ตอนที่ 515 ร่วมกันระดมสมอง
พลังของฝูอิงแข็งแกร่งกว่าเขามาก ถังเทียนไม่ปฏิเสธเรื่องนั้น พลังโจมตีจากฝูอิงแทบจะทำลายร่มของเสี่ยวเอ้อได้ ถังเทียนไม่เคยเห็นพลังโจมตีที่รุนแรงขนาดนั้นมาก่อน
อย่างไรก็ตามถังเทียนเคยเป็นหัวโจกประจำโรงเรียนมาแล้ว เขาเข้าใจอย่างเต็มที่เรื่องการสู้ตัวต่อตัวการสู้กันระหว่างกลุ่มแก๊ง แม้ว่าการต่อสู้ระหว่างกลุ่มจะต่ำ อาจเป็นไปได้ที่อาจใช้วิธีที่พวกหัวโจกใช้กัน
และถังเทียนก็คือหัวโจกใหญ่ที่โดดเด่นเป็นพิเศษ
ถังเทียนไม่อาจเทียบได้ในเรื่องยุทธศาสตร์และกลศึกที่ซับซ้อนละเอียดอ่อนของปิง อย่างไรก็ตามเมื่อว่าถึงการต่อสู้ระหว่างกลุ่มอันธพาล ปิงไม่อาจเทียบได้กับถังเทียน ถังเทียนจะใช้วิธีการนอกลู่นอกทางซึ่งมีประสิทธิภาพสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ เขามีความคิดแผลงๆ จนแม้แต่ปิงก็ได้แต่ทำตาปริบๆ
ปิงไม่เคยยอมรับว่าถังเทียนฉลาดอย่างแท้จริงเมื่อถึงเวลาสู้กันด้วยกลยุทธ์ แต่เขายอมรับว่าความกล้าหาญในการต่อสู้ของถังเทียนนั้นน่ากลัว
สำหรับกลุ่มต่อสู้เพื่อให้ประสบความสำเร็จต้องเอาไปใช้โจมตีศัตรูให้ได้เป็นอย่างน้อย
ถังเทียนหยิบรายงานข่าวกรองที่ได้รับจากติงตังและบอกให้ทุกคนเข้าประชุมขณะที่เขาแจกจ่ายรายงานให้กับทุกคน
“ครั้งนี้เป้าหมายของเราคือฝูอิง รอบนี้ไม่ต้องยั้งมือไว้ไมตรีอีกเราจำเป็นต้องฆ่าเขา”
ถังเทียนพูดน้ำเสียงสนทนาปรึกษาและมีความตั้งใจว่าจะฆ่าฝูอิง
ทุกคนเงียบ พวกเขาอ่านรายงานข่าวกรองอย่างอย่างจริงจัง ถ้ารายงานเป็นความจริงอย่างนั้นฝูอิงก็มีพลังที่น่ากลัว
ค่าพลังวิญญาณ298 จุดและด้วยวิชาจิตวิญญาณสำหรับโจมตีอย่างเดียวก็คือ ดาบวิญญาณเกียรติยศชาวยุทธ
ในบรรดาวิชาระดับบรอนซ์ในสมาพันธ์ชาวยุทธ ดาบวิญญาณเกียรติยศถูกมองว่าเป็นวิชาพื้นฐานมากที่สุด ด้วยค่าพลังวิญญาณเริ่มต้นเพียง 8 จุดก็ยังมิอาจเทียบกับวิชาเคลื่อนย้ายพริบตาของถังเทียนได้ อย่างไรก็ตามฝูอิงใช้ความพยายามอย่างมากมายจนเชี่ยวชาญวิชาจิตวิญญาณที่ธรรมดานี้ทำให้ค่าพลังวิญญาณของวิชาดาบวิญญาณเกียรติยศนี้มีค่าสูงถึง 210 จุด ต่ำกว่าระดับค่าวิญญาณสูงสุด 230 ของวิชานี้เพียง20 จุด
หลังจากเห็นเช่นนั้นทุกคนได้แต่สูดหายใจลึก
มีค่าพลังวิญญาณ210 จุดนั่นเกือบจะเท่าวิชาจิตวิญญาณของเซียนชั้นเงินแล้ว
