ตอนที่แล้วตอนที่ 526 แรงกดดันจากสมาพันธ์ชาวยุทธ์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 528 ซุ่มโจมตี

ตอนที่ 527 ที่มั่นสมบัติดวงดาว


ไม่น่าแปลกใจเลยว่าสมาพันธ์ชาวยุทธ์ยิ่งหวาดระแวงเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นที่กลุ่มดาวเซกซ์แทนส์ ป้อมปราการประตูเดี่ยวที่สาบสูญมาหลายปีแล้วกล่าวกันว่าปรากฏขึ้นที่เมืองหานกู่ แต่ใครเป็นคนสร้างขึ้น? ใครฆ่าฝูอิง? สมบัติลับที่เกี่ยวข้องกับดวงตาเซกซ์แทนส์คืออะไรกันแน่?

เรื่องลึกลับซับซ้อนเพิ่มขึ้นเหมือนหมอกหลายชั้น

และวันนี้กองพลใบไม้แดงถูกทำลายโดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าทำให้ผู้บริหารระดับสูงของสมาพันธ์ชาวยุทธ์กังวลมากยิ่งขึ้น พวกเขาคิดว่ากลุ่มดาวหมีใหญ่จะพ่ายแพ้กันได้ง่ายทั้งที่เห็นอยู่ แต่พวกเขาไม่คาดเลยว่าฝ่ายที่รู้สึกกดดันในตอนนี้เองก็คือพวกเขาเองสมาพันธ์ชาวยุทธ์

กลุ่มดาวคนธนูหรือเปล่า?หรือว่ากลุ่มดาวคันชั่ง?

สองกลุ่มดาวแรกนี้ที่สมาพันธ์ชาวยุทธ์คิดได้  ราชินีกลุ่มดาวคนธนูและอาเฮ่อมีสัมพันธ์ที่สนิทกันและการแลกเปลี่ยนวิชาจักรกลระหว่างกลุ่มดาวคันชั่งและกลุ่มดาวหมีใหญ่ก็มีถี่ครั้งมาก

ไม่ว่าพวกเขาจะคาดเดายังไงไม่ต้องสงสัยเลยว่าสิ่งเดียวที่สมาพันธ์ชาวยุทธ์จะไม่ทนถูกโต้ตอบในกลุ่มดาวเซกซ์แทนส์อย่างเดียวแน่

ถ้าพวกเขาไม่ได้ออกแถลงการณ์  พวกเขาอาจยอมประสบความสูญเสียบางส่วนก็เพียงแค่นั้น อย่างไรก็ตามพวกเขาได้ออกแถลงการณ์แสดงอำนาจและประกาศกร้าวไปแล้ว  จึงเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะปล่อยเรื่องไว้แบบนั้นไม่ได้ ต่อให้กลุ่มดาวหมีใหญ่มีกลุ่มดาวตำหนักระนาบสุริยุปราคาหนุนหลัง  สมาพันธ์ชาวยุทธ์ไม่มีทางเลือกได้แต่ประกาศสงคราม

ทุกคนจับตาไปที่กลุ่มดาวเซกซ์แทนส์  ถ้าสมาพันธ์ชาวยุทธ์เหลือไว้แค่หาง  อย่างนั้นผลกระทบในศักดิ์ศรีก็จะรุนแรงและพันธมิตรที่อ่อนแอแต่เดิมอาจล่มสลายและแตกกระจายก็ได้

สมาพันธ์ชาวยุทธ์มีปฏิกิริยาทันที และใช้งานเซียนเกินกว่า15 คน  เกี่ยวกับกองทัพ สมาพันธ์ชาวยุทธ์ไม่มีความมั่นใจอย่างเพียงพอเช่นเดียวกับพลังของกลุ่มดาวราชสีห์ แต่เกี่ยวกับเรื่องเซียน สิ่งเดียวที่สมาพันธ์ชาวยุทธ์กลัวก็คือองค์การวิญญาณมืด

อย่างไรก็ตามความเป็นไปได้ที่องค์การวิญญาณมืดจะสร้างความวุ่นวายใดๆได้มีไม่สูง ถงเก๋อศิษย์รักของผู้อาวุโสมู่ตายในเมืองหานกู่  ดังนั้นความเกลียดชังระหว่างผู้อาวุโสมู่และถังเทียนจะไม่มีทางคลี่คลายได้  ผู้อาวุโสมู่มีตำแหน่งที่สูงส่งในองค์การวิญญาณมืด ดังนั้นจะไม่ใช่คนที่สนับสนุนกลุ่มดาวหมีใหญ่ในคราวนี้แน่ เนื่องจากมีบางเรื่องที่ผู้อาวุโสมู่ยอมรับไม่ได้

