ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 147 ทักษะการปรุงยา
ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 147 ทักษะการปรุงยา
แปลโดย iPAT
“ข้าเป็นพ่อของเจ้า!” ชายร่างท้วมตะโกนพร้อมกับเลือดที่พุ่งออกมาจากปาก
“เจ้ามีลูกสาวด้วยงั้นหรือ?” เฉียนหรงจื่อตกตะลึงก่อนจะแสดงออกราวกับกำลังคิดอย่างจริงจัง “โอ้ เจ้ามี แต่ไม่ใช่ว่าเจ้าขายนางออกไปแล้วงั้นหรือ? หลังจากนั้นเจ้าก็ใช้เงินซื้อนางบำเรอมากมายให้กับตนเอง!”
ชายร่างท้วมกล่าวอย่างยากลำบาก “ข้าทำทั้งหมดเพื่อ...เพื่อนาง เพื่อที่นาง...จะได้มีอนาคตที่ดี เจ้าควร...ขอบคุณข้า”
“ทุกสิ่งที่ข้ามีตอนนี้มาจากการดิ้นรนต่อสู้อย่างสิ้นหวังและเจ็บปวด! หยุดพยายามเรียกร้องความดีความชอบให้กับตนเอง!” เฉียนหรงจื่อปัดมือของเขาออก
ชายร่างท้วมเปิดปากแต่ไม่ได้กล่าวสิ่งใด ความเกลียดชังและความสิ้นหวังปรากฏอยู่เต็มใบหน้าของเขาก่อนที่เขาจะเสียชีวิต
“เจ้าได้รับโชคลาภจากความโชคร้ายของข้า ตอนนี้เจ้าประสบเคราะห์ร้ายก็เพราะข้า มันยุติธรรมแล้วมิใช่หรือ?” เฉียนหรงจื่อพึมพำกับตนเองก่อนจะเดินจากไปและทิ้งทุกสิ่งไว้เบื้องหลัง
อดีตทั้งหมดของนางถูกกำจัดไปแล้ว
เฉียนหรงจื่อจัดงานศพที่ยิ่งใหญ่ในเมืองซ่างกวน
นางคุกเขาหน้าป้ายวิญญาณและร้องไห้จนถึงจุดที่นางเป็นลมหมดสติไป หลังจากนางฟื้นขึ้น นางก็ขอบคุณทุกคนที่มาร่วมไว้อาลัยด้วยความปวดร้าว
“หรงจื่อเป็นเจ้าหน้าที่ของทางการ แต่ผู้ใดจะคิดว่ามันจะนำหายนะเช่นนี้เข้ามา”
“เห้อ...หญิงที่ดีงามเช่นหรงจื่อไม่ควรประสบชะตากรรมเช่นนี้ คนตระกูลเฉียนช่างไร้จิตสำนึกจริงๆ”
เมื่อเวลาล่วงเลยไปถึงยามค่ำ ทุกคนก็แยกย้ายกันไป ประตูปิดแน่นขณะที่โคมไฟสีขาวคู่หนึ่งแกว่งไปมาตามสายลมอยู่หน้าประตู
หลังจากปฏิเสธเพื่อนบ้านที่ต้องการช่วยดูแลโลงศพ เฉียนหรงจื่อในชุดไว้ทุกข์สีขาวก็พิงโลงศพของครอบครัวและหยิบถ้วยสุราออกมาจากกระเป๋าร้อยสมบัติของเฉียนห่าวเต๋อ นางรินสุราให้ตนเองและดื่มมันจนหมด
