ตอนที่แล้วตอนที่ 527 ที่มั่นสมบัติดวงดาว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 529 ชัยชนะเด็ดขาด

ตอนที่ 528 ซุ่มโจมตี


ที่สมาพันธ์ชาวยุทธบรรยากาศในสาขาทองที่สามหนักอึ้งมาก

กองพลดาบแสงก่อตั้งโดยใช้สาขาทองที่สามเป็นแกนหลักและข่าวว่ากองพลใบไม้แดงถูกกวาดล้างแพร่กระจายไปแล้ว  นั่นทำให้สาขาทองที่สามกระวนกระวายมากไม่ต้องสงสัยกันแล้ว เป้าหมายต่อไปคงเป็นกองพลดาบแสงเป็นแน่

“เราจะทำอย่างไรดี?”  ยูริถาม

เทียบกับสาขาทองที่สิบของฌอนแล้ว  สาขาทองที่สามแข็งแกร่งมากกว่า  สาขารับทองในปัจจุบันไม่เหมือนกับในอดีตแล้วสาขาทองที่เก้าถูกทำลายไปแล้ว สาขาทองที่เจ็ดได้รับความสูญเสียหนักหน่วง และอยู่ในสภาพเจียนตาย แม้ว่าระดับสูงจะตัดสินใจให้สร้างสาขาทองที่เก้าอีกครั้งและให้การสนับสนุนสาขาทองที่เจ็ดมากขึ้นก็ตาม  แต่ขณะปัจจุบันพวกเขายังไม่มีพัฒนาการใดๆ

ไม่ใช่เพียงแค่นั้นจำนวนของนักสู้ระดับทองลดจำนวนลงอย่างน่าตกใจมาก กำลังของแต่ละสาขามีระดับแตกต่างของการสูญเสียการสร้างกองทัพเป็นทางเลือกเดียวของแต่ละสาขา

“โส่วซินสร้างป้อมสมบัติดวงดาว”  เสียงของรองหัวหน้าสาขาถอนหายใจ “เขาใช้สมบัติของเขาทั้งหมดสร้างป้อมสมบัติดวงดาว”

“นั่นก็ดีแล้ว!”  ยูริคลายใจและยิ้มออกได้ “การสร้างแนวป้องกันคือความพยายามของโส่วซิน  เนื่องจากโส่วซินตัดสินใจป้องกันจนตายก็คงไม่ง่ายที่คนอื่นจะทะลวงแนวรับของเขาได้”

“ใช่แล้ว,ความสามารถของโส่วซินในการสร้างแนวป้องกันนั้นเหลือเชื่อไม่มีใครเทียบกับเขาได้”  รองหัวหน้าสาขาหัวเราะ  “นอกจากนี้ โส่วซินยังสร้างป้อมสมบัติดวงดาวอย่างที่ไม่เคยปรากฏมีมาก่อน!”

“โอว มันเป็นประวัติการณ์ยังไง?”  ยูริถามด้วยความสงสัย

รองหัวหน้าสาขาชูสองนิ้ว น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยคำอธิบายอย่างชัดเจน  “สมบัติเกินกว่า 2000 ชิ้น! โส่วซินยินดีเสียสละของที่เขาอดออมมาอย่างหนัก

“สองพันชิ้น!”  ยูริทึ่ง จากนั้นเขาหัวเราะลั่น “นั่นคือแนวป้องกันอย่างดี, ข้าอยากเห็นสีหน้าของเซียนที่อยู่ที่นั่นจริงๆ  ฮืม.. ถังเทียนคิดว่าพอนำเซียนอิสระมาแล้วเขาจะสามารถทำอะไรตามใจตัวเองได้  อ่อนหัดเกินไปแล้ว! รอจนกว่าเซียนของเราเริ่มปรากฏตัวเถอะ พวกมันจะได้รู้ว่าเซียนจริงๆ เป็นยังไง”

รองหัวหน้าสาขาก็มีความรู้สึกเช่นเดียวกัน  ในสายตาของพวกเขาพวกเซียนอิสระจนและมาตรฐานต่ำ  นอกจากสนามพลังวิญญาณของตัวพวกเขาเองแล้ว  พวกเขาไม่มีอะไร  เขายกย่อง “แน่นอนว่า ถ้าพวกเซียนไม่เคยไปวิหารเซียนมาก่อน  แค่กลุ่มเซียนของเราก็พอกำจัดพวกมันออกไปจนหมดได้”

