ตอนที่ 528 ซุ่มโจมตี
ที่สมาพันธ์ชาวยุทธบรรยากาศในสาขาทองที่สามหนักอึ้งมาก
กองพลดาบแสงก่อตั้งโดยใช้สาขาทองที่สามเป็นแกนหลักและข่าวว่ากองพลใบไม้แดงถูกกวาดล้างแพร่กระจายไปแล้ว นั่นทำให้สาขาทองที่สามกระวนกระวายมากไม่ต้องสงสัยกันแล้ว เป้าหมายต่อไปคงเป็นกองพลดาบแสงเป็นแน่
“เราจะทำอย่างไรดี?” ยูริถาม
เทียบกับสาขาทองที่สิบของฌอนแล้ว สาขาทองที่สามแข็งแกร่งมากกว่า สาขารับทองในปัจจุบันไม่เหมือนกับในอดีตแล้วสาขาทองที่เก้าถูกทำลายไปแล้ว สาขาทองที่เจ็ดได้รับความสูญเสียหนักหน่วง และอยู่ในสภาพเจียนตาย แม้ว่าระดับสูงจะตัดสินใจให้สร้างสาขาทองที่เก้าอีกครั้งและให้การสนับสนุนสาขาทองที่เจ็ดมากขึ้นก็ตาม แต่ขณะปัจจุบันพวกเขายังไม่มีพัฒนาการใดๆ
ไม่ใช่เพียงแค่นั้นจำนวนของนักสู้ระดับทองลดจำนวนลงอย่างน่าตกใจมาก กำลังของแต่ละสาขามีระดับแตกต่างของการสูญเสียการสร้างกองทัพเป็นทางเลือกเดียวของแต่ละสาขา
“โส่วซินสร้างป้อมสมบัติดวงดาว” เสียงของรองหัวหน้าสาขาถอนหายใจ “เขาใช้สมบัติของเขาทั้งหมดสร้างป้อมสมบัติดวงดาว”
“นั่นก็ดีแล้ว!” ยูริคลายใจและยิ้มออกได้ “การสร้างแนวป้องกันคือความพยายามของโส่วซิน เนื่องจากโส่วซินตัดสินใจป้องกันจนตายก็คงไม่ง่ายที่คนอื่นจะทะลวงแนวรับของเขาได้”
“ใช่แล้ว,ความสามารถของโส่วซินในการสร้างแนวป้องกันนั้นเหลือเชื่อไม่มีใครเทียบกับเขาได้” รองหัวหน้าสาขาหัวเราะ “นอกจากนี้ โส่วซินยังสร้างป้อมสมบัติดวงดาวอย่างที่ไม่เคยปรากฏมีมาก่อน!”
“โอว มันเป็นประวัติการณ์ยังไง?” ยูริถามด้วยความสงสัย
รองหัวหน้าสาขาชูสองนิ้ว น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยคำอธิบายอย่างชัดเจน “สมบัติเกินกว่า 2000 ชิ้น! โส่วซินยินดีเสียสละของที่เขาอดออมมาอย่างหนัก
“สองพันชิ้น!” ยูริทึ่ง จากนั้นเขาหัวเราะลั่น “นั่นคือแนวป้องกันอย่างดี, ข้าอยากเห็นสีหน้าของเซียนที่อยู่ที่นั่นจริงๆ ฮืม.. ถังเทียนคิดว่าพอนำเซียนอิสระมาแล้วเขาจะสามารถทำอะไรตามใจตัวเองได้ อ่อนหัดเกินไปแล้ว! รอจนกว่าเซียนของเราเริ่มปรากฏตัวเถอะ พวกมันจะได้รู้ว่าเซียนจริงๆ เป็นยังไง”
รองหัวหน้าสาขาก็มีความรู้สึกเช่นเดียวกัน ในสายตาของพวกเขาพวกเซียนอิสระจนและมาตรฐานต่ำ นอกจากสนามพลังวิญญาณของตัวพวกเขาเองแล้ว พวกเขาไม่มีอะไร เขายกย่อง “แน่นอนว่า ถ้าพวกเซียนไม่เคยไปวิหารเซียนมาก่อน แค่กลุ่มเซียนของเราก็พอกำจัดพวกมันออกไปจนหมดได้”
