ตอนที่ 520 - รีบด่วน
หวงฉวนและคนที่เหลือตระหนักว่า แม้ก่อนที่พวกเขาจะไปถึงลานแก้วผลึก คุณชายสามตระกูลเย่ว์ก็เล่นงานเพชรฆาตโบราณจนตาบอดไปสองตนแล้ว
ไม่ทราบว่าเขาทำได้อย่างไร
แต่นี่ทำให้ทุกคนยินดียิ่งนัก
พวกเขาทุกคนรู้ว่าการเอาชนะเพชรฆาตโบราณทำได้ยากขนาดไหน สามารถทำให้มันตาบอดได้นับเป็นยุทธวิธีที่ดีที่สุดอย่างมิต้องสงสัย
การสูญเสียการมองเห็นเป็นอาการบาดเจ็บที่เป็นอันตรายต่อเพชรฆาตโบราณ พลังต่อสู้ของมันจะลดลงอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง
พวกเขาไม่สงสัยแต่อย่างใด
พวกเขาไม่มีทางคาดถึงเลยว่า เย่ว์หยางไม่ได้ทำเพื่อให้ทุกคนฆ่าเพชรฆาตโบราณได้ง่าย แต่ก็แค่เพื่อให้มั่นใจว่าเขาจะสามารถเก็บคะแนนสำหรับความตายของเพชรฆาตโบราณทุกตนได้ กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ไม่มีใครอื่นนอกจากเขาที่ได้รับรางวัลสำหรับการลุยเดี่ยวฆ่าเพชรฆาตโบราณ ด้วยวิธีนี้ เย่ว์หยางจะได้รับรางวัลลับสำหรับลุยฆ่าเดี่ยวซึ่งเก็บมาเป็นเวลานานแล้ว และนอกจากนี้เขายังจะได้คะแนนมากที่สุดในสังเวียนมรณะนี้ เย่ว์หยางรู้ดีถึงความยากลำบากที่เขาเผชิญอยู่ ตัวแทนจากแดนสวรรค์ตะวันออก, ใต้และเหนือยังจัดการได้ยากมากกว่าเพชรฆาตโบราณ นอกจากนี้ ราชาเฮยอวี้ก็ยังฉวยทุกๆ จังหวะที่จะทำร้ายเขาให้ได้และวางระเบิดเวลารอทำร้ายเขาอย่างมิต้องสงสัยเช่นกัน
ถ้าเย่ว์หยางไม่ปฏิบัติการเชิงรุกมากขึ้น เขาอาจตกอยู่ในอันตรายร้ายแรง
ไม่มีนางเซียนหงส์ฟ้า, เจ้าเมืองโล่วฮัว, องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเสวี่ยอู๋เสียอยู่ข้างกาย เขาได้แต่สู้เพียงลำพัง เนื่องจากเขาไม่สามารถหลบหนีจากสังเวียนมรณะได้
อาจกล่าวได้ว่าการต่อสู้ในศึกครั้งนี้คุกคามชีวิตของเขามากกว่าภารกิจที่วังเทพจักรพรรดิอวี้ในอดีตถึงสิบเท่า
“คุณชายใช้พลังของเจ้าสร้างโอกาสได้มากขึ้น” มนุษย์เพลิงเฝินเทียนไม่เต็มใจจะแสดงพลังทั้งหมดของเขา เขาต้องการให้เย่ว์หยางโจมตีหนักขึ้น เฝินเทียนไม่ใช่เพียงคนเดียวที่คิดเช่นนี้ แม้แต่หวงฉวนผู้แข็งแกร่งที่สุดและหวิ่นซิงก็มีทัศนคติอย่างนี้เหมือนกัน
