ตอนที่ 516 ขอต้อนรับสู่แดนมรณะ
นอกจากถังเทียนแล้วเสี่ยวเอ้อก็เตรียมพร้อมสู้ตายกับฝูอิงด้วย
ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากฝีมือของฝูอิงและเขาเกือบจะเสียชีวิต เรื่องแบบนี้เสี่ยวเอ้อที่มีความหยิ่งทรนงอยู่เสมอจะทนรับได้ยังไง?
ยอมไม่ได้!
เสี่ยวเอ้อยังคงเงียบขณะที่เขาฟังถังเทียนกับมอนตาพูดคุยกัน เขาตั้งใจฟังพวกเขาตลอดเวลา หลังจากฟังพวกเขาพูดคุยกันเสร็จ เสี่ยวเอ้อร่าเริงและประหลาดใจที่รู้ว่ามอนตาเป็นคนที่เก่งมากและอาศัยความคาดหวังของเขาอย่างชาญฉลาด
ความคิดจะใช้ทะเลเมฆและหุ่นเชิดเพื่อให้เกิดความไขว้เขวคิดขึ้นโดยมอนตา สำหรับเสี่ยวเอ้อซึ่งน่ากลัวกว่ามอนตามาก เขารู้สึกว่ากลยุทธ์ที่จะเอาชนะฝูอิงนี้ยังร้ายกาจไม่เพียงพอ
เสี่ยวเอ้อไม่ต้องการให้ถังเทียนช่วยเขาล้างแค้น เมื่อเขาล้มก็เพื่อต้องการให้คนอื่นช่วยเขาแก้แค้นงั้นหรือ
หึ หึ!
เสี่ยวเอ้อยิ้มขณะที่รังสีฆ่าฟันเดือดอยู่ภายในตัว
แม้ว่าจะถูกทำร้ายและถูกกักตัวให้ทำสมบัติวิญญาณ เขารู้สึกว่าเขายังคงมีความกล้าเหลือพอจะสู้ สำหรับเขาเป็นเรื่องง่ายที่จะใช้สมบัติวิญญาณต่อต้านฝูอิง นั่นเพียงพอสร้างกลลวงแล้ว
การฝึกแนวคิดของมอนตาและระดับความสำเร็จของกลยุทธ์ของเขามีสูง เสี่ยวเอ้อรู้สึกว่ากลยุทธ์ของเขาง่ายเกินไปและไม่มีองค์ประกอบของการลวง แต่ไม่ต้องกังวลเนื่องจากเสี่ยวเอ้อรู้สึกว่าเขาสามารถใช้กลยุทธ์รุกและสร้างองค์ประกอบของกลลวงได้
การใช้ทะเลเมฆเป็นกับดักลวงตาที่มีรัศมีกว้างขวาง แต่เนื่องจากศัตรูมีประสบการณ์กลยุทธ์นี้อาจไม่ได้ผลกับเขา
เสี่ยวเอ้อคิดว่าน่าจะเพิ่มชั้นแสงกระจกที่ชั้นนอกของทะเลเมฆซึ่งเป็นเหมือนภาพลวงตาเพื่อปกปิดการโจมตีที่เป็นแผนเสริม นอกจากนี้เสี่ยวเอ้อผู้ร้ายกาจคิดจะทำภาพลวงตาให้คล้ายกับเมืองหานกู่ซึ่งจะทำให้ฝูอิงหลงเข้าไป
เขาจินตนาการว่าฝูอิงคิดว่าเขาจะหลบหนีจากภาพลวงตาของทะเลเมฆและตกเข้าไปในจุดลวงตาอีกจุดหนึ่งซึ่งสามารถดักเขาไว้ได้
เขาตื่นเต้นมากเกี่ยวแผนใหญ่ของเขานี้
ถ้าพวกเขากระตุ้นแสงลวงตาซึ่งเป็นกลยุทธ์หลักจากนั้นพวกเขาก็กระตุ้นสมบัติลับจากกลุ่มดาวปลาซึ่งใช้ประโยชน์ในภาพลวงตาต่อศัตรูเป็นอย่างมาก
ด้วยการใช้วิชาลวงตากับฝ่ายตรงข้ามโดยไม่ใช้ไม้ตาย เสี่ยวเอ้อรู้สึกว่ายังไม่เพียงพอและเหมาะกับเขา เขาคิดว่าอะไรเป็นจุดอ่อนของกลยุทธ์นี้ จะเกิดอะไรขึ้นหากฝูอิงผ่านปริศนาลวงตาได้ และฝูอิงจะทำอะไรจากนั้น?
