ตอนที่แล้วตอนที่ 510 ร่มหยาหยา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 512 สถานการณ์สวยหรู

ตอนที่ 511 แผนลึกซึ้ง


“ป้อมปราการประตูเดี่ยวเป็นรูปแบบปราการโบราณที่สาบสูญไปนานแล้วและไม่เคยปรากฏมาเป็นเวลานานข้าคาดไม่ถึงเลยว่ามันกลับมาปรากฏได้อีกครั้ง” ถงเก๋อประหลาดใจ “จุดแข็งที่สุดของป้อมปราการประตูเดี่ยวก็คือบังคับให้ต้องสู้ตัวต่อตัว”

“ตัวต่อตัว?” เริ่นหรูไห่ขมวดคิ้ว “เป็นแบบนั้นได้ยังไง?”

“ความจริงก็อย่างที่บอก  ข้าไม่แน่ใจเช่นกัน”  ถงเก๋อส่ายศีรษะ  “ป้อมปราการรูปแบบนี้สาบสูญไปหลายร้อยปีแล้วและไม่มีใครรู้ที่มา  เมื่อพี่หลี่ยังอยู่  ท่านเคยได้ยินมาบ้างไหม?”

หลี่รั่วเนื่องจากเพิ่งฟื้นจากอาการบาดเจ็บเขาพูดด้วยความโกรธ “ต้องเป็นเจ้าแก่ประหลาดนั่น ดูเหมือนเขากีดกันป้องกันข้าไว้นานแล้ว”

เริ่นหรูไห่สงสัย “แต่พวกเขาไปเอาความมั่นใจการสู้ตัวตัวต่อตัวมาจากไหน?  ฟู่จงซานอาจจะมีฝีมือพอ  แต่เขาไม่แข็งแกร่งพอจะสู้กับข้าได้”

“เราจะหาคำตอบที่หลัง”  ถงเก๋อหัวเราะ “ข้าเชื่อว่ามีหลายคนที่ไม่สามารถทนอยู่ได้”

“มีข่าวอะไรจากคนลึกลับและเย่เฉาเกอบ้างไหม?”  เริ่นหรูไห่ถาม

“ตอนนี้ยังไม่มีอะไรเลย แต่ข้ารับรองได้ว่าเย่เฉาเกอยังไม่ตายในตอนนี้แน่!”  ถงเก๋ออุทาน  เขารู้ว่าเย่เฉาเกออาจหายไปในการลงมือ  แต่เขาจะยังมีชีวิตอยู่แน่

“เราควรจะไปดูที่ป้อมปราการประตูเดี่ยวกันก่อน”  เริ่นหรูไห่กล่าว

การต่อสู้ระหว่างถังเทียนกับเย่เฉาเกอสร้างความวุ่นวายขนาดใหญ่ในพื้นที่  เวลาผ่านไปผู้คนก็พบว่าจวนที่ทำการเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเป็นเวลาบ่ายแล้ว เห็นได้ชัดว่ารูปลักษณะที่แปลกประหลาดถูกสร้างขึ้นมาอย่างเจตนา  พวกเซียนจะเป็นกลุ่มคนที่มีความรู้เป็นส่วนใหญ่เพราะใช้เวลาไม่นานพวกเขาก็พบชื่อป้อมปราการประตูเดี่ยวซึ่งลักษณะพิเศษของป้อมปราการประตูเดี่ยวเปิดเผยให้เห็น

ตัวต่อตัวหรือ?

นี่สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคน

พวกเขาไม่เข้าใจว่าชางหยางหวี่ไปเอาความมั่นใจมาจากไหน พลังของฟู่จงซานนับว่าแข็งแกร่งในหมู่เซียนชั้นบรอนซ์  แต่เขาไม่ใช่สุดยอดนักสู้  นี่คือไพ่เด็ดที่ควรเก็บเอาไว้  ถ้าเขามีนักสู้ที่แข็งแกร่ง  แต่ชางหยางหวี่จะไปเอานักสู้มาจากไหน?  เป็นไปได้ไหมว่าชางหยางหวี่จะลงมาสู้ด้วยตนเอง

ความคิดเช่นนี้ทำให้คนหมู่มากเกิดความตื่นเต้น

มีเซียนที่ฝึกมาถึงสามคนนับว่ามีความสำเร็จที่โดดเด่น ไม่มีใครรู้ว่าชางหยางหวี่แข็งแกร่งเพียงไหน  แต่อบรมศิษย์ให้เป็นเซียนได้ถึงสามคนนี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ใครก็ไม่กล้าดูแคลนเขา

