ตอนที่ 513 เพชรฆาตอิง
ครืนนน
เสียงดังกึกก้องออกมาจากกับดักทางเข้า พลังระเบิดสั่นสะเทือนม่านพลังแสงอย่างเห็นได้ชัด รังสีแพรวพราวทะลุผ่านม่านพลังสว่างเจิดจ้าในท้องฟ้ายามราตรี
“ข้างในนั้นมีคนอยู่กี่คนกันแน่?” เริ่นหรูไห่ถามอย่างเคร่งเครียด
“เก้าคน” ถงเก๋อรายงาน
“เจ้าคิดว่าเขาจะทนการโจมตีอย่างนี้ได้นานแค่ไหน?” เริ่นหรูไห่ถาม
“ข้าไม่สามารถระบุได้อย่างแน่นอน” ถงเก๋อตอบด้วยสีหน้าหงุดหงิด เขาส่ายหัว “หลังจากการต่อสู้ของมอนตาแล้ว ข้าคิดว่าเขาไม่น่าจะมีเรี่ยวแรงเหลือทนต่อการโจมตีของเรา! ข้าคาดไม่ถึงเลยว่าแม้จะส่งเซียนเข้าไปต่อเนื่องถึงสามคน ก็ไม่มีใครโค่นเขาลงได้ คนผู้นี้น่าหวั่นเกรงนัก”
“ไม่ว่าแข็งแกร่งเพียงไหน ก็ยังมีเวลาที่เขาต้องล้มลงจนได้” หลี่รั่วกล่าว
“ถูกแล้ว!”ถงเก๋อพยักหน้า “อย่างไรก็ตาม เราจำเป็นต้องหาคนเพิ่ม ถ้าไม่อย่างนั้นเมื่อมีโอกาสที่เราจะเอาชนะเขาได้ เราอาจไม่มีพลังพอจะเอาชนะเขาได้”
อีกสองคนเห็นด้วย
แม้ต้องสูญเสียในการต่อสู้ไปมาก แต่ก็ยังมีคลื่นนักสู้ชั้นเซียนพร้อมจะเดินหน้าเข้าไปในป้อมปราการประตูเดี่ยว การสู้แต่ละครั้งดูเหมือนจะทอดเวลานานออกไปอีกจนเวลาเกือบสองชั่วโมง อาจได้ข้อสรุปว่าศัตรูที่อยู่ภายในฐานกำลังดิ้นรนต่อสู้
เซียนทุกคนนับถือที่นักสู้ผู้คุ้มกันทางเข้ายังยืนหยัดต่อสู้ภายในป้อมได้เป็นเวลานาน แม้แต่บุรุษเหล็กคงไม่สามารถอยู่ได้นานภายใต้สถานการณ์ต่อสู้ที่เข้มข้นเช่นนี้ พวกเขาเชื่อว่าศัตรูจะพ่ายแพ้ในเวลาไม่ช้า
ดังนั้นทุกคนกำลังแข่งขันกันแย่งเข้าไปในป้อมปราการพวกเขาเดิมพันความหวังทุกอย่างว่าพวกเขาจะเป็นผู้ประสบความสำเร็จเอาชนะคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวได้
ทางเข้าป้อมปราการประตูเดียวตอนนี้สับสนวุ่นวาย แม้แต่เซียนเองก็ทะเลาะแก่งแย่งกันเข้าไปในประตูให้ได้ก่อน ในความสับสนวุ่นวายนั้น แม้แต่เริ่นหรูไห่ที่เป็นนักสู้ผู้น่ากลัวก็ยังไม่กล้าดูเบา
“นอกจากนี้เราอาจไม่จำเป็นต้องเป็นกลุ่มแรกที่เข้าไป” ถงเก๋อตอบ “อย่าลืมสิ, ในนั้นยังมีฟู่จงซานและหยางเฮ่าหรัน พลังของพวกเขาน่ากลัวเช่นกัน เราจะประมาทพวกเขาไม่ได้ ถ้าพวกเขาร่วมกำลังกันตอบโต้ ก็อาจน่ากลัวก็เป็นได้”
“นั่นก็ถูก” เริ่นหรูไห่พยักหน้าและตอบ “เราจำเป็นต้องหานักสู้ชั้นแนวหน้าที่กล้านำบุกเข้าไป
เวลานั้นกับดักทางเข้าขยายตัวอย่างรวดเร็วครอบคลุมจวนที่ทำการทั้งหมด
“น่าเสียดาย,คนที่อยู่ภายในมีโอกาสพักฟื้นก่อนได้ต่อสู้ทุกครั้ง” ถงเก๋อกล่าวคนภายนอกส่วนใหญ่จะคุ้นเคยกับลักษณะพิเศษของป้อมปราการประตูเดี่ยวแล้ว ป้อมปราการสามารถดูดซับพลังงานขนาดใหญ่ที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากการต่อสู้ในแต่ละครั้งก่อเกิดเป็นแนวชั้นป้องกัน
คนโดยรอบถอนหายใจได้ยินชัด พวกเขาทุกคนรู้สึกว่าทันทีที่พวกเขาส่งคนเข้าไปเพิ่ม ผู้เฝ้าประตูคงไม่สามารถทนอยู่ได้นาน เมื่อพวกเขาคิดว่าจะชนะในชั่วอึดใจก็เกิดชั้นพลังป้องกันเพิ่มขึ้น
ป้อมปราการประตูเดี่ยวเป็นโครงสร้างปราการที่แปลกประหลาด
ทันใดนั้นถงเก๋อให้ความสนใจคนหนึ่งในฝูงชนนั้น
เขาเป็นคนหนุ่มสวมชุดขาวมีสีหน้าเยือกเย็นยืนอยู่ในท่ามกลางกลุ่มผู้คนเด่นสะดุดตายิ่งนัก ถงเก๋อหรี่ตา เขาจำบุรุษหนุ่มคนนี้ได้
บุรุษหนุ่มรู้สึกถึงสายตาของเขาและหันมามองทางถงเก๋อ เขาเดินเข้ามาหา
เริ่นหรูไห่และคนที่เหลือก็มองเห็นบุรุษผู้นั้นเช่นกัน เมื่อพวกเขาเห็นสัญลักษณ์ที่อกเสื้อของบุรุษหนุ่มผู้นั้น ทุกคนผงะ เขามาจากสมาพันธ์ชาวยุทธ
ขณะที่บุรุษหนุ่มชุดขาวเดินเข้าหาถงเก๋อและถาม “เย่เฉาเกออยู่ที่ไหน?”
ถงเก๋อกลับคืนความสงบ “ข้าคาดไม่ถึงเลยว่าจะได้พบท่านที่นี่ ท่านฝูอิง อย่างไรก็ตามคำถามท่านก็ทำให้ข้าตะลึงเหมือนกัน ข้าหวังว่าท่านจะไม่คิดว่าข้าคือคนที่อยู่เบื้องหลังการหายตัวไปครั้งนี้”
“เจ้าไม่มีความสามารถพอจะทำเช่นนั้น” ฝูอิงตอบ
“ดูเหมือนเย่เฉาเกอจะเป็นที่โปรดปรานของผู้อาวุโสหรงปัวอย่างแท้จริง ถึงขนาดส่งท่านฝูอิงมาที่นี่ ข้าไม่กล้าหลอกท่านแน่นอน ถ้าข้าได้ข่าวอะไรเกี่ยวกับเขา ข้าจะบอกท่านเอง” ถงเก๋อตอบ
เริ่นหรูไห่และหลี่รั่วได้แต่เงียบด้วยความกลัว
ฝูอิงยังคงเงียบขณะที่เขาหันหลังเดินจากไป
“ข้าไม่เคยคาดเลยว่าเขาจะมา” ถงเก๋อตอบ “เรื่องจะไปกันใหญ่”
“เขามาที่นี่เพื่อตามหาเย่เฉาเกอ” หลี่รั่วลนลานอุทาน
เริ่นหรูไห่หน้าซีด
ฝูอิงมักจะอยู่ในแนวหน้า เขาคือหัวหอกของสมาพันธ์ชาวยุทธและมีฉายาว่าเพชฌฆาตอิง ในบรรดาเซียนบรอนซ์ เขาถือได้ว่าเป็นหนึ่งในสิบสุดยอดมีเซียนบรอนซ์นับไม่ถ้วนที่ตายภายใต้กระบี่ของเขา
ทุกคนคาดไม่ถึงเลยว่าคนที่แข็งแกร่งขนาดนั้นจะมายังเมืองหานกู่
หลังจากนั้นไม่นานที่ฟู่อิงเข้ามายังร้านอาหารเมืองหานกู่ เมื่อเขาออกจากร้านอาหารไป เขาได้หัวหอกกลุ่มดาวเบเรนิสไว้ในมือ
เขาควงหัวหอกดาวเบเรนิสขณะที่เดินไปไปรอบๆเมืองหานกู่อย่างไม่มีจุดหมาย
เมื่อต้องทนอุดอู้อยู่ในป้อมปราการตลอดทั้งวัน ถังเทียนแอบเล็ดลอดเข้าไปในจวนที่ทำการ แม้จะถูกป้อมปราการประตูเดี่วยผนึกเอาไว้แต่ปิงก็สร้างทางลับสัญจรเอาไว้ ปิงสร้างทางเข้าลับเพื่อให้ถังเทียนเข้าออกฐานได้ แม้ว่าจะมีความเสี่ยงที่ทำเช่นนี้ แต่ป้อมปราการประตูเดี่ยวในปัจจุบันแข็งแกร่งเพียงพอต่อการแทรกซึมดังกล่าวได้
ตอนแรกการเฝ้าป้องกันป้อมปราการประตูเดี่ยวดูเหมือนจะเป็นงานที่น่าสนใจสำหรับถังเทียน อย่างไรก็ตามเขาเกิดความเบื่อมากขึ้นอย่างรวดเร็ว
อะไรก็ตามที่เกี่ยวกับเล่ห์เหลี่ยมหรือกลโกงปิงสามารถดำเนินการได้อย่างง่ายดาย ไม่ใช่ว่าเซียนทุกคนมีครอบครัวต้องเลี้ยงดู เซียนบางส่วนเลือกเส้นทางสันโดษแทน ดังนั้นเมื่อเผชิญกับบุคคลที่ยากจะรับมือต่างๆเช่นนี้ ปิงจะใช้การหลอกล่อต่างๆ นานาเพื่อให้พวกเขาเข้าร่วมกับเขา
“ร่มนี้สวยจริงๆ เลยนะ เป็นอาวุธปรับแต่งชั้นบรอนซ์ระดับต่ำหรือเปล่า?ไม่ ไม่ นี่ต้องเป็นอาวุธบรอนซ์ระดับกลางแน่นอน”
“ดูสิ ร่างวิญญาณน่ารักดี, เขาชื่อเสี่ยวเอ้อเป็นร่างวิญญาณชนิดแรกที่สามารถสร้างสมบัติจิตวิญญาณได้!”
“พวกท่านอาจจะนึกไม่ถึง แต่เขาสามารถสร้างสมบัติจิตวิญญาณได้อย่างเชี่ยวชาญแน่นอน เขามีพรสวรรค์เชี่ยวชาญด้านสมบัติวิญญาณ!”
หน้าของเสี่ยวเอ้อดำเหมือนก้นหม้อ เขาหงุดหงิดที่ถูกทำเหมือนเป็นสินค้าที่แสดงให้ทุกคนดู
โธ่เว้ย...
ทำไมมันแตกต่างจากที่ข้าคิดเอาไว้อยู่เรื่อย? ทำไมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกอย่างถึงได้ลงเอยอย่างผิดพลาดโดยไม่คาดคิดจนควบคุมไม่ได้
ปัญหาคืออะไรกันแน่?
เสี่ยวเอ้อหน้ามุ่ยขณะที่คิดถึงเรื่องที่ผิดพลาด
ช่วงสองสามวันมานี้ฟู่จือหงรู้สึกเหมือนกับว่านางกำลังฝัน นางไม่เคยคาดว่าจะได้เห็นวันที่เซียนของจวนที่ทำการจะมีความมุ่งมั่นเหมือนอย่างวันนี้
ภายในวันเดียวเซียนเก้าคนก็สมัครเข้ามาร่วมด้วย กำลังที่รวบรวมได้อย่างรวดเร็วช่างดูน่ากลัวจริงๆ
ฟู่จงซานและหยางเฮ่าหรันที่ตอนแรกไม่เชื่อมั่นในถังเทียนแต่ตอนนี้กลับเชื่อมั่นเขาอย่างสนิทใจ ตอนนี้มีเซียนสิบสองคนอยู่ในจวนที่ทำการแล้ว
นี่คือกองกำลังที่น่ากลัว
ขณะที่เดินไปตามถนนยามราตรีความรู้สึกหนาวเหน็บยาวราตรี ทำให้พลังวิญญาณของถังเทียนถูกปลุกเร้า ตอนแรกเขาเตรียมจะสู้ แต่คาดไม่ถึงเลยว่าจนป่านนี้แล้วเขายังไม่ได้ออกแรงแม้แต่หมัดเดียว แม้แต่กล่องตราพลังต้นกำเนิดที่เขาเตรียมไว้ก็ยังไม่ได้ใช้
ขณะที่กับดักทางเข้าขยายออกไป เซียนทุกคนก็พากันถอย อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ถนนยังคงเงียบ
ถังเทียนยังเดินวิเคราะห์ต่อไป
เจ้าบัดซบนั่น(พ่อ) ยังอยู่หรือว่าตายแล้ว? เขารู้สึกงงกับความรู้สึกของเขา ในอดีตเขารู้สึกแต่เพียงว่าเกลียดชังเขาแต่เมื่อถังเทียนรู้เรื่องเขามากขึ้น ความเกลียดในหัวใจของถังเทียนค่อยๆ ลดลง แม้จะยังไม่เข้าใจสถานการณ์อย่างเต็มที่ แต่เขารู้สึกถึงเรื่องโยงใยที่ยิ่งใหญ่อยู่เบื้องหลัง อดีตต้องมีอันตรายและซับซ้อนมากกว่าตอนนี้
หลังจากผ่านไปหลายปีแล้ว เขาตายแล้วหรือว่ายังมีชีวิต?
เชียนฮุ่ยดูเหมือนจะรู้บางอย่าง นางรู้เรื่องดวงตาเซกซ์แทนส์ บางทีข้าควรถามนางในครั้งต่อไป
สายตาของถังเทียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เพียงเมื่อเขาเห็นบุรุษสวมชุดขาวเดินเข้ามาจากนั้นให้ความสนใจเขา
“พาเย่เฉาเกอมาให้ข้า” ฝูอิงพูดอย่างไม่ใส่ใจ
เป็นพวกสมาพันธ์ชาวยุทธนั่นเอง
ถังเทียนตอบ “เย่เฉาเกอตอนนี้เป็นเชลยของข้า ตราบใดที่เจ้าจ่ายค่าไถ่มา ข้าจะคืนเขาให้เจ้า”
“ค่าไถ่?” ฝูอิงจ้องถังเทียนพลังฆ่าฟันเพิ่มขึ้นพร้อมกับที่เขายกมือขวา “หาที่ตาย”
ฝ่ามือของเขาฉายรังสีแสงที่คมกล้าและเจิดจ้าเหมือนพระอาทิตย์ดวงน้อยที่ไม่มีใครกล้ามองโดยตรง
ฝ่ามือเพชฌฆาต!
รังสีดาบระยิบระยับพุ่งข้ามถนนเหมือนกับงูเลื้อยตรงเข้าหาถังเทียน
ถังเทียนรู้สึกถึงอันตรายทันทีเมื่อฝูอิงยกฝ่ามือ เขาตะโกนทันที “เสี่ยวเอ้อ!”
ร่มคันหนึ่งปรากฏอยู่ต่อหน้ารังสีดาบ
ประกายแสงนุ่มนวลฉายออกมาจากผิวร่ม ร่มหยาหยาเริ่มหมุนเป็นวังวน
ปัง!
พลังแสงจากร่มทำให้ถังเทียนและเสี่ยวเอ้อผงะ ทั้งสองถูกพลังรุนแรงกระแทกถอยหลัง
โชคดีรังสีที่คล้ายกับงูถูกสะท้อนเบี่ยงเบนวิถีส่งตรงขึ้นไปบนฟ้า
วีดดดด
รังสีแสงแหวกผ่านท้องฟ้าเกิดเสียงดังสนั่นกึกก้องไปทั่วบริเวณ
เมืองหานกู่ตกอยู่ในความเงียบทันที เซียนทุกคนตกตะลึงกับเสียงแหลมหวีดหวิวนั้น
พลังแสงนั้นแข็งแกร่งรุนแรงที่แม้แต่ภูเขาหิมะบนผิวร่มหยาหยาก็ยังพังทลายไปครึ่งหนึ่ง
พลังที่น่ากลัวนี้สร้างความเกรงขามให้กับถังเทียน เขาอุ้มเสี่ยวเอ้อที่บาดเจ็บและใช้วิชาเคลื่อนย้ายในพริบตาหนีหายไป
เคลื่อนย้ายในพริบตา? ฝูอิงประหลาดใจกับวิชาหายตัวของถังเทียน
เซียนส่วนใหญ่ไม่มีวิชารับมือเคลื่อนย้ายในพริบตา แต่สำหรับฝูอิงซึ่งเคยสังหารยอดฝีมือชั้นสูงทั้งหลายมาก่อนมันเป็นเรื่องเล็กสำหรับเขา ระยะของเคลื่อนย้ายพริบตานั้นสั้น เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะถอยไปได้ไกลเกิน
เขาเหาะขึ้นไปบนฟ้าและหลับตาขณะที่พยายามขยายความรู้สึกออกไป
ทันใดนั้นเขาลืมตาและยกฝ่ามือไปตรงตำแหน่งอาคารที่ห่างออกไป70 เมตร
คลื่นรังสีดาบพุ่งออกมาจากฝ่ามือของเขา เมื่อรังสีถูกยิงออกมาจากฝ่ามือของเขาก็หายไปในอากาศที่เบาบาง ทันใดนั้นรังสีดาบไปปรากฏอยู่ในระยะ 70 เมตรห่างจากฝูอิงและกลืนบ้านทั้งหลังที่อยู่ในวิถีโจมตี
บึ้ม!
ทุกอย่างในระยะสิบเมตรจากระยะโจมตีไหม้เกรียม สิ่งที่เหลือก็คือหลุมที่ไฟไหม้
ฟู่อิงลูบคิ้วด้วยความตกใจ เขาพลาด
ในชั่ววับเดียวฝูอิงเทเลพอร์ตผ่านระยะร้อยเมตรมาข้างหน้า และหยุดเพื่อโจมตีไปข้างหน้าอีกครั้ง
บึ้ม!
วิชาที่น่ากลัวฉีกแผ่นดินที่อยู่ใต้เขาทุกสิ่งที่อยู่ในเส้นทางผ่านของเขามอดไหม้หมด ขณะที่เซียนเผ่นออกมาจากบ้านของพวกเขา พวกเขาเตรียมโกรธใส่เขา แต่เมื่อพวกเขาเห็นเครื่องหมายสมาพันธ์ชาวยุทธ พวกเขาก็เงียบทันที
ฝูอิงไม่สนใจพวกเขายังคงมองหาต่อไป การโจมตีใส่ถังเทียนของเขาพลาดอีกครั้ง
ศัตรูของเขามีสัญชาตญาณที่แข็งแกร่ง ฝูอิงคิดและนอกจากนี้เขาสามารถเบี่ยงวิถีพลังโจมตีของฝูอิงโดยไม่ได้รับบาดเจ็บ เขาแข็งแกร่งมากกว่าที่ฝูอิงคิด
เขาโฉบอยู่ในกลางอากาศขณะที่พยายามรู้สึกถึงเป้าหมายโดยไม่ประสบความสำเร็จ
เป็นไปไม่ได้!
เขาจับปราณของเป้าหมายได้แล้ว ตราบใดที่พวกเขายังอยู่ในเมืองหานกู่พวกเขาจะไม่มีทางหลบหนีจากการค้นหาของเขาไปได้
ฝูอิงยังคงหาต่อไปและแสงม่านพลังสะดุดความสนใจของเขา เขาตระหนักได้ว่าเขาไม่สามารถส่งความรู้สึกเข้าไปในม่านพลังนี้ ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็มีความเป็นไปได้ประการเดียว!
เป้าหมายของเขาซ่อนตัวอยู่ในกับดักทางเข้า!
แม้ว่าป้อมปราการที่อยู่ต่อหน้าของเขาจะดูแปลกประหลาด แต่เขาไม่ได้พิจารณาถึงผลที่จะเกิดตามมาถ้าเขาโจมตีใส่
ในเมื่อมันซ่อนตัวอยู่ในกระดองเต่า ข้าจะเป่าให้มันกระจายเป็นเศษซาก
เขายกฝ่ามือขวาเล็งไปที่ทางเข้าป้อมประตูเดี่ยว ฝ่ามือเพชฌฆาต!