มิน่าเล่าพลังโจมตีของฝูอิงถึงได้น่ากลัวนัก
นอกจากนี้ฝูอิงยังเชี่ยวชาญม่านพลังป้องกันที่รู้จักกันในนามว่าโล่เกียรติยศ เขาใช้เวลาไม่มากในการฝึกฝนวิชานี้ ดังนั้นค่าวิญญาณที่ใช้ไปก็เพียง 20 จุด
วิชาจิตวิญญาณอื่นซึ่งเป็นวิชาเหาะเหินซึ่งต้องใช้ค่าพลังวิญญาณอย่างเห็นได้ชัดก็คือวิชาย่างเท้าเงา วิชาย่างเท้าเงาไม่ใช่วิชาจิตวิญญาณที่พิเศษในสมาพันธ์ชาวยุทธ แต่เป็นวิชาทั่วไป อย่างไรก็ตามฝูอิงฝึกวิชานี้จนถึงระดับพลังวิญญาณที่68 จุด
“ค่าพลังวิญญาณ 68 จุดจากวิชาย่างก้าวเงา” มอนตาอุทาน “ในอดีต ฝูอิงยังไม่มีชื่อในสมาพันธ์ชาวยุทธและไม่ได้เชี่ยวชาญวิชาจิตวิญญาณที่ทรงพลังแต่อย่างใด”
“เขาต้องมีความพากเพียรอย่างเต็มที่จึงสามารถเชี่ยวชาญวิชาดาบเกียรติยศจนถึงระดับ210 จุด นั่นคือสิ่งที่ไม่เคยได้ยินเลย”
ถังเทียนหงุดหงิดขณะที่เขาจ้องมองกลุ่มเซียน “ข้าเรียกประชุมท่าน ณ ที่นี้เพื่อระดมสมอง! ทุกคนต้องเสนอความคิดอย่างน้อยหนึ่งอย่าง ไม่ว่าจะแย่ยังไงก็ตาม ใครก็ตามที่ไม่สามารถหาวิธีการได้ในครั้งนี้ การจ่ายสมบัติวิญญาณก็จะล่าช้าออกไปด้วย”
เมื่อพวกเขาได้ยินคำว่า“สมบัติวิญญาณ” กลุ่มเซียนเคร่งขรึมขึ้น
มอนตาจอมเจ้าเล่ห์ เมื่อได้ยินคำบอกกล่าวของถังเทียน เขารู้ว่าเป็นโอกาสดีที่สุดในการปลุกเร้าผู้คน เขาพูดต่อ “ไม่ว่าเซียนจะแข็งแกร่งเพียงไหนก็ตามเขามักจะมีจุดอ่อนอย่างหนึ่งอยู่เสมอ ต่อให้ฝูอิงแข็งแกร่ง แต่เขาเป็นแค่เพียงนักสู้บ้านนอกระดับสูง”
คำพูดของมอนตาเรียกความสนใจจากกลุ่มเซียนได้ แม้แต่ถังเทียนก็ยอมฟัง มอนตายิ่งกระตือรือร้นมากขึ้น
“เขามีเพียงวิชาจิตวิญญาณต่างๆ แค่สามวิชา รวมๆแล้วจึงดูเหมือนกลายเป็นวิชาโจมตีระดับเงิน วิชาท่าร่างชั้นบรอนซ์ที่โดดเด่นแต่ยังไม่สุดยอดและวิชาป้องกันระดับบรอนซ์ที่น่าเกรงขาม ดังนั้นก็อย่างที่ข้าบอกเขาเป็นแค่ยอดฝีมือบ้านนอกระดับสูงที่ไม่มีสมบัติวิญญาณที่แท้จริง เทียบกับนายใหญ่ที่นี่แล้วเป็นผู้ทรงอำนาจที่ร่ำรวยไม่มีใครเลยที่ใกล้เคียงเขา”
มอนตาไม่ลืมที่จะยกยอถังเทียนด้วย แต่เขาต้องพูด เพราะเขาก็เกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน
“ว่าต่อ!” ถังเทียนพอใจที่ได้ยินเช่นนั้น ตามคาดมอนตาจอมลวง เขารู้วิธีล่อหลอกคนอย่างแท้จริง!
