ตอนที่แล้วตอนที่ 525 สังหารเรียบ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 527 ที่มั่นสมบัติดวงดาว

ตอนที่ 526 แรงกดดันจากสมาพันธ์ชาวยุทธ์


ทุกคนเก็บกวาดสนามรบอย่างเงียบงัน

มอนตาถามทันที  “ท่านเจ้ากลุ่มดาว ท่านสู้มาหลายศึกแล้วใช่ไหม?

คำพูดของมอนตาเรียกความสนใจจากทุกคน

“ก็ไม่มาก” ถังเทียนเอียงคอคิดอยู่นาน เขาเหยียดมือออกและนับนิ้ว  แต่เขาเอาดีไม่ได้เลยในเรื่องการนับเลขได้แต่ตอบเพียงว่า “ยังไงก็ช่างเถอะ ข้าแค่สู้มาอย่างต่อเนื่อง”

คำพูดเหล่านี้ทำให้ทุกคนเพิ่มความนับถือเขา  “สู้มาอย่างต่อเนื่อง” คำพูดเหล่านี้สร้างอิทธิพลได้และแรงกดดันได้ดีนัก

“มิน่าเล่าท่านเจ้ากลุ่มดาวถึงได้ช่ำชองนัก” มอนตาไม่ยอมพลาดจังหวะประจบเอาใจ

ถังเทียนยิ่งดีใจและภูมิใจทันที “ความจริงผู้บัญชาการของกองพลใบไม้แดงก็แข็งแกร่งมาก  ทั้งนักสู้ก็แข็งแกร่งมากด้วยเช่นกัน  อย่างไรก็ตาม พวกเขาอ่อนซ้อม  พวกทหารจึงไม่เชื่อใจผู้นำทหารเพียงพอ  แม้ว่าพวกเขาจะดูแข็งแกร่งเมื่อมองจากภายนอก  แต่กำลังใจนั่นแหละที่เอาชีวิตพวกเขาไป  กองพลที่มีกำลังใจต่ำย่อมพังทลายได้ง่าย  แต่ข้าไม่เคยคิดว่ากองทัพของสมาพันธ์ชาวยุทธ์จะมีปณิธานที่อ่อนแอ ปณิธานเป็นสิ่งที่สำคัญมากกว่าพลังของบุคคลเสียอีก”

แม้ว่าถังเทียนจะไม่เคยบัญชาการกองทัพ  แต่เขาคลุกคลีกับปิงมาเป็นเวลานานมาก  หลังจากได้ฟังเรื่องราวมาหลายอย่างเขาสามารถซึมซับเรื่องราวไว้ได้บ้าง สองสามเรื่องเหล่านี้ดูเหมือนจะเป็นประโยคที่ผู้เชี่ยวชาญพูดไว้เสมอ มอนตาและพวกเซียนที่เหลือมั่นใจว่ามาตรฐานของเจ้ากลุ่มดาวของพวกเขาไม่อาจดูถูกได้เลย

ถังเทียนโบกมือพูดเสียงดัง “ถ้ากองทัพภายใต้การนำของข้าบังอาจพลังทลายอย่างนี้  ข้าจะต้องซัดเจ้าพวกนั้นให้เหมือนสุนัขไปเลย”

เด็กหนุ่มลืมตัวไปว่าแม้ขณะนั้นเขาโดยพื้นฐานก็ไม่เคยแตะต้องทหารของเขามาก่อน เขาไม่รู้เหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตกของกองทัพเขาด้วยซ้ำ

มอนตาและเซียนที่เหลือกลัวกันทันที  พวกเขาแสดงความนับถืออย่างจริงจัง

อย่างไรก็ตามคำพูดของถังเทียนไม่ใช่โกหกเพราะปิงก็คือคนที่ดูแลกองทัพ เมื่อรอดชีวิตจากการสู้รบที่รุนแรงที่สุดได้ ความเข้าใจของเขาในเรื่องสงครามจะลึกซึ้งกว่าคนอื่นมาก  ถึงอย่างนั้นในฐานะครูฝึกแห่งกองทัพดาวกางเขนใต้  เขาก็ยังเต็มไปด้วยความเข้าใจถึงวิธีการสร้างกองทัพใหม่

ในแต่ละกองทัพของกลุ่มดาวหมีใหญ่ได้รับการฝึกฝนอย่างเข้มงวด รวมทั้งกองพลทหารราบของทาร์ตันซึ่งถูกบังคับให้ต้องเรียนรู้และปรับโครงสร้างหลายครั้งกลายเป็นกองทัพรูปแบบใหม่  เกี่ยวกับพลังของนักสู้แต่ละคนไม่มีกองทัพใดภายใต้บังคับของถังเทียนที่จะเทียบได้กับกองพลใบไม้แดง อย่างไรก็ตามเมื่อว่ากันเรื่องความมุ่งมั่นในการต่อสู้กองพลใบไม้แดงยังแพ้เขา

ถังเทียนเต็มไปด้วยความรังเกียจต่อกองพลใบไม้แดง  และกองกำลังรอบๆตัวของเขาไม่เคยถูกบดขยี้อย่างนั้น เทียบกันแล้วกองพลใบไม้แดงเป็นยิ่งกว่ากลุ่มไข่ที่เปราะบางเสียอีก

ถังเทียนยังคงรู้สึกว่าแม้ว่าเขาอาจจะอ่อนแอมากกว่าคนอื่น แต่ก็ไม่เป็นอะไร เขาแค่ต้องกล้ำกลืนฝึกฝนต่อไป ถ้าแม้แต่ความมุ่งมั่นและปณิธานของเขาอ่อนแอลง  นั่นยังคงน่าอึดอัดยิ่งกว่าถูกฆ่าเสียอีก

“ไปกันเถอะ, เราจะไปหากองพลดาบแสงต่อไป!”

ถังเทียนโบกมือ  เขาต้องการเอาชนะสมาพันธ์ชาวยุทธ์ในช่วงเวลายากลำบากนี้ แม้ว่าการสู้รบจะไม่มีการพลิกผันเปลี่ยนแปรไปมาก แต่ทัศนคติที่พวกเซียนมีต่อถังเทียนได้พัฒนาต่อไปโดยไม่รู้ตัว

“ถังเทียนไม่คิดอะไรมากเรื่องการกำจัดกองพลใบไม้แดง  ด้วยกำลังเซียน 43คนซึ่งนับว่าเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่ง ชัยชนะนั้นเป็นของแน่นอน

แต่เขาไม่รู้ตัวเลยว่าการกำจัดกองพลใบไม้แดงจะสร้างผลกระทบขนาดใหญ่

*************

สาขาระดับทองที่สิบสมาพันธ์ชาวยุทธ์

ในบรรดาสาขาชั้นทองมากมาย  สาขาทองที่สิบถือว่ามีมาตรฐานระดับทั่วไป  ปีนี้ในแต่ละสาขาชั้นทองของสมาพันธ์ชาวยุทธ์ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นปีที่มีการเปลี่ยนแปลงรุนแรงที่สุด  การฝึกฝนของสาขาทองกลายเป็นเข็มงวดมากขึ้น  สถานะของพวกเขาแต่เดิมโดดเด่น  อย่างไรก็ตามเมื่อผ่านการสู้รบมาได้สักพัก  สถานการณ์และระดับชั้นยังคงเพิ่มขึ้นนักสู้ระดับทองไม่สามารถกลายเป็นปัจจัยตัดสินของการสู้รบ   ดังนั้นสถานะของสาขาทองจึงเริ่มตกต่ำ

การสร้างกองทัพกลายเป็นสิ่งที่จำเป็น  เพราะนักสู้ระดับทองมีความเหมาะสมกับกองทัพ

สาขาทองต่างๆไม่มีทางเลือกนอกจากเปลี่ยนแปลงเช่นกันกลายเป็นว่านักสู้ระดับทองเข้าพื้นที่เพื่อฝึกฝนประวัติความเป็นมาของสาขาทองมีมานานแล้ว แทบจะถือกำเนิดมาพร้อมกับสมาพันธ์ชาวยุทธ์  สาขาชั้นทองทั้งหมดเป็นอิสระไม่ขึ้นต่อกันและกัน  แต่ละสาขาทองจะมีความลับและวิชาลับของตนเอง

พวกเขาจะมองหาผู้เยาว์ที่เหมาะสมมาจากทั่วทุกสารทิศและในเวลาสั้นๆจะใช้วิธีการลับ โดยพวกเขาจะให้การดูแลนักสู้เหล่านี้เป็นอย่างดีจนกระทั่งกลายเป็นนักสู้ระดับทอง

เหล่านักสู้ชั้นทองที่ถูกผลิตออกมานี้ยากจะก้าวหน้าได้ แต่เมื่อเทียบกับการเติบโตแบบนักสู้ระดับทองตามธรรมชาติ  พวกเขามิได้อ่อนแอกว่าเท่าใดนัก อย่างไรก็ตามพวกเขาสามารถสร้างกองทัพได้ในช่วงเวลาสั้นๆ

หลังจากที่กองทัพระดับทองเหล่านี้ถือกำเนิด  ตำแหน่งของสาขาทองก็พลอยมั่นคงไปด้วย  พวกเซียนมีความแข็งแกร่งมาก  แต่พลังสู้รบระดับสูงของพวกเซียนไม่อาจกลายเป็นพลังที่แท้จริงในสนามรบได้ การมองการณ์ไกลดังกล่าวทำให้นักสู้ระดับทองกลายเป็นกำลังหลักในสนามรบอย่างรวดเร็ว

การรวบรวมพลของสมาพันธ์ชาวยุทธ์เป็นแค่เพียงส่วนหนึ่งของแผนการใหญ่ของพวกเขา

ฌอนคือหัวหน้าของสาขาทองที่สิบ  เขารู้สึกอารมณ์ดีเมื่อสองสามวันที่ผ่านมาเมื่อระดับสูงตัดสินใจยอมเสียสละกองพลใบไม้แดง อารมณ์ของเขาเสียทันที  ผลงานของกองพลใบไม้แดงจะส่งผลต่อสาขาทองที่สิบโดยตรง

ฌอนอายุสี่สิบห้าปีในปีนี้และเป็นช่วงเวลาที่รุ่งเรืองของเขาดังนั้นเขาจึงมีความทะเยอทะยานถึงอนาคต นี่คือเหตุผลที่เขายืนยันกระต่ายขาเดียวผลักดันโจนส์ซึ่งฝูอิงแนะนำมาให้เขาได้เป็นผู้บัญชาการ  โจนส์ไม่ทำให้เขาผิดหวังในช่วงซ้อมรบระหว่างสาขาทองด้วยกัน ผลงานของกองพลใบไม้แดงโดดเด่นทำให้ฌอนมีความสุขมาก

เมื่อเขารู้ตัวว่าฝูอิงสร้างความวุ่นวายทำให้สมาพันธ์ชาวยุทธ์อยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกดังนั้นผู้บริหารระดับสูงจึงให้กองพลใบไม้แดงเป็นแพะรับบาปทำให้เขาตกอย่สภาวะแทบสิ้นหวัง

ถึงกระนั้นก็ตามสิ่งที่เขาไม่เคยคาดเลยก็คือ  พัฒนาการของสถานการณ์ที่ตามมาเหมือนกับเส้นทางคดเคี้ยว

สถานการณ์ตอนนี้เป็นประโยชน์ต่อกองพลใบไม้แดง  พวกเขาจำเป็นต้องยึดเมืองหานกู่ให้ได้ก่อน  จากนั้นความดีความชอบที่ตามมาจะไปไหนเสีย

ฌอนมีอารมณ์ดีเนื่องจากการวิจัยค้นคว้าของพวกเขาเร็วๆนี้มีความก้าวหน้า

รองหัวหน้าสาขารายงานเขา  “วิธีลับแบบใหม่นี้เราตั้งชื่อว่าแสงฤดูใบไม้ร่วง มันช่วยสร้างศักยภาพให้กับนักสู้และในช่วงเวลาสั้นๆช่วยให้ตันเถียนของนักสู้มีระดับที่สูงขึ้น แน่นอนว่านักสู้ระดับทองก็วิวัฒนาการมาโดยทำนองนี้ จะทำให้อายุขัยสั้นมาก”

ฌอนถาม“สั้นขนาดไหน?”

“อย่างมากที่สุดก็มีอายุขัยห้าปี”  รองหัวหน้ากล่าว  “เราจะพัฒนาปรับปรุงวิธีลับเพื่อยืดอายุขัย”

“ห้าปีก็พอแล้ว”  ฌอนโบกมือ เขากล่าว “ตามสถานการณ์ในตอนนี้ ใครจะรู้ว่ามีศึกอยู่มากเพียงใดที่จะต้องต่อสู้ พวกเขาไม่จำเป็นต้องมีชีวิตยืนยาวนานขนาดนั้น  แล้ววิวัฒนาการสาขาอื่นเป็นยังไงบ้าง?”

“พวกเขายังห่างจากเรา พวกเขาจำเป็นต้องได้นักสู้อย่างน้อยก็ระดับแปด  ขณะที่เราต้องการเพียงนักสู้ระดับเจ็ด”  เสียงของรองหัวหน้าพูดแสดงความยินดี  “แม้ว่าจะมีระดับความสำเร็จเพียง 50% แต่เราก็ยังจะได้เปรียบมาก จำนวนนักสู้ระดับเจ็ดมีมากกว่านักสู้ระดับแปด  และถ้าตายไปครึ่งหนึ่งเราก็ยังจะได้เปรียบมาก”

“ฮ่าฮ่า ดีมาก”  ฌอนมีสีหน้าพอใจ  “รอจนกว่ากลุ่มนักสู้ทองชุดนี้หมดไปก่อนเราสามารถสร้างกองทัพทองรุ่นที่สองและสามออกมาได้ กองทัพทองทั้งหมดจะถูกเสริมไปที่แนวหน้า ก่อนปล่อยให้พวกเขาตาย  พวกเขาจะสร้างความดีความชอบให้เราอย่างเพียงพอ!  ฮ่าฮ่ากลุ่มดาวราชสีห์ก็แค่รอจมน้ำตายไปกับกองทัพทองของเรา!”

“หัวหน้าสาขาฉลาดล้ำจริงๆ!”  รองหัวหน้าพูดอย่างรวดเร็ว

ฌอนดีใจ  “มีแต่ผู้นำทหารเท่านั้นที่หายาก  เรามีอยู่เพียงไม่กี่คน  ฝึกพวกเขาด้วยก็แล้วกัน  ผู้นำทหารจะต้องเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่ขาดไม่ได้เลยในอนาคต  แม้เราจะเปลี่ยนทหารได้  แต่ผู้นำทหารนั้น..ไม่ได้แน่...”

ทันใดนั้นนักสู้คนหนึ่งพรวดพราดเข้ามาข้างใน “หัวหน้าสาขา!  ข่าวร้าย ข่าวร้าย!”

ฌอนเลิกคิ้วขึ้น  แต่บริวารผู้นี้ตามปกติจะใจเย็นและมั่นคง  แต่สภาพปัจจุบันของเขานี้ตื่นตระหนกยากจะเห็นได้ ดังนั้นจึงถามขึ้น “เกิดอะไรขึ้น? ทำไมเจ้าถึงได้ตะโกนโวยวายอย่างนั้น!”

“ใบไม้แดง... กองพลใบไม้แดงทั้งหมดพ่ายแพ้แล้ว....”

ฌอนตะลึง,และทันทีจากนั้นสีหน้าของเขาเปลี่ยนไป “เจ้าว่าไงนะ? พวกเขาพ่ายแพ้ได้ยังไง?”

“ข้าไม่ทราบ” บริวารผู้นั้นกลืนน้ำลายอย่างยากลำบอก หน้าของเขาซีดขาว “แต่ป้ายเกียรติยศชาวยุทธ์ทุกคนถูกทำลาย...”

“ทั้งหมด, พวกเขาถูกทำลายทั้งหมด....” ม่านตาของฌอนขยาย ตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นพรั่นพรึง

นักสู้ของสมาพันธ์ชาวยุทธ์ทุกคนจะมีป้ายเกียรติยศชาวยุทธ์  ป้ายเกียรติยศชาวยุทธ์ของกองทัพจะมีความล้ำหน้ามากกว่ามันมีพลังหลายอย่างที่หลายคนยังไม่รู้ ในสาขาทองที่สิบ จะมีผนังอยู่ที่หนึ่งบนนั้นจะฉายภาพแผ่นป้ายเกียรติยศที่ทหารได้รับไปทุกคน  ถ้านักสู้ตาย ภาพฉายของพวกเขาจะหายไป

ทุกคนเรียกผนังนั้นเล่นๆว่าผนังเป็น-ตาย

ร่างของฌอนหายไป  เขาตรงไปที่ฝาผนังเป็นตายอย่างรวดเร็วผนังขนาดใหญ่ว่างเปล่าไม่มีอะไรเลย

“เป็นไปได้ไง มันกลายเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง....”

ฌอนปากสั่น เขาเหม่อมองผนังด้วยสีหน้าตื่นตะลึงพึมพำอย่างไม่เข้าใจ  ฉากภาพข้างหน้าเขาพูดได้อย่างเดียว– กองทัพถูกละลายหายไปหมด

มันเป็นไปไม่ได้...

เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!

ฌอนไม่อาจเชื่อสายตาตนเองได้  นั่นคือกองทัพนักสู้ระดับทอง!  เป็นกองทัพทองเป็นไปได้ยังไงที่พวกเขาจะถูกกวาดล้างโดยไม่มีโอกาสพูดเลยสักคำ

กองกำลังใบไม้แดง.....  พวกเขาไปพบเจอกับอะไรกันแน่...

ในเมืองหานกู่มีอะไร...

หน้าของฌอนพ่ายแพ้ จิตใจว่างเปล่า  รองหัวหน้าตามมาอย่างใกล้ชิด และพลอยตกตะลึงไปด้วยเมื่อมองดูผนังเป็นตายว่างเปล่า  สีหน้าของเขาซีดขาว

“รายงานเหตุนี้ให้เบื้องบนทราบ”

ฌอนใช้พลังงานสุดท้ายและพูดออกมาอย่างยากลำบาก

เบื้องสูงของสมาพันธ์ชาวยุทธ์ทั้งหมดเมื่อได้ทราบข่าวกะทันหัน ต่างตกตะลึงสิ้นเชิง นั่นเป็นกองทัพนักสู้ทองล้วนๆ พวกเขาถูกทำลายโดยมิอาจส่งเสียงอะไรได้

“หรือว่าจะเป็นคลื่นพลังเย็น?”  ผู้อาวุโสสมาพันธ์พูดเสียงเบา

“เป็นไปไม่ได้!”  หรงปัวคือคนที่ตอบ  เขามีสีหน้าเคร่งขรึม  “คลื่นพลังเย็นเพิ่งจะเกิดขึ้นที่นั่น  จะไม่มีคลื่นพลังเย็นเช่นนั้นในช่วงเวลาสั้นๆเป็นครั้งที่สองแน่นอน”

“อย่างนั้นใครทำเรื่องนี้?  ถังเทียน? หรือว่ากองทัพจักรกล?”  ผู้อาวุโสสมาพันธ์อื่นถาม

“ไม่น่าเป็นไปได้อีกเช่นกัน  กองพลใบไม้แดงไม่ได้รายงานข่าวกรองกลับมาดังนั้นนั่นจึงมีความเป็นไปได้ประการเดียว พวกเขาถูกซุ่มจู่โจมกะทันหันและเป็นการโจมตีที่ดุเดือด  พวกเขาไม่สามารถส่งข่าวสารได้ก่อนที่กองทัพจะถูกละลาย”  คนที่พูดเป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งมีดูท่าทางลึกลับ

“ปัญหาในตอนนี้ก็คือพลังอะไรกันแน่ถึงทำได้อย่างนั้น?” ผู้อาวุโสหรงปัวถาม ทำให้ทุกคนเงียบ

เหล่าผู้อาวุโสเข้าใจอย่างชัดเจนดีว่าเป็นเรื่องยากยิ่งนักที่จะท้าทายและทำลายกองทัพทองได้ทั้งหมดในช่วงเวลาสั้นๆ

“เซียน มีแต่เซียนเท่านั้น! และต้องเป็นเซียนจำนวนมากเสียด้วย!”

หรงปัวตอบคำถามนี้เอง  สายตาของเขากวาดไปทั่วพื้นที่

“กลุ่มดาวหมีใหญ่คงไม่มีพลังอำนาจแบบนี้แน่นอน สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเราในตอนนี้ก็คือค้นหาดูว่าใครกันแน่ที่บังอาจแทรกแซงสงครามครั้งนี้

แรงกดดันหนักหน่วงครอบคลุมผู้อาวุโสทุกคนทันที

มีแต่เพียงกลุ่มดาวตำหนักระนาบสุริยุปราคาถึงจะมีจำนวนเซียนได้ขนาดนั้นและสมาพันธ์ชาวยุทธ์ไม่ต้องการเห็นเรื่องเช่นนั้นมากที่สุด

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด