ตอนที่ 511 แผนลึกซึ้ง
“ป้อมปราการประตูเดี่ยวเป็นรูปแบบปราการโบราณที่สาบสูญไปนานแล้วและไม่เคยปรากฏมาเป็นเวลานานข้าคาดไม่ถึงเลยว่ามันกลับมาปรากฏได้อีกครั้ง” ถงเก๋อประหลาดใจ “จุดแข็งที่สุดของป้อมปราการประตูเดี่ยวก็คือบังคับให้ต้องสู้ตัวต่อตัว”
“ตัวต่อตัว?” เริ่นหรูไห่ขมวดคิ้ว “เป็นแบบนั้นได้ยังไง?”
“ความจริงก็อย่างที่บอก ข้าไม่แน่ใจเช่นกัน” ถงเก๋อส่ายศีรษะ “ป้อมปราการรูปแบบนี้สาบสูญไปหลายร้อยปีแล้วและไม่มีใครรู้ที่มา เมื่อพี่หลี่ยังอยู่ ท่านเคยได้ยินมาบ้างไหม?”
หลี่รั่วเนื่องจากเพิ่งฟื้นจากอาการบาดเจ็บเขาพูดด้วยความโกรธ “ต้องเป็นเจ้าแก่ประหลาดนั่น ดูเหมือนเขากีดกันป้องกันข้าไว้นานแล้ว”
เริ่นหรูไห่สงสัย “แต่พวกเขาไปเอาความมั่นใจการสู้ตัวตัวต่อตัวมาจากไหน? ฟู่จงซานอาจจะมีฝีมือพอ แต่เขาไม่แข็งแกร่งพอจะสู้กับข้าได้”
“เราจะหาคำตอบที่หลัง” ถงเก๋อหัวเราะ “ข้าเชื่อว่ามีหลายคนที่ไม่สามารถทนอยู่ได้”
“มีข่าวอะไรจากคนลึกลับและเย่เฉาเกอบ้างไหม?” เริ่นหรูไห่ถาม
“ตอนนี้ยังไม่มีอะไรเลย แต่ข้ารับรองได้ว่าเย่เฉาเกอยังไม่ตายในตอนนี้แน่!” ถงเก๋ออุทาน เขารู้ว่าเย่เฉาเกออาจหายไปในการลงมือ แต่เขาจะยังมีชีวิตอยู่แน่
“เราควรจะไปดูที่ป้อมปราการประตูเดี่ยวกันก่อน” เริ่นหรูไห่กล่าว
การต่อสู้ระหว่างถังเทียนกับเย่เฉาเกอสร้างความวุ่นวายขนาดใหญ่ในพื้นที่ เวลาผ่านไปผู้คนก็พบว่าจวนที่ทำการเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเป็นเวลาบ่ายแล้ว เห็นได้ชัดว่ารูปลักษณะที่แปลกประหลาดถูกสร้างขึ้นมาอย่างเจตนา พวกเซียนจะเป็นกลุ่มคนที่มีความรู้เป็นส่วนใหญ่เพราะใช้เวลาไม่นานพวกเขาก็พบชื่อป้อมปราการประตูเดี่ยวซึ่งลักษณะพิเศษของป้อมปราการประตูเดี่ยวเปิดเผยให้เห็น
ตัวต่อตัวหรือ?