พวกเขาทุกคนรู้ว่าการต่อสู้จะยังไม่จบหลังจากการต่อสู้ครั้งนี้ จะมีคลื่นของเพชรฆาตโบราณอย่างน้อยสองระลอกหนุนเนื่องเข้ามาในอีกไม่กี่ชั่วโมง
หลังจากหยุดพักสามวันสั้นๆ เพชรฆาตโบราณจะถูกส่งเข้ามาอีกสามระลอกอีกครั้ง
การต่อสู้ที่ยากลำบากขึ้นนี้จะดำเนินต่อไปจนกระทั่งเพชรฆาตโบราณหรือผู้ร่วมแข่งขันตายทั้งหมด
ไม่รวมถึงเพชรฆาตโบราณที่เกิดขึ้นจากตายของผู้เข้าแข่งขัน ก็จะมีเพชรฆาตโบราณสิบชุดถูกปล่อยเข้ามาในสังเวียนมรณะ และพลังของพวกมันจะแข็งแกร่งขึ้นจนถึงที่สุด มีความเป็นไปได้สูงที่ชุดสุดท้ายจะประกอบไปด้วยระดับจ่าฝูงเพชรฆาตโบราณหรืออาจจะแข็งแกร่งกว่าก็เป็นได้
ถ้าพวกเขาไม่สงวนพลังไว้และทุ่มเทพลังเต็มที่ในตอนนี้ พวกเขาอาจไม่สามารถรักษาสภาพพร้อมต่อสู้ในอนาคตก็ได้
นอกจากนี้ยังมีการต่อสู้ระหว่างทั้งสี่ฝ่ายหลังจากเพชรฆาตโบราณตายหมดแล้ว
มีแต่เพียงผู้ชนะเลิศในศึกสุดท้ายเท่านั้น
ฝีมือของเย่ว์หยางน่าประทับใจ แต่นี่เป็นเพียงการเริ่มต้น มนุษย์เพลิงเฝินเทียนและหวงฉวนไม่รู้สึกอิจฉา ตรงกันข้ามพวกเขาแอบดีใจ เนื่องจากจะเป็นการทอนกำลังและลดการคุกคามที่มีต่อพวกเขาลงได้
เทียบกับเย่ว์หยางผู้ต่อสู้สุดฝีมือแล้ว ราชาเฮยอวี้เตือนหวงฉวน, เฝินเทียนและหวิ่นซิงมากกว่าเดิม
“…..” ความรู้สึกหนาวแล่นผ่านแววตาของราชาเฮยอวี้วูบหนึ่ง
แต่เย่ว์หยางจับสัญญาณได้และแอบยิ้มอย่างเย็นชา
ดีใจเหรอ? ข้าดูว่ามันจะคงอยู่ได้นานแค่ไหน
เย่ว์หยางรู้ดีว่าเขาไม่สามารถเป็นพันธมิตรกับราชาเฮยอวี้ได้และเขาจะต้องพยายามฆ่าเขาให้ได้แน่นอน แต่เย่ว์หยางไม่สามารถจะแสดงท่าทางว่าจะฆ่าราชาเฮยอวี้ได้ มีเหตุผลสองประการ คือประการแรกสถานการณ์ปัจจุบันอันตรายเกินไป การฆ่าราชาเฮยอวี้มีแต่จะทำให้พวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากมากขึ้น ประการที่สอง จะฆ่าราชาเฮยอวี้ที่มีเครื่องปกป้องเป็นสมบัติระดับศักดิ์สิทธิ์ทั่วทั้งตัวนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ประกอบกับพลังซ่อนเร้นของเขา แม้แต่หวงฉวนที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังไม่มั่นใจว่าเขาจะสามารถฆ่าราชาเฮยอวี้ได้หรือไม่
ต่อให้ราชาเฮยอวี้ไม่ได้ลงมือทันที นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเย่ว์หยางไม่มีอะไรจะพูด
เมื่อได้คะแนนทั้งหมด ราชาเฮยอวี้จะถูกรหัสโบราณสังหารไม่ว่าเขาจะทรงพลังมากขนาดไหนก็ตาม
ดังนั้นสิ่งที่เย่ว์หยางต้องทำก็คือใช้การต่อสู้กับเพชรฆาตโบราณเพื่อยกระดับตนเอง และใช้วิธีที่เร็วที่สุดเพื่อไล่ตามราชาเฮยอวี้ให้ทันและอยู่เหนือเขาให้ได้ จากนั้นเขาจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากการต่อสู้ครั้งนี้ในฐานะเป็นผู้ชนะเลิศ
ในกลางลานแก้วผลึก การต่อสู้ที่ร้อนแรงกำลังดำเนินต่อไป
ขณะเดียวกันที่ชายขอบสวรรค์ด้านนอก
“มีอะไรเกิดขึ้นหรือ?” แฝดผู้พี่ของเทพธิดาศึกที่ให้ตราประดับจันทร์เสี้ยวลึกลับแก่เย่ว์หยางในอดีต เอาชนะลิงดึกดำบรรพ์ได้อย่างกล้าหาญและได้ไปยืนคู่กับเสวี่ยอู๋เสียอย่างงามสง่า นางถามด้วยความสับสน “เจ้ารู้สึกไม่สบายหรือ”
(แฝดเทพธิดาศึก มอบเครื่องประดับลึกลับชิ้นหนึ่งให้เย่ว์หยางเมื่อตอนที่ 213)
“…ไม่, ข้าเพียงแต่รู้สึกไม่สบายอย่างประหลาด จู่ๆ ก็ไม่มีสมาธิขึ้นมา..” เสวี่ยอู๋เสียไม่เข้าใจว่าทำไมนางถึงรู้สึกเช่นนั้น
“เพราะองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนจะกลับไปทวีปมังกรทะยานวันนี้ใช่ไหม?” เทพธิดาศึกคนน้องกระพริบตาขณะถาม
“ไม่, ข้าไม่แน่ใจ” เสวี่ยอู๋เสียสงสัยความเป็นไปก่อนหน้านี้ แต่ในไม่ช้านางก็ไม่คิดถึงต่อไป
“เจ้าฝึกฝนมาตลอดและไม่ได้กลับไปนานแล้ว ทำไมเจ้าไม่กลับวันนี้เล่า” เทพธิดาศึกแฝดคนพี่แนะนำ
“ภารกิจการฝึกฝนของเราก็สำเร็จลุล่วงแล้ว!” เทพธิดาศึกผู้น้องเสริมอย่างน่ารัก
“….อืม.. เอาอย่างนั้นก็ได้!” เสวี่ยอู๋เสียไม่สามารถอธิบายถึงความกลัวที่นางรู้สึกได้ แต่หลังจากได้ฟังคำแนะนำของพวกนาง นางตัดสินใจกลับทวีปมังกรทะยานที่นางจากมานาน ถึงเวลาเยี่ยมคนรักของนางเสียที นางสงสัยว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ แม้ว่านางจะได้รับจดหมายของเขาบ่อยๆ ก็ตาม แต่นางก็ยังคิดถึงเขามาก เป็นไปได้ไหมว่าเพราะองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนกลับทวีปมังกรทะยานและหัวใจนางก็คิดในทำนองนั้นด้วย?