“ฝูอิงไม่มีปัญหาอะไรกับการเอาชนะนักสู้บรอนซ์ทั่วๆไป ด้วยพลังดาบเกียรติยศ ไม่มีใครหยุดเขาได้ วิชาเหาะของเขาจะช่วยเพิ่มพลังรุกให้เขามากขึ้น แต่เขามีจุดอ่อนก็คือพลังป้องกันของเขา นอกจากนี้วิชาบินของเขามีค่าพลังวิญญาณเพียง100 จุดซึ่งไม่ถือว่าแข็งแกร่งนักสำหรับวิชานั้น เราจะมุ่งเน้นที่จุดอ่อนของเขา
มอนตาตื่นเต้นมากกับการมีโอกาสฆ่าฝูอิง ความจริงที่บอกก็คือการได้เปรียบจากรายงานข่าวกรองโดยไม่ต้องสู้กับฝูอิงนับเป็นประโยชน์ต่อพวกเขามากมาย
“ค่าวิญญาณเริ่มต้นของย่างเท้าเงาคือ 5 จุดเขาสามารถฝึกจนถึง 68 จุดได้นั่นถือว่าเป็นความสำเร็จที่ไม่ธรรมดา อย่างไรก็ตามวิชานี้เน้นที่การหลบหลีกหลบหนีระยะสั้นเท่านั้น ถ้าเป็นกรณีนั้น อย่างนั้นรัศมีการโจมตีของเราจะต้องกว้างเพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะไม่มีทางหลบหนีไปได้ ใครที่เป็นผู้เชี่ยวชาญวิชาจิตวิญญาณพลังโจมตีความฝันที่มีรัศมีกว้าง?”
มอนตาหันไปมองรอบๆ ขณะที่เขาถามเซียนรอบตัวเขา
เซียนคนหนึ่งเงยหน้าขึ้น “ข้าเอง วิชาของข้าคือทะเลเมฆใช้ค่าพลังวิญญาณ 70 จุด”
มอนตาตาเป็นประกาย“ดี!”
เซียนคนอื่นๆแสดงความประหลาดใจ วิชาทะเลเมฆเป็นวิชาจิตวิญญาณขนาดใหญ่ที่สามารถสร้างก้อนเมฆเพื่อดักศัตรู เมื่อศัตรูถูกดักไว้ในเมฆ เขาจะกลายเป็นคนสับสน แม้แต่ตอนที่เขาคิดว่ากำลังเดินเป็นเส้นตรง แต่เขากลับเดินอ้อมเป็นวงแทน
วิชาจิตวิญญาณแบบนี้พวกเซียนของกลุ่มมหาอำนาจมักจะเรียนรู้ไว้เสมอเหมาะกับการทำสงครามขนาดใหญ่ แต่ในฐานะเซียนอิสระ มีน้อยมากที่เรียนวิชาแบบนี้เพราะมันสามารถใช้ดักศัตรูได้ก็จริง แต่พลังโจมตียังอ่อน
หลังจากทุกคนฉายประกายความสามารถแล้ว เซียนคนหนึ่งรู้สึกอาย “ข้ามีสมบัติวิญญาณอีกอย่างหนึ่ง”
ตอนนี้ทุกคนให้ความสนใจเขา เขาสามารถใช้ทะเลเมฆของเขาเพื่อดักศัตรูและใช้สมบัติวิญญาณเพื่อเผด็จศึกอีกถือเป็นความเข้ากันอย่างยอดเยี่ยม เซียนบางส่วนรู้สึกกลัว แม้ว่าวิชาทะเลเมฆจะไม่เป็นประโยชน์สำหรับเซียนเต็มที่ แต่ทุกคนเข้าร่วมกับกลุ่มดาวหมีใหญ่แล้ว วิชานี้จะกลายเป็นมีประโยชน์มาก เซียนผู้นี้จะกลายเป็นกำลังสำคัญในการต่อสู้ในอนาคต
“มีทะเลเมฆซึ่งใช้ค่าวิญญาณ 70 จุดฝูอิงไม่มีโอกาสหนีแน่ อย่างนั้นเราจะใช้วิชานี้ดักเขาและจัดการเขา” มอนตากล่าว “จำไว้ว่า พลังรุกของเราจำเป็นต้องกระจายตัวเพื่อที่ว่าจะได้ไม่เพ่งไปที่ตัวบุคคลใดคนหนึ่ง”
“เราสามารถเพิ่มอะไรบางอย่างลงไปในทะเลเมฆเพื่อล่อความสนใจของฝูอิงได้ไหม? บางทีอาจเป็นพวกหุ่นเชิดที่มีรังสีเซียน” ถังเทียนถามหลังจากเขาหวนนึกถึงตอนที่เขาสู้กับฝูอิง “เขามีความรู้สึกที่แข็งแกร่ง แม้แต่ข้าใช้เคลื่อนย้ายในพริบตาก็ยังยากจะหลบหลีกจากความรู้สึกของเขาได้”
มอนตาเห็นด้วย “ไม่ต้องสงสัยเลย ท่านคือเจ้านายใหญ่ของเราอย่างแท้จริง สติปัญญาของท่านเหนือล้ำกว่าเราทุกคน”
กลุ่มเซียนแอบแช่งชักการกระทำของมอนตาพวกเขาไม่เคยเห็นเขาเอาแต่ยกยอครั้งแล้วครั้งเล่า แต่วันนี้เขาช่างและน่ารำคาญเป็นพิเศษ
“ใช่แล้ว, แผนท่านเจ้ากลุ่มดาวยอดเยี่ยมจริงๆ”
“ไม่มีใครคิดบ้างว่าจะใช้หุ่นเชิดในทะเลเมฆยังไงบ้างหรือ?”
“ท่านเจ้ากลุ่มดาวฉลาดที่สุดและรู้ดีที่สุดกว่าพวกเรา!”
……
ถังเทียนไม่สนใจความเห็นของคนพวกนี้ทุกคนเขายังคงคิดถึงกลยุทธ์หุ่นเชิดและนั่นเป็นความคิดที่ดี เขายังคงคิดว่าการใช้แค่ทะเลเมฆยังไม่สามารถดักฝูอิงได้ พวกเขาจำเป็นต้องเพิ่มกลยุทธ์และแผนการเพื่อให้สำเร็จ
เฮ้..ข้าลืมไปได้ยังไงกัน...
ถังเทียนเงยหน้า “ใช้พิษเป็นยังไงบ้าง? ข้ามีพิษตั้งมากมาย พิษที่เป็นหมอกอย่างนั้นสามารถใช้ร่วมกับทะเลเมฆได้ เพื่อเป็นฉากหน้ากันตรวจเจอ นี่เป็นแนวความคิดที่ดียิ่งเป็นพิษสีขาวยิ่งดีที่สุด...”
พิษ...มีอยู่มาก....
ถึงรอบนี้ทุกคนพากันเงียบ
พวกเขาทุกคนขนลุกเกลียวเมื่อนึกได้ว่าสงครามครั้งแรกถูกนำมาใช้โดยถังเทียน พวกองค์การวิญญาณมืดทำให้สวรรค์วิถีตกอยู่ในสภาพหวาดกลัว ฉากภาพความวุ่นวายนั้นยังคงอยู่ในใจของทุกคน
“ข้าจะต้องไปตรวจดู ถ้าข้าจำไม่ผิด เราอาจค้นคว้าพิษใหม่ซึ่งมีผลต่อเซียนได้แล้ว...”
ถังเทียนรำพึงกับตนเอง
ทุกคนตกใจเมื่อได้ยินว่าพิษที่มีผลต่อเซียน
ทุกคนสีหน้าซีดขาว
ถังเทียนตัดสินใจไปเมืองสามวิญญาณเพื่อดูด้วยตัวเอง
ฝูอิงลืมตาซึ่งมีประกายเจิดจ้า แขนซ้ายของเขาหายไปอย่างสิ้นเชิงสิ่งที่เหลือก็คือรอยแผลไหม้ หลังจากฟื้นฟูสองวันพลังต่อสู้ของเขาก็กลับคืนมา
เมื่อเขากลับไปสำนักงานใหญ่สมาพันธ์ชาวยุทธ เขาจะหาวิธีสร้างแขนของเขา แต่เมื่อใดก็ตามที่เขาคิดเรื่องการต่อสู้ในคืนนั้น เขาจะเต็มไปด้วยความโกรธ หลังจากผ่านการสู้รบมาหลายศึกและฆ่านักสู้มามากมายนับไม่ถ้วน เขายังได้รับบาดเจ็บอย่างหนักพ่ายแพ้หนักขนาดนั้นได้ยังไง
เขาตัดสินใจไม่รอกองพลใบไม้แดง เขาเหาะออกจากหลุมและมุ่งตรงไปที่เมืองหานกู่
เมื่อเขาเข้าไปในเมืองหานกู่และเห็นป้อมปราการประตูเดี่ยว ฝูอิงจ้องมองด้วยความโกรธ การสู้รบของเขาก่อนหน้านั้นกับถังเทียนทำให้เซียนอิสระทุกคนตัดสินใจต่อต้านที่จะเข้าไปในป้อม
ฝูอิงตระหนักได้ทันที เขารีบไปทางด้านตะวันตกของเมือง ในเวลาชั่วครู่เขามาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าเริ่นหรูไห่และพวก
สีหน้าของเริ่นหรูไห่เปลี่ยน เขารู้ว่าเขากำลังพบกับคู่ต่อสู้ที่น่ากลัว
ฝูอิงทำหน้าเหี้ยมอำมหิตขณะจ้องมองพวกเขา “พวกเจ้ามีทางเลือกสองทางจะเข้าร่วมเป็นบริวารของข้าหรืออยากตาย เมื่องานนี้จบ ข้าจะปล่อยพวกเจ้าเป็นอิสระกันทุกคน”
เริ่นหรูไห่และกลุ่มของเขาตกใจ ฝูอิงมีพลังที่น่ากลัวทำให้พวกเขาไม่สามารถปฏิเสธคำขอพวกเขาได้ แม้แต่ถงเก๋อก็รู้ว่าพวกเขาไม่ใช่คู่มือของเขาได้
ฝูอิงไม่รอคำตอบของพวกเขา “เราจะไปหาเซียนที่แข็งแกร่งกว่าใครทั้งหมดบางส่วน”
ที่เมืองสามวิญญาณ ผู้เฒ่าเฟ่ยคิดไม่ถึงเลยว่าถังเทียนจะมาเอง เขาตื่นเต้นกับการมาถึงของเขา แม้ว่าสตรีเหล็กจะไม่อยู่แถวๆ นี้ แต่เมืองสามวิญญาณปัจจุบันก็ให้ความสำคัญกับการมุ่งขยายงานอาวุธจักรกล
หลังจากรู้ว่าถึงเทียนตั้งใจมาที่เมืองเอง ผู้เฒ่าเฟ่ยไม่ลังเล ส่งหลอดแก้วให้เขา
“นายท่าน นี่คือพิษใหม่ที่เราได้ค้นคว้ามีนามว่า‘ขาวลวงตา’ ประโยชน์ของพิษนี้ก็คือไม่ได้เข้าสู่ร่างกายของคนโดยผ่านอากาศ แต่กลับผ่านพลังงานของคนโดยตรงเมื่อพลังงานได้รับผลจากพิษ ‘ขาวลวงตา’แล้วและพลังงานเข้าไปในร่างของคนผู้นั้นแล้วพิษจะแพร่เข้าไปในร่างกายของผู้นั้นอย่างรวดเร็วและส่งผลกับสนามพลังวิญญาณทำให้คนผู้นั้นพบกับภาพลวงตา”
ผู้เฒ่าเฟ่ยอธิบายช้าๆ “พวกเซียนทรงพลังรอบด้าน ประสิทธิภาพของพิษขาวลวงตานี้สั้นเพียงสิบนาทีก่อนที่สนามพลังวิญญาณของเซียนจะสามารถระบุถึงพิษชนิดนี้ได้”
“สิบนาทีก็มากเกินพอ!” ถังเทียนตอบ
ผู้เฒ่าเฟ่ยยังส่งยาต้านพิษจำนวนมากให้ถังเทียนและบอกวิธีป้องกันก่อนที่เขาจะใช้ในการต่อสู้เพื่อไม่ให้เขาได้รับผลร้ายจากพิษ‘ขาวลวงตา’ ถ้าถังเทียนได้รับพิษอย่างนั้นพวกเขาจะตกอยู่ในความยุ่งยากครั้งใหญ่
ถังเทียนมั่นใจเมื่อเขายื่นมือไปรับพิษขาวลวงตา
เขาเตรียมตัวรับมือฝูอิงเป็นอย่างดี