สาขาทองมีนักสู้ระดับทองอยู่เป็นจำนวนมาก  ดังนั้นพวกเขามักได้รับการเชิดชูให้เป็นเซียน  แต่ตามข้อบังคับของสมาพันธ์ชาวยุทธ นักสู้ของสมาพันธ์ทุกคนที่ได้รับตำแหน่งเซียนจะต้องเข้าวิหารเซียน

วิหารเซียนคือเป้าหมายสุดท้ายของนักสู้สมาพันธ์ชาวยุทธทุกคน  ตราบใดที่พวกเขาสามารถเข้าวิหารเซียนได้ อย่างนั้นก็หมายความว่าพวกเขาแทบจะทำทุกอย่างตามฝันได้

วิหารเซียนเป็นสถานที่ลึกลับและยิ่งใหญ่  แม้แต่พวกเขาก็ยังไม่มีสิทธิ์เข้าไป แม้ว่าจะมีสถานะเป็นผู้อาวุโสสูงส่งในสมาพันธ์ชาวยุทธ  ถ้าเขาไม่ก้าวเข้ามาอยู่ในสนามพลังวิญญาณ  เขาก็ไม่สามารถเข้าไปในวิหารเซียนได้ มีแต่เซียนจึงมีศักดิ์ศรีพอเข้าวิหารเซียนได้  วิหารเซียนแห่งนี้มีกฎเหล็กของวิหารคงอยู่ในที่นี้มาเกินกว่าพันปีแล้ว

“เราจะมาดูกันว่าถังเทียนจะศีรษะระเบิดอยู่ในเงื้อมมือของโส่วซินได้ยังไง”  ยูริหัวเราะย่ามใจ  “ด้วยการต่อสู้อย่างนี้ชื่อเสียงของโส่วซินจะต้องโด่งดังขึ้นอย่างแน่นอน”

ทั่วทั้งสาขาทองที่สามโห่ร้องสนุกสนานกันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

สมาพันธ์ชาวยุทธในอดีตมีข้อจำกัดและวินัยที่เคร่งครัด  การเลื่อนระดับเป็นเรื่องที่ยาก  แต่หลังจากสงครามทวีความรุนแรงขึ้น บริการทางทหารที่โดดเด่นได้รับการให้ความสำคัญอยางไม่เคยมีมาก่อน  ด้วยความดีความชอบของกองพลดาบแสงเป็นหลักสถานะของสาขาทองที่สามก็จะเพิ่มขึ้นมากมายอย่างแน่นอนเช่นกัน

“ข้าได้ยินมาว่ากองพลแสงใบไม้ร่วงของสาขาทองที่สิบกำลังก้าวหน้าไปอย่างมาก”  รองหัวหน้าสาขาชี้แจง

ยูริพยักหน้ารับทราบข้อมูล การทำลายล้างของกองพลใบไม้แดงกระทบกระเทือนสาขาทองที่สิบอย่างมาก  ถ้าเย่โส่วซินสามารถเอาชนะศึกนี้ได้ อย่างนั้นพวกเขาก็มีโอกาสรวบตำแหน่งของสาขาทองที่สิบด้วย ถ้าเรื่องนั้นเกิดขึ้นกำลังของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นอีกมากมาย

เย่โส่วซิน  เราต้องพึ่งพาอาศัยเจ้าเสียแล้ว!

ยูริพูดในใจอย่างเงียบงัน  เขารู้ความสำคัญของศึกใหญ่ที่จะมาถึง ขณะนี้ผู้อาวุโสของสมาพันธ์ชาวยุทธจับตามองศึกที่กำลังจะมาถึง

กระดาษไม่อาจห่อไฟได้และสมาพันธ์ชาวยุทธก็ไม่คิดจะปกปิดร่องรอยของพวกเขา  พวกเขาประกาศข่าวแรกทันทีซึ่งก่อให้เกิดโกลหลไปทั่วสวรรค์วิถี

ถังเทียนนำกำลังเซียนสี่สิบคนสังหารกองพลใบไม้แดง!

