ตอนที่ 16-14 รอนแรมยี่สิบปี
“โอว,, เป็นพวกเจ้าเองหรือ? พวกเจ้ามาทำอะไรกันที่นี่? ข้านึกว่าพวกเจ้าทั้งเจ็ดจากไปแล้วเสียอีก! พวกเจ้ากลับมาได้ยังไง?” บีบีจงใจหันหน้าหนีไปอีกด้านหนึ่ง และแกล้งทำหน้าประหลาดใจ ทันทีนั้นแอ็ชและอสูรทั้งเจ็ดรู้สึกค่อนข้างละอายใจ
แม้ว่าในสถานการณ์แบบนั้นเป็นที่เข้าใจได้ว่าพวกเขาต้องพิจารณาถึงความปลอดภัยของตนเองถ้าพวกเขาแค่จากไปจริงๆ นั่นก็คงเป็นเรื่องหนึ่ง
แต่ตอนนี้ที่พวกเขากลับมาเล่า? เป็นเรื่องที่ค่อนข้างอึดอัดใจ
อย่างไรก็ตามในทะเลสตาร์มิสท์ที่ซึ่งมีโจรอยู่ในทุกที่เนื่องจากพลังของพวกเขายังเป็นระดับเทพแท้ พวกเขาจะไปถึงทวีปบลัดริจอย่างปลอดภัยได้ยังไง? ถ้าเพียงแต่พึ่งพาอาศัยการป้องกันของลินลี่ย์และเบสพวกเขาจะสามารถไปถึงจุดหมายปลายทางได้ แม้ว่าการอาศัยความช่วยเหลือจากกลุ่มของลินลี่ย์จะค่อนข้างน่าอึดอัดก็ตาม เนื่องจากทางเลือกอื่นมีแต่จะทำให้พวกเขาสูญเสียชีวิต พวกเขาจำใจต้องทำ
แอ็ชหัวเราะเบาๆจากนั้นรีบกล่าว “บีบี, เรา...”
“โอว, ข้ารู้” บีบีทำสีหน้ารู้ทันในทันที “แอ็ช,เดิมทีเจ้ายืมอสูรโลหะของเบส ตอนนี้อสูรโลหะของเบสก็ถูกเจ้าแกนมอร์ตินทำลายอีกตอนนี้แสดงว่าเจ้ากลับมาจ่ายค่าชดเชยอสูรโลหะให้เขาใช่ไหม?”
“อสูรโลหะ?” แอ็ชอึดอัดใจ
เบสตาทอประกาย ตอนนี้เขาจำได้ว่าอสูรโลหะของเขาถูกทำลายไปและเขาหัวเราะทันที “ใช่แล้วข้าตกลงทำตามคำขอใช้อสูรโลหะของเจ้าและให้ทุกคนได้ใช้โดยสาร ตอนนี้มันถูกทำลายไปแล้ว แอ็ช! เจ้าต้องจ่ายค่าชดเชยให้ข้า! อสูรโลหะของข้าเป็นของระดับสูงราคาสิบแปดล้านศิลาดำ!”
“สิบแปดล้านศิลาดำ?” แอ็ชตาเหลือก
“อะไร, เจ้าจะไม่จ่ายให้หรือ?” หน้าของเบสคนเคราดกแข็งกระด้างทันที ขณะที่เขาตั้งท่าเตรียมโจมตีใส่แอ็ช
แอ็ชรีบตอบ“ท่านเบส ไม่ต้องกังวล ข้าจะจ่ายชดเชยให้ท่าน ข้าจะชดเชยให้ท่านแน่นอน ตกลงไหม?”