เสวี่ยอู๋เสียเก็บความสงสัย นางกับสองพี่น้องเทพธิดาศึกออกจากโลกเอกเทศและกลับไปยังทวีปมังกรทะยาน
วังเทียนหลัว
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนกำลังเดินไปยังมิติลวง นางไม่ได้กลับไปวังต้าเซี่ยและไม่ได้กลับไม่เยี่ยมพระบิดาของนาง กลับตรงไปหาเย่ว์หยางโดยตรง
พร้อมกับดาบเทพจักรพรรดิอวี้ที่แขวนอยู่บนหลังของนาง ทำให้นางดูมีราศีสง่าผสานกับบุคลิกของนางอย่างเลือนลาง
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนฝึกฝนดาบเทพจนเชี่ยวชาญขึ้นได้รับความเคารพนับถือจากคนที่พบเห็นนางระหว่างเดินผ่านไปทุกที่
นางยกระดับกลายเป็นระดับสุดยอดฝีมือคนหนึ่ง
เมื่อองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเพิ่งจะเดินผ่านประตูวัง สตรีสองคนก็วิ่งเข้ามาหานางอย่างเร่งร้อนจากในวังเทียนหลัว หนึ่งในนั้นสวมชุดเกราะผ้าคลุมดำมีหน้ากากปะการังปิดหน้าถือคทาปลาวาฬ อีกคนหนึ่งเป็นสาวลูกครึ่งเอลฟ์ที่อยู่ในชุดขาวคลุมหน้าแต่ไม่สามารถปิดความงามของนางได้ ทหารวังได้แต่เพียงกลิ่นหอมและดื่มด่ำเคลิบเคลิ้ม
มีแต่หัวหน้าองครักษ์เกราะทองที่สามารถสงบจิตใจไว้ได้ ขณะที่เขาชักดาบออกมาขวางสตรีทั้งสองคนไว้ “พวกเจ้าไม่อาจบุกรุกเข้าวังเทียนหลัวโดยพลการอย่างนี้”
“เรามีปัญหาเร่งด่วนและกำลังตามหาแม่สี่…” สตรีคนที่สวมหน้ากากปะการังแสดงเจตนาความตั้งใจของพวกนางทันที
“ไม่มีคนเช่นนั้นในวังเทียนหลัว!” หัวหน้าองครักษ์เกราะทองปฏิเสธนางทันที
แม้ว่าทั้งสองคนจะเป็นสตรี แต่พวกนางก็แข็งแกร่งทรงพลังจนทำให้เขาตื่นตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสตรีที่สวมหน้ากากปะการัง ขนาดนางยังปกปิดพลังของนางไว้ พลังที่นางแสดงออกมาก็ระดับเตรียมนักสู้ปราณก่อกำเนิดแล้ว ในทวีปมังกรทะยานมีคนเช่นนี้ไม่มากนัก สิ่งที่ทำให้หัวหน้าองครักษ์เกราะทองสับสนก็คือเขาไม่เคยได้ยินเรื่องของสตรีเหล่านี้มาก่อน แรงจูงใจอะไรถึงได้นำนางมาที่นี่?
พวกนางเป็นมิตรหรือศัตรู?
เขาไม่สามารถสรุปได้!
สตรีที่สวมหน้ากากปะการังพูดอย่างกังวล “แม่สี่ก็คือแม่สี่ของคุณชายสามตระกูลเย่ว์ ถ้านางไม่อยู่ อย่างนั้นเราขอพบพี่สาวของคุณชายสาม หรือเย่ว์หวี่พี่สาวคนรองตระกูลเย่ว์ ถ้านางไม่อยู่ด้วยเช่นกัน เราขอพบเย่ว์ปิงน้องสาวของเขาก็ได้ หรือจะให้เราพบคนในกลุ่มของเขา เย่คง, ไห่ต้าฟู่, เสวี่ยทันหลางหรือคนใดคนหนึ่งก็ได้ ถ้าพวกเขาไม่อยู่โปรดกราบทูลจักรพรรดิเทียนหลัวหรือจักรพรรดิต้าเซี่ยก็ได้ เรามีเรื่องด่วนต้องการพบพวกเขา.. นี่เป็นเรื่องฉุกเฉินต้องรายงานทันที!”
หัวหน้าองครักษ์เกราะทองสับสน “พวกเจ้าเป็นใครกันแน่? และพวกเจ้าทุกคนมาจากไหน? บอกสถานะของพวกเจ้ามาเดี๋ยวนี้!”