สำหรับเซียนของสิบสองตำหนักระนาบสุริยุปราคาไม่ใช่คู่ต่อกรของสมาพันธ์ชาวยุทธ์แน่นอน

แม้ว่าจะมีเซียนจำนวนมากถูกส่งไปแนวหน้า  แต่ขุมกำลังลึกๆของสมาพันธ์ชาวยุทธ์ยังมีอยู่อย่างมิต้องสงสัย  ภายในช่วงเวลาวันเดียว  พวกเขาระดมเซียนได้สิบห้าคน    เซียนส่วนใหญ่เหล่านี้กำลังอยู่ในเส้นทางสร้างวิชาจิตวิญญาณของตน พอทางสมาพันธ์ชาวยุทธ์เรียกตัว พวกเขามาโดยไม่ลังเลใจ

สมาพันธ์ชาวยุทธ์คือผู้เชี่ยวชาญที่สุดในการรักษาพลังของเซียนในสวรรค์วิถีทั้งหมดซึ่งไม่มีใครสามารถเอาชนะพวกเขาได้  จนถึงจุดนี้แม้แต่ศัตรูตัวฉกาจของสมาพันธ์ชาวยุทธ์อย่างองค์การวิญญาณมืดได้แต่ยอมรับ

มีองค์การวิญญาณมืดเป็นอีกกลุ่มองค์กรที่ทรงพลังหมอบรออยู่ในความมืด แต่ก็ยังสามารถข่มสิบสองตำหนักระนาบสุริยุปราคาได้  สมาพันธ์ชาวยุทธ์ได้แสดงจุดแข็งที่แน่นอนในสวรรค์วิถีทั้งหมด  สิ่งที่พวกเขาพึ่งพาก็คือเซียนจำนวนที่น่าตกใจ

ไม่มีใครรู้ว่ามีเซียนอยู่เท่าใดแน่ในสมาพันธ์ชาวยุทธ์

พวกเขารู้แต่เพียงว่าถ้าพวกเขาต้องการ  พวกเขาจะมีเซียนปรากฏตัวออกมาต่อสู้

ก่อนราชสีห์เลโอนไม่มีใครกล้าท้าทายอำนาจของสมาพันธ์ชาวยุทธ์

ภายในคืนเดียว 15 เซียนก็มารวมตัวกัน  เนื่องจากกลุ่มดาวเซกซ์แทนส์เป็นของกลุ่มดาวหมีใหญ่ไปแล้วจึงมีการแทรกแซงของพลังดวงดาว ดังนั้นพวกเขาไม่สามารถถูกส่งไปที่กลุ่มดาวเซกซ์แทนส์โดยตรงได้ พวกเขาได้แต่ถูกส่งไปที่ตั้งค่ายของกองพลใบไม้แดง

ขณะที่ถังเทียนไปพบกับกองกำลังดาบแสงแล้ว

กองพลดาบแสงได้รับแจ้งแล้วว่ากองพลใบไม้แดงถูกกำจัดไปแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงรักษาความตื่นตัวระดับสูงไว้  เมื่อถังเทียนและพวกใกล้เข้ามา  กองพลดาบแสงเตรียมตัวพร้อมอยู่ก่อนแล้ว

ผู้บัญชาการกองพลดาบแสงก็คือเย่โส่วซินเงยหน้ามองดูร่างในท้องฟ้าก็สูดลมหายใจหนาวเหน็บทันที แม้ว่าเขาจะรู้อยู่ก่อนแล้วว่าฝ่ายตรงข้ามมีเซียนอยู่กลุ่มหนึ่ง  แต่เมื่อเห็นการปรากฏตัวออกมาของพวกเขา  ทำให้เขาสั่น

เซียน 43 คน!