“นั่นค่อยเข้าท่าหน่อย” เบสหัวเราะอย่างพอใจ อสูรโลหะของเขาความจริงราคาเพียงแปดล้านศิลาดำ ตอนนี้พอถูกทำลายไปเขากลับทำกำไรได้อีกสิบล้านศิลาดำ
แอ็ชรู้สึกโล่งใจ เขาไปตอแยใครเข้ากันนี่ถึงได้มีเรื่องหายนะเกิดขึ้นกับการเดินทางในทะเลสตาร์มิสท์ครั้งนี้
“ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นอีกสองสามครั้งธุรกิจทั้งหมดในเที่ยวนี้คงไม่ได้อะไรกลับมาเลย” แอ็ชถอนหายใจอย่างจนใจ ความจริงมูลค่าสินค้าซึ่งแอ็ชนำมาด้วยค่อนข้างสูง ถ้าเขาสามารถนำไปยังทวีปบลัดริจได้เขาจะทำเงินได้ค่อนข้างมาก
โชคร้ายที่ราคาของอสูรโลหะก็สูงด้วยเช่นกัน
“พวกเจ้าจะมากับเราด้วยไหม?” เสียงหนึ่งดังขึ้น
แอ็ชและเทพอีกเจ็ดคนหันมามอง คนพูดคือลินลี่ย์ เบสก็มองดูเขาจากนั้นหัวเราะเบาๆ “แอ็ช,ถ้าเจ้าจะเดินทางกับเรา ก็ต้องดูว่าลินลี่ย์เห็นด้วยหรือไม่ ข้าไม่ได้มีหน้าที่ตัดสินใจตรงนี้ ขึ้นอยู่กับลินลี่ย์”
แอ็ชและพวกอสูรอีกเจ็ดทุกคนรู้ดีว่าคนที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มนี้ก็คือลินลี่ย์!
“ท่านลินลี่ย์, เรา...” แอ็ชหัวเราะทันที
“ถ้าเจ้าต้องการเดินทางด้วยกับเราก็ย่อมได้อยู่แล้ว” ลินลี่ย์หัวเราะอย่างใจเย็นขณะพูด เมื่อเขาพูดออกมาเช่นนี้ แอ็ชและอสูรอื่นๆ ระบายลมหายใจโล่งอก ลินลี่ย์เมื่อเห็นสถานการณ์แล้วอดหัวเราะไม่ได้ “อย่างไรก็ตาม ข้าต้องเตือนพวกเจ้าไว้ก่อนว่าแม้ว่าข้าจะฆ่าแกนมอร์ตินได้ แต่เขายังมีร่างแยกศักดิ์สิทธิ์อีกร่างเหลืออยู่ ที่สำคัญยิ่งกว่ายังมีคนที่น่ากลัวหนุนหลังเขาอยู่ และนั่นเป็นสุดยอดฝีมือที่อาจจะมาตามหาข้าก็ได้”
“สุดยอดฝีมือ?” แอ็ชและพวกที่เหลือทั้งเจ็ดอดมองหน้ากันเองไม่ได้
บีบีที่อยู่ใกล้ๆต้องการขู่พวกเขา จึงพูดเสริม “แกนมอร์ตินผู้นั้นไม่มีอะไรมากไปกว่าสุดยอดฝีมือผู้นั้นถ้าพวกเจ้าคิดดูดีๆ พวกเจ้าอาจได้ข้อสรุป..ว่ายอดฝีมือนั้นน่าจะเป็นระดับเดียวกับเทพอสูร
“เทพอสูร!” แอ็ช ไทม์ วิลเบิร์นและคนอื่นๆรู้สึกใจสั่นสะท้าน สำหรับพวกเทพแท้เทพอสูรเป็นนักสู้ไร้ต่อต้านที่อยู่เหนือพวกเขา
บุรุษผมเขียวที่ชื่อไทม์รีบกล่าวขึ้นอย่างขลาดๆ“ท่านลินลี่ย์ก็ทรงพลังมากยังจะรับมือยอดฝีมือนั้นได้หรือไม่?” แอ็ชและคนอื่นมองลินลี่ย์ทันที
“ข้าไม่มีความมั่นใจว่าจะทำเช่นนั้นได้แม้แต่น้อย” ลินลี่ย์ปฏิเสธ “ทุกคน!ตัดสินใจกันเอาเอง
แอ็ชและอสูรอีกเจ็ดคนมองหน้ากันเอง
“เรายังจะติดตามท่านลินลี่ย์” ในที่สุดทั้งเจ็ดคนก็ตัดสินใจ ถ้าทั้งเจ็ดคนท่องเที่ยวเดินทางในทะเลสตาร์มิสท์ อาศัยพลังของพวกเขาเอง ไม่มีทางที่พวกเขาจะไปถึงทวีปบลัดริจได้อย่างปลอดภัย การติดตามลินลี่ย์ พวกเขายังปลอดภัยมากกว่า
ลินลี่ย์ได้ยินเช่นนี้ก็อดหัวเราะไม่ได้
“ถ้าข้าสามารถปกป้องพวกเจ้าได้ ข้าจะทำ แต่ถ้าข้าไม่สามารถทำได้ อย่างนั้นพวกเจ้าต้องพึ่งพาตัวเอง” ลินลี่ย์หัวเราะอย่างใจเย็น “ดีละ ออกเดินทางต่อเถอะ!” ลินลี่ย์โบกมือและอสูรโลหะปรากฏอยู่บนผิวทะเลสตาร์มิสท์
ลินลี่ย์รู้ดีว่าแอ็ชไม่มีอสูรโลหะอีกต่อไปแล้ว
ตั้งแต่พวกเขารู้ว่าเบื้องหลังของแกนมอร์ตินยังมีแม่ทัพนี้ กลุ่มของลินลี่ย์คิดค้นวิธีที่จะทำให้พวกเขาไม่สามารถหาตัวได้พบก่อนอื่นลินลี่ย์ทำลายแหวนมิติเก็บของและแม้แต่สมบัติเทพ จากนั้นใช้เส้นทางอ้อมขณะพวกเขามุ่งหน้าสู่ทวีปบลัดริจ
ทะเลสตาร์มิสท์กว้างใหญ่ไพศาล แม้แต่ยอดฝีมือที่ทรงพลังที่สุดก็ยังยากจะตามหาใครบางคนในทะเลสตาร์มิสท์ได้พบ
ตอนแรกกลุ่มของลินลี่ย์กังวลกันมาก แต่หลังจากเดินทางได้ปีหนึ่งโดยไม่เผชิญกับอันตรายใดๆ ทุกคนจึงผ่อนคลาย
ทะเลสตาร์มิสท์มองไม่เห็นฝั่งระหว่างที่เดินทางอย่างเงียบสงบ เวลาผ่านไปถึงยี่สิบปีนับแต่เผชิญกับแกนมอร์ติน
“ครืน....” คลื่นทะเลม้วนตัวซัดสาด
อสูรโลหะกำลังแล่นฝ่าคลื่นมีลินลี่ย์นั่งอยู่ด้านนอกที่หัวเรือจ้องมองดูคลื่น
“ยี่สิบปีแล้ว!”ลินลี่ย์จิบเหล้าในขวด “ในแดนนรก เวลาช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว แค่เดินทางอย่างเดียวในทะเลสตาร์มิสท์ก็ใช้เวลาเป็นสิบๆปี ตอนนี้เรายังไปได้ไม่ถึงครึ่งทาง”
ระหว่างเวลายี่สิบปีนี้ตอนแรกลินลี่ย์กังวลว่าจะเผชิญกับแม่ทัพผู้นั้น
แต่ขณะที่เวลาผ่านไปลินลี่ย์ผ่อนคลาย หลังจากเดินทางยี่สิบปีมีแนวโน้มว่าจะเป็นเรื่องยากมากที่แม่ทัพผู้นั้นจะกำหนดตำแหน่งทิศทางของพวกเขาได้ ที่สำคัญแม้แต่เทพชั้นสูงระดับพารากอน(สุดยอดฝีมือของเทพชั้นสูงเหนือกว่าเทพอสูร)ก็ไม่ได้มีสำนึกเทพยิ่งใหญ่ไปกว่าเทพชั้นสูงธรรมดามากนัก
แล้วพวกเขาจะหาลินลี่ย์พบได้ยังไง?