นี่สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคน
พวกเขาไม่เข้าใจว่าชางหยางหวี่ไปเอาความมั่นใจมาจากไหน พลังของฟู่จงซานนับว่าแข็งแกร่งในหมู่เซียนชั้นบรอนซ์ แต่เขาไม่ใช่สุดยอดนักสู้ นี่คือไพ่เด็ดที่ควรเก็บเอาไว้ ถ้าเขามีนักสู้ที่แข็งแกร่ง แต่ชางหยางหวี่จะไปเอานักสู้มาจากไหน? เป็นไปได้ไหมว่าชางหยางหวี่จะลงมาสู้ด้วยตนเอง
ความคิดเช่นนี้ทำให้คนหมู่มากเกิดความตื่นเต้น
มีเซียนที่ฝึกมาถึงสามคนนับว่ามีความสำเร็จที่โดดเด่น ไม่มีใครรู้ว่าชางหยางหวี่แข็งแกร่งเพียงไหน แต่อบรมศิษย์ให้เป็นเซียนได้ถึงสามคนนี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ใครก็ไม่กล้าดูแคลนเขา
ข่าวลือการปรากฏของป้อมปราการประตูเดี่ยวที่สาบสูญมานานและชางหยางหวี่ไม่มีใครกล้าบุกทำลายแนวป้องกันเพื่อท้าทายเขา
ไม่มีใครกล้าล้ำออกมาจากกลุ่มผู้คน
ในที่สุดในวันที่สาม ก็มีคนเข้าไปในป้อมปราการประตูเดี่ยวซึ่งดึงความสนใจจากคนมากมาย
เหตุผลเพราะป้อมปราการประตูเดี่ยวสามารถบังคับคู่ต่อสู้ให้สู้กันในสถานะตัวต่อตัวแทนที่จะปล่อยให้ศัตรูบุกเข้ามาพร้อมกันเนื่องจากถ้ำมืดมิดสานตัดกันจนคู่ต่อสู้ต้องเสี่ยงเข้ามาและมีสถานที่ซึ่งสำคัญที่สุดมีถังเทียนคอยเฝ้าป้องกัน เรียกว่ากับดักทางเข้า!
สมบัติทองชิ้นหนึ่ง,สมบัติเงินสามสิบหกชิ้นและสมบัติบรอนซ์เจ็ดสิบสองชิ้นปิงได้ติดตั้งไว้ในบริเวณนี้ ตรงนี้จะสร้างม่านพลังแสงซึ่งมีเส้นผ่าศูนย์กางเก้าสิบเมตร สมบัติที่ใช้ควบคู่ไปกับคลื่นพลังเย็นและพลังดวงดาวสร้างเป็นม่านพลังแสงกับดักได้อย่างสมบูรณ์แค่ยอมให้คนสองคนได้อยู่ภายในนี้
สิ่งนี้ควบคู่ไปกับถ้ำหินซึ่งวางกลยุทธไว้ด้วยทำให้เซียนยากจะถอนถอยจากการต่อสู้
เมื่อรู้สึกว่ามีคนมาถึง ถังเทียนลืมตา
การป้องกันรักษาอยู่ที่นี่สามวันทำให้ถังเทียนเริ่มจะหมดความอดทน
ในที่สุดก็มีคนเข้ามา?
ถังเทียนสูดหายใจลึกและยืนขึ้น
ขณะเดียวกันเสี่ยวเอ้อซึ่งอยู่ภายในห้องจิตวิญญาณยุทธก็ลืมตาขึ้นเช่นกัน มีคนกำลังมา? เขาคาดการณ์ว่าจะมีการต่อสู้หลังจากเขาสร้างสมบัติวิญญาณชิ้นแรกสำเร็จ ในที่สุดเขาก็หวังว่าจะได้ใช้ทดลอง
ช่วงเวลาสองสามวัน เขาพยายามอย่างดีที่สุดหลบเลี่ยงถังเทียน ทันใดนั้นเขานึกถึงปัญหาได้พบทันที ถ้าถังเทียนพบว่าสถานะที่แท้จริงของเขาและด้วยนิสัยของถังเทียน เสี่ยวเอ้อรู้ว่าวันเวลาที่เหลือของเขาคงลำบากเป็นแน่
เสี่ยวเอ้อรู้ว่าความคิดของถังเทียนที่มีต่อศัตรูมักแสดงออกอย่างป่าเถื่อน และเขาเองก็เป็นศัตรูที่เล็ดรอดมาได้ เขาจะไม่แสดงความปราณีหากว่าเขาพบเจอ แม้ว่าถังเทียนจะไม่ฆ่าเขา แต่ก็สามารถข่มเหงเขาได้แน่
เสี่ยวเอ้อรู้ว่าเขาจำเป็นต้องเพิ่มความสามารถในการปกปิดสถานะของเขาเพื่อไม่ใช่เหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้น
******
สือฟงไม่ต้องการเด่นล้ำฝูงคนแต่เขาตัดสินใจลองดู เนื่องจากเขารู้สึกว่าโชคอาจจะอยู่ข้างเขา สือฟงอาศัยอยู่ในกลุ่มดาวโลมาซึ่งเป็นหนึ่งในสิบเก้ากลุ่มดาวฟากฟ้าเหนือ ในช่วงเวลาเช่นนี้สือฟงต้องการลองดูว่าเขาจะสามารถทำได้สำเร็จหรือไม่
เขาเตรียมตัวหนีหากเห็นสัญญาณยุ่งยาก
ไม่มีการซุ่มทำร้ายในถ้ำศิลามืดขณะที่เขาคืบหน้าไปจนกระทั่งถือกับดักทางเข้าประตูเดี่ยว เขากังวลแต่ขณะเดียวกัน เขารู้ว่าถ้าไม่เสี่ยงแล้วจะได้กำไรยังไง? เขากัดฟันแน่นและก้าวเข้าไปในกับดักทางเข้าแสง
เมื่อเข้าไปในกับดักทางเข้าแสงสีหน้าของเขาเปลี่ยนไป เรื่องนี้มีอะไรแปลกๆ
เขายกมือเพื่อพยายามหลบหนีออกจากกับดักทางเข้าทันที ไม่ว่าเขาจะใช้แรงพยายามมากเท่าใด เขาก็ไม่สามารถหลบหนีได้เลย
เมื่อเป็นเช่นนั้นเขาต้องสู้เพื่อเบิกทางออกไปจากที่นี่! เขาตัดสินใจ
“เสี่ยวเอ้อ!”