เสี่ยวเอ้อคำนวณความน่าจะเป็นอย่างอื่นที่อาจเกิดขึ้นได้
ทันใดนั้นเขาคิดถึงสมบัติวิญญาณ
หึ หึ!
เขาไม่สามารถรอการต่อสู้ที่แท้จริงเพื่อจะได้ใช้มัน
*********
เมืองหานกู่
เซียนอิสระทุกคนในเมืองหานกู่ถูกบังคับให้เดินมาข้างหน้าป้อมปราการประตูเดี่ยว
ฝูอิงยืนอยู่ข้างหลังกองกำลังเซียนปลดปล่อยรังสีฆ่าฟัน เขาชำนาญในการทำสงครามเนื่องจากเขามีประสบการณ์ต่อสู้มากมาย ด้วยการช่วยเหลือของเริ่นหรูไห่และความเป็นผู้นำคนของเขา พวกเขาหาเซียนที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองและบังคับให้กลายเป็นบริวารของเขา ตอนนี้ฝูอิงมีเซียนอยู่ในบังคับของเขาเจ็ดคน พวกเขาเป็นเซียนที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองหานกู่
มีเซียนสองคนปฏิเสธผลก็คือถูกฆ่าตาย
ฝูอิงลอยอยู่กลางอากาศเหนือเมืองหานกู่ เนื่องจากเซียนที่แข็งแกร่งที่สุดของเขารวบรวมเซียนอื่นๆ จากทั่วเมือง เซียนที่พยายามหนีออกไปถูกฝูอิงที่เล็งจากท้องฟ้าและฆ่าตาย
หลังจากฆ่าเซียนไปห้าคน ไม่มีใครอื่นกล้าถอนตัวอีก
เซียนทุกคนในเมืองรวมตัวกันอยู่ที่นี่
“พวกเจ้าทุกคนจงเข้าไปในป้อมทีละคนๆถ้าพวกเจ้าตายในการต่อสู้ ข้าจะไม่แตะต้องครอบครัวของพวกเจ้า! แต่ถ้าพวกเจ้ายอมแพ้ เจ้าและครอบครัวจะต้องตายด้วยกัน
เสียงเย็นชาของฝูอิงก้องสะท้อนขณะที่เขาลอยลงมาช้าๆทำให้เซียนสั่นด้วยความกลัว พวกเขาทุกคนเหมือนคนกำลังจมน้ำ แม้ว่าพวกเขาจะรู้เจตนาของฝูอิง แต่เมื่อฝูอิงพูดสั่ง พวกเซียนรู้สึกอดสูใจ พวกเขาไม่สามารถทำอะไรเพื่อปกป้องพวกเขาหรือครอบครัวพวกเขาได้จึงได้แต่สั่นด้วยความกลัว
พวกเขารู้ว่าฝูอิงกำลังทำกับพวกเขาเหมือนกับเป็นโล่มนุษย์เพื่อตัดกำลังของศัตรู แต่พวกเขาคาดไม่ถึงเลยว่าพวกสมาพันธ์ชาวยุทธจะกดขี่ข่มเหงและไร้ยางอายถึงเพียงนี้
มีความขุ่นเคืองเล็กน้อยขณะที่พวกเซียนทุกคนจ้องมองฝูอิงด้วยความโกรธที่เผาผลาญอยู่ในดวงตาพวกเขา
แต่ร่างเปื้อนเลือดของสหายทั้งห้าที่ตายไปทำให้พวกเขาตื่นจากฝันที่ต้องการสู้ตอบโต้ นอกจากนี้องครักษ์ที่คอยรับประกันว่าพวกเขาจะหลบหนีไม่ได้อยู่ในบรรดาเซียนที่แข็งแกร่งที่สุด ทุกคนกลายเป็นเขี้ยวเล็บให้ฝูอิง
พวกเซียนมีสีหน้าท้อแท้ผิดหวัง
ภายในป้อมปราการประตูเดี่ยว ถังเทียนยิ้มเย็นชา เนื่องจากเขานึกถึงสิ่งที่ลุงปิงกล่าวเอาไว้ เขาตระหนักว่าลุงปิงเป็นคนศิวิไลที่ชอบใช้ตรรกะเหตุผล
มอนตาเป็นจอมเจ้าเล่ห์แน่นอน!
