ตอนที่ 514 - บทเพลงออกรบ
ราชาเฮยอวี้ตื่นเต้นเช่นกัน
เมื่อการปรากฏตัวของยักษ์ทางทิศตะวันออก, เหนือและใต้ยังอยู่ห่างจากเขามาก อย่างไรก็ตาม ถ้าพวกเขาร่วมมือกันโจมตี ทางด้านของพวกเขาอาจถูกกำจัดไปหมด
“ตอนนี้เราควรจะทำยังไงดี?” ราชาเฮยอวี้หวังว่าเย่ว์หยางจะมีแผนการในสถานการณ์ที่สิ้นหวังแบบนี้
“ท่านตีนางทำร้ายนางอย่างโหดร้าย แล้วยังมีหน้ามาถามอีกหรือ? หลีกไปเลย อย่ามาขวางข้า” เย่ว์หยางกังวลและโกรธเช่นกัน ถ้าราชาเฮยอวี้ไม่คิดว่าเขาฉลาด เรื่องอย่างนี้จะไม่มีทางเกิดขึ้น แล้วนี่เขายังมีหน้ามาถามอีกว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขา สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนก็คือช่วยเด็กสาวยักษ์โบราณและยืมพลังของนาง จากนั้นพวกเขาจึงค่อยหวังว่าจะต้านทานศัตรูได้
เรื่องที่เย่ว์หยางด่าด้วยความโกรธ ทำให้ราชาเฮยอวี้รู้สึกขุ่นเคือง เขาได้แต่อดทนเงียบไว้ก่อน ยิ่งกว่านั้นในสถานการณ์เร่งด่วนนี้ เขายังคงหวังว่าเพลิงอมฤตและวงจักรล้างโลกของเย่ว์หยางจะมีผลในการฆ่าศัตรูได้
ราชาเฮยอวี้ถอยออกไปร้อยเมตรขณะที่อารมณ์ของเขายังคงผันผวนไม่แน่นอนอยู่
เขาไม่สามารถเข้าใจคำพูดก่อนๆ ของเย่ว์หยางเมื่อเย่ว์หยางบอกเขาให้คุ้มกันทางเดินแก้วผลึก
ตอนนี้ แม้แต่คนโง่เง่าก็คงเข้าใจว่าการปกป้องทางเดินแก้วผลึกนั้นอันตรายมากเพียงไหน มียักษ์ถึงสามตัว ทันทีที่พวกมันร่วมมือกัน จะไม่มีใครต่อกรพวกมันได้
ผลก็คือ ราชาเฮยอวี้ตัดสินใจปกป้องตนเองไว้ก่อน เขามองดูสถานการณ์และตัดสินใจ ในสังเวียนมรณะนี้ ผู้ชนะก็คือผู้ที่อยู่รอดได้จนถึงที่สุด เขารังเกียจที่จะอยู่ปกป้องทางเดินแก้วผลึกเหมือนกับเป็นวีรบุรุษ
เพียงแค่นี้ ราชาเฮยอวี้จึงยังคงยืนนิ่งอยู่ในที่เดิม
เขาไม่ทำตามแผนของเย่ว์หยางที่ให้ปกป้องทางเดินแก้วผลึก และไม่หลบหนีเข้าไปในโลกคัมภีร์ของเขา
“ให้ข้าป้องกันทางเดินแก้วผลึกเอง! เมื่อเห็นว่าราชาเฮยอวี้ไม่ยินดีจะเสี่ยงชีวิตเพื่อป้องกันทางเดินและเห็นว่าเย่ว์หยางพยายามช่วยเด็กยักษ์อยู่ ราชันย์ปีศาจใต้ได้แต่กัดฟันอาสาป้องกันทางผ่านเอง
นางเข้าใจว่าการป้องกันนั้นต้องใช้เวลานานมาก
อย่างไรก็ตาม ก็ยังคงดีกว่าตายโดยไม่มีโอกาสดิ้นรนต่อต้าน
ราชันย์ปีศาจกู่ร้องทันที พลังของนางถูกปลดปล่อยจนหมดที่ระดับปราณก่อกำเนิดระดับเก้า นิ้วของนางบรรเลงผีผาหยก บทเพลงเดินทางไกลถูกบรรเลงก้องไปทั้งลานแก้วผลึก เพลงถูกบรรเลงอย่างเข้มข้นแฝงด้วยความรักความห้าวหาญ
ราชันย์ปีศาจใต้ปรากฏเหมือนกับภูตแฟรี่น้อยที่บินถลาไปตามทางเดินแก้วผลึก
พร้อมกับผีผาที่ไพเราะชัดเจน เสียงนั้นกระจายผ่านไปทั่วทางเดิน
เสียงของนางทำให้หัวใจสลาย
“บนผืนทรายเหลือง ผ่านที่ราบเขียวขจี กองทัพเราขับขานเพลงหาญกล้า คนเป็นล้านรอบตัวเรา แลเห็นคนวัยเดียวกับเราไม่กี่คน..”