ข่าวลือการปรากฏของป้อมปราการประตูเดี่ยวที่สาบสูญมานานและชางหยางหวี่ไม่มีใครกล้าบุกทำลายแนวป้องกันเพื่อท้าทายเขา

ไม่มีใครกล้าล้ำออกมาจากกลุ่มผู้คน

ในที่สุดในวันที่สาม ก็มีคนเข้าไปในป้อมปราการประตูเดี่ยวซึ่งดึงความสนใจจากคนมากมาย

เหตุผลเพราะป้อมปราการประตูเดี่ยวสามารถบังคับคู่ต่อสู้ให้สู้กันในสถานะตัวต่อตัวแทนที่จะปล่อยให้ศัตรูบุกเข้ามาพร้อมกันเนื่องจากถ้ำมืดมิดสานตัดกันจนคู่ต่อสู้ต้องเสี่ยงเข้ามาและมีสถานที่ซึ่งสำคัญที่สุดมีถังเทียนคอยเฝ้าป้องกัน เรียกว่ากับดักทางเข้า!

สมบัติทองชิ้นหนึ่ง,สมบัติเงินสามสิบหกชิ้นและสมบัติบรอนซ์เจ็ดสิบสองชิ้นปิงได้ติดตั้งไว้ในบริเวณนี้ ตรงนี้จะสร้างม่านพลังแสงซึ่งมีเส้นผ่าศูนย์กางเก้าสิบเมตร สมบัติที่ใช้ควบคู่ไปกับคลื่นพลังเย็นและพลังดวงดาวสร้างเป็นม่านพลังแสงกับดักได้อย่างสมบูรณ์แค่ยอมให้คนสองคนได้อยู่ภายในนี้

สิ่งนี้ควบคู่ไปกับถ้ำหินซึ่งวางกลยุทธไว้ด้วยทำให้เซียนยากจะถอนถอยจากการต่อสู้

เมื่อรู้สึกว่ามีคนมาถึง  ถังเทียนลืมตา

การป้องกันรักษาอยู่ที่นี่สามวันทำให้ถังเทียนเริ่มจะหมดความอดทน

ในที่สุดก็มีคนเข้ามา?

ถังเทียนสูดหายใจลึกและยืนขึ้น

ขณะเดียวกันเสี่ยวเอ้อซึ่งอยู่ภายในห้องจิตวิญญาณยุทธก็ลืมตาขึ้นเช่นกัน  มีคนกำลังมา?  เขาคาดการณ์ว่าจะมีการต่อสู้หลังจากเขาสร้างสมบัติวิญญาณชิ้นแรกสำเร็จ  ในที่สุดเขาก็หวังว่าจะได้ใช้ทดลอง

ช่วงเวลาสองสามวัน  เขาพยายามอย่างดีที่สุดหลบเลี่ยงถังเทียน  ทันใดนั้นเขานึกถึงปัญหาได้พบทันที ถ้าถังเทียนพบว่าสถานะที่แท้จริงของเขาและด้วยนิสัยของถังเทียน เสี่ยวเอ้อรู้ว่าวันเวลาที่เหลือของเขาคงลำบากเป็นแน่

เสี่ยวเอ้อรู้ว่าความคิดของถังเทียนที่มีต่อศัตรูมักแสดงออกอย่างป่าเถื่อน  และเขาเองก็เป็นศัตรูที่เล็ดรอดมาได้  เขาจะไม่แสดงความปราณีหากว่าเขาพบเจอ  แม้ว่าถังเทียนจะไม่ฆ่าเขา  แต่ก็สามารถข่มเหงเขาได้แน่

เสี่ยวเอ้อรู้ว่าเขาจำเป็นต้องเพิ่มความสามารถในการปกปิดสถานะของเขาเพื่อไม่ใช่เหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้น

******

สือฟงไม่ต้องการเด่นล้ำฝูงคนแต่เขาตัดสินใจลองดู เนื่องจากเขารู้สึกว่าโชคอาจจะอยู่ข้างเขา  สือฟงอาศัยอยู่ในกลุ่มดาวโลมาซึ่งเป็นหนึ่งในสิบเก้ากลุ่มดาวฟากฟ้าเหนือ  ในช่วงเวลาเช่นนี้สือฟงต้องการลองดูว่าเขาจะสามารถทำได้สำเร็จหรือไม่

