกเขาถูกพบว่ามีส่วนร่วมในการต่อสู้ พวกเขาจะต้องถูกกองทหารจากเกาะมิลัวร์โจมตีอย่างไม่ปราณีแม้แต่น้อย
ทุกคนที่ต้องการชมการต่อสู้จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียม100 ศิลาดำ
“ค่าธรรมเนียมสูงจริงๆ สนามต่อสู้รองรับคนได้หลายล้าน ถ้าที่นั่งทั้งหมดเต็ม แค่คำนวณจากรายได้นี้อย่างเดียว รายรับประจำวันจากการเก็บค่าธรรมเนียมคงหลายร้อยล้านศิลาดำ!” ลินลี่ย์ถอนหายใจชมเชย “วันละร้อยล้านศิลาดำ...หมื่นปีจะมากเพียงไหน?” นี่เป็นจำนวนมากมายมหาศาลแน่นอน อย่างไรก็ตามมีแต่คนที่แข็งแกร่งมากพอจึงจะรักษาเอาไว้ได้
แค่มองดูทหารประจำเกาะหลายคนในชุดเกราะสีแดงทุกคนเข้าใจได้ว่ากองกำลังที่นี่แข็งแกร่งเพียงไหน
ขณะที่เดินขึ้นบันไดเข้าไปตามทางเดินกลุ่มของลินลี่ย์มักเห็นทหารประจำเกาะเดินลาดตระเวนอยู่เสมอ “ทุกคนเป็นเทพชั้นสูงทั้งนั้น เท่าที่ข้าเห็นก็เกินพันคนแล้ว ใครจะรู้กันว่าทหารประจำเกาะมีทั้งหมดเท่าใดกันแน่?” ลินลี่ย์ลอบตกใจ
กลุ่มของลินลี่ย์ตรงเข้าไปที่พื้นที่คนดูของสนามต่อสู้ พวกเขาไม่รู้ว่าในพื้นที่ทางเดินอื่นของสนามต่อสู้มีคนคุ้นหน้าบางคนอยู่ด้วย!
“หัวหน้า! งานลาดตระเวนของเราในวันนี้เสร็จสิ้นแล้วไปหาอะไรสนุกๆ ดูกันเถอะ งานลาดตระเวนทำให้ข้าเบื่อแทบตาย” ทหารประจำเกาะสิบคนอยู่ในชุดเกราะแดงเหมือนกันกำลังเดินออกมาพร้อมกันและพูดคุยกันในกลุ่ม
“ออกไปหาเรื่องสนุก?วันนี้มีหลายอย่างให้ทำเมื่อเรากลับไป” เสียงเยือกเย็นดังขึ้น
“โอว”คนอื่นอีกเก้าคนถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ เพียงแต่พวกเขาไม่กล้าขัดขืนคำสั่งของหัวหน้าของพวกเขา พวกเขารู้ว่าหัวหน้าของพวกเขาน่ากลัวและทรงพลังเพียงไหน เขาเป็นคนที่อยู่ในสนามต่อสู้และชนะศึกมาร้อยรอบรวดเดียว!
เอาชนะการต่อสู้รวดเดียวเป็นร้อยศึกในสนามต่อสู้นับเป็นความยิ่งใหญ่ได้
“ซีซาร์, เจ้าเด็กนั่น..โธ่เอ๊ย” หัวหน้าทหารได้แต่ถอนหายใจ ถ้าลินลี่ย์อยู่ด้วยในตอนนี้ เขาคงจำหัวหน้าในชุดเกราะแดงนี้ได้ น่าทึ่งจริงๆเขาคือยอดฝีมือจากทวีปยูลาน....ทารอส! เพียงแต่ทารอสในเวลานี้กลายเป็นเทพชั้นสูงแล้ว!