สาขาทองมีนักสู้ระดับทองอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้นพวกเขามักได้รับการเชิดชูให้เป็นเซียน แต่ตามข้อบังคับของสมาพันธ์ชาวยุทธ นักสู้ของสมาพันธ์ทุกคนที่ได้รับตำแหน่งเซียนจะต้องเข้าวิหารเซียน
วิหารเซียนคือเป้าหมายสุดท้ายของนักสู้สมาพันธ์ชาวยุทธทุกคน ตราบใดที่พวกเขาสามารถเข้าวิหารเซียนได้ อย่างนั้นก็หมายความว่าพวกเขาแทบจะทำทุกอย่างตามฝันได้
วิหารเซียนเป็นสถานที่ลึกลับและยิ่งใหญ่ แม้แต่พวกเขาก็ยังไม่มีสิทธิ์เข้าไป แม้ว่าจะมีสถานะเป็นผู้อาวุโสสูงส่งในสมาพันธ์ชาวยุทธ ถ้าเขาไม่ก้าวเข้ามาอยู่ในสนามพลังวิญญาณ เขาก็ไม่สามารถเข้าไปในวิหารเซียนได้ มีแต่เซียนจึงมีศักดิ์ศรีพอเข้าวิหารเซียนได้ วิหารเซียนแห่งนี้มีกฎเหล็กของวิหารคงอยู่ในที่นี้มาเกินกว่าพันปีแล้ว
“เราจะมาดูกันว่าถังเทียนจะศีรษะระเบิดอยู่ในเงื้อมมือของโส่วซินได้ยังไง” ยูริหัวเราะย่ามใจ “ด้วยการต่อสู้อย่างนี้ชื่อเสียงของโส่วซินจะต้องโด่งดังขึ้นอย่างแน่นอน”
ทั่วทั้งสาขาทองที่สามโห่ร้องสนุกสนานกันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
สมาพันธ์ชาวยุทธในอดีตมีข้อจำกัดและวินัยที่เคร่งครัด การเลื่อนระดับเป็นเรื่องที่ยาก แต่หลังจากสงครามทวีความรุนแรงขึ้น บริการทางทหารที่โดดเด่นได้รับการให้ความสำคัญอยางไม่เคยมีมาก่อน ด้วยความดีความชอบของกองพลดาบแสงเป็นหลักสถานะของสาขาทองที่สามก็จะเพิ่มขึ้นมากมายอย่างแน่นอนเช่นกัน
“ข้าได้ยินมาว่ากองพลแสงใบไม้ร่วงของสาขาทองที่สิบกำลังก้าวหน้าไปอย่างมาก” รองหัวหน้าสาขาชี้แจง
ยูริพยักหน้ารับทราบข้อมูล การทำลายล้างของกองพลใบไม้แดงกระทบกระเทือนสาขาทองที่สิบอย่างมาก ถ้าเย่โส่วซินสามารถเอาชนะศึกนี้ได้ อย่างนั้นพวกเขาก็มีโอกาสรวบตำแหน่งของสาขาทองที่สิบด้วย ถ้าเรื่องนั้นเกิดขึ้นกำลังของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นอีกมากมาย
เย่โส่วซิน เราต้องพึ่งพาอาศัยเจ้าเสียแล้ว!
ยูริพูดในใจอย่างเงียบงัน เขารู้ความสำคัญของศึกใหญ่ที่จะมาถึง ขณะนี้ผู้อาวุโสของสมาพันธ์ชาวยุทธจับตามองศึกที่กำลังจะมาถึง
กระดาษไม่อาจห่อไฟได้และสมาพันธ์ชาวยุทธก็ไม่คิดจะปกปิดร่องรอยของพวกเขา พวกเขาประกาศข่าวแรกทันทีซึ่งก่อให้เกิดโกลหลไปทั่วสวรรค์วิถี
ถังเทียนนำกำลังเซียนสี่สิบคนสังหารกองพลใบไม้แดง!