วันรุ่งขึ้น โลงศพถูกฝัง นางกลายเป็นลูกสาวที่กตัญญูที่สุด
นางไว้ทุกข์เป็นเวลาเจ็ดวันเช่นเดียวกับธรรมเนียมปฏิบัติทั่วไป ในคืนที่เจ็ด ไหสุรานับสิบวางกระจายอยู่บนพื้น ทันใดนั้นนางพลันรู้สึกถึงความเย็นยะเยือก เมื่อนางเปิดเปลือกตาขึ้น ร่างกว่าสิบร่างก็ปรากฏขึ้นต่อหน้านาง พวกเขาล้วนมีใบหน้าที่คุ้นเคย พวกเขามองนางอย่างเย็นชา จากนั้นชายร่างท้วมก็ก่นด่านางเสียงดังด้วยความโกรธ
นางหัวเราะอย่างบ้าคลั่งก่อนจะหยิบแส้แยกแม่น้ำขึ้นมาและฟาดออกไป สายลมพัด เงาร่างเหล่านั้นส่งเสียงกรีดร้อง
เมื่อจิตใจของนางปลอดโปร่งขึ้น นางก็ไม่เห็นเงาเหล่านั้นอีก มันยากที่จะแยกแยะระหว่างความจริงกับจินตนาการในยามมึนเมา
“เพล้ง!” ไหสุราถูกโยนออกไปและทำให้ป้ายวิญญาณตกลงบนพื้นพร้อมสุราที่กระจายไปทั่ว ต่อมานางก็หยิบเทียนขึ้นมาและค่อยๆปล่อยมันลงไป ไฟลุกลามอย่างรวดเร็วและกลืนกินป้ายวิญญาณทั้งหมด
นางเดินออกมาจากห้องโถงบรรพชนที่ลุกไหม้และหายตัวไปในความมืดโดยไม่แม้แต่จะหันหลังกลับ
ไฟลามไปทั่วคฤหาสน์ขณะที่คนผู้หนึ่งสาบานว่าจะไม่กลับมาที่นี่อีก
…..
เสียงขลุ่ยดังขึ้นในยามพลบค่ำเป็นเวลานาน
ในที่สุดหลี่ฉิงซานก็วางขลุ่ยหยกลง เขารู้สึกว่ามันมีโทนเสียงที่ดีกว่าขลุ่ยไม้ที่เขาเคยใช้ในอดีต
เขาใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบ ทุกวันเขาจะฝึกฝน อ่านหนังสือ และเป่าขลุ่ย ในยามว่างเขาจะไปเดินเล่นในเมืองและหาของกินแปลกใหม่ ชีวิตของเขาสงบสุขมาก
“ป๋อม!” น้ำกระเด็นขึ้นมาเมื่อปลาคาร์พสะบัดหายของมัน
“หยุดประท่วงได้แล้ว” หลี่ฉิงซานกล่าว “อีกไม่กี่วันข้าจะมอบบ่อใหม่ที่ใหญ่กว่าให้เจ้า!”
ปลาคาร์พสงบลงทันที
ไม่กี่วันก่อน เขาบดเม็ดยารวบรวมพลังปราณลงไปในบ่อ วันต่อมา ปลาคาร์พก็ตัวใหญ่ขึ้น และวันถัดไป มันก็ยังโตขึ้นอีก กระทั่งถึงวันนี้ บ่อเล็กๆเริ่มคับแคบแล้ว มันไม่สามารถว่ายน้ำได้อย่างอิสระอีกต่อไป