มิน่าเล่ากองพลใบไม้แดงถึงถูกกำจัดได้อย่างไม่มีเสียง

เย่โส่วซินรู้ว่านั่นคือหายนะ  ถ้าฝ่ายตรงข้ามมีเซียนแค่เพียงสิบคน  เขารู้สึกว่ายังพอมีหวัง  แต่นี่เป็นเซียน 43 คนแค่ที่เห็นลอยอยู่ในอากาศ พวกเขาแยกย้ายพลังกันก็แทบทำให้ผู้คนหายใจไม่ออกแล้ว

เย่โส่วซินรู้ว่าการต่อสู้ที่กำลังจะมีมาจะยากที่สุดเท่าที่เขาเคยพบมา

“ทุกคนอย่าแตกตื่น  เซียนของเรากำลังอยู่ในระหว่างเดินทาง  ทุกคนตั้งสมาธิป้องกันให้ดี!”

เขารู้ว่ากำลังใจด้านเขาไม่ได้มีเปรียบมากนัก ใบหน้าของทหารเต็มไปด้วยความกลัวและสิ้นหวัง  พวกเขาเตรียมพร้อมสำหรับสงครามที่ขื่นขม  ตั้งแต่ได้รับข่าวมาตั้งแต่แรก  กองพลดาบแสงก็หยุดรุกคืบหน้าและหยุดเก็บแรงและสร้างป้อมรอ

ทหารทุกคนได้บริจาคและสมทบสมบัติของตนเอง  ดังนั้นทั้งสี่มุมของค่ายและในท้องฟ้าจึงมีสมบัติลอยอยู่ สมบัติเหล่านี้ถูกเตรียมไว้อย่างพิถีพิถัน การจัดเรียงไม่สม่ำเสมอให้ความรู้สึกที่แข็งแกร่งก่อเกิดเป็นป้อมสมบัติดวงดาว

โครงสร้างแนวป้องกันสมบัติดวงดาวส่วนใหญ่ถูกใช้นอกเมืองและป้อมสมบัติดวงดาวคือหนึ่งในการป้องกันด้วยสมบัติที่แข็งแกร่งที่สุด

สมบัติทุกอย่างยังคงทรงพลัง  คุณสมบัติของมันแตกต่างกันทั้งหมด  แต่ทั้งหมดทรงพลัง  เหมือนชิ้นอิฐก่อสร้างที่ทรงพลัง  และผู้นำทหารที่โดดเด่นสามารถสอดแทรกสมบัติและใช้โครงสร้างทำการป้องกันและนี่คือป้อมสมบัติดวงดาว

สมบัติดวงดาวขนาดต่างๆลอยสูงบ้างต่ำบ้างมองดูเผินๆ พวกมันดูเหมือนฟองน้ำเล็กที่ลอยอยู่  สมบัติเหล่านั้นเปล่งแสงสีต่างๆ  แสงรัศมีเหล่านี้เหมือนเป็นสสารที่ก่อตัวเป็นชั้นๆมองดูเป็นป้อมรูปอัฒจันทร์โค้ง

“เข้าประจำตำแหน่งของพวกเจ้า!”

เย่โส่วซินสั่งการทำให้นักสู้ทุกคนจับกลุ่มกันสามคนบ้างห้าคนบ้างเข้าไปในวงแสงต่างๆ ข้างๆ สมบัติมีคนคอยเฝ้าป้องกันอยู่

เย่โส่วซินสงบจิตใจของเขา เขารู้สึกขอบใจเล็กน้อยที่ได้มีโอกาสเตรียมรับสถานการณ์ร้ายตั้งแต่แรก ขณะที่เขากลัวว่าป้อมสมบัติดวงดาวจะไม่สามารถต้านทานศัตรูได้  เขาเตรียมตำแหน่งป้องกันโดยเฉพาะ  และมุ่งมั่นจะใช้ป้อมนี้เป็นแนวป้องกัน  เขายังมีความมั่นใจในป้อมนี้สมบัติดวงดาวเกือบสองพันชิ้น ทั้งกองทัพใช้เวลาสองวันเต็มในการสร้างที่มั่น

มันคือป้อมสมบัติดวงดาวที่ใหญ่ที่สุดที่เขาเคยสร้างขึ้นมาในชีวิต

วี้... วี้.... วี้...!

สมบัติแต่ละชิ้นเปล่งแสงรัศมีลอยอยู่รอบๆฐานช้าๆแสงสีรุ้งหายไปและป้อมสีขาวหิมะรูปเหมือนพระจันทร์ครึ่งดวงปรากฏอยู่ต่อหน้าทุกคน

“ป้อมสมบัติดวงดาว!”

“นี่คงยุ่งยากแน่!”

