ตอนที่ 522 ต่างเกื้อกูลกันและกัน
เป็นศัตรูของทั้งโลกถังเทียนไม่สนใจแต่อย่างใดเมื่อคิดเรื่องการแปลงพลังงานงานขนาดใหญ่ของกลุ่มดาวหมีใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้า โอวตายแล้วเป็นศัตรูกับคนทั้งโลกนี่เป็นเรื่องเล็กไปเลย..
แต่ถังเทียนซึมซับทฤษฎีของกุ่ยอู๋ไว้อย่างลึกล้ำปัญหาของการฝึกมักทำให้เขากังวลใจอยู่เสมอ ก็เหมือนกับการขยายสนามพลังวิญญาณ มันสามารถยกค่าพลังวิญญาณได้และทำให้ฝึกฝนวิชาจิตวิญญาณได้มากขึ้น แต่เกี่ยวกับร่างที่มีพลังกายเป็นศูนย์เล่า? จะพัฒนาร่างที่มีพลังกายเป็นศูนย์ได้ยังไงนั่นคือเรื่องที่ค้างคาใจถังเทียนมากที่สุด
ถ้าเป็นคนอื่นบางทีพวกเขาคงทุ่มใช้เวลาช่วยเสี่ยวเอ้อ แต่สำหรับความเข้าใจของถังเทียน เสี่ยวเอ้อคือร่างหนึ่งของเขาเอง, เสี่ยวเอ้อก็คือเสี่ยวเอ้อ เขาก็คือตัวเขานั่นหมายความว่าในทุกการสู้รบจะต้องขึ้นอยู่กับเสี่ยวเอ้องั้นหรือ? และเขาเป็นเพียงผู้ที่รออยู่เบื้องหลังเสี่ยวเอ้ออย่างนั้นหรือ? หนุ่มชาวฟ้าไม่อาจทนต่อรูปแบบการต่อสู้นี้ได้
ทฤษฎีของกุ่ยอู๋ทำให้ตาของถังเทียนสว่างขึ้นในทันใดสามารถมองเห็นแสงอรุณแห่งยุคใหม่ได้
แนวคิดการฝึกฝนดั้งเดิมของถังเทียนนั้นก็คือทำลายสนามพลังของศัตรูของเขา แต่เขาไม่คิดเรื่องว่ามีวิธีใดจะสามารถส่งผลสนามพลังวิญญาณของศัตรูของเขาอย่างได้ผล และความคิดของกุ่ยอู๋ช่วยให้เขาคิดหาวิธีทำลายนี้ได้อย่างสมบูรณ์ เอกลักษณ์ของร่างพลังกายเป็นศูนย์ก็คือมันสามารถขับไล่พลังออกไปได้ซึ่งเหมาะจะทำลายอย่างมาก ถ้าความสามารถดังกล่าวยังสามารถเติบโตต่อไปได้ อย่างนั้นเส้นทางนี้ก็สามารถทำได้อย่างต่อเนื่อง
ถังเทียนเกาคางและพูดด้วยท่าทางรำคาญ “เสี่ยวเอ้ออันใดเรียกว่าใช้พลังปริมาณมหาศาลและด้วยกระบวนการฝึกฝนพัฒนาอย่างต่อเนื่อง?”
เสี่ยวเอ้อไม่ได้ขยับเขามีสีหน้าไร้อันตรายและตอบเสียงเหมือนเด็ก“พลังปริมาณมหาศาลน่าจะเป็นวิชาจิตวิญญาณ”
ถังเทียนรู้แจ้งได้ทันที “ข้าเข้าใจแล้ว! ก็แค่โดนตุ้บตั้บเท่านั้นเอง ใช่แล้ว เมื่อโดนทุบตีมากเข้า ตราบใดที่คนโดนทุบตีมาก หนังของเขาก็จะด้านหนาขึ้นนี่เป็นวิธีที่ฉลาด!”
เสี่ยวเอ้อคร้านจะด่าในใจเสียแล้ว ฉลาดหรือนี่? แนวคิดที่งี่เง่าต่างหาก...
เอาล่ะความเข้าใจเรื่องฉลาดของทุกคนไม่เท่ากันก็จริง แต่เรื่องถูกซ้อมนี่..
หึหึ!
เสี่ยวเอ้อแค่นเสียงในใจ,หน้าของเขาไม่ตื่นเต้น และพูดด้วยเสียงเด็กเล็ก “ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น”
ถังเทียนตื่นเต้น “มาเลย, เสี่ยวเอ้อ, เรามาลองกัน!”
เสี่ยวเอ้อยังคงแค่นเสียงเยาะเย้ย นี่เป็นเจ้าหาเรื่องเองนะ! เท่าที่จำได้ตั้งแต่เขาฟื้นขึ้นมา เขามักถูกจับโยนขึ้นโยนลงจนแทบไม่เหลือความหวังอะไร และจู่ๆโอกาสทองถูกส่งมาอยู่ต่อหน้าประตู เขาจะยอมปล่อยไปได้อย่างไร?
แต่เขาทำเป็นไม่เห็นด้วยทันทีและถาม “แต่ถ้าเจ้าได้รับบาดเจ็บล่ะ?”
เสียงของเด็กน้อยยิ่งทำให้เขามองดูไร้เดียงสา
ถังเทียนมีความสุขมากทันทีและเขาลูบศีรษะของเสี่ยวเอ้อและกล่าว“เสี่ยวเอ้อแสนดีจริงๆ ไม่มีปัญหา ไม่มีปัญหาเจ้าไม่สามารถทำร้ายข้าได้อยู่แล้ว ตอนเริ่มต้น อย่าเพิ่งใช้พลังหนักหน่วงตั้งแต่แรก”
เสี่ยวเอ้อที่กำลังถูกลูบศีรษะทำหน้าซื่อไร้เดียงสามีแต่นัยน์ตาเท่านั้นที่ดำเข้ม
ในที่สุดโอกาสล้างแค้นของข้าก็มาถึงตรงนี้แล้ว...
ปังปัง ปัง!
เหล่าเซียนในเมืองหานกู่ได้ยินเสียงดังมาจากห้องฝึกและทุกคนมีสีหน้าเคารพนับถือ สำหรับคนที่เพิ่งประสบกับชัยชนะมาอย่างเจ้ากลุ่มดาวก็เริ่มฝึกหนักเสียแล้ว มิน่าเล่าเขาถึงได้รับยกย่องเป็น ‘หนุ่มชาวฟ้า’!
ปัจจุบันนี้ในเมืองหานกู่มีเซียนอยู่หลายคนที่มีความสมัครสมานสามัคคีกันอย่างเหนียวแน่น ก่อนหน้านี้ทุกคนยังเต็มไปด้วยความสงสัยหวาดระแวงซึ่งกันและกัน แต่หลังจากร่วมรบต่อสู้กันแล้วก็ไม่มีความรู้สึกเช่นนั้นเหลืออยู่เลย หลังจากฆ่าฝูอิง พวกเขากลายเป็นผู้ต่อต้านสมาพันธ์ชาวยุทธ หลังจากฆ่าถงเก๋อ พวกเขาก็กลายเป็นผู้ต่อต้านองค์การวิญญาณมืดไปด้วย พวกเขาเห็นได้ชัดแล้วว่านอกจากถังเทียนที่สามารถปกป้องพวกเขาได้ ก็คงไม่มีใครอื่นอีกแล้ว
เซียนทั้งหมดนี้มีประสบการณ์การรบเหมือนกันและเผชิญหน้ากับสถานการณ์เดียวกัน มิตรภาพที่มีต่อกันจึงเพิ่มพูนมากขึ้นและผูกพันกันมากขึ้น
และสินสงครามจากถงเก๋อและเซียนที่เหลือทำให้ทุกคนได้โชคดีกันไปตามๆกัน
พวกเซียนอิสระมักจะมีความยากลำบากในการฝึกฝนเนื่องจากขาดการสื่อสารและคำแนะนำ มีคนแนะนำให้แบ่งปันประสบการณ์และได้รับการสนับสนุนจากทุกคน สิ่งที่ตามมาก็คือมอนตาและเซียนที่เหลือสามารถเปิดเผยประสบการณ์ของกันและกันโดยมิต้องกั๊กเอาไว้บรรยากาศเป็นกันเอง และทุกคนเริ่มเอาสมบัติที่ช่วยชีวิตพวกเขาซึ่งปกติพวกเขามักเก็บซ่อนเอาไว้ออกมาแสดงต่อกัน
ในเวลาอันรวดเร็วพวกเซียนก็ทิ้งความคลางแคลงใจที่พวกเขาพบขณะฝึกฝนและเพิ่มความสนใจกับเซียนคนอื่นๆไปด้วย พวกเขาเริ่มจับกลุ่ม 3-5คนและเริ่มปรึกษากันอย่างถูกคอ
เซียนทุกคนต่างให้ความสนใจพูดคุยปรึกษากันอย่างที่พวกเขาไม่เคยพบเจอมาก่อน ในระหว่างเซียน พวกเขามักจะระแวงกันและกันทุกคนกลัวว่าอีกฝ่ายจะรู้พลังที่แท้จริงของพวกเขา เซียนทุกคนจะมีความฉลาดและพรสวรรค์อยู่แล้ว และการได้พูดคุยเปิดใจกันกลับจุดประกายความคิดขึ้นมาได้ในทันที
หลังจากนั้นสองสามวันก็มีความรุดหน้าและพบว่าบางคนมีการรู้แจ้งใหม่ๆใบหน้าของทุกคนปลาบปลื้มกับผลที่ได้รับ หลายหัวข้อได้มีการอภิปรายกันอย่างลึกซึ้ง
******
ถังเทียนและเสี่ยวเอ้ออยู่ในระหว่างทำร้ายกันและกัน
เสี่ยวเอ้อยังคงปล่อยวิชาจิตวิญญาณอย่างต่อเนื่อง พลังงานจะกระทบเข้าร่างของถังเทียน ขณะที่เขาเริ่มโกรธเสี่ยวเอ้อ
“เจ็บไหม?” เสียงของเสี่ยวเอ้อเหมือนกับปีศาจ “เจ้าต้องการให้ข้าออมแรงลงบ้างไหม?”
“หยุดเพ้อเจ้อได้แล้ว” ถังเทียนถ่มน้ำลาย
“โอว...บุรุษเหล็กตัวจริง!” เสี่ยวเอ้อยกย่องขณะที่เขาเพิ่มพลังวิชาจิตวิญญาณ
“อ๊า.....” เสียงร้องของถังเทียนดังแสบแก้วหู
หลังจากหมดรอบฝึกฝน ถังเทียนที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผลเดินเข้าหาเสี่ยวเอ้ออย่างเฉยเมย คว้าตัวเขาได้ก็กระแทกร่างเสี่ยวเอ้อทันที
“เจ้าขอให้ข้าทำร้ายเจ้าเอง แล้วทำไมเจ้าต้องทำร้ายข้าคืนด้วย?” เสี่ยวเอ้อเถียง
ถังเทียนพูดอย่างดื้อด้าน “ก็ข้าไม่พอใจ! ก็ต้องระบายความโกรธบ้างสิ จะให้ยอมเจ็บตัวฟรีๆ ได้ยังไง?”
เสี่ยวเอ้อยังคงเงียบต่อไป
ปังปัง ปัง
“เจ้าต้องการให้ข้าลดกำลังลงบ้างไหม?”
“โอว..บุรุษเหล็กตัวจริง!”
……
เสี่ยวเอ้อไม่มีอะไรจะพูดขณะที่เขาถูกกระหน่ำจนกระทั่งหน้าตาและจมูกปูดบวม,เขาจะไม่ขอความปราณีจากเจ้าเด็กงี่เง่านี่แน่ นั่นมันน่าขายหน้าเกินไป ดังนั้นเขาจึงได้รับบาดเจ็บถึงสองเท่า
เขากัดฟันทนจนกระทั่งถังเทียนหยุด เขาลอยอยู่ในอากาศมองดูถังเทียนอย่างเย็นชา “การฝึกยกสองกำลังจะเริ่มขึ้น”
ปังปัง ปัง!
แสงรังสีของวิชาจิตวิญญาณระดมโจมตีใส่ถังเทียนราวกับห่าฝนทำให้เขาสั่นราวกับเจ้าเข้า
ปังปัง ปัง!
เสี่ยวเอ้อถูกถังเทียนทุบตี เสียงต่อสู้ดังสนั่นจนฝุ่นฟุ้งไปทั่วบริเวณ
วงจรนี้ดำเนินต่อไปรอบแล้วรอบเล่า
ความเกลียดชังระหว่างทั้งสองฝ่ายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
หยาหยาขดตัวอยู่ในมุมมองดูคนบ้าระห่ำทั้งสองอย่างหวาดกลัวมันตกใจทำอะไรไม่ถูก พวกเขาเล่นอะไรกัน? ไอ้เกมบ้านี่มันน่าหวาดผวาเหลือเกิน...
ทั้งสองฝ่ายใส่กันเต็มกำลังไม่มียั้ง เมื่อเห็นว่าเสี่ยวเอ้อท้าทายเขาจริงถังเทียนก็ยิ่งโกรธ และเสี่ยวเอ้อก็มองเจ้าเด็กโง่นี่อย่างเย้ยหยันนี่ทำให้เสี่ยวเอ้อก้มหน้ารู้สึกแย่ยิ่งกว่าตายเสียอีก
ผ่านไปสองสามวันการฝึกฝนยิ่งเข้มข้นทำให้ถังเทียนกับเสี่ยวเอ้อดูเหมือนกับเป็นศัตรูคู่แค้นต่างถลึงตามองกันด้วยความโกรธแค้น
และด้วยการฝึกฝนที่บ้าระห่ำไม่มียั้ง ร่างพลังกายเป็นศูนย์เริ่มก้าวหน้าขนานใหญ่ เขาสามารถทนวิชาจิตวิญญาณที่มีค่าพลังวิญญาณ 50จุด พลังโจมตีที่ต่ำกว่า 30จุดก่อนจะถึงร่างของถังเทียนก็ถูกขับสลายไปหมด
แต่ราคาที่ต้องจ่ายไปไม่มีดีต่อร่างกายถังเทียน
สิ่งที่น่ามหัศจรรย์ยิ่งขึ้นก็คือเสี่ยวเอ้อ การแก้แค้นทุบตีคืนทำให้เกิดความก้าวหน้าในตัวเสี่ยวเอ้อ ร่างของเสี่ยวเอ้อแข็งขึ้นค่าพลังวิญญาณเพิ่มขึ้นอีก 5 จุด
เสี่ยวเอ้อคาดหวังเรื่องนั้น แต่เขาคงไม่ขอบคุณเจ้าเด็กโง่แน่ แต่ในความเป็นจริงถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าเด็กโง่เขาก็ทำอะไรเขาไม่ได้
แม้ว่าเจ้าเด็กโง่จะป่าเถื่อนและชอบระบายความโกรธทุบตีกับเขา แต่เขาไม่เคยตัดเวลาฝึกฝนให้สั้นเลย เจ้าเด็กโง่สามารถอดทนต่อการโจมตีฝึกฝนโดยที่ตนเองไม่หยุดพักเลย
เขาคือคนที่ไม่ยอมผ่อนผันต่อตนเองจริงๆ...
เสี่ยวเอ้อคำรามในใจจากนั้นปล่อยพลังโจมตีที่รุนแรงขึ้น
และจากนั้นเขาก็โดนทุบตีหนักมากกว่าเดิม...
ดังนั้นทุกคนจึงตกใจเมื่อเห็นถังเทียนและเสี่ยวเอ้อปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา
ถังเทียนเต็มไปด้วยร่องรอยฟกช้ำ เสื้อผ้าของเขาขาดรุ่งริ่ง แต่ไม่มีใครสนใจเรื่องนั้น เซียนทุกคนมองดูถังเทียนด้วยความประหลาดใจ ทั่วทั้งร่างของเขาเปล่งพลังปราณที่ทำให้พวกเขาอึดอัดมากความรู้สึกอึดอัดทำให้พวกเขากดดัน
เซียนที่อยู่ใกล้กว่าสองสามคนถอยออกไปสองสามก้าวโดยไม่รู้ตัว เพียงแค่นั้นพวกเขาจึงค่อยรู้สึกว่าแรงกดดันลดลง
“ท่านเจ้ากลุ่มดาว, ท่านฝึกฝนวิชาจิตวิญญาณที่มีแรงกดดันแบบไหนกัน?” ตาของมอนตาเป็นประกาย เขาอดถามไม่ได้
นี่ทำให้เซียนคนอื่นสนใจด้วยเช่นกัน มีวิชาจิตวิญญาณหลายอย่างที่มีผลสร้างพลังกดดัน วิชาจิตวิญญาณเหล่านี้ลึกซึ้งมากจนพวกเขาต้องคิดว่าเป็นพลังเซียนระดับสูง วิชาจิตวิญญาณแบบนี้สามารถเปลี่ยนเป็นแรงกดดันต่อวิญญาณและจิตใจด้วยเช่นกัน
พวกเขาคาดไม่ถึงว่าเจ้ากลุ่มดาวของพวกเขาจะฝึกวิชาจิตวิญญาณเช่นนั้น...
ถังเทียนดีใจและส่ายศีรษะ “ไม่ใช่วิชาจิตวิญญาณอะไรหรอก”
ขณะนั้นเซียนทุกคนจินตนาการกันมากขึ้น ถ้าไม่ใช่วิชาจิตวิญญาณ หรือว่าเป็นสมบัติวิญญาณ? ทุกคนตื่นเต้น สมบัติวิญญาณที่เสี่ยวเอ้อประดิษฐ์ขึ้นมา จะทรงพลังมากอย่างนั้นหรือ? สมบัติวิญญาณระดับสูงสามารถแสดงผลได้เช่นนั้น
เซียนทุกคนมองดูเสี่ยวเอ้อ นัยน์พวกเขาเป็นกายลุ่มหลง
หน้าเสี่ยวเอ้อหมองลง เมื่อเห็นสีหน้าดีใจของเจ้าเด็กโง่ เขารู้สึกไม่สบายใจ
ถังเทียนยิ่งดีใจมากกว่าเดิม “ไม่ใช่สมบัติวิญญาณอีกเหมือนกัน!”
ทุกคนยิ่งสงสัยเพิ่มขึ้น
ถังเทียนแสดงท่าทางที่เยือกเย็น “ใครมีวิชาจิตวิญญาณซึ่งมีค่าพลังวิญญาณ 30จุดบ้าง?”
ทุกคนมองหน้ากันเองเมื่อเซียนคนหนึ่งยืนขึ้น “ข้าน้อยมีวิชาดาบโค้ง บังเอิญว่ามีค่าพลังวิญญาณ 30 จุด”
“โจมตีใส่ข้าได้เลย!” ถังเทียนหัวเราะ
เซียนผู้นั้นตกใจ “ข้าน้อยมิกล้า!”
“มิมีปัญหา, มิมีปัญหาข้าอนุญาตให้ท่านทำเอง” ถังเทียนกล่าว
เซียนผู้นั้นลังเลชั่วครู่จากนั้นปล่อยพลังรังสีดาบโค้ง จากสายตาที่พวกเขาเห็น รังสีดาบใกล้ถึงตัวถังเทียน แต่เขาก็ยังยืนเฉยอยู่กับที่ไม่ทำอะไรทำให้พวกเขากลัว
วิชาที่มีค่าพลังวิญญาณ30 จุดนับได้ว่ามีพลังแข็งแกร่ง ถ้าไม่มีม่านพลังที่แข็งแกร่งเพียงพอ หรือถ้าไม่มีพลังเลือดเซียนคอยปกป้อง ผู้นั้นอาจถูกตัดขาดได้แน่นอน
แต่ภาพที่ปรากฏต่อมาทำให้พวกเขาตกตะลึง พวกเขาตกตะลึงจนปากอ้าตาค้าง
รังสีดาบเจิดจ้าดูเหมือนจะสัมผัสกับร่างของถังเทียน แต่ทันใดนั้นมันกลับบิดเบี้ยวไม่มั่นคง ปัง มีเสียงดังออกมาเบาๆรังสีดาบโค้งสั่นสะท้านจากตรงกลางและเลือนหายไป
ทั่วทั้งพื้นที่ตกอยู่ในความเงียบ ทุกคนตกใจและไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
“ทะ..ท่านเจ้าดวงดาว..นี่มัน...”มอนตาตะกุกตะกักถาม เขายังตะลึง
ถังเทียนเตรียมจะอธิบาย แต่ทันใดนั้นเขารู้สึกถึงคลื่นพลังรุนแรง เขาสะดุ้งแต่รีบสงบใจได้และวิ่งออกไป
ลำแสงสีทองยิงออกมาจากพื้นสู่ท้องฟ้าทะลุเข้าไปในก้อนเมฆ