เขาเตรียมตัวหนีหากเห็นสัญญาณยุ่งยาก

ไม่มีการซุ่มทำร้ายในถ้ำศิลามืดขณะที่เขาคืบหน้าไปจนกระทั่งถือกับดักทางเข้าประตูเดี่ยว  เขากังวลแต่ขณะเดียวกัน  เขารู้ว่าถ้าไม่เสี่ยงแล้วจะได้กำไรยังไง? เขากัดฟันแน่นและก้าวเข้าไปในกับดักทางเข้าแสง

เมื่อเข้าไปในกับดักทางเข้าแสงสีหน้าของเขาเปลี่ยนไป เรื่องนี้มีอะไรแปลกๆ

เขายกมือเพื่อพยายามหลบหนีออกจากกับดักทางเข้าทันที  ไม่ว่าเขาจะใช้แรงพยายามมากเท่าใด  เขาก็ไม่สามารถหลบหนีได้เลย

เมื่อเป็นเช่นนั้นเขาต้องสู้เพื่อเบิกทางออกไปจากที่นี่!  เขาตัดสินใจ

“เสี่ยวเอ้อ!”

เสียงสะท้อนก้องปลุกความรู้สึกของสือฟง

นี่เป็นศึกแรกและถังเทียนจะไม่แสดงความปราณี  การเริ่มต้นที่ดีสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด  ทั้งเสี่ยวเอ้อและหยาหยาวิ่งออกมาจากที่ซ่อนขณะที่ถังเทียนบุกตรงเข้าหาสือฟง!

เมื่อสือฟงเห็นพวกเขากำลังบุกจู่โจมใส่เขา  เขาตกตะลึงสิ้นเชิงเหมือนกับถูกสายฟ้าฟาด

นี่..คือบุรุษลึกลับที่จับตัวเย่เฉาเกอไปนี่...

สือฟงแทบไม่เชื่อสายตา ทำไมเขาถึงได้แยกออกมาจากกลุ่มผู้คนและเข้าสู่สถานการณ์ดังกล่าว

ถังเทียนสูดหายใจลึกและตะโกน  “มาเลย เข้ามาสู้เสี่ยงชีวิตกัน”

สือฟงยืนนิ่งกับที่สู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย... เย่เฉาเกอประสบชะตากรรมเดียวกันแน่  ใครจะรู้กันว่าเขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่..

ถังเทียนเอียงคอเดินเข้ามาเหมือนกับว่าเขาเตรียมบุกจู่โจมใส่สือฟง

“ข้ายอมแพ้!”

สือฟงของยอมแพ้โดยตรง เพราะถังเทียนยั้งตัวเองกระทันหันเนื่องจากเขาเตรียมตัวจะกระโจนเข้าจู่โจม  เขามีสีหน้าตกใจขณะมองดูสือฟง

“ข้าจะติดตามนายท่านจากนี้เป็นต้นไปและจะขอเชื่อฟังคำสั่งท่าน!”

สือฟงพยายามยิ้มอย่างระมัดระวังแม้ว่าเขาจะกระวนกระวายก็ตาม

คนด้านนอกไม่สามารถเห็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายในปราการได้ แต่พวกที่อยู่ภายในถ้ำมืดอย่างฟู่จงซานและคนที่เหลือต่างเห็นทุกอย่างประจักษ์กับตาตนเอง  พวกเขาไม่อยากเชื่อในสิ่งที่พวกเขาเห็น  เกิดอะไรขึ้น? ทำไมถึงมีเรื่องเช่นนี้?

พวกเขาไม่รู้ว่าการต่อสู้ที่ถังเทียนจับเย่เฉาเกอได้นั้นกลายเป็นเรื่องถูกเล่าลือพูดคุยกันทั่วเมืองหานกู่    แม้ว่าจะพูดคุยกันมาก แต่ไม่มีใครรู้ว่าเปลวไฟที่อยู่ในหมัดของถังเทียนนั้นคืออะไร  มันไม่ใช่วิชาจิตวิญญาณธรรมดา  เนื่องจากถังเทียนสามารถข่มวิชาแสงสางได้  แต่ไม่มีใครอธิบายที่มาของวิชานี้ได้ นี่ทำให้เซียนหลายคนสงสัยว่าเคล็ดวิชานี้คืออะไรกันแน่

นอกจากผนึกต้นแหล่งพลังของถังเทียนแล้วยังมีอีกหลายคนวิเคราะห์การดำเนินการต่อสู้ของถังเทียน

ทุกคนได้ข้อสรุปร่วมกันก็คือถังเทียนเป็นบุคคลอันตราย

เขาไม่ลังเลใจที่จะฆ่าและวิชาของเขาโหดร้ายและอำมหิต เพื่อชัยชนะในยี่สิบกระบวนท่าเขายินดีเสียสละมือทั้งสอง เขาเป็นคนที่ไม่ควรตอแยด้วยและด้วยสัญชาตญาณต่อสู้ที่สั่งในการสู้แต่ละครั้งมาพร้อมกับพลังแข็งแกร่งที่น่ากลัวของเขาทำให้เขาเป็นคนอันตรายที่ต้องสู้ด้วย

ระหว่างที่เขาเผชิญหน้ากับเย่เฉาเกอครั้งแรก  ถังเทียนเพียงแต่ใช้ร่างจิตวิญญาณ  ยังไม่มีเพลิงแดงลึกลับให้เห็นมาก่อน  เพื่อให้เย่เฉาเกอหยุดค้าง  ถังเทียนยินดีเสียสละแขนทั้งสอง

แต่ครั้งนี้หลังจากหรงปัวจากไป  ถังเทียนแสดงพลังที่แท้จริงออกมาในที่สุดเขาไม่ได้ใช้ร่างวิญญาณเมื่อเขาเอาชนะเย่เฉาเกอได้อย่างง่ายดาย

ระหว่างพูดคุยปรึกษาทุกคนแสดงมติเป็นเอกฉันท์ว่าไม่ควรสร้างความเป็นปฏิปักษ์กับถังเทียน!  มีเซียนบางคนถือสิทธิ์ทำบัญชีบุคคลอันตรายที่ไม่ควรเข้าไปตอแยด้วย  ถังเทียนมักอยู่ในในรายชื่อบนๆ เสมอ

นอกจากนี้พวกเขายังให้เหตุผลสำคัญที่ไม่ควรเลือกสู้กับเขา  ไม่ใช่แค่เพราะความกล้าหาญของเขา แต่ยังเป็นความดุร้ายโหดเหี้ยมของเขาที่ทำให้เขาแตกต่างจากนักสู้ทุกคน  เมื่อมีคนตอแยเขาผู้นั้นจะไม่รู้เลยว่าถังเทียนจะลงมือกับพวกเขาเมื่อไหร่

ดังนั้นเมื่อสือฟงเห็นถังเทียน เขารู้เลยว่าโชคสุดท้ายของเขาหมดไปแล้ว และเมื่อเขาเห็นร่มของเสี่ยวเอ้อ เขาตัวสั่นทันที ถังเทียนยังคงมีไพ่ตาย!  ก่อนจะถึงวันนี้ เขาไม่เคยเห็นใครถืออาวุธมาก่อนสือฟงมีประสบการณ์เกี่ยวกับสมบัติวิญญาณและได้ทำการค้นคว้ามาอย่างกว้างขวางในก่อนหน้านี้ เมื่อเขาเห็นร่มหยาหยา เขารู้ว่ามันคืออาวุธที่มีคุณภาพยอดเยี่ยม

ถังเทียนสมกับที่เขาร่ำลือแน่นอน  เขาน่ากลัวอย่างแท้จริง

ยิ่งเขาคิดเรื่องนี้  เขาก็ยิ่งกังวลมากขึ้น  เขารำพึงเงียบๆถึงความเป็นไปได้ว่าเมืองหานกู่ทั้งหมดจัดตั้งมาเพื่อคุกคามหรือเปล่า?ถ้าไม่อย่างนั้นทำไมถังเทียนถึงปรากฏตัวขึ้นมากะทันหันในจวนที่ทำการนี้ หรือว่าเขาอยู่เบื้องหลังการเผชิญหน้าที่แท้จริงนี้?

ช่างเป็นนักสู้ที่น่ากลัวจริงๆ  ในฐานะเซียนธรรมดา เป็นไปไม่ได้ที่จะสู้กับเขา

ดังนั้น...

สือฟงยอมแพ้โดยไม่ลังเลใจ

พวกเซียนอยู่ด้านนอกจวนที่ทำการกำลังดูการต่อสู้  เพียงแต่เห็นม่านแสงเปลี่ยนเป็นสีเขียวจากสีแดงซึ่งปรากฏไม่นาน  ทุกคนสูดหายใจลึก

พ่ายแพ้รวดเร็วเกินไป...

การโจมตีรวดเดียวจะนำเขาไปสู่หายนะเชียวหรือ?

มีคุณลักษณะพิเศษบางประการของป้อมปราการประตูเดี่ยวที่คนทั่วไปสังเกตได้ก่อนหน้านั้น  เมื่อแสงกับดักทางเข้าเป็นสีแดงก็หมายความว่าการต่อสู้ยังไม่จบ เมื่อเปลี่ยนเป็นสีเขียว นั่นเป็นเครื่องหมายว่าเสร็จสิ้นการต่อสู้

แม้จะเป็นเซียนจากเมืองเล็กๆ  แต่สือฟงก็เป็นที่รู้จักกันว่ามีพื้นฐานวิชาต่อสู้ที่แข็งแกร่ง  เขาพ่ายแพ้ในช่วงเวลาสั้นๆ อย่างนั้นได้ยังไง?

พวกเซียนที่รู้จักสือฟงและเคยพูดกับเขามาก่อนมีสีหน้าประหลาดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น

ต้องไม่ใช่ฟู่จงซานแน่นอน!

เป็นไปได้ไหม...อาจเป็นเจ้าสำนักชางหยางหวี่?

ถงเก๋อและคนของเขาไม่คิดว่าจะเป็นไปได้  หลี่รั่วกล่าว “เป็นไปไม่ได้!  ไม่น่าเป็นไปได้!  เจ้าแก่นั่นเปลี่ยนเป็นจิตวิญญาณยุทธไปแล้วไม่มีทางที่เขาจะสู้ได้อีกต่อไป!”

“อย่างนั้นจะเป็นใครไปได้?”  เริ่นหรูไห่ประหลาดใจ

ถงเก๋อตอบอย่างใจเย็น  “ดูเหมือนยอดฝีมือที่แท้จริงปรากฏตัวเสียแล้ว!”

จากนั้นไม่นานเซียนผู้กล้าอีกคนหนึ่งไม่เชื่อเรื่องภูตผีปีศาจ เต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟันได้ก้าวขึ้นแท่นเพื่อเข้าไปในป้อมปราการประตูเดี่ยว  ภายในสิบวินาที  ม่านพลังก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวทันที

รอบนี้เกิดความเงียบอยู่ในท่ามกลางกลุ่มคน  ไม่มีใครกล้าหายใจแรง  ทุกคนตกตะลึงสิ้นเชิง!

ใครอยู่ในนั้นกันแน่?

ต้องเป็นเซียนที่น่ากลัวคอยป้องกันพื้นที่ภายในแน่นอน!

“หรือว่าจะเป็นวิชาจิตวิญญาณที่ทรงพลัง?”  บางคนกระซิบ

ทุกคนตาเป็นประกาย  นั่นน่ะสิบางทีอาจมีวิชาจิตวิญญาณที่ทรงพลังและพิเศษ นี่แบบนี้ต้องทรงพลัง ซึ่งจะทำให้พลังหมดสิ้นลง

เซียนอีกคนหนึ่งรวบรวมความกล้าและเข้าไปในป้อมปราการ สิบวินาทีต่อมาแสงที่ม่านพลังก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวอีกครา

พออีกคนหนึ่งเข้าไปก็มีผลตามมาเหมือนเดิม

หลังจากเซียนคนที่ห้าเข้าไปและแสงม่านพลังเปลี่ยนเป็นสีเขียวอีกครา  ก็ไม่มีใครกล้าส่งเสียง  ในมุมมองของพวกเขาตอนนี้ป้อมปราการกลายเป็นสัตว์ประหลาดกระหายเลือดที่กลืนกินเซียนพวกนี้ไปเสียแล้ว

“ฮึ, ข้าอยากจะเห็นด้วยตาของข้าเองนักเซียนที่อยู่ข้างในจะเก่งกาจเพียงไหน!”  เสียงห้าวหาญกร้าวแกร่งดังก้องในกลุ่มผู้คน

กลุ่มผู้คนถอยผงะ  คนผู้นี้มีนามว่ามอนตา เขาเป็นหนึ่งในเซียนที่ทรงพลังที่สุดในเมืองหานกู่  ค่าพลังวิญญาณของเขา 136จุดและมีชื่อเสียงมาหลายปีเนื่องจากประสบการณ์การต่อสู้

มอนตาเดินตรงเข้าไปที่ป้อมปราการประตูเดี่ยวอย่างใจเย็น

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด