ตอนที่ 510 - ซากโบราณสถาน
บุรุษผู้มาใหม่นี้เรียกตัวเองว่าโยวหมิง ความจริงก็คือหนึ่งในห้าจักรพรรดิแห่งหอทงเทียน จักรพรรดิใต้พิภพ
เขามีศักดิ์เสมอกับจักรพรรดิฟ้าและจักรพรรดิสมุทร
จักรพรรดิใต้พิภพเป็นสุดยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิดที่ลึกลับมาก
มีข่าวลือว่าบิดาของเขาเป็นนักสู้จากแดนอเวจีที่เข้ามาตั้งรกรากในทวีปเฮยเย่ของหอทงเทียนชั้นที่เก้าเมื่อสองพันที่แล้ว จากนั้นก็แต่งงานมีภรรยา ต่อมาก็ให้กำเนิดจักรพรรดิใต้พิภพ จักรพรรดิใต้พิภพถือกำเนิดมาด้วยพรสวรรค์ที่เหลือเชื่อและเขายังโดดเด่นกว่าบิดามารดาของเขามาก ทำให้เขาเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดผู้แข็งแกร่งที่สุดในทวีปเฮยเย่ และนี่เองทำให้เขาเป็นหนึ่งในห้าจักรพรรดิของหอทงเทียน เนื่องจากมีการต่อสู้ระหว่างทวีปเฮยเย่และทวีปกวงหมิงในหอทงเทียนชั้นที่เก้ากันบ่อย บิดาของจักรพรรดิใต้พิภพตายในสนามรบเมื่อเขายังอายุน้อย แน่นอนว่าจักรพรรดิใต้พิภพและจักรพรรดิฟ้าก็ต้องเป็นศัตรูกันอยู่ดี แม้ว่าจักรพรรดิฟ้าจะไม่ได้ฆ่าบิดาของเขาก็ตาม
แม้ว่าจักรพรรดิใต้พิภพจะไม่มั่นใจว่าเขาจะสามารถฆ่าจักรพรรดิฟ้าได้ แต่เขาไม่มีทางเป็นพันธมิตรกับเขาแน่
เขาจะต่อต้านทุกอย่างที่จักรพรรดิฟ้าเห็นด้วย
เขาจะทำทุกอย่างเพื่อให้จักรพรรดิฟ้าหงุดหงิด
ตัวอย่างเช่น เขาใช้เย่ว์หยางเป็นเครื่องมือทำให้จักรพรรดิฟ้าเหมือนกับถูกตบหน้าอย่างแรง แม้ว่าจักรพรรดิใต้พิภพจะไม่รู้ว่าราชาเฮยอวี้และจักรพรรดิฟ้าได้วางแผนต่อเย่ว์หยางและไม่รู้ว่าทำไมเย่ว์หยางถึงยังรั้งอยู่หลังจากหลงกลไปแล้วแม้กระทั่งสมบัติชั้นเทพของเขาก็ยังเอาออกมาอวด เรื่องเหล่านี้ไม่กีดขวางไม่ให้เขาให้กำลังใจเย่ว์หยางเพื่อสร้างความอับอายให้จักรพรรดิฟ้า
“อย่างนั้นนี่ก็คือจักรพรรดิใต้พิภพสินะ ยินดีต้อนรับ” แม้แต่ราชาเฮยอวี้จะมีความสุภาพแค่เพียงเปลือกนอก เขาก็ยังต้องลอบถอนหายใจ
คงเป็นเรื่องยากที่จะฆ่าเย่ว์หยางให้ได้ในตอนนี้ เมื่อจักรพรรดิใต้พิภพอยู่ที่นี่
ถ้าจักรพรรดิใต้พิภพหาเรื่องยุ่งยากให้จักรพรรดิฟ้า คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะฆ่าเย่ว์หยางต่อหน้าราชันย์ปีศาจใต้ และเย่ว์หยางก็ไม่ใช่จะเล่นงานได้ง่ายๆ เสียด้วย
ถ้าเขาลงมือโดยใช้กำลังบังคับ ก็เท่ากับผลักดันบุคคลที่เป็นกลางอย่างจักรพรรดิใต้พิภพและราชันย์ปีศาจใต้ไปอยู่ฝ่ายเย่ว์หยาง เย่ว์หยางครอบครองผนึกเทพจักรพรรดิอวี้มาได้ระยะหนึ่งแล้ว แต่ตราบใดที่สมบัติชั้นเทพยังไม่ยอมรับเขา ราชาเฮยอวี้ก็ยังมีโอกาส
ราชาเฮยอวี้รู้สึกหงุดหงิดไม่พอใจ แต่เขาข่มอารมณ์ไว้ได้
จักรพรรดิฟ้าปาอี้ก็รู้สึกอึดอัด
เขารู้สึกว่าเขาตกอยู่ในความลำบากโดยไม่ได้รับผลประโยชน์อะไร
ถ้าเขารู้ว่าจักรพรรดิใต้พิภพติดตามเขา เขาคงไม่ปรากฏตัวออกมาแน่นอน เขายังจะรักษาความเป็นกลางไว้เพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นศัตรูกับเย่ว์หยาง เขาสามารถปล่อยให้ราชาเฮยอวี้จัดการกับเย่ว์หยาง ตอนนี้เขากลายเป็นคนเลวไปแล้ว เขาได้สร้างศัตรูใหม่ที่มีศักยภาพที่ไร้ขีดจำกัดโดยไม่ได้รับประโยชน์อะไร และยังกลายเป็นตัวตลกต่อหน้าจักรพรรดิใต้พิภพ
“ไปกันเถอะ!” จักรพรรดิฟ้ารู้สึกอับอายเกินไปที่อยู่ต่อ ขณะที่เขาเตรียมพาบริวารพยายามไปจากหุบเขาธารน้ำแข็ง
“รอก่อน” ราชาเฮยอวี้คงไม่ยอมปล่อยให้จักรพรรดิฟ้าจากไปในลักษณะนี้ เขาต้องพยายามและสร้างพันธมิตรร่วมกับเขา เนื่องจากเขาไม่สามารถได้รับผนึกเทพจักรพรรดิอวี้ คงเป็นเรื่องที่มีประโยชน์ถ้าเขาเป็นพันธมิตรกับจักรพรรดิฟ้าต่อไป
เขาเป็นสื่อกลางให้จักรพรรดิฟ้า
“เนื่องเพราะราชันย์ปีศาจใต้พบซากโบราณสถานที่บรรพบุรุษของพวกเราได้ตกทอดไว้ และโชคชะตานำเราให้มารวมกัน เอาอย่างนี้เป็นไง เราไปดูด้วยกันเผื่อว่าจะมีสมบัติอะไรอยู่บ้าง?”
เมื่อเห็นว่าราชันย์ปีศาจใต้ไม่ได้คัดค้าน เขารู้สึกว่านางเป็นคนที่ฉลาดมาก เนื่องจากนางไม่ระบุยืนยันแน่นอน นางไม่ได้ช่วยเย่ว์หยางและไม่ได้พยายายามลอบช่วยราชาเฮยอวี้ นางแค่สนุกเพลิดเพลินกับเรื่องที่ปรากฏขึ้นทั้งหมด ราชาเฮยอวี้มองดูเย่ว์หยางและจักรพรรดิใต้พิภพ เหมือนกับว่าที่ผ่านมาพวกเขาไม่เคยมีข้อพิพาทใดๆ ระหว่างกัน เขาเสนอเชิญชวนคนทั้งสองอย่างสุภาพ “ถ้ามีสมบัติลับอยู่แถวนี้จริงๆ ไปดูกันเถอะเผื่อว่าหนึ่งในพวกเราอาจมีความสัมพันธได้รับสมบัติจากผู้อาวุโสรุ่นก่อน”
คำพูดของเขาทำให้จักรพรรดิฟ้าไตร่ตรองอยู่เงียบๆ
แม้ว่าจะไม่มีสมบัติใดๆ อยู่ในซากโบราณสถาน แต่ก็นับว่าคุ้มค่า ถ้าเขาสามารถฆ่าเย่ว์หยางและชิงเอาผนึกเทพจักรพรรดิอวี้ สมบัติชั้นดีได้
ถ้าเขาจากไปด้วยความเกลียดชัง อย่างนั้นเขาจะไม่มีทางได้โอกาสชิงสมบัติเทพได้เลย
ในที่สุด จักรพรรดิฟ้าตัดสินใจอยู่ต่อ
“ในฐานะพยาน โยวหมิงยินดีติดตามไปด้วย เผื่อว่าจักรพรรดิฟ้าจะสนใจรับสุดยอดสมบัติชั้นเทพอื่น เผื่อว่าเจ้าจะได้คืนมันให้คุณชายสามตระกูลเย่ว์” จักรพรรดิใต้พิภพไม่ลืมประชดประชันจักรพรรดิฟ้า
“…..” เย่ว์หยางยังคงเงียบขณะที่เขาค่อยๆ เก็บผนึกเทพจักรพรรดิอวี้
ไม่มีผู้ใดสามารถคาดได้ว่าเย่ว์หยางกำลังคิดอะไร พวกเขายังคงงงอยู่ว่าทำไมเขาถึงไม่หนี แต่กลับแสดงผนึกเทพจักรพรรดิอวี้แทน
นั่นเป็นเพราะเพื่อให้ราชาเฮยอวี้ได้พบความน่ากลัวของเย่ว์หยาง มีเรื่องที่น่าทึ่งหลายอย่างที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับคุณชายสามตระกูลเย่ว์ หลังจากที่เขาได้เห็นในวันนี้แล้ว ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่า เขามีหลายอย่างที่แตกต่างจากมนุษย์ธรรมดา ด้วยพลังและจิตใจอย่างนั้น จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าเขาถึงสามารถฆ่าจักรพรรดิสมุทรได้ ราชาเฮยอวี้และจักรพรรดิฟ้าลอบมองหน้ากัน ขณะที่พวกเขารู้สึกเสียวสันหลัง เมื่อเห็นอาการสนองตอบของเย่ว์หยางที่ยังสงบอยู่ได้
ไม่เคยมีชายหนุ่มผู้สามารถสร้างความตื่นตะลึงให้พวกเขามากนัก
เจ้าผู้นี้อันตรายยิ่งนัก!
ราชาเฮยอวี้ตัดสินใจต้องฆ่าเย่ว์หยางให้เร็วที่สุดเมื่อโอกาสมาถึง เพื่อป้องกันเรื่องน่ากังวลใจในอนาคต
ถ้าเขาไม่สามารถหาโอกาสที่ดีที่สุดเพื่อทำอย่างนั้นได้ อย่างนั้นเขาควรจะฆ่าเย่ว์หยางทันทีที่เขาออกจากชายขอบแดนสวรรค์… เขาไม่สามารถปล่อยให้เย่ว์หยางมีชีวิตรอดออกไปจากชายขอบสวรรค์แน่ ถ้าไม่เช่นนั้นมีโอกาสสูงที่เขาจะต้องพ่ายแพ้เมื่อเย่ว์หยางเติบโต
“ท่านผู้อาวุโสและคุณชายสามก็มีสมบัติเทพเต็มบ้านแล้ว เราจะลองไปที่ซากโบราณสถานกันดีไหม? ข้าไม่สนใจจะรับสมบัติเทพที่เอาไว้ทุบลูกเกาลัดแน่ ข้าหวังอย่างมากก็แค่ได้รับสมบัติศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น” ราชันย์ปีศาจใต้กรีดนิ้วเรียวงามลงที่ผีผาเกิดเป็นเพลงเสียงไพเราะนุ่มนวล เมื่อได้ยินแล้วสร้างความสบายกายใจและวิญญาณของบรรดาผู้ที่ได้ยินได้ฟัง
ราชันย์ปีศาจใต้สั่งให้หมีสะท้านภูผาและเสือดาวสายฟ้าตาทองให้รีบจากไปขณะที่จักรพรรดิฟ้ายังสั่งให้คนของเขาแกล้งเป็นลมหนีไป
วงแหวนเทเลพอร์ตที่หุบเขาธารน้ำแข็งถูกเย่ว์หยางทำลายสิ้นเชิงและไม่สามารถซ่อมได้
โชคดีที่ราชันย์ปีศาจใต้ยังรู้จักวงเวทเทเลพอร์ตอีกแห่ง
ขณะที่นางกำลังนำทาง นางถามคำถามเย่ว์หยางมากมายและทำให้ทัศนคติของนางเปลี่ยนไปอย่างมาก นี่เองทำให้ราชาเฮยอวี้และจักรพรรดิฟ้ารู้สึกอึดอัด
ดูเหมือนว่าราชันย์ปีศาจใต้ยังคงสนใจเย่ว์หยางอยู่บ้าง เนื่องจากเขาเป็นคนหล่อและมีสมบัติชั้นเทพ พวกเขาไม่มีทางห้ามพวกเขาไม่ให้ติดต่อกันได้ วิธีเดียวก็คือฆ่าเย่ว์หยางพร้อมกันหลังจากพวกเขาเข้าไปที่ซากหักพังของโบราณสถาน นั่นเป็นวิธีที่ดีที่สุด
ราชาเฮยอวี้และจักรพรรดิฟ้าคงต้องอับอายขายหน้า ถ้าเย่ว์หยางได้ทั้งสาวงามและสมบัติลับไปครอง…
พวกเขาปรึกษากันอย่างรอบคอบตลอดทาง วางแผนร่วมกันฆ่าเย่ว์หยาง
จักรพรรดิใต้พิภพยังคงตามมาด้านหลังอย่างสงบ
แต่ราชาเฮยอวี้และจักรพรรดิฟ้าสามารถรับประกันได้ว่าถ้าสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวย จักรพรรดิใต้พิภพจะเป็นคนแรกที่โจมตีใส่จักรพรรดิฟ้าแน่นอน
เดินทางไกลต่อไปอีกร้อยกิโลเมตร ก่อนที่พวกเขาจะเข้าไปวงเวทเทเลพอร์ตเข้าสู่ซากโบราณสถาน
“….” เย่ว์หยางตระหนักถึงความสะดุ้งกลัวของเขา การทดสอบที่แท้จริงเพิ่งเริ่มขึ้น ภัยคุกคามของสภาพแวดล้อมมีพอๆ กับภัยคุกคามจากราชาเฮยอวี้และจักรพรรดิฟ้า
ซากโบราณสถานตั้งอยู่ในหุบเขาธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ หุบเขาธารน้ำแข็งก่อนหน้านี้ทอดตัวยาวกว่าสิบกิโลเมตรซึ่งยังไม่ได้หนึ่งในร้อยของความยาวปัจจุบัน ด้านบนของหุบเขาธารน้ำแข็งไม่สามารถมองเห็นได้เมื่อแหงนมองฟ้า ถ้ามองไปอีกด้านหน้าผาสูงอีกด้านหนึ่งสูงอย่างน้อยสองสามร้อยกิโลเมตร ไม่สามารถเห็นชายขอบได้
ถ้ามีคนมองไปที่ฟากตรงข้าม เขาก็ยังจะพบว่าหิมะขาวโพลนปกคลุมถึงเส้นขอบฟ้าไกลๆ สูงเสียดเมฆ
สภาพแวดล้อมที่เป็นปรปักษ์ช่างน่ากลัว
พายุหมุนทิ้งเกลียวลงมาจากก้อนเมฆและดูดหิมะจากพื้นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ พื้นน้ำแข็งจะแตกปะทุออกโดยไม่มีสัญญาณเตือน พายุน้ำแข็งที่เกิดบ่อยๆ ก็คล้ายๆ กับการปะทุของภูเขาไฟ
ก้อนน้ำแข็งนับล้านชิ้นและน้ำบาดาลฉีดพุ่งขึ้นฟ้า พลังของมันมหาศาล เหมือนกับพลังโจมตีของสุดยอดฝีมือนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสิบที่โจมตีเต็มกำลัง แม้แต่ราชาเฮยอวี้ที่มีสวมเกราะชั้นศักดิ์สิทธิ์ก็ต้องคอยระวังการปะทุของน้ำแข็งจากพื้น
สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือพื้นที่ยุบตัวประหลาดๆ
เย่ว์หยางไม่สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้ แม้เขาจะใช้จักษุญาณทิพย์ตรวจดูก็ตาม ท้องฟ้าส่วนใหญ่ก็แตกโดยไม่มีสัญญาณเตือนด้วยเช่นกัน
ในท้องฟ้าที่แตก ทุกสิ่งทุกอย่างจะสลาย
และจากนั้นก็หายไปในอากาศเบาบาง
นี่คือฉากภาพที่น่ากลัวที่สุด มีชื่อเสียงที่สุดที่นั่นคือ รอยแยกชายขอบสวรรค์
โชคดีที่วงเวทเทเลพอร์ตที่ราชันย์ปีศาจใต้ค้นพบนี้ไม่ได้เสียหาย ต่างจากเมื่อก่อน สถานที่ซึ่งจะเทเลพอร์ตคน ได้รับการซ่อมแซม ดังนั้นเย่ว์หยาง ราชันย์ปีศาจใต้ จักรพรรดิใต้พิภพ จักรพรรดิฟ้าและราชาเฮยอวี้จึงลงมาในบริเวณใกล้เคียงไม่ห่างกัน
เมื่อมีราชันย์ปีศาจใต้ อยู่ใกล้ๆ เย่ว์หยางจึงเทเลพอร์ตได้โดยไม่เสี่ยงอันตรายมากนัก
เย่ว์หยางเห็นราชาเฮยอวี้พยายามโจมตีเขาหลายครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรอยแตกแยกปรากฏ
แต่เมื่อเย่ว์หยางหันหน้ามาทางเขา เขาจะเสแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ มีสิ่งเดียวที่เขายังขาดก็คือ ป้ายคำพูดว่า “ข้าไม่เคยคิดโจมตีเลย” แปะอยู่บนหน้าผากเขา
“อะไรนั่น?” เย่ว์หยางเห็นพายุหมุนยักษ์หมุนเป็นลำอยู่ตลอดเวลาในที่ห่างไกล เขาถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “เป็นไปได้ไหมว่านั่นคือทางเข้าโบราณสถาน?”
“เรายังไม่ถึงทางเข้าจริงๆ… ทางเขาที่แท้จริงในซากโบราณสถานยังดูน่ากลัวกว่านั้น ผลึกน้ำแข็งและน้ำใต้ดินที่สะสมอยู่ที่นั่น และรอยแตกมิติมีให้เห็นได้ทุกเมื่อ นักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับแปดอาจถูกฆ่าทันที ถ้าเขาเผชิญหน้ากับน้ำพุผลึกน้ำแข็งหรือรอยแตกมิติ ต่อให้ป้องกันด้วยพลังทั้งหมดก็ตาม แต่เขาก็มีโอกาสตายได้มากหากพลาดท่าครั้งเดียว” ราชันย์ปีศาจใต้เปิดเผยไปแล้วว่านางเป็นเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับแปด และดูเหมือนว่านางยังสามารถเพิ่มพลังขึ้นไปถึงระดับเก้าได้ ดูเหมือนว่าสาวน้อยผีผาไม่ใช่ธรรมดาเลย ความสามารถนางอาจพอๆ กับนางเซียนหงส์ฟ้าก็ได้
“คุณชายสามดูเหมือนจะควบคุมได้ทั้งไฟและน้ำแข็งได้ เจ้าคงได้ยกระดับชื่อเสียงของเจ้าแน่นอน” ราชาเฮยอวี้พูดด้วยความตั้งใจที่ไม่มีใครรู้
“นั่นเทียบไม่ได้กับวิชาหนังหนาของท่านเลย ไม่มีสึกไม่มีกร่อนเพราะน้ำและไฟ” เย่ว์หยางย้อนคำ
ราชาเฮยอวี้ไม่โกรธ เมื่อเขาได้ยิน เขาได้แต่หัวเราะออกมา
ถ้าพูดถึงเรื่องควบคุมตนเอง ราชาเฮยอวี้นับเป็นคู่แข่งที่แข็งแกร่งที่สุดที่เย่ว์หยางเคยพบมา
ถ้าเป็นคนอื่นๆ พวกเขาคงไม่สามารถกล่าวโจมตีคนสำคัญได้แน่ แต่ในฐานะสุดยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิดผู้สวมเครื่องมือชั้นศักดิ์สิทธิและมีพันธมิตรอยู่ข้างตัว เขายังสามารถทนการยั่วยุของเย่ว์หยางอยู่ได้ ทุกคนสามารถเห็นได้ว่าจากพฤติกรรมนี้ เขามีความฉลาดเพียงไหน
หลังจากเดินไปได้สองสามกิโลเมตร ร่างของคนที่ถูกแช่แข็งครึ่งร่างท่อนล่างปรากฏอยู่ต่อหน้าพวกเขา
มีเศษน้ำแข็งแตกสองสามชิ้นอยู่ใกล้ๆ
อาจเป็นไปได้มากว่านักสู้ปราณก่อกำเนิดคนหนึ่งที่ถูกผลึกน้ำแข็งน้ำใต้ดินโจมตีใส่ทำให้หัวทิ่มพื้นแตกสลาย จากนั้นก็คอและหน้าอก เหลือแต่ช่วงท้องกับเท้าที่เหลืออยู่ข้างนอก
“ช่วยด้วย!”
เงาร่างหนึ่งหลบหนีออกมาจากขอบพายุหมุนและวิ่งตรงมาทางเย่ว์หยางอย่างอับจนหนทาง
แต่ก่อนที่เย่ว์หยางจะพบว่าเกิดอะไรขึ้น
จ้าวปีศาจน้ำแข็งดึกดำบรรพ์สูงราวๆ หกสิบเมตรก็ไล่ตามเขามา จ้าวปีศาจถือดาบน้ำแข็งโค้ง และพายุหมุนผลึกน้ำแข็งหมุนอยู่รอบตัวเขา เย่ว์หยางเงื้อดาบฮุยจินทันที แต่ถูกราชันย์ปีศาจใต้ห้าม “จ้าวปีศาจน้ำแข็งดึกดำบรรพ์ตนนี้อาจเป็นปีศาจพิทักษ์ทางผ่านโบราณ เขาเพียงแต่ไล่ตามพวกบุกรุกพวกนั้นเท่านั้น ดังนั้นเขาจะไม่โจมตีเรา… ถ้าเราโจมตี อย่างนั้นอาจไปปลุกกลุ่มอสูรพิทักษ์ในพื้นที่ทั้งหมด และถ้าเรื่องนั้นเกิดขึ้น เราจะไม่ได้เข้าโบราณสถาน ต่อให้สู้กันสามวันสามคืนก็ตาม”
แต่ก่อนที่ราชันย์ปีศาจใต้จะพูดจบประโยค จ้าวปีศาจน้ำแข็งดึกดำบรรพ์ก็ไล่ทันนักสู้ปราณก่อกำเนิดต่างเผ่าพันธุ์ที่วิ่งหนี
ฟันเพียงครั้งเดียว ดาบน้ำแข็งยาวสิบเมตรก็ตัดร่างของนักสู้ปราณก่อกำเนิดต่างเผ่าพันธุ์นั้นขาดครึ่ง
หลังจากสังหารนักสู้ปราณก่อกำเนิดผู้นั้นแล้ว จ้าวปีศาจน้ำแข็งดึกดำบรรพ์ก็จมลงไปในธารน้ำแข็งและหายไปช้าๆ ทิ้งศพนักสู้ปราณก่อกำเนิดที่ถูกฟันขาดครึ่งในที่ห่างออกไปร้อยเมตร
จู่ๆ เย่ว์หยางก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกประหลาด จ้าวปีศาจน้ำแข็งดึกดำบรรพ์ดูเหมือนจะมองเขา ก่อนที่มันจะจมลงไปในธารน้ำแข็ง
มันเข้าใจเขาผิดหรือเปล่า?
หรือว่ายังมีเหตุผลอย่างอื่นอีก
*************