ด้วยข่าวที่เปิดเผยออกมานั้นแพร่กระจายไปทั่วสวรรค์วิถีราวกับสายลม กลุ่มดาวขนาดใหญ่ทั้งหมดไม่มีคำอะไรจะพูด สมาพันธ์ชาวยุทธวิพากษ์วิจารณ์การกระทำของถังเทียนอย่างรุนแรง เรื่องของฝูอิงและเซียนผู้ถูกฝูอิงบังคับล้วนสมคบกับเขาทุกคน พวกเขาช่วยถังเทียนวางแผนทำร้ายฝูอิงและสมาพันธ์ชาวยุทธ
ดังนั้นสมาพันธ์ชาวยุทธขอประกาศว่าพวกเขาจะใช้วิธีการที่จำเป็นเพื่อลงโทษกลุ่มดาวหมีใหญ่
กลุ่มดาวราชสีห์ได้ประกาศยินดีต้อนรับกลุ่มดาวหมีใหญ่เป็นกลุ่มแรกทันทีและประกาศว่าพวกเขาจะสนับสนุนกลุ่มดาวหมีใหญ่ ประกาศฉบับนี้ทำให้สมาพันธ์ชาวยุทธถือเสมือนว่าพวกเขาเป็นศัตรู เทียบกับกลุ่มดาวหมีใหญ่แล้ว กลุ่มดาวราชสีห์เป็นศัตรูอีกระดับหนึ่ง
พอมาถึงจุดนี้สวรรค์วิถีดูมีชีวิตชีวามากขึ้น กับพัฒนาการของเหตุการณ์ที่รุนแรงฉับพลัน
ทุกคนเทความสนใจไปที่ถังเทียนและ42 เซียนซึ่งมีถังเทียนเป็นผู้นำโดยไม่รู้ตัว ไม่มีใครเคยคิดว่าในดินแดนอีกแห่งหนึ่ง สงครามอีกฉากหนึ่งกำลังจะเปิดม่าน ขณะที่กองพลดาบแสงยังคงมองหากองทัพจักรกล ปิงพากองทัพจักรกลกลับไปยังกลุ่มดาวหมีใหญ่โดยไม่มีใครรู้
****************
กองทัพจักรกลวิญญาณกำลังบินเลียดไปตามแนวเขาด้วยความเร็วสูง
“ระวังไว้ให้ดี!อย่าได้พลัดจากกลุ่ม!”
อาหลุนรวบรวมกำลังเพื่อสนับสนุนสหายของเขา เขารู้สึกเหมือนกับว่าทั่วทั้งร่างเขาชาปอดร้อนราวกับถูกไฟเผา เป็นเวลาสามวันสามคืนที่ไม่ได้ดื่มกินน้ำ พวกเขาบังคับตนเองให้ต้องเดินทางโดยไม่ได้พักและเดินทางด้วยความเร็วสูง แม้ว่าเขาจะพยายามอย่างหนักแต่เขาก็รู้สึกว่าเขาใกล้จะถึงขีดจำกัดแล้ว
ทันใดนั้นมีร่างหนึ่งแวบผ่านสายตาของเขาไป อาหลุนคล่องแคล่วว่องไวอาวุธจักรกลวิญญาณของเขาพุ่งลงมาคว้าชุดจักรกลวิญญาณที่สูญเสียการควบคุมไว้ได้
นักสู้ที่อยู่ภายในจักรกลวิญญาณหมดสติไปแล้วอาหลุนไม่มีอะไรจะพูด แบกชุดจักรกลวิญญาณของอีกฝ่ายขึ้นบ่าตนเอง
เขาชำเลืองมองพยัคฆ์ฟ้าที่อยู่ข้างหน้าเขา แต่ไม่ได้พูดอะไรสักคำจำนวนนักสู้ในกลุ่มที่เป็นลมหมดสติเพิ่มขึ้นถึงหนึ่งในห้า
“เรามาถึงกันแล้ว”
เสียงเหนื่อยล้าของปิงดังผ่านหูทุกคนเหมือนกับเป็นประกาศจากสวรรค์ ชุดอาวุธจักรกลทุกชุดล้มลงกับพื้นนอนแผ่หรากระจายไปทั่ว
“พวกเจ้ามีเวลาพักหนึ่งคืน”
หลังจากปิงพูดจบพยัคฆ์ฟ้าก็หยุดเคลื่อนไหวและเงียบลง ทุกคนต่างถึงขีดจำกัดของตนเอง และก่อนที่เวลาจะผ่านไปหนึ่งนาที ก็มีเสียงกรนดังออกมา
แสงอาทิตย์ยามอรุณกำลังใกล้เข้ามา อาหลุนตื่นขึ้น เขาลุกขึ้นยืนทันที เมื่อเห็นพยัคฆ์ฟ้าอยู่ที่ทางเข้าแนวเขาและสังเกตไปรอบๆ
“เตรียมตัวทำศึก!”