สตรีที่สวมหน้ากากปะการังชะงักชั่วครู่ “เจ้าไม่มีสิทธิ์รู้สถานะของข้า ปัญหานี้เป็นความลับ รายงานขึ้นไปเดี๋ยวนี้ เราจะเสียเวลามากไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว…”
“ไม่, ถ้าพวกเจ้าทั้งสองคนไม่เปิดเผยสถานะของตน ข้าจะไม่มีทางรายงานให้พวกเจ้า” หัวหน้าองครักษ์เกราะทองปฏิเสธโดยตรง จะเป็นยังไงถ้าพวกนางเป็นนักฆ่าที่กองกำลังนรกดำส่งมา? อย่างนั้นเขาคงทำหน้าที่ไม่ได้ ยิ่งกว่านั้น คนที่พวกนางร้องขอเข้าพบก็คือบุคคลสำคัญที่อาณาจักรต้องปกป้องไว้
“ช่างโง่เง่ายืนกรานนัก….” สตรีสวมหน้ากากปะการังชูคทาปลาวาฬขาวของนาง “ถ้าข้าเป็นศัตรูข้าคงฆ่าเจ้าทันทีแล้ว เราเป็นมิตร และเรามีเรื่องที่ด่วนมาก!”
“นั่นก็ทำไม่ได้เช่นกัน ข้าจะไม่ยอมให้คนที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าเข้าไปเด็ดขาด” หัวหน้าองครักษ์เกราะทองยืนยันหนักแน่นกว่าเดิม พวกนางคิดว่าถือดีมากเพราะเป็นเตรียมนักสู้ปราณก่อกำเนิดหรือ? นี่คือวังเทียนหลัว และเขาเป็นหัวหน้าองครักษ์ เขาต้องทำหน้าที่ของเขา ต่อให้พวกนางเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดก็ตาม! ยิ่งกว่านั้นทุกคนในทวีปมังกรทะยานรู้กันว่าองครักษ์ไม่มีสิทธิ์ใดๆ ที่จะให้คนเข้าไปในมิติลวง ดังนั้นถ้าพวกนางไม่รู้เรื่องนี้ แม้ว่าพวกนางจะไม่ใช่ศัตรู แต่พวกนางก็ไม่ใช่พันธมิตร พวกนางควรไปที่ปราสาทตระกูลเย่ว์ ถ้าพวกนางต้องการตาหาเย่คง, เจ้าอ้วนไห่และเสวี่ยทันหลาง ทำไมพวกนางต้องมาตามหาพวกเขาที่วังเทียนหลัวด้วย? สตรีสองนางนี้ ไม่รู้อะไร พวกนางเป็นมิตรจริงๆ หรือ? พวกนางสองคนน่าสงสัย ไม่ควรปล่อยให้พวกนางเข้าไป
เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว หัวหน้าองครักษ์เกราะทองชี้ไปที่ทหารทั้งหมดเตรียมตัวสู้
สตรีสวมหน้ากากพยายามระงับความโกรธอย่างหนัก “เราเป็นมิตรจริงๆ ถ้าพวกเจ้าทุกคนไม่ยินดีส่งข้อความให้ อย่างนั้นเราจะไปปราสาทตระกูลเย่ว์ วงแหวนเทเลพอร์ตอยู่ที่ไหน?”
หัวหน้าองครักษ์เกราะทองคิดว่า พวกนางจะเป็นมิตรได้อย่างไร ถ้าพวกนางไม่รู้กระทั่งวงแหวนเทเลพอร์ตของวังเทียนหลัว
เขายิ่งเคร่งครัดการพูดของเขามากกว่าเดิม
ถ้าไม่ใช่เพราะช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างพลังของเขากับของพวกนาง เขาคงคร่ากุมสตรีต้องสงสัยทั้งสองคนและรายงานให้เบื้องบนทราบไปแล้ว
“เกิดอะไรขึ้น?” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนมีสัมผัสรู้ทั้งหกที่รวดเร็ว นางรู้สึกว่ามีการสนองตอบแปลกประหลาดก่อนที่นางจะเข้ามิติลวง ภายใต้สัมผัสรู้ทั้งหกที่ยอดเยี่ยมของนาง นางข่มความต้องการพบเย่ว์หยางและหันมาดู
“สมบัติชั้นเทพหรือนี่?” สตรีสวมหน้ากากปะการังตะลึงเมื่อนางมองเห็นองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน
“ดาบเทพจักรพรรดิอวี้, นางคือองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน” เด็กสาวลูกครึ่งเอลฟ์วิ่งมาหาองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนทันที
“บังอาจ…” หัวหน้าองครักษ์เกราะทองโกรธเพราะคิดว่าพวกนางกำลังจะลอบสังหารองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและชิงสมบัติชั้นเทพ เขาชักกระบี่และฟันใส่ทันที
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนยกมือนางและชี้ขึ้นในอากาศ
ปราณของนางเบี่ยงเบนวิถีดาบยักษ์ของหัวหน้าองครักษ์เกราะทองทันที
ในขณะเดียวกัน คทาปลาวาฬขาวก็เข้ามากันศีรษะเด็กสาวลูกครึ่งเอลฟ์ไว้ นางถลาเข้าไปในอ้อมอกขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน แล้วร้องไห้ไม่หยุดและตื่นเต้นเกินกว่าจะพูดออกมาได้ ดูเหมือนนางต้องการพูดและไม่สามารถทำได้ องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกสับสนจึงจูงมือนางข้างหนึ่ง และอีกทางหนึ่งก็ขอให้หัวหน้าองครักษ์เกราะทองถอยไป “นางไม่มีเจตนาร้าย.. พวกเจ้าเป็นใครกันแน่? เกิดอะไรขึ้น?”
ทักษะหกสัมผัสรู้ของนางสามารถรู้สึกได้ดีว่าสตรีทั้งสองคนี้ไม่มีเจตนาฆ่า ดังนั้นพวกนางจึงไม่ใช่มือสังหารที่กองกำลังนรกดำส่งมาแน่นอน
แต่นางไม่เข้าใจว่าพวกนางมาด้วยเรื่องอะไร
สตรีที่สวมหน้ากากปะการังตื่นเต้นเช่นกันเมื่อนางเห็นองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน แต่นางรีบข่มใจทันทีและแสดงความเคารพนาง “ทูลองค์หญิง, เนื่องจากที่นี่มีคนมาก เราไม่สะดวกเปิดเผยสถานะของเรา แต่เราไม่มีเจตนาร้าย”
“องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน ข้าไม่ใช่คนเลว, นายท่านตกอยู่ในอันตราย รีบไปช่วยเขาเถอะ..” เด็กสาวลูกครึ่งเอลฟ์เก็บความอัดอั้นไว้ไม่ได้ นางจึงเปิดเผยทุกอย่างขณะที่นางกังวล องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนส่ายหน้าขณะที่นางได้ยิน นางรีบปิดปากสาวลูกครึ่งเอลฟ์ทันที “เข้าใจแล้ว เราไปคุยกันต่อข้างใน ไม่ต้องพูดอะไรที่นี่แล้ว” จากนั้นนางหันไปทางประตูวัง “พวกเจ้าทุกคนผลัดกันเฝ้ายามประตูวังไว้ อย่าให้ใครออกไป ไม่ว่ายังไงก็ตาม”
“พะย่ะค่ะ!” แม้ว่าหัวหน้าองครักษ์เกราะทองจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขารู้ดีถึงความรุนแรงของปัญหา ขณะที่เขาตะโกนส่งทหารยามที่รู้สึกสับสน “พวกเจ้าทุกคนฟังให้ดี จากนี้ไปเราต้องตื่นตัวสูงสุด พวกเจ้าทุกคนมากับข้าเดี๋ยวนี้ เข้าไปในห้องกักกัน จะไม่มีใครติดต่อกับคนข้างนอก ผู้ฝ่าฝืนจะถูกมองว่าเป็นจารชนและจะถูกฆ่าโดยไม่ลังเล!”
ก่อนที่ทหารยามจะได้ทันตั้งตัว องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนก็พาสาวลูกครึ่งเอลฟ์พร้อมกับสตรีที่สวมหน้ากากปะการังเข้าไปในวัง
พวกนางวิ่งตลอดทางผ่านเข้าวังและเข้าไปในมิติลวง
******************