เสียงสะท้อนก้องปลุกความรู้สึกของสือฟง
นี่เป็นศึกแรกและถังเทียนจะไม่แสดงความปราณี การเริ่มต้นที่ดีสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด ทั้งเสี่ยวเอ้อและหยาหยาวิ่งออกมาจากที่ซ่อนขณะที่ถังเทียนบุกตรงเข้าหาสือฟง!
เมื่อสือฟงเห็นพวกเขากำลังบุกจู่โจมใส่เขา เขาตกตะลึงสิ้นเชิงเหมือนกับถูกสายฟ้าฟาด
นี่..คือบุรุษลึกลับที่จับตัวเย่เฉาเกอไปนี่...
สือฟงแทบไม่เชื่อสายตา ทำไมเขาถึงได้แยกออกมาจากกลุ่มผู้คนและเข้าสู่สถานการณ์ดังกล่าว
ถังเทียนสูดหายใจลึกและตะโกน “มาเลย เข้ามาสู้เสี่ยงชีวิตกัน”
สือฟงยืนนิ่งกับที่สู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย... เย่เฉาเกอประสบชะตากรรมเดียวกันแน่ ใครจะรู้กันว่าเขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่..
ถังเทียนเอียงคอเดินเข้ามาเหมือนกับว่าเขาเตรียมบุกจู่โจมใส่สือฟง
“ข้ายอมแพ้!”
สือฟงของยอมแพ้โดยตรง เพราะถังเทียนยั้งตัวเองกระทันหันเนื่องจากเขาเตรียมตัวจะกระโจนเข้าจู่โจม เขามีสีหน้าตกใจขณะมองดูสือฟง
“ข้าจะติดตามนายท่านจากนี้เป็นต้นไปและจะขอเชื่อฟังคำสั่งท่าน!”
สือฟงพยายามยิ้มอย่างระมัดระวังแม้ว่าเขาจะกระวนกระวายก็ตาม
คนด้านนอกไม่สามารถเห็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายในปราการได้ แต่พวกที่อยู่ภายในถ้ำมืดอย่างฟู่จงซานและคนที่เหลือต่างเห็นทุกอย่างประจักษ์กับตาตนเอง พวกเขาไม่อยากเชื่อในสิ่งที่พวกเขาเห็น เกิดอะไรขึ้น? ทำไมถึงมีเรื่องเช่นนี้?
พวกเขาไม่รู้ว่าการต่อสู้ที่ถังเทียนจับเย่เฉาเกอได้นั้นกลายเป็นเรื่องถูกเล่าลือพูดคุยกันทั่วเมืองหานกู่ แม้ว่าจะพูดคุยกันมาก แต่ไม่มีใครรู้ว่าเปลวไฟที่อยู่ในหมัดของถังเทียนนั้นคืออะไร มันไม่ใช่วิชาจิตวิญญาณธรรมดา เนื่องจากถังเทียนสามารถข่มวิชาแสงสางได้ แต่ไม่มีใครอธิบายที่มาของวิชานี้ได้ นี่ทำให้เซียนหลายคนสงสัยว่าเคล็ดวิชานี้คืออะไรกันแน่
นอกจากผนึกต้นแหล่งพลังของถังเทียนแล้วยังมีอีกหลายคนวิเคราะห์การดำเนินการต่อสู้ของถังเทียน
ทุกคนได้ข้อสรุปร่วมกันก็คือถังเทียนเป็นบุคคลอันตราย
เขาไม่ลังเลใจที่จะฆ่าและวิชาของเขาโหดร้ายและอำมหิต เพื่อชัยชนะในยี่สิบกระบวนท่าเขายินดีเสียสละมือทั้งสอง เขาเป็นคนที่ไม่ควรตอแยด้วยและด้วยสัญชาตญาณต่อสู้ที่สั่งในการสู้แต่ละครั้งมาพร้อมกับพลังแข็งแกร่งที่น่ากลัวของเขาทำให้เขาเป็นคนอันตรายที่ต้องสู้ด้วย
ระหว่างที่เขาเผชิญหน้ากับเย่เฉาเกอครั้งแรก ถังเทียนเพียงแต่ใช้ร่างจิตวิญญาณ ยังไม่มีเพลิงแดงลึกลับให้เห็นมาก่อน เพื่อให้เย่เฉาเกอหยุดค้าง ถังเทียนยินดีเสียสละแขนทั้งสอง
แต่ครั้งนี้หลังจากหรงปัวจากไป ถังเทียนแสดงพลังที่แท้จริงออกมาในที่สุดเขาไม่ได้ใช้ร่างวิญญาณเมื่อเขาเอาชนะเย่เฉาเกอได้อย่างง่ายดาย
ระหว่างพูดคุยปรึกษาทุกคนแสดงมติเป็นเอกฉันท์ว่าไม่ควรสร้างความเป็นปฏิปักษ์กับถังเทียน! มีเซียนบางคนถือสิทธิ์ทำบัญชีบุคคลอันตรายที่ไม่ควรเข้าไปตอแยด้วย ถังเทียนมักอยู่ในในรายชื่อบนๆ เสมอ
นอกจากนี้พวกเขายังให้เหตุผลสำคัญที่ไม่ควรเลือกสู้กับเขา ไม่ใช่แค่เพราะความกล้าหาญของเขา แต่ยังเป็นความดุร้ายโหดเหี้ยมของเขาที่ทำให้เขาแตกต่างจากนักสู้ทุกคน เมื่อมีคนตอแยเขาผู้นั้นจะไม่รู้เลยว่าถังเทียนจะลงมือกับพวกเขาเมื่อไหร่
ดังนั้นเมื่อสือฟงเห็นถังเทียน เขารู้เลยว่าโชคสุดท้ายของเขาหมดไปแล้ว และเมื่อเขาเห็นร่มของเสี่ยวเอ้อ เขาตัวสั่นทันที ถังเทียนยังคงมีไพ่ตาย! ก่อนจะถึงวันนี้ เขาไม่เคยเห็นใครถืออาวุธมาก่อนสือฟงมีประสบการณ์เกี่ยวกับสมบัติวิญญาณและได้ทำการค้นคว้ามาอย่างกว้างขวางในก่อนหน้านี้ เมื่อเขาเห็นร่มหยาหยา เขารู้ว่ามันคืออาวุธที่มีคุณภาพยอดเยี่ยม
ถังเทียนสมกับที่เขาร่ำลือแน่นอน เขาน่ากลัวอย่างแท้จริง
ยิ่งเขาคิดเรื่องนี้ เขาก็ยิ่งกังวลมากขึ้น เขารำพึงเงียบๆถึงความเป็นไปได้ว่าเมืองหานกู่ทั้งหมดจัดตั้งมาเพื่อคุกคามหรือเปล่า?ถ้าไม่อย่างนั้นทำไมถังเทียนถึงปรากฏตัวขึ้นมากะทันหันในจวนที่ทำการนี้ หรือว่าเขาอยู่เบื้องหลังการเผชิญหน้าที่แท้จริงนี้?
ช่างเป็นนักสู้ที่น่ากลัวจริงๆ ในฐานะเซียนธรรมดา เป็นไปไม่ได้ที่จะสู้กับเขา
ดังนั้น...
สือฟงยอมแพ้โดยไม่ลังเลใจ
พวกเซียนอยู่ด้านนอกจวนที่ทำการกำลังดูการต่อสู้ เพียงแต่เห็นม่านแสงเปลี่ยนเป็นสีเขียวจากสีแดงซึ่งปรากฏไม่นาน ทุกคนสูดหายใจลึก
พ่ายแพ้รวดเร็วเกินไป...
การโจมตีรวดเดียวจะนำเขาไปสู่หายนะเชียวหรือ?
มีคุณลักษณะพิเศษบางประการของป้อมปราการประตูเดี่ยวที่คนทั่วไปสังเกตได้ก่อนหน้านั้น เมื่อแสงกับดักทางเข้าเป็นสีแดงก็หมายความว่าการต่อสู้ยังไม่จบ เมื่อเปลี่ยนเป็นสีเขียว นั่นเป็นเครื่องหมายว่าเสร็จสิ้นการต่อสู้
แม้จะเป็นเซียนจากเมืองเล็กๆ แต่สือฟงก็เป็นที่รู้จักกันว่ามีพื้นฐานวิชาต่อสู้ที่แข็งแกร่ง เขาพ่ายแพ้ในช่วงเวลาสั้นๆ อย่างนั้นได้ยังไง?
พวกเซียนที่รู้จักสือฟงและเคยพูดกับเขามาก่อนมีสีหน้าประหลาดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ต้องไม่ใช่ฟู่จงซานแน่นอน!
เป็นไปได้ไหม...อาจเป็นเจ้าสำนักชางหยางหวี่?
ถงเก๋อและคนของเขาไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ หลี่รั่วกล่าว “เป็นไปไม่ได้! ไม่น่าเป็นไปได้! เจ้าแก่นั่นเปลี่ยนเป็นจิตวิญญาณยุทธไปแล้วไม่มีทางที่เขาจะสู้ได้อีกต่อไป!”
“อย่างนั้นจะเป็นใครไปได้?” เริ่นหรูไห่ประหลาดใจ
ถงเก๋อตอบอย่างใจเย็น “ดูเหมือนยอดฝีมือที่แท้จริงปรากฏตัวเสียแล้ว!”
จากนั้นไม่นานเซียนผู้กล้าอีกคนหนึ่งไม่เชื่อเรื่องภูตผีปีศาจ เต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟันได้ก้าวขึ้นแท่นเพื่อเข้าไปในป้อมปราการประตูเดี่ยว ภายในสิบวินาที ม่านพลังก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวทันที
รอบนี้เกิดความเงียบอยู่ในท่ามกลางกลุ่มคน ไม่มีใครกล้าหายใจแรง ทุกคนตกตะลึงสิ้นเชิง!
ใครอยู่ในนั้นกันแน่?
ต้องเป็นเซียนที่น่ากลัวคอยป้องกันพื้นที่ภายในแน่นอน!
“หรือว่าจะเป็นวิชาจิตวิญญาณที่ทรงพลัง?” บางคนกระซิบ
ทุกคนตาเป็นประกาย นั่นน่ะสิบางทีอาจมีวิชาจิตวิญญาณที่ทรงพลังและพิเศษ นี่แบบนี้ต้องทรงพลัง ซึ่งจะทำให้พลังหมดสิ้นลง
เซียนอีกคนหนึ่งรวบรวมความกล้าและเข้าไปในป้อมปราการ สิบวินาทีต่อมาแสงที่ม่านพลังก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวอีกครา
พออีกคนหนึ่งเข้าไปก็มีผลตามมาเหมือนเดิม
หลังจากเซียนคนที่ห้าเข้าไปและแสงม่านพลังเปลี่ยนเป็นสีเขียวอีกครา ก็ไม่มีใครกล้าส่งเสียง ในมุมมองของพวกเขาตอนนี้ป้อมปราการกลายเป็นสัตว์ประหลาดกระหายเลือดที่กลืนกินเซียนพวกนี้ไปเสียแล้ว
“ฮึ, ข้าอยากจะเห็นด้วยตาของข้าเองนักเซียนที่อยู่ข้างในจะเก่งกาจเพียงไหน!” เสียงห้าวหาญกร้าวแกร่งดังก้องในกลุ่มผู้คน
กลุ่มผู้คนถอยผงะ คนผู้นี้มีนามว่ามอนตา เขาเป็นหนึ่งในเซียนที่ทรงพลังที่สุดในเมืองหานกู่ ค่าพลังวิญญาณของเขา 136จุดและมีชื่อเสียงมาหลายปีเนื่องจากประสบการณ์การต่อสู้
มอนตาเดินตรงเข้าไปที่ป้อมปราการประตูเดี่ยวอย่างใจเย็น