ด้วยข่าวที่เปิดเผยออกมานั้นแพร่กระจายไปทั่วสวรรค์วิถีราวกับสายลม  กลุ่มดาวขนาดใหญ่ทั้งหมดไม่มีคำอะไรจะพูด สมาพันธ์ชาวยุทธวิพากษ์วิจารณ์การกระทำของถังเทียนอย่างรุนแรง เรื่องของฝูอิงและเซียนผู้ถูกฝูอิงบังคับล้วนสมคบกับเขาทุกคน พวกเขาช่วยถังเทียนวางแผนทำร้ายฝูอิงและสมาพันธ์ชาวยุทธ

ดังนั้นสมาพันธ์ชาวยุทธขอประกาศว่าพวกเขาจะใช้วิธีการที่จำเป็นเพื่อลงโทษกลุ่มดาวหมีใหญ่

กลุ่มดาวราชสีห์ได้ประกาศยินดีต้อนรับกลุ่มดาวหมีใหญ่เป็นกลุ่มแรกทันทีและประกาศว่าพวกเขาจะสนับสนุนกลุ่มดาวหมีใหญ่  ประกาศฉบับนี้ทำให้สมาพันธ์ชาวยุทธถือเสมือนว่าพวกเขาเป็นศัตรู  เทียบกับกลุ่มดาวหมีใหญ่แล้ว  กลุ่มดาวราชสีห์เป็นศัตรูอีกระดับหนึ่ง

พอมาถึงจุดนี้สวรรค์วิถีดูมีชีวิตชีวามากขึ้น กับพัฒนาการของเหตุการณ์ที่รุนแรงฉับพลัน

ทุกคนเทความสนใจไปที่ถังเทียนและ42 เซียนซึ่งมีถังเทียนเป็นผู้นำโดยไม่รู้ตัว ไม่มีใครเคยคิดว่าในดินแดนอีกแห่งหนึ่ง  สงครามอีกฉากหนึ่งกำลังจะเปิดม่าน  ขณะที่กองพลดาบแสงยังคงมองหากองทัพจักรกล ปิงพากองทัพจักรกลกลับไปยังกลุ่มดาวหมีใหญ่โดยไม่มีใครรู้

****************

กองทัพจักรกลวิญญาณกำลังบินเลียดไปตามแนวเขาด้วยความเร็วสูง

“ระวังไว้ให้ดี!อย่าได้พลัดจากกลุ่ม!”

อาหลุนรวบรวมกำลังเพื่อสนับสนุนสหายของเขา  เขารู้สึกเหมือนกับว่าทั่วทั้งร่างเขาชาปอดร้อนราวกับถูกไฟเผา เป็นเวลาสามวันสามคืนที่ไม่ได้ดื่มกินน้ำ พวกเขาบังคับตนเองให้ต้องเดินทางโดยไม่ได้พักและเดินทางด้วยความเร็วสูง  แม้ว่าเขาจะพยายามอย่างหนักแต่เขาก็รู้สึกว่าเขาใกล้จะถึงขีดจำกัดแล้ว

ทันใดนั้นมีร่างหนึ่งแวบผ่านสายตาของเขาไป  อาหลุนคล่องแคล่วว่องไวอาวุธจักรกลวิญญาณของเขาพุ่งลงมาคว้าชุดจักรกลวิญญาณที่สูญเสียการควบคุมไว้ได้

นักสู้ที่อยู่ภายในจักรกลวิญญาณหมดสติไปแล้วอาหลุนไม่มีอะไรจะพูด แบกชุดจักรกลวิญญาณของอีกฝ่ายขึ้นบ่าตนเอง

เขาชำเลืองมองพยัคฆ์ฟ้าที่อยู่ข้างหน้าเขา  แต่ไม่ได้พูดอะไรสักคำจำนวนนักสู้ในกลุ่มที่เป็นลมหมดสติเพิ่มขึ้นถึงหนึ่งในห้า

“เรามาถึงกันแล้ว”

เสียงเหนื่อยล้าของปิงดังผ่านหูทุกคนเหมือนกับเป็นประกาศจากสวรรค์ ชุดอาวุธจักรกลทุกชุดล้มลงกับพื้นนอนแผ่หรากระจายไปทั่ว

“พวกเจ้ามีเวลาพักหนึ่งคืน”

หลังจากปิงพูดจบพยัคฆ์ฟ้าก็หยุดเคลื่อนไหวและเงียบลง ทุกคนต่างถึงขีดจำกัดของตนเอง และก่อนที่เวลาจะผ่านไปหนึ่งนาที  ก็มีเสียงกรนดังออกมา

แสงอาทิตย์ยามอรุณกำลังใกล้เข้ามา  อาหลุนตื่นขึ้น  เขาลุกขึ้นยืนทันที เมื่อเห็นพยัคฆ์ฟ้าอยู่ที่ทางเข้าแนวเขาและสังเกตไปรอบๆ

“เตรียมตัวทำศึก!”