หลี่ฉิงซานมองปลาคาร์พสีแดงขนาดใหญ่ในบ่อ “บางทีข้าอาจจะนำเจ้ามาทำอาหาร”
ปลาคาร์พรีบว่ายไปที่ก้นบ่อด้วยความหวาดกลัวทันที
“น่าเสียดายที่ความสามารถในการทำอาหารของข้าแค่พอใช้!” หลี่ฉิงซานหัวเราะ เขาเอื้อมมือไปที่บ่อ ด้วยการควบคุมของแก่นปีศาจ มวลน้ำในบ่อพุ่งขึ้นสู่อากาศและเปลี่ยนรูปร่างตลอดเวลา นั่นทำให้ปลาคาร์พต้องว่ายน้ำอยู่กลางอากาศ
หลี่ฉิงซานควบคุมมวลน้ำและนำปลาคาร์พเดินไปที่คฤหาสน์ตระกูลเฉียนซึ่งมีสระน้ำขนาดใหญ่
พื้นที่ขนาดใหญ่ที่เคยมีชีวิตชีวากลายเป็นเงียบสงัด แม้จะมีคนมาทำความสะอาดแล้วแต่รอยเลือดที่แห้งกรังไม่สามารถขจัดออกไปได้ทั้งหมด นั่นทำให้มันดูเหมือนลางร้าย
หลายวันผ่านไปไม่มีแม้แต่คนเดียวที่กล้าเข้าใกล้สถานที่แห่งนี้ พวกเขาเพียงมองมันจากระยะไกลและถอนหายใจเท่านั้น
แม้หลี่ฉิงซานจะให้เจ้าเมืองนำที่ดินผืนนี้ออกประมูลแต่เขารู้โดยไม่ต้องคิดเลยว่าไม่มีผู้ใดกล้าซื้อมัน อีกไม่นานมันจะถูกทิ้งร้างและกลายเป็นบ้านผีสิง
ดอกบัวร่วงโรยไปแล้วแต่ดอกลิลลี่ยังคงเบ่งบาน
“ที่นี่ไม่มีผู้ใดนำเจ้าไปทำอาหาร”
หลี่ฉิงซานโยนมวลน้ำที่มีปลาคาร์พลงไปในสระบัว ปลาคาร์พยกหัวขึ้นและส่ายไปมาราวกับมันกำลังขอบคุณเขาก่อนจะอ้าปากกว้าง
“เอาล่ะ ถือว่าวันนี้เป็นวันดีของเจ้า” หลี่ฉิงซานยิ้มและโยนเม็ดยารวบรวมพลังปราณเข้าไปในปากของมัน จากนั้นมันก็พลิกตัวและว่ายไปยังส่วนลึกของสระบัว
เมื่อหลี่ฉิงซานกำลังจะหันหลังกลับ เขาพลันมองเห็นแสงไฟส่องประกายขึ้นจากระยะไกล เขาเดินผ่านพุ่มไม้เข้าไปหาแสงไฟและได้กลิ่นหอมของบางอย่างลอยมา
หลี่ฉิงซานเดินผ่านซุ้มประตูและเห็นหม้อสามขาทรงกลมขนาดใหญ่ที่มีไอน้ำสีขาวลอยขึ้นมา
ร่างงามนั่งอยู่บนเบาะหน้าหม้อและกำลังส่งพลังปราณให้มัน ไอน้ำทั้งหมดถูกควบคุมโดยพลังปราณ
หลี่ฉิงซานจำนางได้ทันที “เฉียนหรงจื่อ เจ้ากำลังทำสิ่งใด?”
เฉียนหรงจื่อไม่ตอบ หลังจากนั้นไม่นาน นางก็ชักมือกลับและควบคุมพลังปราณของนางอย่างช้าๆ ฝาหม้อเปิดออก ไอน้ำปะทุออกมา
หลี่ฉิงซานรู้สึกว่ามันเป็นกลิ่นที่เขาคุ้นเคย “เจ้ากำลังหลอมยา!” เขามองไปรอบๆและพบว่านี่ควรเป็นห้องปรุงยาของตระกูลเฉียน มันเป็นที่มาของเม็ดยารวบรวมพลังปราณทั้งหมดในกระเป๋าร้อยสมบัติของเขา
เขาเคยกินเม็ดยารวบรวมพลังปราณมาก่อนแต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นคนปรุงยา เขามองไปที่หม้อปรุงยาขนาดใหญ่และเห็นแสงสว่างส่องประกายออกมา เห็นได้ชัดว่ามันเป็นสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณระดับต่ำ
เดิมทีหลี่ฉิงซานเชื่อว่าตระกูลเฉียนเก็บของเช่นนี้ไว้ในกระเป๋าร้อยสมบัติ แต่เขาไม่เคยคิดว่ามันจะอยู่ที่นี่
เฉียนหรงจื่อยิ้ม “นี่คือบ้านของข้า”
หลี่ฉิงซานกล่าว “มันเป็นของข้าแล้ว”
“ข้าซื้อมันมาจากเจ้าแล้ว ตามข้อตกลงของเรา ทุกอย่างในตระกูลเฉียนเป็นของข้า แน่นอนว่ารวมถึงหม้อใบนี้ด้วย นี่เป็นผลประโยชน์ของข้า” เฉียนหรงจื่อหยิบโฉนดที่ดินออกมาและเผยรอยยิ้ม
“ถือว่าเจ้าโชคดี” หลี่ฉิงซานหันหลังกลับเพื่อจากไป เขาไม่รู้สึกเสียดายแม้แต่น้อย แม้เฉียนหรงจื่อจะไม่ทำสิ่งนี้แต่เขาก็ไม่สนใจที่จะค้นหาสมบัติไปทั่ว
เฉียนหรงจื่อกล่าว “เจ้าอยากเรียนการปรุงยาหรือไม่?”
หลี่ฉิงซานหยุด เขาหันกลับไปมอง “เจ้าต้องการสิ่งใด?”
หลี่ฉิงซานเรียนรู้แล้วว่านอกจากการบ่มเพาะพลังปราณยังมีเส้นทางสายรองแตกแขนงออกไปอีกมากมายเช่นการสร้างยันต์ การปรุงยา การสร้างสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณ ค่ายกล และอื่นๆ โดยทั่วไปผู้ฝึกตนจะเรียนรู้ทักษะพิเศษหนึ่งหรือสองอย่างซึ่งจะทำให้พวกเขาได้รับประโยชน์อย่างมาก
เขาสามารถบอกได้จากสิ่งของที่อยู่ในกระเป๋าร้อยสมบัติว่าเฉียนเยี่ยนเหนิงไม่เชี่ยวชาญด้านสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณหรือค่ายกลแต่เขามีความรู้ด้านยันต์และการปรุงยา สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เขาสนใจ
“ข้าต้องการเจ้า!” เฉียนหรงจื่อลังเลก่อนจะกัดริมฝีปากกล่าวด้วยความเขินอาย “เจ้าคงคิดว่าข้าเป็นหญิงบ้ากาม แต่แท้จริงแล้วข้าไม่เคยหลับนอนกับผู้ชาย...”
นางเชื่อว่าตอนนี้นางค่อนข้างเข้าใจหลี่ฉิงซาน ดังนั้นนางจึงคิดแผนนี้ขึ้นมา แม้นางจะแปลกใจที่พบเขาในคืนนี้แต่มันก็เหมาะมากที่จะลองดู หลี่ฉิงซานอาจปฏิเสธนางและนางก็จะตอบสนองด้วยความโศกเศร้า จากนั้นนางจะเล่าเรื่องราวที่น่าเศร้าในวันเด็กให้เขาฟังพร้อมหลั่งน้ำตา นางปฏิเสธที่จะเชื่อว่านางจะไม่ได้รับความเห็นอกเห็นใจจากเขา พวกเขาจะหลับนอนด้วยกันและสาบานว่าจะรักกันตลอดไป นางจะต้องได้รับบางสิ่งจากเขา
อย่างไรก็ตามเมื่อนางเริ่มแผนการ หลี่ฉิงซานก็ตอบสนองทันที
เขาขัดจังหวะด้วยรอยยิ้ม “ตกลง สอนข้าปรุงข้า ข้าจะขายร่างกายของข้าเพียงครั้งเดียว” แม้เขาจะรู้สึกว่าการกระทำของนางดูน่ากลัว แต่มันไม่มีเหตุผลที่เขาจะปฏิเสธ ‘ข้าเป็นบุรุษ เหตุใดข้าต้องกลัวการล่อลวงของเจ้า?’
ใบหน้าของเฉียนหรงจื่อกลายเป็นแข็งทื่อ แม้นางจะเคยคิดถึงความเป็นไปได้มากมายแต่นางไม่เคยคิดว่าหลี่ฉิงซานจะเป็นคนไร้ยางอายเช่นนี้ มันแตกต่างจากแผนการของนางอย่างสิ้นเชิง นางไม่สามารถแสดงละครต่อไป ทันใดนั้นนางก็นึกถึงครั้งแรกที่นางพบเขา เวลานั้นเขากินดื่มอยู่ในโรงเตี้ยมกับผู้หญิงเหล่านั้น นางมองเขาผิดไป!
เถาวัลย์จะปีนขึ้นบนต้นไม้เพื่อดูดสารอาหารและรับแสงแดดให้มากขึ้น มันหวังที่จะฆ่าต้นไม้เช่นกันแต่มันไม่เคยคิดว่าสิ่งที่มันกำลังรัดพันจะเป็นเสาโลหะ
ในฐานะนักเดินทางข้ามโลก มีสิ่งใดที่เขาไม่เคยเห็น? การกระทำของเฉียนหรงจื่อเป็นเรื่องธรรมดามากในสังคมของชีวิตเดิมของเขา
เฉียนหรงจื่อหัวเราะแห้งๆ “เจ้ารู้วิธีล้อเล่นจริงๆ”
หลี่ฉิงซานกล่าว “หากเจ้าเล่นตลกเสร็จแล้ว มาเข้าประเด็นกันเถอะ เจ้าต้องการสิ่งใดเป็นของแลกเปลี่ยนกับการสอนปรุงยาให้ข้า? แม้ตัวข้าจะอยู่ในข้อตกลง ข้าก็สามารถรับได้”
เฉียนหรงจื่อตระหนักแล้วว่าการยั่วยวนไร้ประโยชน์สำหรับหลี่ฉิงซานหรือแม้นางจะทำสำเร็จ มันก็มีเพียงเขาเท่านั้นที่ไดรับผลประโยชน์ ดังนั้นนางจึงต้องเปิดเผยเป้าหมายของนาง “ข้าต้องการเคล็ดวิชาปราณเหล็กไหล”
หลี่ฉิงซานกล่าว “วิธีการบ่มเพาะของเฉียนเยี่ยนเหนิงงั้นหรือ? ข้าตรวจสอบแล้ว มันไม่ได้อยู่ในกระเป๋าร้อยสมบัติ”
“เจ้าแก่นั่นต้องทำลายมันไปแล้วเป็นแน่!” เฉียนหรงจื่อสาปแช่ง
หลี่ฉิงซานกล่าว “มีเคล็ดวิชามากมายอยู่ในหอตำราของหน่วยผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ เจ้าสามารถตรวจสอบมันเมื่อเจ้ากลับไป”
เฉียนหรงจื่อกล่าว “ข้าตรวจสอบมาแล้ว มีขยะมากมายที่ทำให้เจ้าบ่มเพาะไปถึงขั้นหกหรือเจ็ดแต่ไม่มีสักเล่มที่ทำให้เจ้าบรรลุเป็นจอมยุทธ์ขั้นสิบ”
หลี่ฉิงซานถาม “เจ้าได้แต้มผลงานมาจากที่ใด?”
เฉียนหรงจื่อเพียงเผยรอยยิ้ม
หลี่ฉิงซานกล่าว “ลืมคำถามของข้าไปซะ มีที่อื่นที่เจ้าสามารถหามันมาได้อีกหรือไม่?”
เฉียนหรงจื่อถามกลับ “เจ้าไม่หัวเราะเยาะข้างั้นหรือ?”
“เจ้ามีอิสระที่จะทำทุกสิ่งและมันก็ไม่เกี่ยวกับข้า”