คำสั่งของปิงทำให้กองทัพทั้งหมดกระวนกระวายทุกคนเริ่มเตรียมรบ
ปิงมองดูกองพลแสงอรุณที่อยู่ในระยะไกล กองพลแสงอรุณยังคงอยู่ห่างและทั้งกองทัพมองเห็นเป็นจุดเดียว
ในที่สุดก็ทันพวกเจ้า!
กองพลแสงอรุณกำลังรุดหน้าไปอย่างไม่มีสะดุด ทำให้การเดินหน้าของพวกเขาทำได้อย่างรวดเร็ว
ปิงแค่นเสียง อีกฝ่ายหนึ่งไม่ได้เอาจริงจังกับกลุ่มดาวหมีใหญ่อย่างเห็นได้ชัด การเดินทางทั้งวันทั้งคืนโดยไม่ต้องส่งหน่วยสอดแนมไปล่วงหน้าโดยไม่มีความกลัวมุ่งตรงสู่ใจกลางเมืองหลวงของกลุ่มดาวหมีใหญ่ เมืองศีรษะพญาหมีอย่างเต็มกำลัง!
ปิงไม่พบว่าเป็นเรื่องแปลกที่ฝ่ายตรงข้ามทุกคนมีความมั่นใจ
ด้วยการมีนักสู้ระดับทองเป็นโครงสร้างของพวกเขาแม้แต่หัวหน้านายกองของพวกเขา ทั้งกองทัพเป็นนักสู้ระดับทองอย่างแท้จริง แต่พวกเจาคิดว่ากองทัพสร้างขึ้นจากนักสู้ที่โดดเด่นแค่เอามารวมตัวกันกระนั้นหรือ? พวกเจ้าดูถูกสิ่งที่เรียกว่ากองทัพและดูถูกสงครามเกินไปหน่อยแล้ว!
เมื่อปิงบินกลับมาที่ถ้ำ ทุกคนตั้งกระบวนสำเร็จแล้ว
เมื่อเห็นกองทัพจักรกลข้างหน้าพวกเขา ปิงพึงพอใจขึ้นบ้าง สามวันสามคืนในการรีบเร่งเดินทาง จะทำให้พวกเขาเอาชนะเอาได้เปรียบจากการชิงลงมือก่อนสำหรับการสู้รบที่กำลังจะมีมา คู่ต่อสู้คาดไม่ถึงว่าพวกเขาจะอ้อมไปอยู่ต่อหน้าฝ่ายตรงข้ามแล้ว
ปิงไม่ได้บอกอะไรกับกองทัพในเรื่องนี้ เขามองดูทหารซึ่งเขาสร้างขึ้นมาด้วยมือของเขาเองและเขาค่อยๆ เอ่ยปากพูด
“ข้าไม่อยากจะบอกว่าการศึกครั้งนี้สำคัญต่อกลุ่มดาวหมีใหญ่ของเราอย่างไร ข้าแค่ต้องการบอกพวกเจ้าว่า พวกเจ้าไม่มีทางถอยอีกแล้ว ผืนแผ่นดินที่อยู่ใต้เท้าของพวกเจ้าคือดินแดนของพวกเจ้า! นี่คือกลุ่มดาวหมีใหญ่ นี่คือบ้านของพวกเจ้า อนาคตของคนที่พวกเจ้ารักล้วนผูกพันอยู่กับแผ่นดินนี้ พวกเจ้ายังจำกลุ่มดาวหมาป่าได้ไหม ใครต้องการจะกลับไปบ้าง? ใครต้องการจะกลับไปยังดินแดนแห้งแล้งและไร้ความอุดมสมบูรณ์อย่างกลุ่มดาวหมาป่าบ้าง?”
เสียงของปิงราบเรียบแต่เขาทำให้อารมณ์ของทุกคนจริงจัง ลมหายใจของเขาหนักหน่วงเร่าร้อน ตาทั้งสองเป็นสีแดง ไม่มีใครลืมกลุ่มดาวหมาป่าความสิ้นหวังในการใช้ชีวิตที่แร้นแค้น ชีวิตน้อยๆและต่ำต้อยที่พวกเขาดำเนินไปวันๆ ในวันนี้เผ่าพันธุ์ของพวกเขาเริ่มใช้ชีวิตตามฝัน และมีอนาคตที่สดใสได้
กลับไปน่ะหรือ? จะให้เรากลับไปยังที่ๆ เราจากมานั่นเป็นไปไม่ได้แน่!
ภายในชุดอาวุธจักรกลวิญญาณ ร่างอาหลุนสั่นโดยไม่รู้ตัว เขาคิดถึงชีวิตในอดีตของเขาที่ชีวิตของเขาไม่เคยกินอาหารได้เต็มอิ่ม วันเวลาเหล่านั้นไม่เคยได้เห็นความหวังมีแต่วันคืนที่มืดมิด
ตอนนี้เหมือนกับมีชีวิตอยู่บนสรวงสวรรค์
เขากำหมัดโดยไม่รู้ตัวเส้นเลือดปูดโปน เขาสาบานในใจอย่าแม้แต่จะฝันว่าจะพรากสิ่งเหล่านี้ไปจากข้าได้
“เจ้ากลุ่มดาวของพวกเจ้าต่อสู้จนได้แผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์และสวยงามนี้มาเพื่อพวกเจ้า ดังนั้นตอนนี้ถึงเวลาที่พวกเจ้าจะต้องปกป้องมันเอาไว้
“พวกเจ้าทุกคนพร้อมหรือยัง?”
“จงใช้เลือดเนื้อและชีวิตของพวกเจ้าปกป้องบ้านของพวกเจ้าคนที่เจ้ารักและความภาคภูมิใจของพวกเจ้าเอาไว้”
ปิงไม่ยิ้มหรือทำหน้าพอใจทั้งนั้น สีหน้าของเขาจริงจังและขึงขังเหมือนกับแท่งน้ำแข็ง ความคมชัดของชุดเกราะของเขาแสดงให้เห็นถึงความสามารถของเขาและสะท้อนลึกไปถึงอาวุธจักรกลวิญญาณที่อยู่ต่อหน้าของเขา
ไม่มีเสียงโห่ร้องสะท้านสะเทือนเหมือนคลื่นถล่ม แต่มีเสียงหอบหายใจซึ่งดังเหมือนกลองศึกที่ค่อยๆดังขึ้นพร้อมกันและเหมือนพายุที่เริ่มรวมตัวกัน ทุกคนร่ำร้องอยู่ในหัวใจพวกเขา เลือดลมของพวกเขาเดือดพล่านไปทั่วทุกตารางนิ้วของผิวหนัง
ไม่มีถอนถอย!
ปิงจ้องมองทหารหนุ่มอย่างเยือกเย็น เทียบกับศัตรูผู้เป็นนักสู้ระดับทอง พวกเขายังห่างไกล อย่างไรก็ตาม เขายังเต็มไปด้วยความมั่นใจ เพราะกลุ่มคนเหล่านี้เป็นผู้เยาว์ที่มีศรัทธากล้าหาญ พวกเขามีความเชื่อมั่นในตนเองที่จะต่อสู้
ทันใดนั้นเขาคิดถึงอาซิ่น คิดถึงลั่วซือคิดถึงพรรคพวกในอดีต วิธีที่พวกเขามองดูทหารหนุ่มเหล่านี้
ก็แค่เพราะเหตุผลที่เห็นได้ชัดเหล่านี้ เพียงเพื่อศรัทธาที่น่าขันและโง่เขลา ความเร่าร้อนคุกรุ่นอยู่ในใจพวกเขา เพื่อจะปกป้องคนที่พวกเขามิอาจสูญเสียได้
ในความทรงจำสีเทาเมื่อเผชิญคลื่นสีบรอนซ์ที่น่ากลัว ก็เหมือนกับเผชิญหน้ากับป่าบรอนซ์ด้วยกัน
พยัคฆ์ฟ้าชูแขนสีน้ำเงิน
“เคลื่อนขบวน!”