คำสั่งของปิงทำให้กองทัพทั้งหมดกระวนกระวายทุกคนเริ่มเตรียมรบ

ปิงมองดูกองพลแสงอรุณที่อยู่ในระยะไกล กองพลแสงอรุณยังคงอยู่ห่างและทั้งกองทัพมองเห็นเป็นจุดเดียว

ในที่สุดก็ทันพวกเจ้า!

กองพลแสงอรุณกำลังรุดหน้าไปอย่างไม่มีสะดุด  ทำให้การเดินหน้าของพวกเขาทำได้อย่างรวดเร็ว

ปิงแค่นเสียง  อีกฝ่ายหนึ่งไม่ได้เอาจริงจังกับกลุ่มดาวหมีใหญ่อย่างเห็นได้ชัด  การเดินทางทั้งวันทั้งคืนโดยไม่ต้องส่งหน่วยสอดแนมไปล่วงหน้าโดยไม่มีความกลัวมุ่งตรงสู่ใจกลางเมืองหลวงของกลุ่มดาวหมีใหญ่ เมืองศีรษะพญาหมีอย่างเต็มกำลัง!

ปิงไม่พบว่าเป็นเรื่องแปลกที่ฝ่ายตรงข้ามทุกคนมีความมั่นใจ

ด้วยการมีนักสู้ระดับทองเป็นโครงสร้างของพวกเขาแม้แต่หัวหน้านายกองของพวกเขา ทั้งกองทัพเป็นนักสู้ระดับทองอย่างแท้จริง  แต่พวกเจาคิดว่ากองทัพสร้างขึ้นจากนักสู้ที่โดดเด่นแค่เอามารวมตัวกันกระนั้นหรือ? พวกเจ้าดูถูกสิ่งที่เรียกว่ากองทัพและดูถูกสงครามเกินไปหน่อยแล้ว!

เมื่อปิงบินกลับมาที่ถ้ำ  ทุกคนตั้งกระบวนสำเร็จแล้ว

เมื่อเห็นกองทัพจักรกลข้างหน้าพวกเขา  ปิงพึงพอใจขึ้นบ้าง  สามวันสามคืนในการรีบเร่งเดินทาง จะทำให้พวกเขาเอาชนะเอาได้เปรียบจากการชิงลงมือก่อนสำหรับการสู้รบที่กำลังจะมีมา คู่ต่อสู้คาดไม่ถึงว่าพวกเขาจะอ้อมไปอยู่ต่อหน้าฝ่ายตรงข้ามแล้ว

ปิงไม่ได้บอกอะไรกับกองทัพในเรื่องนี้ เขามองดูทหารซึ่งเขาสร้างขึ้นมาด้วยมือของเขาเองและเขาค่อยๆ เอ่ยปากพูด

“ข้าไม่อยากจะบอกว่าการศึกครั้งนี้สำคัญต่อกลุ่มดาวหมีใหญ่ของเราอย่างไร  ข้าแค่ต้องการบอกพวกเจ้าว่า  พวกเจ้าไม่มีทางถอยอีกแล้ว  ผืนแผ่นดินที่อยู่ใต้เท้าของพวกเจ้าคือดินแดนของพวกเจ้า!  นี่คือกลุ่มดาวหมีใหญ่  นี่คือบ้านของพวกเจ้า อนาคตของคนที่พวกเจ้ารักล้วนผูกพันอยู่กับแผ่นดินนี้  พวกเจ้ายังจำกลุ่มดาวหมาป่าได้ไหม  ใครต้องการจะกลับไปบ้าง? ใครต้องการจะกลับไปยังดินแดนแห้งแล้งและไร้ความอุดมสมบูรณ์อย่างกลุ่มดาวหมาป่าบ้าง?”

เสียงของปิงราบเรียบแต่เขาทำให้อารมณ์ของทุกคนจริงจัง ลมหายใจของเขาหนักหน่วงเร่าร้อน  ตาทั้งสองเป็นสีแดง  ไม่มีใครลืมกลุ่มดาวหมาป่าความสิ้นหวังในการใช้ชีวิตที่แร้นแค้น ชีวิตน้อยๆและต่ำต้อยที่พวกเขาดำเนินไปวันๆ ในวันนี้เผ่าพันธุ์ของพวกเขาเริ่มใช้ชีวิตตามฝัน และมีอนาคตที่สดใสได้

กลับไปน่ะหรือ?  จะให้เรากลับไปยังที่ๆ เราจากมานั่นเป็นไปไม่ได้แน่!

ภายในชุดอาวุธจักรกลวิญญาณ  ร่างอาหลุนสั่นโดยไม่รู้ตัว  เขาคิดถึงชีวิตในอดีตของเขาที่ชีวิตของเขาไม่เคยกินอาหารได้เต็มอิ่ม วันเวลาเหล่านั้นไม่เคยได้เห็นความหวังมีแต่วันคืนที่มืดมิด

ตอนนี้เหมือนกับมีชีวิตอยู่บนสรวงสวรรค์

เขากำหมัดโดยไม่รู้ตัวเส้นเลือดปูดโปน  เขาสาบานในใจอย่าแม้แต่จะฝันว่าจะพรากสิ่งเหล่านี้ไปจากข้าได้

“เจ้ากลุ่มดาวของพวกเจ้าต่อสู้จนได้แผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์และสวยงามนี้มาเพื่อพวกเจ้า  ดังนั้นตอนนี้ถึงเวลาที่พวกเจ้าจะต้องปกป้องมันเอาไว้

“พวกเจ้าทุกคนพร้อมหรือยัง?”

“จงใช้เลือดเนื้อและชีวิตของพวกเจ้าปกป้องบ้านของพวกเจ้าคนที่เจ้ารักและความภาคภูมิใจของพวกเจ้าเอาไว้”

ปิงไม่ยิ้มหรือทำหน้าพอใจทั้งนั้น สีหน้าของเขาจริงจังและขึงขังเหมือนกับแท่งน้ำแข็ง ความคมชัดของชุดเกราะของเขาแสดงให้เห็นถึงความสามารถของเขาและสะท้อนลึกไปถึงอาวุธจักรกลวิญญาณที่อยู่ต่อหน้าของเขา

ไม่มีเสียงโห่ร้องสะท้านสะเทือนเหมือนคลื่นถล่ม แต่มีเสียงหอบหายใจซึ่งดังเหมือนกลองศึกที่ค่อยๆดังขึ้นพร้อมกันและเหมือนพายุที่เริ่มรวมตัวกัน ทุกคนร่ำร้องอยู่ในหัวใจพวกเขา เลือดลมของพวกเขาเดือดพล่านไปทั่วทุกตารางนิ้วของผิวหนัง

ไม่มีถอนถอย!

ปิงจ้องมองทหารหนุ่มอย่างเยือกเย็น  เทียบกับศัตรูผู้เป็นนักสู้ระดับทอง  พวกเขายังห่างไกล  อย่างไรก็ตาม เขายังเต็มไปด้วยความมั่นใจ เพราะกลุ่มคนเหล่านี้เป็นผู้เยาว์ที่มีศรัทธากล้าหาญ  พวกเขามีความเชื่อมั่นในตนเองที่จะต่อสู้

ทันใดนั้นเขาคิดถึงอาซิ่น  คิดถึงลั่วซือคิดถึงพรรคพวกในอดีต  วิธีที่พวกเขามองดูทหารหนุ่มเหล่านี้

ก็แค่เพราะเหตุผลที่เห็นได้ชัดเหล่านี้  เพียงเพื่อศรัทธาที่น่าขันและโง่เขลา  ความเร่าร้อนคุกรุ่นอยู่ในใจพวกเขา  เพื่อจะปกป้องคนที่พวกเขามิอาจสูญเสียได้

ในความทรงจำสีเทาเมื่อเผชิญคลื่นสีบรอนซ์ที่น่ากลัว ก็เหมือนกับเผชิญหน้ากับป่าบรอนซ์ด้วยกัน

พยัคฆ์ฟ้าชูแขนสีน้ำเงิน

“เคลื่อนขบวน!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด