ตอนที่ 521 กุ่ยอู๋
เสี่ยวเอ้อหลับตา และค่อยๆ ออกจากสภาวะที่ยอดเยี่ยม หัวใจของเขาเปี่ยมไปด้วยความสุข ใครกันที่สร้างวิชากระบี่ศุภลักษณ์มันทรงพลังมากอย่างแท้จริง! และเขาโชคดีมากที่ผสานกระบี่เซียนปราบสมุทรไว้ภายใน วิชาจิตวิญญาณนี้จะแข็งแกร่งมากขึ้นอย่างแน่นอน
ค่าพลังวิญญาณ 60 จุด
วิชาจิตวิญญาณที่มีค่าพลังวิญญาณ 60 จุดพลังของมันอาจนับว่าทรงพลังมาก พวกเซียนโดยทั่วไปจำเป็นต้องฝึกสองสามปีจึงจะสามารถเข้าถึงวิชาระดับที่ต้องใช้ค่าวิญญาณ60 จุด
ค่าพลังวิญญาณไม่ได้เอามาใช้เพียงเพื่อวัดกำลังของวิชาจิตวิญญาณเท่านั้น แต่ยังคงวัดพลังของสมบัติจิตวิญญาณด้วย สมบัติวิญญาณไม่จำเป็นต้องมีค่าพลังวิญญาณ แต่มันยังสามารถปล่อยพลังอย่างวิชาจิตวิญญาณได้ทั้งยังแข็งแกร่งมากกว่า
ร่มหยาหยาของเสี่ยวเอ้อยังคงต้องใช้ค่าพลังวิญญาณ60จุดซึ่งเป็นค่าพลังวิญญาณที่สูงที่สุดสำหรับสมบัติวิญญาณชั้นบรอนซ์ระดับต่ำ ดังนั้นร่มหยาหยาจึงสามารถยกย่องได้ว่าเป็นยอดสมบัติวิญญาณชั้นบรอนซ์ระดับล่างก็ไม่ถือว่าพูดเกินจริง
เสี่ยวเอ้อซึ่งมีร่มหยาหยาสามารถใช้วิชาจิตวิญญาณสองชนิดซึ่งมีค่าพลังวิญญาณ60 จุด ก็นับว่ามีความสามารถในการต่อสู้ซึ่งมีค่าพลังวิญญาณถึง 120 จุด ความสามารถในการรบขนาดนี้เทียบได้กับมอนตาและเซียนที่เหลือ
นั่นคือเหตุผลหนึ่งว่าทำไมสมบัติวิญญาณจึงมีราคาสูงลิบขนาดนั้นกับทั้งวิชาจิตวิญญาณที่ยากจะฝึกและเรียนรู้ได้ สมบัติวิญญาณสามารถใช้ประโยชน์ได้ทันทีแน่นอนว่าสมบัติจิตวิญญาณยังคงมีขีดจำกัดของมัน แม้ว่าสมบัติเหล่านั้นจะไม่ต้องใช้ค่าพลังวิญญาณก็ตาม แต่สมบัติเหล่านั้นก็ถูกจำกัดด้วยค่าพลังที่สูงสุดของเซียน
เสี่ยวเอ้อพอใจ เมื่อค่าพลังวิญญาณถึง 60ในเวลาฝึก ศักยภาพในอนาคตของเขาก็จะขยายขึ้น ตอนนี้สิ่งที่เขาจำเป็นต้องทำก็คือเพิ่มค่าพลังวิญญาณของสนามพลังวิญญาณของตัวเขาเอง
ทันใดนั้นเขารู้สึกว่าโดนตีที่ด้านหลังศีรษะ พลังแรงจนทำให้เสี่ยวเอ้อที่กำลังลอยอยู่ในกลางอากาศร่วงลงพื้น
“เสี่ยวเอ้อ! ทำได้ดีมาก!”
ถังเทียนตีเสี่ยวเอ้อที่ด้านหลังศีรษะ มันดูเหมือน...
เขาใช้พลังมากเกินไป....
ถังเทียนทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นและดึงเสี่ยวเอ้อขึ้นมา เขาตบปัดฝุ่นให้เสี่ยวเอ้อสองครั้งจากนั้นค่อยๆวางเสี่ยวเอ้อกลับไปยังตำแหน่งเดิม
หน้าเสี่ยวเอ้อเขียวคล้ำ
“วิชาจิตวิญญาณนั้นทรงพลังมาก! เสี่ยวเอ้อก็จะแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น! หยาหยา, เจ้าต้องเรียนรู้จากเสี่ยวเอ้อให้ดีนะ!” ถังเทียนหัวเราะ
หยาหยาโผล่หัวออกมาอย่างมึนงง ก้นของมันยังมีชิ้นหินฝังอยู่ในนั้น
อดทนเอาไว้!
ต้องแข็งแกร่งขึ้นลับๆ!
ปากของเสี่ยวเอ้อบิดเบี้ยว
“กะโหลกทองและกะโหลกของฝูอิง ข้าต้องการมัน” เสียงของเด็กน้อยเต็มไปด้วยภูมิปัญญาและเจนโลก ทั้งสองอย่างเป็นของดี กะโหลกทองก็คือสมบัติระดับเซียนที่มีชื่อของสมาพันธ์ชาวยุทธ มงกุฎเกียรติยศนักสู้ กระดูกของฝูอิงก็คือกระดูกเซียน
ของทั้งสองอย่างเป็นของสำหรับเพิ่มค่าพลังวิญญาณให้กับสนามพลังวิญญาณของเซียน ทั้งสองนี้ไม่เคยมีวางตลาดมาก่อน เซียนโดยทั่วไปจะมีข้อจำกัดมากมายเมื่อดูดซับพลังของสมบัตินั้นและยังจะก้าวหน้าได้ช้าอีกด้วย แต่เสี่ยวเอ้อคือร่างวิญญาณ เขาสามารถดูดซับพลังเหล่านั้นได้โดยไม่ยากลำบากเลย
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าสำหรับเจ้า, สำหรับเจ้า!” ถังเทียนวางกะโหลกทองและกระดูกของฝูอิงในมือของเสี่ยวเอ้ออย่างใจกว้าง โอว กู่ฉินเอาไว้ให้คุณชายขลุ่ยวิเศษกู่ฉินใหญ่กว่าขลุ่ยบรอนซ์มากนัก แต่ลูกปัดนี้เล่าเอาไว้ทำอะไร?
เห็นได้ชัดว่าฝูอิงเห็นว่าลูกปัดนี้เป็นของสำคัญที่สุด
ลูกปัดเปื้อนโลหิตและไม่มีอะไรที่ดูแปลก ถ้าไม่อย่างนั้นก็คงแข็งมาก ถังเทียนอาจทำเหมือนกับว่าเป็นลูกปัดธรรมดา
สายตาของเสี่ยวเอ้อจับจ้องอยู่ที่ลูกปัดในมือของถังเทียน แต่เขาไม่คิดว่าลูกปัดนี้ธรรมดา เพราะมันให้ความรู้สึกที่อันตราย มันไม่มีปราณใดๆ บรรจุอยู่ แต่โดยไม่ทันรู้ตัวเสี่ยวเอ้อรู้สึกว่ามันมีอันตรายอยู่ในนั้น
ทันใดนั้นลูกปัดก็หมุนปั่นในฝ่ามือของถังเทียนและในพริบตาก็หายเข้าไปในร่างของเขา
คราบเลือดที่สลัวพลันเปล่งแสงมีชีวิตชีวาราวกับมันเป็นสิ่งมีชีวิตมันชอนไชเข้าไปในร่างของถังเทียนก่อนที่ถังเทียนจะทันรู้ตัว รอยเลือดก็เข้าไปในเส้นเลือดของถังเทียนอย่างรวดเร็ว
ปัง!
พลังปราณที่แข็งแกร่งและดุดันวิ่งเข้าไปในสมองของเขาทำให้ใจของถังเทียนงงงวย
เลือดในร่างกายของถังเทียนดูเหมือนจะจางลงทำให้ทั่วร่างของถังเทียนแดงเหมือนกุ้งสุก เขางอตัวใบหน้าแสดงอาการเจ็บปวดอย่างมาก
เสี่ยวเอ้อสีหน้าเปลี่ยน
ลูกปัดปราบพลัง!
ลูกปัดปราบพลังในตำนาน! ในตำนานกล่าวว่าเซียนพลังสายเลือดชั้นยอดสองสามคนสามารถผนึกจิตวิญญาณเซียนไว้ในเลือดของพวกเขาเมื่อพบคนที่เหมาะสมซึ่งพวกเขาสามารถบังคับและเข้าไปได้ พวกเขาก็จะสามารถแทนที่ชิงร่างได้
การแสวงหาความเป็นอมตะคือเป้าหมายสุดท้ายของเซียนชั้นสูงทุกรุ่น พวกเขาทุกคนเขย่าสวรรค์และมีพลังทำลายล้างก่อกวนไปทั่วสวรรค์วิถี มีเพียงสิ่งเดียวที่พวกเขากลัวก็คือความตาย!
ทุกคนต่างก็ใช้วิธีการที่แปลกประหลาดและแตกต่างกันออกไป ในแง่นี้คนที่เข้าใกล้ความสำเร็จก็คือการปราบพลังของพลังสายเลือดในตำนาน ที่นับว่าเป็นตำนานเพราะไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน
แต่ลูกปัดที่เหมือนธรรมดานั่นก็คือลูกปัดปราบพลัง
แต่ในชั่วเวลาต่อมา มันก็ทำให้เขาตะลึง
หือ ร่างของถังเทียนปล่อยเพลิงใสทันทีในในเพลิงมีร่างหนึ่งกำลังกรีดร้องเต็มไปด้วยความหวาดกลัว “ไม่, เป็นไปไม่ได้! ไม่มีพลัง...ทำไมถึงไม่มีพลังงานอยู่เลย... ร่างพลังกายเป็นศูนย์ ฮะฮะ..งั้นก็มีร่างพลังกายเป็นศูนย์อยู่จริงๆ...”
เพลิงที่โปร่งใสปลดปล่อยปราณที่น่ากลัวทำให้เสี่ยวเอ้อถอยทันที วิญญาณเซียนที่อยู่ในเปลวเพลิงถ้าเขาแตะต้องเข้าไปแม้แต่นิดเดียวเขาจะถูกทำลายทันที
ปราณที่อยู่ในเปลวเพลิงน่าหวาดหวั่นยิ่งนักทำให้ใจของเสี่ยวเอ้อสั่นสะท้าน
นั่นใครกัน?
หลังจากที่แผดเผาเป็นเวลาครึ่งชั่วโมงวิญญาณเซียนที่แทบจะหมดแรง เกือบทำให้เสี่ยวเอ้อนิ่งอยู่กับที่ด้วยความตกใจ เพราะวิญญาณเซียนถูกแผดเผาเป็นเวลานานมากแสดงว่าวิญญาณเซียนนั้นแข็งแกร่งขนาดไหน
“เฮ้ออออ!”
ถังเทียนระบายลมหายใจและลืมตาช้าๆหน้าของเขาแสดงอาการหวาดกลัว “น่ากลัวมาก!”
ร่างพลังกายเป็นศูนย์ช่วยชีวิตของเขาไว้
ถ้าไม่ใช่เพราะร่างพลังกายเป็นศูนย์แล้วเขาคงกลายเป็นเป้าหมายของคนที่ถูกปราบพลังแน่ เขาไม่รู้ว่านี่คือความพยายามลอบสังหารครั้งสุดท้ายของฝูอิง ฝูอิงบังเอิญไปสะดุดเข้ากับลูกปัดปราบพลังและรู้พลังของมัน เขารู้ว่าถ้าเขาทิ้งข่าวสารของมันไว้ เขาคงไม่สามารถรักษามันไว้ได้แน่ ฝูอิงเก็บมันไว้ภายในตู้เก็บของอควาเรียสพร้อมกับของมีค่าอื่นสองสามอย่าง และถ้ามีใครบางคนฆ่าเขาและได้รับตู้อควาเรียสพวกเขาจะได้รับบทเรียนแน่นอน
เมื่อเป็นเช่นนั้นก็เป็นการถือโอกาสล้างแค้นให้ตัวเขาเอง
แต่ฝูอิงไม่ได้คาดไว้อย่างแน่นอนว่าจะมีสิ่งแปลกประหลาดอย่างร่างกายพลังเป็นศูนย์อยู่ในโลก ร่างพลังกายเป็นศูนย์ของถังเทียนมีคุณลักษณะขับไล่พลังงานที่รุนแรงอย่างนั้นและสำหรับวิญญาณเซียนซึ่งมีสนามพลังวิญญาณ พลังวิญญาณที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจะถูกขับออกจากร่างเขาเป็นธรรมดา
นั่นจึงเกิดภาพที่วิญญาณเซียนถูกแผดเผาในไฟ
ด้วยพลังเช่นนั้น ถ้าเป็นร่างกายปกติวิญญาณเซียนคงจะชิงมันมาอยู่ในเงื้อมมือนานแล้ว
และแม้ว่าวิญญาณเซียนจะอ่อนแอลงมีประทับพลังทิ้งไว้สองสามชิ้น แต่ถังเทียนไม่มีความคิดว่าผนึกพลังนั้นจะมีเศษเสี้ยวความทรงจำเซียน!
“คนผู้นี้ดูเหมือนจะชื่อว่ากุ่ย..อู๋?”
เสี่ยวเอ้อสะดุ้งสายตาของเขาเบิกกว้างทันที เขาอุทานโดยแทบไม่มีเสียง “เจ้าบอกว่าเขาชื่อกุ่ยอู๋หรือ?”
“ใช่แล้วดูเหมือนจะเป็นแบบนั้น” ถังเทียนหลับตาอีกครั้ง เมื่อรวบรวมจากความทรงจำที่ปรากฏผิวเผินเขาน่าจะเรียกว่ากุ่ยอู๋
“หนึ่งในสามเซียนโลหิตขององค์การวิญญาณมืดกุ่ยอู๋”
คำพูดของเสี่ยวเอ้อทำให้ถังเทียนสะดุ้งตกใจเช่นกันเขาเบิกตากว้างทันที “กุ่ยอู๋ผู้นี้..มีพลังมากนักหรือ?”
เสี่ยวเอ้อมองดูถังเทียนราวกับดูคนโง่“ไม่เพียงแต่แข็งแกร่งทรงพลังมากเท่านั้น แต่มีพลังสูงส่งสุดยอด เขาคือหนึ่งในสามเซียนพลังสายเลือดที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ขององค์การวิญญาณมืด อย่างนี้จะแข็งแกร่งมากหรือไม่?”
“แข็งแกร่งมาก.....”ถังเทียนตกใจ หนึ่งในสามเซียนพลังสายเลือดที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์องค์การวิญญาณมืด ชื่อนี้คือสิ่งที่ทำให้ผู้คนตกใจแทบตายเป็นแน่
ถังเทียนนึกถึงข้อสงสัยหนึ่งทันที “งั้นเจ้าสิ่งนี้ก็น่าจะมีราคามากสินะ”
“เจ้าบอกข้าได้ไหม?” เสี่ยวเอ้อพูดอย่างไม่สบายใจ “สมบัติที่ไม่มีราคา!”
“น่าเสียดาย!” ถังเทียนมีสีหน้าเจ็บปวด “ถ้าข้ารู้เร็วกว่านี้ ข้าคงขายไปแล้วของทรงพลังขนาดนั้นน่าจะมีราคาอย่าง 2-3 ร้อยพันล้าน”
ถังเทียนรู้สึกว่าสูญเสียครั้งนี้ยิ่งใหญ่มาก เย่เฉาเกออยู่ในเงื้อมมือของเขายังไม่สามารถเรียกค่าไถ่ได้ ลูกปัดแตกความจริงเป็นสมบัติล้ำค่าที่เขาทำลายมันกับมือตนเอง
เสี่ยวเอ้อพูดไม่ออก เขาคร้านจะพูดคุยเหตุผลกับเจ้าเด็กโง่นี่ ขายมันน่ะหรือ? ถ้าองค์การวิญญาณมืดรู้ว่ามันตกอยู่ในมือของเขา ทั่วทั้งองค์การวิญญาณมืดจะต้องตื่นตัวกันแน่และต่อให้ถังเทียนอยากตายก็ยังจะไม่ใช่เรื่องง่าย
และ... เมื่อคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ใจของเขารู้สึกถึงร่องรอยความกลัวทันที ถ้าไม่ใช่เพราะร่างมีพลังกายเป็นศูนย์อย่างนั้น....
เป็นเรื่องจริงที่ว่าเจ้าเด็กโง่นี่ชะตาแข็ง?
ถังเทียนหลับตาและยังคงพลิกชิ้นส่วนความทรงจำของกุ่ยอู๋ต่อไปสามารถกลายเป็นหนึ่งในสามเซียนพลังสายเลือดที่แข็งแกร่งที่สุดในองค์การวิญญาณมืดได้ สติปัญญาของกุ่ยอู๋ต้องลึกล้ำจนหยั่งไม่ถึง รายละเอียดเศษความทรงจำทั้งหมดยากจะทำความเข้าใจได้เนื่องจากมีความลึกซึ้งมากเกินไป
หากข้อมูลอย่างใดอย่างหนึ่งนี้ตกไปอยู่ในมือของเซียนพลังสายเลือดคนใดคนหนึ่ง มันจะถูกมองว่าเป็นคัมภีร์สวรรค์เมื่อเทียบกับกฎวิญญาณ
เป็นที่น่าเสียดายที่ถังเทียนไม่ได้ฝึกในเส้นทางพลังสายเลือดและความลึกซึ้งและยากเหล่านี้เมื่อเทียบกับสิ่งอื่นทำให้เขาไม่ให้ความสนใจในข้อมูลนี้ เขาพลิกเศษความทรงจำไปทีละส่วนๆ และอุทานออกมาทันที ในที่สุดเขาก็พบบางอย่างที่เขาเข้าใจได้
“ข้าเชื่อในความคงอยู่ของร่างพลังกายเป็นศูนย์ แต่จนบัดนี้ร่างนั้นก็ยังไม่ปรากฏให้เห็น ข้าไม่มีการทดลองมากมายนักแต่ข้าก็ยังไม่สามารถรู้จักร่างพลังกายเป็นศูนย์เลย แต่ถ้าร่างพลังกายเป็นศูนย์มีอยู่จริง อย่างนั้นมันจะมีพลังขับไล่ที่รุนแรงแน่นอนและผลักเข้าหาพลังงาน เพราะเหตุนี้จึงสามารถลบล้างพลังงานกัดกร่อนได้ทุกที่ทั่วโลก...”
……
“ข้าเคยคิดเรื่องนี้ไว้,ถ้ามีร่างพลังกายเป็นศูนย์อยู่จริงๆ วิวัฒนาการของมันจะเป็นไปในทิศทางใด?ร่างพลังกายเป็นศูนย์มีความโดดเด่นเฉพาะตัวสูงมาก ด้วยคุณสมบัติขับไล่พลังงานที่แข็งแกร่ง นี่อาจถูกมองได้ว่าเป็นความสามารถรูปแบบหนึ่งก็ได้ เมื่อเป็นความสามารถก็ย่อมจะทำการขัดเกลาและพัฒนาได้และนั่นคือวิวัฒนาการของมัน เมื่อคิดดูแล้ววิวัฒนาการของร่างพลังกายเป็นศูนย์ ก็ควรเป็นวิวัฒนาการขับไล่พลังงาน ความคิดนี้ทำให้ข้าสนใจมาก...”
……
“ข้าเคยคิดเรื่องนี้มาเมื่อสองสามวันก่อน ถ้ามีร่างพลังกายเป็นศูนย์จริงและถ้ามีความสามารถในการวิวัฒนาการ อย่างนั้นก็จะเป็นเรื่องที่น่าสนใจวิเคราะห์มาก เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เป็นเวลานี้ข้ากลับคิดวิธีโง่ๆได้อย่างหนึ่งซึ่งก็คือใช้ปริมาณพลังงานมหาศาลและฝึกฝนอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดความรู้สึกต่อเนื่องทำให้ร่างพลังกายเป็นศูนย์มีวิวัฒนาการต่อเนื่อง การคาดเดาของข้าก็คือ เมื่อความสามารถในการขับไล่พลังมาถึงระดับหนึ่ง มันจะสร้างสนามพลังวิญญาณที่พิเศษแตกต่างอย่างสิ้นเชิง ข้าจะเรียกมันว่าต้นกำเนิด มันจะเป็นแก่นของร่างพลังกายเป็นศูนย์..”
……
“ข้าต้องยอมรับว่าเอกลักษณ์ของร่างพลังกายเป็นศูนย์ ช่วยให้สามารถใช้งานได้ดีมาก พลังงานไม่สามารถสร้างความเสียหายให้มันได้มาก และถ้าร่างพลังกายเป็นศูนย์มีอยู่จริงและร่างพลังกายเป็นศูนย์ของเขาสามารถวิวัฒนาการจนถึงระดับยิ่งใหญ่ อย่างนั้นเขาจะกลายเป็นศัตรูของโลกโดยเปิดเผย...”
ถังเทียนและเสี่ยวเอ้อตะลึงโดยสิ้นเชิง