ยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอนที่ 480 มาถึงจุดเปลี่ยน (ฟรี)
แล้วซู่เสี่ยวไป่ก็ปล่อยทุกอย่างให้ผ่านไป และไม่ยุ่งกับพวกศิษบรรพชนบรรพกาลที่มาตามสัญญาณของชิงเหล่ย เพราะพวกมันแข็งแกร่งเกินไป
และแล้ว…ระยะเวลาก็ผ่านไปครึ่งปี ด้วยการเก็บเกี่ยวและข้อมูลตำแหน่งแผนที่ซากโบราณสถานที่ได้มาจากไป่จิงนั้น ทำให้ซู่เสี่ยวไป่สามารถที่จะเจาะจงหาพื้นที่เก็บเกี่ยวได้ง่ายขึ้น
การสังหารพวกศิษบรรพชนสูงสุดนั้นแม้ว่าจะได้รายได้น้อยกว่าการฆ่าพวกศิษบรรพชนบรรพกาลก็ตาม แต่มันก็หากินได้ง่ายกว่า และไม่ต้องลำบากสู้เอง ด้วยจำนวนที่มากกว่าของศิษบรรพชนสูงสุด ทำให้สมบัติที่ได้มานั้นซู่เสี่ยวไป่พอที่จะยอมรับได้
ตอนนี้ซู่เสี่ยวไป่ไม่จำเป็นต้องใช้การระเบิดพลีชีพเพื่อจัดการกับบรรพชนสูงสุดก้าวที่ 10 อีกแล้ว ด้วยพลังเพียวๆ ของเขาก็เพียงพอแล้วที่จะฆ่าตัวตนระดับนี้ได้ ช่วงเวลาที่ผ่านมากองทัพเงาของเขาก็ขยายขึ้นอีกมากทั้งเงาทับทิมทองคำ และเงารองทองคำ และเงาพวกนี้เองก็แข็งแกร่งพอที่จะฆ่าบรรพชนสูงสุดก้าวที่ 10 ได้ด้วยเช่นเดียวกัน
และเขาเองก็พบเจอกับศิษบรรพชนบรรพกาลระดับล่างๆ ใกล้ๆ กับซากโบราณสถานหลายครั้ง แต่ตัวตนเหล่านั้นกลับดูแคลนร่างเงาของซู่เสี่ยวไป่ นั้นเพราะตัวตนขอบเขตพลังบรรพชนสูงสุดก้าวที่ 10 ไม่ได้ต่างจากมดแมลงในสายตาของพวกเขา ทำให้เมื่อซู่เสี่ยวไป่ไปปรากฏตัวต่อหน้าศิษเหล่านี้ก็ไม่เคยเห็นหัวของซู่เสี่ยวไป่
ทำให้ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่ซู่เสี่ยวไป่จะจัดการเหล่าศิษบรรพชนบรรพกาลระดับล่างพวกนี้ในครั้งเดียว เพราะพวกเขานั้นแทบจะไม่ได้ระวังตัว!
เป็นเหตุที่ทำให้ในช่วงเวลา 6 เดือนที่ผ่านมานี้ซู่เสี่ยวไป่ได้เก็บปล้นสมบัติมาจำนวนมากมายมหาศาล จากทั้งศิษบรรพชนสูงสุด และศิษบรรพชนบรรพกาลระดับล่าง จนมีเงินมากพอที่จะเพิ่มระดับของระบบได้!
ด้วยการปรับปรุงระดับที่เหมาะสมทำให้เพิ่มระดับความสามารถได้อีกครั้ง ทั้งพื้นที่ตรัสรู้ในคลิกเดียว และพื้นที่ฝึกวิชาในคลิกเดียว และตอนนี้การผสมผสานระหว่างเส้นทางสู่สวรรค์กับวิชานั้นเข้ากันมากขึ้น จนทำให้ขอบเขตพลังของซู่เสี่ยวไป่ทะยานสู่บรรพชนสูงสุดก้าวที่ 8
และความแข็งแกร่งของเงาตอนนี้นั้น เพียงร่างเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะฆ่าบรรพชนสูงสุดก้าวที่ 10 ได้สบายๆ
ยิ่งเงาพวกนี้มันปลดปล่อยพลังออกมาเต็มที่ การโจมตีแบบบรวงสวงวิชานั้นเพียงพอที่จะข้ามเขตแดนฆ่าบรรพชนบรรพกาลก้าวที่ 1 ได้เลย
ตอนนี้ซู่เสี่ยวไป่ไม่จำเป็นต้องลงมือเองอีกแล้ว และปล่อยให้ร่างเงานั้นทำงานเช่นเดิม เพื่อลดความเสี่ยงที่เขาจะเสียชีวิตโดยใช่เหตุ
ตอนนี้ซู่เสี่ยวไป่หลบอยู่ภายในมิติโลกส่วนตัว และสั่งการทุกอย่างจากในสถานที่แห่งนี้ และอยู่ห่างจากจุดต่อสู้ไกลเป็นล้านๆ ปีแสง เพราะตอนนี้เขายังอ่อนแออยู่หากพลาดเพียงครั้งเดียวเขาก็ตายได้ทันที
ซู่เสี่ยวไป่นั้นเกรงกลัวต่อกลุ่มบรรพชนบรรพกาลที่จับกลุ่มกันมาก เพราะพวกเขามีรูปแบบการต่อสู้ที่มีประสิทธิภาพสูงมาก ขนาดที่ว่าต่อให้ซู่เสี่ยวไป่ออกไปสู้ด้วยตัวเองและปลดปล่อยพลังทุกอย่างแล้วก็ตาม ก็ยังไม่อาจจะชนะได้ และอาจจะเสียชีวิตเองด้วย
ซู่เสี่ยวไป่นั้นก็ไม่ได้อ่อนแอหากเขาปลดปล่อยพลังทุกอย่างขอบเขตพลังของเขาก็เท่ากับบรรพชนบรรพกาลก้าวที่ 2 เหมือนกัน และก็ไม่อาจจะประมาทได้
แล้วในเขตแดนบรรพชนบรรพกาลการจะทะลวงแต่ละก้าวนั้นยากเย็นแสนเข็ญยิ่งกว่าในเขตแดนบรรพชนสูงสุดเสียอีก ทำให้ตรงจุดนี้เป็นเหมือนจุดที่คัดกรองเหล่าอัจฉริยะออกจากกลุ่มของเหล่าอัจฉริยะอีกครั้งหนึ่ง
ดังนั้นหากมีศิษบรรพชนบรรพกาลที่ยังไม่เกินก้าวที่ 2 และแยกเดี่ยวจะถูกซู่เสี่ยวไป่เด็ดหัวทันทีด้วยความต่างของพลัง แต่ก็ยังเป็นเรื่องยากที่จะฆ่าตัวตนเขตแดนบรรพชนบรรพกาลก้าวที่ 3 ในเวลานี้
แต่มันยังพอมีโอกาสอยู่ เพราะช่วงเวลาที่วิถีสวรรค์หายไปนั้น เหล่าอัจฉริยะหรือผู้ฝึกตนทั้งหลายก็ไม่อาจจะฝึกฝนสะสมตบะได้เช่นเดียวกัน ทำให้ความแข็งแกร่งนั้นไม่อาจเติบโตได้ในช่วงเวลานี้ ซึ่งต่างจากซู่เสี่ยวไป่ที่เติบโตขึ้นทุกวินาที
แต่ในช่วงเวลาที่ผ่านมานั้นก็ใช่จะมีแต่ข่าวดีสำหรับซู่เสี่ยวไป่ มันก็ยังมีข่าวร้ายด้วยเช่นเดียวกัน
นั้นคือพวกอัจฉริยะระดับบรรพชนสูงสุดนั้นไม่ได้โง่เง่า แม้ว่าซู่เสี่ยวไป่จะกระจายวงของกองกำลังเงาไปทั่วเพื่ออกล่า แต่เหล่าศิษอัจฉริยะทั้งหลายก็เริ่มระวังตัวมากขึ้น ตัวตนที่อ่อนแอไม่เลือกที่จะเข้าใกล้ซากโบราณสถานเพื่อหวังทรัพสมบัติอีกต่อไป
เพื่อที่จะเอาตัวรอดเหล่าศิษอัจฉริยะทั้งหลายต่างเลือกที่จะออกไปซ่อนตัวในพื้นที่ส่วนลึกของใจกลางพื้นที่เก่าแก่ และไม่ปรากฏตัวออกมา
ช่วงเวลานั้นพื้นที่มรดกเองก็ถูกค้นพบมากขึ้น และส่วนใหญ่แล้วจะถูกยึดโดยศิษอัจฉริยะจากนิกายระดับสูง เพียงแค่เห็นกลุ่มของศิษอัจฉริยะพวกนี้รวมตัวกันก็ไม่มีใครกล้าที่จะสู้หรือคิดแย่งชิงแล้ว ยิ่งทำให้จำนวนเหยื่อของซู่เสี่ยวไป่ลดลงไปอย่างมากในช่วงหลังมานี้
“การออกล่าทำได้น้อยลงเรื่อยๆ แบบนี้เราก็ยากที่จะหาเงินมาเพิ่มระดับต่อ”
ปัญหานี้หนักมากสำหรับซู่เสี่ยวไป่ เพราะมันกระทบต่อความเร็วในการเติบโตของเขาด้วย ทำให้ไม่สามารถที่จะเพิ่มระดับให้กับระบบได้อีก และซู่เสี่ยวไป่เองก็เผาผลาญเงินทั้งหมดไปกับการเพิ่มระดับหมดแล้ว
ความสามารถของระบบนั้น เป็นทุกอย่างของซู่เสี่ยวไป่ และเรื่องที่รายได้ลดลงนั้น มันขัดแย้งกับความต้องการของระบบที่ต้องการมากขึ้นอยู่ตลอด มันช่างเป็นระบบทุนนิยมสุดๆ ที่เขาเองถึงจะเกียจมันแต่ก็หนีไม่ได้ และมันเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่วันที่ระบบถูกเปิดใช้งาน
ทุกอย่างมันกดดันให้ซู่เสี่ยวไป่เลือกที่จะทะลวงเขตแดนเข้าสู่เขตแดนบรรพชนเต็มตัวมากขึ้น
ในช่วงครึ่งปีก่อนขอบเขตพลังของเขาเท่ากับบรรพชนสูงสุดก้าวที่ 7 แต่สามารถที่จะฆ่าชิงเหล่ย กับไป่จิงได้ทั้งที่ทั้งสองมีขอบเขตพลังเท่ากับบรรพชนบรรพกาลก้าวที่ 1 แต่ตอนนี้ขอบเขตพลังของซู่เสี่ยวไป่เท่ากับบรรพชนสูงสุดก้าวที่ 10 แบบที่ยังไม่ได้ปลดปล่อยพลังทั้งหมดด้วยซ้ำ และอีกนิดเดียวก็จะทะลวงสู่เขตแดนบรรพชนบรรพกาลอยู่แล้ว
ถึงความเร็วระดับนี้จะเป็นเรื่องน่าอัศจรรศ์ของเหล่าศิษอัจฉริยะทั่วจักรวาล แต่มันยังช้าเกินไปสำหรับซู่เสี่ยวไป่