รอบๆเขาเป็นเซียนที่โกรธแค้น เซียนเป็นคนที่หยิ่ง ดังนั้นพวกเขาจึงโกรธที่เห็นภาพสหายเซียนถูกฝูอิงรังแกอย่างอัปยศอดสูอยู่นอกปราการ
มอนตาตะโกน “บันทึกภาพไว้อย่างระมัดระวังด้วยจับภาพสีหน้าทุกคนให้ดี โอว โอว โอว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเซียนที่นอนตายจมกองเลือด นี่มันโหดอำมหิตเกินไปแล้ว! นี่คือความป่าเถื่อน สมาพันธ์ชาวยุทธก้าวล่วงเสรีภาพและความภูมิใจของเซียนอิสระได้ยังไง นี่เป็นการกระทำที่อุกอาจ ถ้าเราเหล่าเซียนอิสระร่วมมือกันก็จะต่อต้านสมาพันธ์ชาวยุทธได้”
เขาลืมไปแล้วว่าเขาไม่ใช่เซียนอิสระอีกต่อไป
พวกเซียนทุกคนล้วงสมบัติที่สามารถบันทึกภาพได้ออกมากันทุกคน(อัดคลิป) ขณะที่พวกเขาถ่ายภาพความทรงจำสมบัติจากกลุ่มดาวแท่นบูชาและกลุ่มดาวปลาจำเป็นต้องให้เจ้านายใช้พลังจำนวนมากเพื่อรับมือของแต่ละคนได้
แม้แต่ถังเทียนก็ยังต้องยอมรับว่าความหยิ่งและความหยาบช้าของมอนตาโดดเด่นในโลกจริงๆ
เมื่อภาพบันทึกเหล่านี้ถูกเผยแพร่ จะต้องก่อให้เกิดความขัดแย้งแน่นอน
“พวกเขากำลังเข้ามา” ถังเทียนโบกมือพัลวัล เขาคาดหวังว่าเซียนอิสระจะเข้ามา เขาไม่คาดว่าฝูอิงจะช่วยพวกเขาด้วยวิธีแบบนั้น
ทุกคนหัวเราะเบาๆ
ด้านนอกป้อมประตูเดี่ยว
ฝูอิงมองดูม่านพลังงานอย่างเฉยชาม่านพลังหดตัวมากกว่าแต่ก่อนเมื่อเทียบกับครั้งสุดท้ายที่เขาโจมตี ภายในม่านพลังงาน รังสีแสงกระพริบไปทั่วทุกที่ ประกอบกับมีเสียงระเบิดเป็นครั้งคราว ต้องมีการต่อสู้ภายในอย่างดุเดือดเป็นแน่
เซียนคนแล้วคนเล่าเข้าไปในป้อม
ภัยคุกคามของเขามีพลังมากไม่มีใครไม่กล้าเชื่อฟังเขา และไม่มีใครกล้ายอมแพ้ เซียนทุกคนเข้าไปต่อสู้ แต่ผู้ป้องกันฐานดูเหมือนจะแข็งแกร่งมากกว่าที่เขาคาด ขณะที่ม่านพลังยังไม่แตกทำลาย
แต่ฝูอิงรู้ว่าการต่อสู้เพื่อป้องกันจะต้องพังทลายในไม่ช้า ไม่มีใครสู้ได้ตลอดไป เมื่อพวกเขาถึงขีดจำกัดอย่างนั้นพลังป้องกันของพวกเขาจะถูกทะลวง
หลังจากได้รับบาดเจ็บจากการสู้ครั้งก่อน ฝูอิงเต็มไปด้วยความโกรธต่อป้อมประตูเดี่ยว ป้อมปราการที่หายสาบสูญมานานช่างอันตรายมากใครจะรู้ว่ามีไม้ตายอย่างอื่นซ่อนภายใน?
ไม่คุ้มค่าที่จะเสียสละตนเองไปกับการต่อสู้!
ฝูอิงมองดูกระสุนโล่มนุษย์ที่อยู่ใต้เขาด้วยกระสุนมนุษย์เหล่านี้ เขามั่นใจว่าเขาจะสามารถทำลายแนวป้องกันของป้อมได้ ด้วยกำลังเซียน 36คน แม้ว่าพลังของแต่ละคนจะไม่แข็งแกร่ง แต่เมื่อผนึกพลังเข้าด้วยกันแล้ว พวกเขาจะแสดงพลังที่น่ากลัวออกมาได้
น่าเสียดายที่พวกเขาเป็นแค่กลุ่มคนใหม่และไม่มีประสบการณ์ต่อสู้
รอยยิ้มเย็นชาปรากฏอยู่ที่ริมฝีปากฝูอิง
เขารู้ว่าคนทั่วไปคงไม่กล้าขัดคำสั่งเขา แต่ขณะเดียวกันเขายังคงรู้ว่าเมื่อไม่มีผู้นำของพวกเขา พวกเซียนจะไม่สามารถรวมตัวกันเพื่อทำอันตรายเขาได้ นั่นคือเหตุผลเมื่อเขาเข้าเมืองหานกู่ เขาได้รับสุดยอดเซียนเจ็ดคนไว้เป็นบริวารของเขา
แม้ว่าเป็นเรื่องยากที่เซียนทั้งเจ็ดคนจะกำจัดเซียนอีก36 คนได้ แต่ถ้าเซียนทั้งเจ็ดอยู่ใกล้ๆพวกเขาและคอยให้ความหวังเล็กน้อยว่าพวกเขาสามารถเอาชนะศึกนี้ได้และจะได้เป็นอิสระ อย่างนั้น 36เซียนจะได้ไม่มีแรงจูงใจในการสู้ตอบโต้
นี่คือมนุษยชาติ และความโหดร้ายของมนุษยชาติ!
ฝูงลูกแกะพร้อมจะถูกบูชายัญแล้ว
ฝูอิงรั้งสายตากลับมาจ้องมองที่ป้อมปราการขณะที่เขารอให้แนวป้องกันพังทลาย เมื่อถึงเวลาเขาต้องการให้ฐานทั้งหมดมีเลือดท่วมและไม่มีคนรอดชีวิต
***************
“นี่คือกลุ่มดาวเซกซ์แทนส์?” นายทหารคนสนิทกวาดมองพื้นที่รอบๆและแสดงความผิดหวัง “พลังงานของกลุ่มดาวยังสูงไม่พอ”
“หยุดพูดไร้สาระและไปต่อได้แล้ว!” โจนส์พูดขัดขณะที่เขาหงุดหงิด “เป้าหมายของเราคือเมืองหานกู่!”
ความเคลื่อนไหวของกองพลใบไม้แดงได้ดึงดูดความสนใจจากศัตรูของพวกเขา ในท่ามกลางสงครามใหญ่ ความเคลื่อนไหวใดๆของกองทัพของสมาพันธ์ชาวยุทธล้วนแต่ดึงดูดความสนใจของผู้คนอยู่แล้ว
ก่อนที่อีกฝ่ายหนึ่งจะรู้ตัว เขาต้องหาทางเข้าไปในเมืองหานกู่
เหตุผลประการเดียวที่เขายินดีส่งกองพลใบไม้แดงออกไปเพราะเขาสนใจป้อมปราการประตูเดี่ยว ในฐานะผู้นำทหารเขาสนใจใคร่รู้เรื่องป้อมที่สาบสูญมาเป็นเวลานาน นอกจากนี้เขายังมีสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับฝูอิง ถ้าไม่ใช่เพราะฝูอิงคอยสนับสนุน เขาคงไม่ได้อยู่ในกองพลใบไม้แดงเป็นแน่
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ยินดีจะหาเหตุผลอื่นทำสงครามด้วยตนเอง สมาพันธ์ชาวยุทธและกลุ่มดาวราชสีห์มีการสู้รบอย่างดุเดือด ถ้าพวกเขามีสงครามในที่อื่นอีก อย่างนั้นพวกเขาอาจถูกโอบล้อมและป้องกัน และกำลังจะขาดแคลนหากจะต้องกระจายกำลังรบออกไปสองด้าน
โจนส์มุ่งมั่นจะจบการรบให้รวดเร็ว เขาต้องการจะจบการต่อสู้ก่อนที่อีกฝ่ายหนึ่งจะทันรู้ตัว
เพียงเท่านั้นเขาจะลดการเสี่ยงต่อการสูญเสียคนของเขามากขึ้น
“ขอรับ!” นายทหารผู้ช่วยตอบทันที แต่ก็ยังอดพูดแทรกอีกไม่ได้ “แต่ข้ารู้สึกว่าต้องใช้เวลากว่าจะไปถึงที่นั่นท่านฝูอิงก็คงจัดการป้อมปราการประตูเดี่ยวไปแล้ว”
โจนส์ยิ้มกระตือรือร้น “ได้แต่หวังว่าเขาจะไม่ทำลายป้อมเสียก่อนที่เราจะไปถึงที่นั่น”
ฝูอิงเป็นคนโหดร้ายน่ากลัว เขาใช้ชีวิตกับการฆ่า และการสังหารยกเมืองเป็นเรื่องที่เขาไม่ได้ทำแค่เพียงครั้งเดียว ตราบใดที่เขาอยู่ในสนามรบ เขาจะไม่ปล่อยให้มีผู้รอดชีวิต
โจนส์ไม่กังวลเรื่องฝูอิงเนื่องจากเขารู้สึกว่าอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นกับเขาเป็นเพียงอุบัติเหตุ ไม่มีความสงสัยพลังต่อสู้ของฝูอิงและโจนส์มั่นใจว่าฝูอิงมีความสามารถจะทำลายศัตรูของเขา
ทันใดนั้นสมบัติดวงดาวจากกลุ่มดาวสามเหลี่ยมของทหารผู้ช่วยเริ่มสั่นสะเทือน นายทหารผู้ช่วยได้รับรายงานข่าวกรองขณะที่เขาสีหน้าเปลี่ยนไป “กองทัพจักรกลของกลุ่มดาวหมีใหญ่เพิ่งเข้ามาในกลุ่มดาวเซกซ์แทนส์!”
ข่าวด่วนนี้ทำให้บรรยากาศรอบด้านหนักหน่วง
โจนส์ขมวดคิ้ว “ทำไมกลุ่มดาวหมีใหญ่มาทำอะไรที่นี่?”
“ข้าไม่ทราบ”นายทหารผู้ช่วยสีหน้าดูไม่ดี ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น คนอื่นๆก็ดูกังวลเช่นกัน กลุ่มดาวหมีใหญ่และสมาพันธ์เป็นปฏิปักษ์ต่อกัน สมาพันธ์ชาวยุทธพ่ายแพ้กลุ่มดาวหมีใหญ่มาหลายครั้งแล้ว ยิ่งมีสงครามติดพันกับกลุ่มดาวราชสีห์ สมาพันธ์ไม่แหล่งทรัพยากรจะไปแก้แค้นกับกลุ่มดาวหมีใหญ่ได้ อย่างไรก็ตามกลับกลายเป็นปล่อยให้กลุ่มดาวหมีใหญ่มีเวลาเสริมกำลังมากขึ้น
“พวกเขากำลังไล่ตามเรามา” โจนส์บอกทหารผู้ช่วย “เจ้าดูไม่ดีเลยนะ”
นายทหารผู้ช่วยรู้สึกผิดเล็กน้อยเพราะเขาตกใจกับข่าวของกลุ่มดาวหมีใหญ่ ช่างโชคร้ายจริงๆ
“นี่คือโอกาสที่ดี” โจนส์ตอบ “ผู้บริหารเบื้องบนไม่เคยมั่นใจเรา ถ้าเราสามารถเอาชนะกองทัพจักรกลได้ นั่นจะเป็นเรื่องดีแน่นอน กลุ่มดาวหมีใหญ่กำลังรบติดพันกับเจ็ดดาวเหนือ พวกเขาเหลือแค่กองทัพจักรกลเพียงกองทัพเดียวเท่านั้น”
“ถ้าเราชนะ อย่างนั้นกลุ่มดาวหมีใหญ่จะต้องได้รับความสูญเสียอย่างหนัก”
โจนส์ชำเลืองมองดูทหารผู้ช่วย “จากนั้นเราจะได้รับการสนับสนุนจากสมาพันธ์
นายทหารผู้ช่วยสูดหายใจจนคอแห้งทันที