“ถือธงและสัญลักษณ์ของพวกเรา.. ลงแส้ม้าของเรา มองดูสหายศึกของเรา ยามอาทิตย์อุทัยเหนือเส้นขอบฟ้า ห่างเหินนครา แรมนิทราในภูเขาไกล…”
“ท่ามกลางลมฤดูใบไม้ร่วง ตามเส้นทางและโถงอาคาร ยินเสียงผู้เฒ่าผู้แก่ของข้า ร้องไห้ยามค่ำคืน พลางซักอาภรณ์…”
“บทเพลงผ่านไปนานปีและระบำศึกและเสียงร่ำร้องของเรา นักรบนับไม่ถ้วน ต่างร่างโชกเลือด แดนดินขยายกว้างไกลสามพันไมล์ แต่ผู้ใดเล่าจะจดจำหน้าเราไว้?”
“ขุนพลหาญนำออกศึก ไฟสัญญาณลุกโพลงเนืองๆ ทหารใหม่ผู้กำลังสู้ในศึกแรกของพวกเขาด้วยความกล้าหาญ ดาบกับโล่สองฝ่ายปะทะกัน ร่างล้มลงกับพื้นต่างถูกหอกหลาวทิ่มแทง ธนูระดมยิงเต็มท้องฟ้าพุ่งกระทบเป้าหมายดังฟ้าผ่า สงครามสั่นสะท้านฟ้า ขณะกองทัพยังคงอาบเลือดสู้ศึก แม้ร่างนักรบจะทับถมเต็มแผ่นดิน กระดูกกองพะเนินเท่าภูเขา บทเพลงศึกของเราจบลง พลเมืองกลับประเทศกลับไปใช้ชีวิตกสิกรรม เมื่อดอกบัวขาวในสระเบ่งบาน ครอบครัวเราค่อยๆ ลืมเลือนเรา”
ข้างหลัง ทหารโบราณนับไม่ถ้วนเดินเข้าไปบนทางแก้วผลึกกับนางโดยไม่มีความกลัว
เย่ว์หยางไม่รู้ว่าคนพวกนี้เป็นใคร
ไม่รู้เหตุผลที่พวกเขามาปรากฏตัวที่นี่ เขารู้อยู่เพียงสิ่งเดียวก็คือ คนเหล่านี้ตื่นขึ้นมาจากผลึกโบราณ พวกเขาไม่บ่นและเข้าร่วมรบโดยไม่หันหลังลังเล พวกเขาสู้เพื่อใคร? ใครเป็นคนสร้างสังเวียนมรณะแห่งนี้? เย่ว์หยางไม่เข้าใจเรื่องนี้ในตอนนี้ เขาสามารถรู้สึกได้แต่เพียงเขาเป็นผู้ติดตามที่ถูกคุกคาม!
เมื่อได้ยินเพลงสะท้านวิญญาณของราชันย์ปีศาจใต้ และเสียงบทเพลงเศร้าหัวใจสลายจากผีผา เขาอดจะเลือดลมพลุกพล่านอย่างควบคุมไม่ได้ เขาทำท่าจะขยับไปข้างหน้าเพื่อต่อสู้เคียงข้างนาง
ในฐานะลูกผู้ชาย เขาจะปล่อยให้สตรีคนหนึ่งปกป้องทางเดินแก้วผลึก และตัวเองหลบอยู่ข้างหลังได้ยังไง?
เย่ว์หยางมือสั่น!
หัวใจของเขาร้อนรุ่ม
เสี่ยวเหวินหลีกอดต้นขาของเย่ว์หยางแน่นและปรามเขาไว้เงียบๆ ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือทำให้เด็กสาวยักษ์ตื่นขึ้นก่อน ถ้านางร่วมต่อสู้ สถานการณ์ก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ เย่ว์หยางขบริมฝีปากกระทั่งเลือดออกมา จากนั้นเขาสามารถอดทนต่ออาการเลือดลมพลุกพล่านได้ เขาไม่ตระหนี่ความสามารถในการช่วยให้นางฟื้นและถ่ายพลังปราณก่อกำเนิดเข้าไปในศีรษะของนาง
ภายใต้คำสั่งของเย่ว์หยาง นางพญากระหายเลือดหง, โคเงาอาหมัน, อสูรทงเทียน, ภูตเพลิงปฐพีและตั๊กแตนมัจจุราชออกมาช่วยราชันย์ปีศาจใต้ป้องกัน
แม้แต่นางพญาดอกหนามมงกุฎทองที่จำศีลวิวัฒนาการก็ยังอดใจไม่ได้ ต้องยอมหยุดวิวัฒนาการก่อนแล้วลงมาช่วยรบ
สำหรับสาวมังกรไร้เขาเจี้ยงอิงที่ยังคงอยู่ในสภาวะสับสนขณะจำศีล นางได้รับผลกระทบจากสภาวะใจของเย่ว์หยางและปล่อยความกังวลลึกไว้ อย่างไรก็ตามนางยังไม่สามารถตื่นขึ้นได้แม้ว่าร่างกายของนางสั่นเหมือนกับว่านางกำลังจะตื่นแต่ก็ไม่สามารถควบคุมร่างตนเองได้
ราชาเฮยอวี้ยังไม่มีอาการตอบสนองและยังคงยืนอยู่ที่เดิมเงียบๆ ขณะที่เขาสังเกตการณ์อย่างใจเย็น เสี่ยวเหวินหลีกลับเข้าไปในโลกคัมภีร์และเรียกเมดูซ่าศิลา, นางเงือกวายุ, นาคาสายฟ้าและปีศาจอสรพิษน้ำแข็ง มีแต่นางเงือกวายุที่รู้วิธีรักษาคน นางยังคงอยู่ข้างตัวเย่ว์หยาง ขณะที่อสูรอีกสามตนเข้าร่วมการรบ
เมื่อเห็นเย่ว์หยางมีอสูรมากมาย สายตาราชาเฮยอวี้ก็เย็นชายิ่งขึ้น
เขาแทบมีความคิดจะลงมือกับเย่ว์หยางในตอนนี้เลยทีเดียว
ในที่สุด เขายังคงอดทนอยู่
สิ่งหนึ่งที่เขาสามารถระบุได้ก็คือ เย่ว์หยางคือหอกข้างแคร่และจะกลายเป็นภัยคุกคามอย่างใหญ่หลวง ถ้าพวกเขาไม่เผชิญกับสังเวียนมรณะแล้ว ราชาเฮยอวี้คงทำทุกอย่างเพื่อสังหารเย่ว์หยาง
ตอนนี้ เขาใช้ศัตรูเพื่อบั่นทอนพลังของเย่ว์หยาง นี่คือสิ่งที่ราชาเฮยอวี้พอใจว่าตนเองทำถูก ดังนั้นทำไมเขาต้องช่วยด้วยเล่า?
“คุณชายสาม, โปรดอยู่ตรงนี้และรักษานางต่อไป ปล่อยให้เราป้องกันทางเดินแก้วผลึกเอง” เงาร่างสายหนึ่งปรากฏขึ้น จักรพรรดิใต้พิภพไม่ทราบมาถึงตั้งแต่เมื่อใด แต่เพอเขาปรากฏตัว เขายินดีจะป้องกันทางเดินแก้วผลึกไว้และปล่อยให้เย่ว์หยางรักษายักษ์ดึกดำบรรพ์ต่อไป ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น แม้แต่จักรพรรดิฟ้าที่บอบช้ำและอ่อนล้าก็ปรากฏตัวด้วยเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าจักรพรรดิฟ้าถูกเทเลพอร์ตไปที่นรกบ่อโลหิตแล้ว ทำไมเขามาที่นี่ได้?
“อย่างนี้แย่แน่….” เย่ว์หยางเกิดลางสังหรณ์อัปมงคลในใจ เมื่อเขาเห็นร่างของผู้เฒ่าหนานกง ร่างของเขาสั่นไปทั้งตัว
“เย่ว์หยางน้อยเกิดอะไรขึ้น?” ผู้เฒ่าหนานกงถามเหมือนกับว่าเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เขายิ่งสับสนมากขึ้นเมื่อพยัคฆ์บูรพาจ้านหู่และเขี้ยวเหนือเป่ยเหลียวหยาก็ปรากฏในทางผ่านแก้วผลึกพร้อมกัน
เดิมทีเย่ว์หยางคิดว่าศัตรูที่มาจากสามด้านก็คือจักรพรรดิใต้พิภพ, จักรพรรดิฟ้า, ผู้เฒ่าหนานกง, จ้านหู่และเป่ยเหลียวหยา เขาไม่เคยคิดเลยว่าเป็นความคิดที่โง่เขลา อย่างไรก็ตามนี่เป็นสิ่งที่เขาไม่อยากเห็น ความจริงก็คือทุกคนเข้ามาถึงพร้อมกันทำให้เขาคิดว่าใครคือศัตรูที่แท้จริงกันแน่ เย่ว์หยางนึกถึงความเป็นไปได้ของจุดจบที่เลวร้ายที่สุด
นี่คือความเป็นไปได้ก็คือ พวกเขากำลังสู้ศึกในสงครามระหว่างดินแดน
หอทงเทียนอาจไม่ดินแดนแห่งเดียวที่ดำรงคงอยู่
ในมิติอื่น อาจมีที่คล้ายหอทงเทียนอื่นสามแห่ง และผู้คนก็กลายเป็นศัตรูของเขา สงครามไม่รู้จบนี้จะกำหนดผู้ชนะคนสุดท้าย ก็เหมือนกับการเอาตัวรอดในธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต เย่ว์หยางเชื่อว่าเขาเป็นคนที่โดดเด่นที่สุด แต่ช่วงเวลาที่เขาฝึกฝนมานั้นสั้นมาก ถ้ามีโอกาสที่หอทงเทียนอื่นจะมีราชาเฮยอวี้อื่นหรือคนที่เหนือกว่าราชาเฮยอวี้ บวกกับความจริงที่ว่ามีผู้แข่งขันบาดเจ็บ โอกาสจะชนะได้จะเป็นยังไง?
“ข้านึกได้เดี๋ยวนี้เอง..” เมื่อผู้เฒ่าหนานกงได้ยินคำอธิบายของเย่ว์หยาง เขาพยักหน้าและพูดด้วยเสียงจริงจัง “ข้าได้ยินตำนานที่คล้ายกันนี้ นี่คือสงครามโบราณที่เกิดขึ้นทุกๆ หมื่นปี ข้ามักจะคิดว่ามีแต่เพียงแดนสวรรค์เท่านั้นที่มีเรื่องอย่างนี้ ไม่เคยคิดเลยว่าเราจะถูกลากเข้าสงครามนี้โดยบังเอิญ”
“นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ มีบางคนที่เป็นต้นเหตุก่อให้เกิดเงื่อนไขสำหรับสงครามยุคโบราณนี้” เย่ว์หยางไม่มีเวลาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้
ทั้งนี้เพราะสงครามกำลังจะเริ่ม
ทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
ผู้เฒ่าหนานกงรีบเดินขึ้นไปช่วยราชันย์ปีศาจใต้ป้องกันทางผ่านแก้วผลึก อย่างไรก็ตาม จ้านหู่และเขี้ยวเหนือเป่ยเหลียวหยาและจักรพรรดิฟ้ายืนเฉยอยู่ข้างตัวราชาเฮยอวี้และไม่ยอมเข้าร่วมสงคราม
หลังจากเย่ว์หยางทุ่มพลังช่วยนาง เด็กสาวยักษ์ก็ลืมตาขึ้น
ตาของนางเต็มไปด้วยความงวยงง เหมือนกับว่านางจำอะไรไม่ได้
นางดิ้นรนลุกขึ้นนั่ง
แต่เพราะนางยังมึนงงอยู่ นางจึงล้มกับพื้นอีกครั้งเสียงดังสนั่น
หลังจากนั้นไม่นาน นางพยุงตัวเองอีกครั้งและพยายามลุกขึ้นยืน นางสั่นไปทั้งตัว เดินได้ไม่ถึงสองก้าวนางก็สะดุดเท้า อีกครั้งหนึ่งที่นางล้มครืนกับพื้นและทั่วทั้งลานแก้วผลึกสั่นสะเทือนไปทั้งหมด เย่ว์หยางยิ่งเกลียดราชาเฮยอวี้หนักกว่าเดิม เด็กสาวยักษ์ผู้นี้เดิมทีแข็งแกร่ง แต่ตอนนี้นางสมองกระทบกระเทือนเพราะเจ้าบัดซบเฮยอวี้
“เร็วเข้า ตื่นได้แล้ว” เย่ว์หยางโดดไปอยู่ข้างๆ หูของเด็กสาวยักษ์และตะโกนลั่น
เด็กสาวยักษ์คว้าจับเย่ว์หยางไว้ได้ เขาอยู่ในระหว่างนิ้วของนาง ด้วยสีหน้ามึนงง นางถามเสียงดังสนั่น “เจ้าเป็นใคร?”
เย่ว์หยางเหงื่อตก “ข้าเป็นสหายของเจ้า แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ เจ้าจำชื่อตัวเองได้ไหม? การต่อสู้ การต่อสู้ของเรากำลังจะเริ่มอยู่แล้ว เจ้าจำได้ไหมว่า เจ้าจะต้องทำอะไรเมื่อตื่นขึ้นมา?”
เด็กสาวยักษ์ลูบหน้าผากตนเองเบาๆ “ข้าปวดหัว ข้าจำอะไรไม่ได้เลย”
ตอนนี้เย่ว์หยางหมดทางเลือกแล้ว
เขารีบปลอบนางทันที “เจ้าต้องพักให้ดี แล้วต้องรีบตามมาช่วยข้า เพราะศัตรูกำลังจะมาถึงที่นี่ เจ้าเข้าใจไหม?”
เมื่อเด็กสาวยักษ์ได้ยินว่ามีศัตรู นางมองไปรอบๆ ตัวนางทันทีและตะโกนด้วยความกังวล “ไตตัน…” เสียงตะโกนระเบิดออกมาส่งเป็นคลื่นระเบิดเสียงสนั่นไปทั่วลาน เย่ว์หยางแทบสลบเมื่อได้ยินเสียงนาง เขาสามารถมองเห็นรังสีทองเป็นประกายระยิบระยับแผ่ออกจากร่างของเด็กสาวยักษ์ นางสว่างจ้าเหมือนดวงอาทิตย์ทำให้คนอื่นไม่สามารถมองนางได้
พลังงานที่ทรงพลังมหาศาลกระแทกจนเย่ว์หยางปลิวไปร้อยเมตร
เกราะนักรบหญิงที่ดูงดงามปรากฏอยู่บนร่างเด็กสาวยักษ์ มันมีขนาดใหญ่มากและส่องแสงสว่างเจิดจ้า
วงเวทอักษรรูนนับไม่ถ้วนกลายเป็นเครื่องประดับบนเกราะรบของนาง บนรอยเว้าตรงท้องของนาง มีกระจกป้องกันพลังจิตและอักษรรูนขนาดยักษ์ ขณะที่หมวกเกราะบนศีรษะนาง ฝ่ามือทั้งสองและเข่าทั้งสองก็มีอักษรรูนโบราณขนาดเล็กเหมือนกัน
ไม่ต้องสงสัยเลย นี่คือสมบัติชั้นเทพ ที่มีพลังอนันต์นั่นเอง
ความโลภและความปรารถนาปรากฏอยู่ในดวงตาของราชาเฮยอวี้และจักรพรรดิฟ้า
แต่น่าเสียดาย พวกเขาทำได้แต่ดู เพราะแม้ว่าพวกเขาจะได้รับมา พวกเขาก็ไม่สามารถใส่เกราะเทพขนาดยักษ์ได้ ยิ่งกว่านั้นสมบัติชั้นเทพยังเลือกเจ้าของๆ มันด้วย
“ใช่แล้ว ต้องอย่างนั้นสิ สู้ๆ, เราไปสู้กันเถอะ” เย่ว์หยางตื่นเต้นมาก เขารู้สึกว่าเด็กสาวยักษ์นี้ยอดเยี่ยมมาก นางกำลังสวมสมบัติชั้นเทพ แล้วมีอะไรต้องกลัว? นางสามารถบุกตะลุยใส่ศัตรูด้วยหมัดของนาง เขามีความสุขอยู่ได้ไม่กี่วินาที เด็กสาวยักษ์ที่สวมเกราะชั้นเทพเอามือลูบหน้าผาก ขณะที่ร่างของนางซวนเซ “มึนจัง…”
นางล้มกับพื้นและหมดสติอีกครั้ง
ทุกคนต่างก็งง
ใครจะรู้กันว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น เย่ว์หยางจ้องมองราชาเฮยอวี้ด้วยความโกรธ เขาอยากจะฉีกเจ้าบัดซบนั่นให้เป็นชิ้น ราชาเฮยอวี้รู้สึกอายมากและเบือนหน้าไปทางอื่นทำเป็นไม่เห็นเย่ว์หยางที่จ้องมองมาพร้อมกับชูนิ้วกลาง
ศัตรูนับไม่ถ้วนมารวมตัวอยู่บนสังเวียนตรงเดินแก้วผลึกอีกด้านหนึ่ง
เสียงแหลมดังเสียดแก้วหูทุกคนดังขึ้น “ชาวทวีปมังกรทะยาน พวกเจ้ากลัวจนฉี่ราดกางเกงไปแล้วหรือ?”
เสียงเลือนรางแค่นดูถูกดังขึ้น “เขาลือกันว่า ชาวทวีปมังกรทะยานหยิ่งยโสที่สุด ใครจะคิดกันว่าพวกมันไม่กล้าออกมายังทางเดินแก้วผลึก”
***************