“พี่ใหญ่” ทันใดนั้นบีบีออกมาจากห้องเรือ หน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “พี่ใหญ่ในห้องเรือพวกเขากำลังคุยกันถึงเกาะที่มีชื่อเสียงมากซึ่งเรากำลังจะไปถึง ดูเหมือนจะชื่อว่าเกาะมิลัวร์!” ระหว่างเดินทางนี้ กลุ่มของลินลี่ย์หยุดแวะเมืองมาก่อนแล้วสองสามเมือง
ในทะเลสตาร์มิสท์ที่กว้างใหญ่มีเกาะอยู่หลายเกาะ และพวกเขาแบ่งการปกครองออกเป็นสิบแคว้นเช่นกัน แต่ละแคว้นจะมีสิบเมืองซึ่งสร้างขึ้นบนเกาะต่างๆ
เกาะของทะเลสตาร์มิสท์มีพื้นที่เส้นรอบเกาะหมื่นกิโลเมตร ยิ่งเป็นเกาะใหญ่ๆอาจมีเส้นรอบวงพื้นที่เกาะถึงล้านกิโลเมตร ใหญ่กว่าทวีปยูลานบ้านเกิดของลินลี่ย์มากมายนัก นี่ยิ่งกว่าเพียงพอให้สร้างเมืองได้เมืองหนึ่ง
“เกาะมิลัวร์?” ลินลี่ย์อดประหลาดใจไม่ได้
“พวกเขาพูดกันว่าเกาะมิลัวร์พัฒนามากและมีกิจการค้ารุ่งเรืองมีแม้กระทั่งเวทีประลองฝีมือนักสู้บนเกาะมิลัวร์ ข้าได้ยินมาเช่นกัน” บีบีค่อนข้างสับสนกับเรื่องนี้
อย่างไรก็ตามลินลี่ย์จำได้ว่าในหนังสือที่อธิบายภูมิศาสตร์ของแดนนรกมีคำอธิบายของเกาะมิลัวร์ไว้ค่อนข้างน่าสนใจ
เกามิลัวร์เป็นเกาะขนาดใหญ่กินพื้นที่เส้นรอบเกาะหลายแสนกิโลเมตรและอยู่ภายในแคว้นซิลเวอร์บลูของทะเลสตาร์มิสท์
เกาะมิลัวร์เป็นสถานที่คึกคักมีผู้คนจำนวนมากแวะผ่านไปมา ในทุกๆวันพ่อค้าและนักรบจะรวมตัวกันอยู่ที่นั่นระดับของกิจกรรมไม่ได้ต่ำกว่าสิบเมืองใหญ่ของแคว้นซิลเวอร์บลูเลย
นี่คือสิ่งที่น่างงงวยมากจริงๆ เกาะที่เทียบได้กับสิบเมืองใหญ่ของแคว้นซิลเวอร์บลูหรือ?
“เฮ้, ลินลี่ย์พวกเจ้ากำลังคุยเรื่องอะไรกัน?” เบสเดินมาสมทบที่หน้าเรือด้วยเช่นกัน
“กำลังคุยเรื่องเกาะมิลัวร์” ลินลี่ย์หัวเราะอย่างสงบ
“เกาะมิลัวร์?” เบสถอนหายใจ “นี่เป็นสถานที่พิเศษจริงๆ ไม่ได้อยู่ภายใต้อารักขาของกองทัพสตาร์มิสท์ทั้งไม่ได้อยู่ในการปกป้องของทหารประจำแคว้น แต่กลับคึกคักได้พอๆ กับเมืองใหญ่ ได้ ภายในเกาะมีปราสาทอิสระซึ่งยอมให้พวกพ่อค้าร่วมทำการค้าขาย”
กองทัพสตาร์มิสท์เทียบได้กับกองทัพเรดบุด นั่นคือกองทัพแห่งทะเลสตาร์มิสท์
“เกาะมิลัวร์มีทหารซึ่งแข็งแกร่งมากซึ่งภายในซึ่งปกป้องคุ้มครองตามกฎหมายของเกาะ” เบสถอนหายใจชื่นชม “ทหารของกองทัพนี้ล้วนแต่เป็นเทพชั้นสูงและโดดเด่นกันทุกคน ในหลายปีมานี้เกาะมิลัวร์ไม่เคยตกต่ำเลย
ลินลี่ย์อดประหลาดใจไม่ได้
แต่ละแคว้นมีเพียงสิบเมือง แต่เกาะมิลัวร์นี้สามารถดึงดูดพ่อค้ามากมายให้เข้ามาและสามารถคงอยู่ได้มานานหลายปี นี่เป็นเรื่องน่าประหลาดจริงๆ
“เกาะมิลัวร์มีสถานที่สำคัญมีชื่อเสียงอยู่ในนี้ หนึ่งนั้นก็คือปราสาทเสรี ขณะที่อีกที่หนึ่งก็คือ สนามประลองยุทธ ภายในปราสาทเสรี ไม่อนุญาตให้มีการต่อสู้ใดๆทั้งสิ้น ถ้าถูกพบว่ามีการต่อสู้ใดๆเกิดขึ้นทหารของเกาะมิลัวร์จะปรากฏตัวและไม่แสดงความเมตตาแต่อย่างใด! ภายในสนามประลองผู้เข้าชมไม่ได้รับอนุญาตให้สู้กันเอง ใครก็ตามที่ฝ่าฝืนจะถูกทหารล้อมสังหาร!”
ตาของเบสเต็มไปด้วยความทึ่งและตื่นเต้น “เกาะมิลัวร์ทรงพลังอำนาจมาก จนถึงเดี๋ยวนี้ไม่มีผู้ใดกล้าท้าทาย”
“พ่อค้ามากมายค้าขายอยู่ที่นั่นหรือ? เป็นไปได้หรือที่ไม่มีใครกล้าปล้นกล้าขโมยที่นั่น?”บีบีแค่นเสียง “ข้าขอปฏิเสธที่จะเชื่อ คนธรรมดาไม่กล้าปล้นพ่อค้า แต่เป็นไปได้หรือว่าทหารประจำแคว้นจะกลัว? ตัวอย่างเช่น กองทัพสตาร์มิสท์?” กองทัพสตาร์มิสท์คือกองทัพของมหาเทพ
เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาจะไม่มาจัดการกับเกาะมิลัวร์?
“ข้าไม่แน่ใจเรื่องนั้น” เบสส่ายศีรษะ
“เกาะมิลัวร์คงอยู่มานานหลายร้อยล้านปีแล้ว ต้องมีเหตุผลพิเศษสำหรับเรื่องนี้แน่” ลินลี่ย์มีข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับเกาะมิลัวร์ อย่างไรก็ตาม นั่นก็ยังเป็นความคิดทั่วไปจากตรงนี้แม้แต่ลินลี่ย์ก็สามารถกำหนดได้ว่า บางคนที่สามารถสร้างกองทัพขึ้นเทียบกับเทพชั้นสูงขณะที่สร้างพื้นที่การค้าอยู่นอกเมืองเช่นกันก็ต้องเป็นคนที่มีพลังอำนาจสูงส่งแน่นอน
“เบื้องหลังเกาะมิลัวร์ต้องมีกองกำลังที่ทรงพลังอำนาจอย่างน่าประหลาดแน่” ลินลี่ย์รำพึงกับตนเอง
“เฮ้, ข้าเพิ่งได้ยินเจ้าพูดว่าในอีกสามวัน เราจะไปถึงเกาะมิลัวร์ไม่ใช่หรือ?”บีบีถามทันที
เบสพยักหน้าและหัวเราะ “ใช่แล้ว อีกสามวันกว่าเกาะมิลัวร์น่าดึงดูดและน่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสนามต่อสู้ นั่นเป็นสนามต่อสู้ของเทพชั้นสูงโดยเฉพาะ การต่อสู้ที่นั่นรวมเอายอดฝีมือไว้โดยเฉพาะ น่าเหลือเชื่อจริงๆ!”
ลินลี่ย์อดรู้สึกคาดหวังในใจไม่ได้
เกาะมิลัวร์เกาะอิสระปกครองตนเองในทะเลสตาร์มิสท์ ไม่มีทหารประจำแคว้นของกองทัพสตาร์มิสท์และที่นี่ยังเป็นเกาะที่คึกคักพลุกพล่าน
สามวันต่อมา
“มีกิจกรรมมากมายเหลือเกิน!” เมื่อเห็นเกาะขนาดใหญ่จากที่ไกล กลุ่มของลินลี่ย์ตกใจ เมื่อได้เห็นทางเข้าเกาะของเกาะมิลัวร์ พวกเขาเห็นอสูรโลหะมากมายนับไม่ถ้วนมุ่งหน้าไปทางตำแหน่งนั้น
“ทุกๆ เวลาจะมีอสูรโลหะมาถึงจำนวนมาก” ลินลี่ย์อดทอดถอนใจทึ่งมิได้ “แต่ละวันมีผู้คนมาถึงเกาะมิลัวร์แห่งนี่มากมายเท่าใดกัน? ช่างยากเข้าใจจริงๆ กิจกรรมมากมายของเกาะมิลัวร์นี้ไม่ด้อยไปกว่าเกาะอื่นเลย”
ในการเดินทางครั้งนี้ลินลี่ย์พบเห็นเมืองมาหลายแห่ง
ระดับการดำเนินกิจการของพวกเขาใกล้เคียงกับเกาะมิลัวร์นี้
“พี่ใหญ่ ไปกันเถอะ ไปดูเกาะมิลัวร์นี้กันเถอะ!” เมื่ออสูรโลหะเข้าไปใกล้เกาะและหยุดที่ตำแหน่งเข้า บีบีตื่นเต้นและโดดออกไปก่อนทันที
ไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเข้าเกาะมิลัวร์ กลุ่มของลินลี่ย์ลงและเดินเข้าไปในเกาะมิลัวร์ในตำนานนี้