“หึหึ  สมาพันธ์ชาวยุทธ์ร่ำรวยจริงๆต้องใช้สมบัติกี่ชิ้นถึงทำอย่างนี้ได้”

“นี่จำเป็นต้องใช้เงินทุนมหาศาล  ถ้าที่มั่นนี้แลกเปลี่ยนเป็นเงินได้มันจะกลายเป็นป้อมปราการเหรียญดาว”

พวกเซียนคุยกันอย่างเคร่งขรึม

มอนตาพูดอยู่ข้างถังเทียนเบาๆ“ท่านเจ้ากลุ่มดาวต้องระวัง ป้อมสมบัติดวงดาวมีขนาดที่ใหญ่ พลังป้องกันของมันต้องน่าตระหนก กระดองเต่านี้ยากจะทำให้แตกได้

ถังเทียนรู้สึกทึ่งกับการตั้งขบวนของฝ่ายตรงข้าม

เป็นครั้งแรกที่เขาได้เย็นป้อมสมบัติดวงดาว  ดังนั้นเขามีความสงสัยมากสมบัติดวงดาวสามารถใช้อย่างนี้ได้ นับว่าได้เปิดหูเปิดตาจริงๆถังเทียนมองดูชั่วขณะและเขาก็เข้าใจว่าป้อมนั้นใช้เพื่ออะไร เมื่อถังเทียนเริ่มบรรเทาอาการอยากรู้ของตนเองแล้วเขาเริ่มเจ็บปวดในใจ

สมบัติตั้งมากมายหลายอย่างต้องใช้เหรียญดาวไปเป็นจำนวนมากมาย

การต่อสู้ในสงครามต้องใช้เงินอย่างแน่นอน!

ป้อมสมบัติดวงดาว ค่าของมันต้องสูงถึง 100พันล้านเหรียญดาวแน่!

กองกำลังที่รักษาป้อมต้องใช้เงินไปถึง 100พันล้านเหรียญดาว  กลุ่มสมาพันธ์ชาวยุทธ์  พวกเจ้ารวยแค่ไหนกัน?

พวกเจ้าแค่ส่งเงินมาให้ข้าและบอกให้ข้าไม่ต้องสู้กับพวกเจ้า  ข้าย่อมต้องเห็นด้วยแน่นอน!

ทำไมมันไปกันใหญ่...  ทำไมต้องทำเกินไปด้วย...

“กระดองเต่านี้แข็งไปหน่อย”  ถังเทียนพูดอย่างโกรธเคืองศัตรูใช้การป้องกันแบบปิดตาย กระดองเต่าติดตั้งสมบัติดวงดาวมากมาย ต่อให้ใช้หัวแม่เท้าคิด เขาก็รู้แล้วว่ามันยากมาก

หลังจากคิดอยู่ชั่วขณะ  ถังเทียนไม่มีความคิดอะไร  เขาพูด “เฮ้ มีใครบ้างที่สามารถแตกความคิดที่จะได้รับสมบัติบ้างไหม?”

หลังจากถังเทียนพูดคำเหล่านี้ เซียนทั้ง 42คนถึงกับตาแดง พวกเขามองดูป้อมสมบัติดวงดาวข้างล่างด้วยดวงตาที่แดงก่ำ สายตาพวกเขาเหมือนกับหมาป่าที่หิวโหยกำลังมองดูแกะอ้วนข้างล่าง

ถังเทียนพอใจ ความจริงรางวัลเหมาะกับคนกล้า ไม่ใช่คนฉลาด

ทั้ง 42คนทำหน้าแข็งกระด้างเหมือนกับว่าพวกเขาคิดเรื่องลำบาก

กองพลดาบแสงข้างล่างถอนหายใจ

“พี่ใหญ่  พวกเขาทำอะไร?”

“ฮ่า, พวกเขากำลังคิดว่าทำยังไงจึงจะทำลายป้อมสมบัติดวงดาวของเราได้!”

“ฮ่าฮ่า,  งั้นพวกเซียนก็แค่นั้นเองเจ้านายก็แข็งแกร่งทรงพลังมาก ป้อมสมบัติดวงดาวนี้มั่นคงไม่หวั่นไหวจริงๆ    เจ้านาย,เรามีเซียนเพียง 15 คนจะเพียงพอหรือ?”

“ไม่พอ? เจ้าประเมินเซียนอิสระพวกนี้สูงส่งเกินไปแล้ว  ประการแรก พวกเซียนอาศัยวิชาจิตวิญญาณ  ประการที่สองพวกเขาอาศัยแต่เพียงสมบัติวิญญาณ   วิญญาณอนาถาพวกนี้จะมีอะไร?  เจ้าจะรู้เมื่อถึงเวลา  เซียนอิสระข้างนอกเทียบกับเซียนจากสมาพันธ์ชาวยุทธ์ก็แค่พวกขอทานยากจน”

“ยอดเยี่ยม! ถึงเวลานั้น ค่อยฆ่าเซียนเหล่านี้กัน...”

มอนตาและเซียนอื่นกำลังอภิปรายกันอย่างร้อนแรง

“พิษ?นั่นดูไม่เหมาะสม พลังงานมีหนาแน่นมาก แล้วพิษจะแทรกซึมเข้าไปได้หรือ?

“โจมตีด้วยวิชาจิตวิญญาณเต็มกำลังได้ไหม?  ดี,นี่คือสมบัติวิญญาณที่มีเกินสองพันชิ้น พอจะขยี้พวกเขาได้เลย”

……

ปรึกษากันครึ่งค่อนวัน  ทุกคนก็ยังหาแผนที่เหมาะสมไม่ได้  ขนาดของที่มั่นสมบัติดวงดาวไม่เคยพบเห็นมาก่อน

เสี่ยวเอ้อไตร่ตรองเงียบๆ อยู่ด้านข้าง  ป้อมสมบัติดวงดาว  วิธีการทั่วไปไม่สามารถสร้างอันตรายได้มากนัก  ข้อสงสัยนี้เพิ่มความสนใจให้กับเขา  เขาไตร่ตรองถึงมุมมองอื่น ถ้าเขาเผชิญหน้ากับฐานนี้จะต้องใช้วิธีใดโจมตีดี

หลังจากคิดได้บางอย่างเขาหมกมุ่นอยู่กับการคิด

ถังเทียนรอจนหงุดหงิด  “ตกลงเราจะใช้วิธีใดกันแน่?”

เสี่ยวเอ้อกำลังคิดเพลินก็โพล่งคำพูดออกมาทันที  “ใช้สมบัติจิตวิญญาณ!”

ถังเทียนนัยน์ตาเป็นประกาย  “เสี่ยวเอ้อ, เจ้ามีความคิดดีๆ แล้วหรือ?”

เสี่ยวเอ้อเสียใจแทบจะทันทีที่เขาพูดออกไป เขาควรจะทำเหมือนตนเองเป็นฝ่ายที่สามและมองดูเจ้าเด็กโง่ลงมือ  นี่เขากำลังคิดอะไร...

เสี่ยวเอ้อคิดแทบตายแต่เวลานี้กลับถูกถังเทียนค้นพบ ร่างของเขาไม่เป็นตัวของตัวเองและได้โพล่งออกมา  “เจ้าสามารถปรับแต่งสมบัติจิตวิญญาณและตั้งเวลาไว้  พลังงานกระจายตัวเมื่อสมบัติวิญญาณระเบิดก็จะรุนแรงมากกว่าสมบัติธรรมดา”

ถังเทียนมีความสุข  “เสี่ยวเอ้อฉลาด!  ปรับแต่ง, เราจะปรับแต่งเดี๋ยวนี้ เราจะไม่คิดถึงสมบัติดวงดาวอะไรอีกแล้ว ให้พวกเขาได้ลิ้มรสชาติสมบัติดวงดาวของพวกเราบ้าง”

เสี่ยวเอ้อต้องการทุบตัวเองให้ตายนัก  เขาต้องการเตือนเจ้าเด็กโง่ เฮ้, เราคือศัตรูกัน  เราสู้กันมาหลายวันแล้วอย่ามาแกล้งทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น...

เสี่ยวเอ้อกำลังโกรธอยู่ในใจ  หน้าของเขาดำขณะที่เขาเริ่มก้มหน้าก้มตาปรับแต่งสมบัติโดยไม่พูดอะไร

นี่เป็นครั้งแรกที่เขากำลังปรับแต่งสร้างสมบัติต่อหน้าเซียนคนอื่น มอนตาและเซียนที่เหลือมองดูเสี่ยวเอ้อจนนัยน์ตาเป็นประกาย เมื่อพวกเขาเห็นเสี่ยวเอ้อใช้เพลิงเย็นได้ตามใจปรารถนาพวกเขาถึงกับตะลึงไปอย่างสิ้นเชิง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด