ตอนที่ 509 - อาวุธขั้นเทพ? บ้านข้าไม่เคยขาดแคลน
“เพราะราชาเฮยอวี้ก็มาอยู่ที่นี่เพื่อช่วยตัดสินแล้ว เราไม่ต้องห่วงอะไรอีกต่อไป” จักรพรรดิฟ้ารวบผมยาวของเขาไปด้านหลัง เขาถามเย่ว์หยาง “ก่อนที่เราจะทำการสอบสวน เราควรจะยืนยันสักเรื่องหนึ่งก่อน คุณชายสามตระกูลเย่ว์ครอบครองสมบัติชั้นเทพจริงๆ หรือ? ถ้าเจ้าไม่เคยครอบครองสมบัติชั้นเทพ อย่างนั้นก็พิสูจน์ได้ว่าคนของข้าไม่เคยขโมยสมบัติเทพเลย… ทั้งนี้เพราะไม่มีใคนสามารถขโมยของที่ไม่เคยมีได้แน่”
“สมบัติชั้นเทพจะเลือกเจ้าของเอง บางทีผู้เยาว์อัจฉริยะอย่างคุณชายสามอาจไม่ได้ครอบครองสมบัติเทพก็ได้” ราชาเฮยอวี้และจักรพรรดิฟ้าหัวเราะในใจ
“ใช่แล้ว เอาสมบัติเทพของเจ้าออกมาให้ดูหน่อย อย่างนั้นเราจึงจะยอมรับว่าเราขโมยไปจากเจ้า” นักรบมนุษย์วิหคยั่วโมโหเขาอย่างหยิ่งยโส
ทุกคนคิดว่าสมบัติชั้นเทพเป็นของที่ไม่สามารถเรียกออกมาสุ่มสี่สุ่มห้าจากพื้นดินได้ แม้แต่จักรพรรดิฟ้าและราชาเฮยอวี้ก็ยังไม่มี ดังนั้นคุณชายสามตระกูลเย่ว์ก็คงไม่มีแน่นอน ตอนนี้ พวกเขากำลังบังคับให้เขานำออกมาแสดง ถ้าเขาไม่เอาออกมาอย่างนั้นทุกอย่างที่เขาพูดก็เป็นเพียงการใส่ความ ด้วยเหตุนี้ ราชาเฮยอวี้และจักรพรรดิฟ้าก็จะใช้เป็นข้ออ้างและฉวยโอกาสโจมตี
สายตาราชันย์ปีศาจใต้เยือกเย็นเล็กน้อย
ไม่มีความผิดพลาดในสิ่งที่ราชาเฮยอวี้พูดเมื่อสักครู่ เรื่องที่ว่าสมบัติเทพเลือกเจ้าของๆ มัน ถ้าเป็นกรณีสมบัติเทพ ก็คงไม่อาจขโมยกันได้
สมบัติชั้นเทพมีวิญญาณและสติปัญญาของตนเอง แม้ว่าบางคนจะขโมยไปได้ แต่พวกมันก็กลับไปหาเจ้านายได้ง่ายๆ นอกจากนี้นักรบก็รู้กันดีว่า พวกเขาไม่สามารถใช้กำลังขโมยสมบัติชั้นเทพได้ คำพูดของจักรพรรดิฟ้า เขาพิจารณาจากเหตุสามประการ
ประการแรก เย่ว์หยางไม่มีสมบัติระดับเทพอยู่ในมือ ถ้าเขาไม่มี อย่างนั้นคนของปาอี้ก็ไม่สามารถขโมยสมบัติชั้นเทพของเขาได้ แสดงว่าเย่ว์หยางเจตนาใส่ความพวกเขาแน่นอน
ประการที่สอง แม้ว่าเย่ว์หยางจะมีสมบัติระดับเทพจริงๆ คนอื่นๆ ก็ไม่สามารถขโมยไปได้ ดังนั้นเย่ว์หยางก็ยังใส่ความพวกเขาอยู่ดี
ประการที่สาม โดยวิธีการถามอย่างนี้ จักรพรรดิฟ้าไม่เพียงแต่กำลังโจมตีเย่ว์หยางเท่านั้น แต่ยังคงทดสอบเขาอย่างชาญฉลาดด้วย ถ้าเย่ว์หยางไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเขามีสมบัติชั้นเทพ อย่างนั้นเขาไม่เพียงแต่ใส่ความเผ่ามนุษย์วิหคและท้าทายจักรพรรดิฟ้าเท่านั้น แต่เขายังคงปล่อยให้จักรพรรดิฟ้าและราชาเฮยอวี้ล้วงทำความเข้าใจข้อมูลภายใน ถ้าเย่ว์หยางไม่มีสมบัติชั้นเทพ ก็ไม่มีอะไรที่สามารถปกป้องชีวิตของเย่ว์หยางได้ จากนั้นจักรพรรดิฟ้าและราชาเฮยอวี้สามารถใช้ข้ออ้างนี้ดำเนินการเคลื่อนไหว
ราชันย์ปีศาจใต้รู้ว่าเจ้าผู้นี้ไม่ใช่ว่าจะจัดการได้ง่ายๆ
อย่างไรก็ตาม นางไม่เคยนึกภาพออกเลยว่าเพียงแค่เคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียวจะยากจัดการได้ถึงเพียงนี้ คำพูดของเขาไม่เพียงแต่โต้ตอบได้สำเร็จเท่านั้น แต่ยังคงบังคับให้เย่ว์หยางตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก
“เพราะเจ้ามีสมบัติชั้นเทพชิ้นหนึ่ง ทำไมเจ้าถึงไม่แสดงให้เราดู เอาออกมาวางต่อหน้าเราได้ไหม, ตรงนี้ไม่ได้มีแต่เพียงจักรพรรดิผู้นี้เท่านั้น แต่ยังมีราชันย์ปีศาจใต้ก็ต้องการจะเห็นสมบัติชั้นเทพด้วยเช่นกัน” จักรพรรดิฟ้ามองดูราชันย์ปีศาจใต้ เขาและราชาเฮยอวี้ตั้งใจจะฆ่าเย่ว์หยาง แต่พวกเขาไม่มั่นใจความคิดของราชันย์ปีศาจใต้ ถ้าเป็นคนอื่นจักรพรรดิฟ้าคงไม่กังวลอะไร แต่เนื่องจากคนผู้นี้คือราชันย์ปีศาจใต้ผู้เป็นยอดฝีมือในการใช้สำเนียงปีศาจสังหารคน พวกเขารู้สึกว่าไม่ตอแยกับนางเป็นดีที่สุด
“อย่างนั้นหรือ? คุณชายสามมีสมบัติชั้นเทพด้วยหรือ? ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน ดังนั้นข้าก็อยากดูว่าเป็นยังไงด้วยเช่นกัน” คำพูดของราชันย์ปีศาจใต้ทำให้จักรพรรดิฟ้าและราชาเฮยอวี้ผ่อนคลาย สตรีผู้นี้ฉลาดมากและวางตัวเป็นกลาง
ผลเช่นนี้ก็นับว่าดีมากแล้ว
แต่ถ้าหากว่าราชันย์ปีศาจใต้รู้สึกทึ่งกับพรสวรรค์ของเย่ว์หยางและปกป้องเขาไว้ คุณชายสามตระกูลเย่ว์ก็มีโอกาสที่หนีไปได้
ถ้าเป็นอย่างนั้น ในอนาคตก็จะลำบากมาก…จื้อจุน สตรีนางนั้นน่ากลัวมาก อาจจะบุกทวีปกวงหมิงหรือทำลายกองทัพนรกดำก็เป็นได้
ถ้าพวกเขาไม่กังวลถึงเรื่องนี้ อย่างนั้นจักรพรรดิฟ้าและราชาเฮยอวี้ก็คงลงมือไปแล้ว
ราชันย์ปีศาจใต้ดูเหมือนจะรักษาความเป็นกลางแต่นางลอบส่งข้อความให้เย่ว์หยาง “คนทึ่ม! ยังไม่รีบหนีไปอีกหรือ? ถ้าเจ้ายังชักช้าอีกต่อไป คนของราชาเฮยอวี้จะกลับมา นอกจากนี้ยังเป็นไปได้ว่าจักรพรรดิใต้พิภพอาจเข้ามาร่วมด้วย ถึงตอนนั้นอย่าว่าแต่หนีเลย ชีวิตของตัวเอาก็ยังจะไม่รอดไปด้วย”
เหมือนกับว่าเขาไม่ได้ยินข้อความลับของราชันย์ปีศาจใต้ เย่ว์หยางวางมือไว้ที่อกช้าๆ
เมื่อเขาขยับตัว ราชาเฮยอวี้และจักรพรรดิฟ้าตึงเครียดทันที พวกเขารู้สึกว่าเจ้าเด็กนี่กำลังจะทำลายผลึกเทเลพอร์ตเพื่อหลบหนี เป็นผลให้พวกเขาลอบป้องกันและเตรียมโจมตีได้ทุกวินาที
โดยที่ใครๆ คาดไม่ถึง เย่ว์หยางดึงผนึกจักรพรรดิที่ส่องแสงสว่างเจิดจ้าออกมา “สมบัติชั้นเทพใช่ไหม? บ้านของข้าไม่เคยขาดแคลนเลย”
เมื่อเขาดึงผนึกจักรพรรดิออกมา ทั่วทั้งท้องฟ้าเหนือหุบเขาธารน้ำแข็ง ดูเหมือนถูกกดดันด้วยมือเทพที่มองไม่เห็น ทุกชีวิตในพื้นที่นั้นไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ แม้แต่พวกมังกรน้ำแข็งที่ไม่ถูกจำกัดด้วยรหัสกฎโบราณ ก็ยังร่วงลงจากท้องฟ้าอย่างรวดเร็วไม่สามารถจะเชิดหัวขึ้นต่อต้านกับพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ได้ ถ้าเปรียบเทียบบัวเพลิงฟ้าพิโรธของเย่ว์หยางกับผนึกจักรพรรดิ บัวเพลิงฟ้าพิโรธเป็นเหมือนกับเรือใบ ขณะที่ผนึกจักรพรรดิเป็นเหมือนเรือเดินสมุทรระวางน้ำหมื่นตัน
แม้ว่าทั้งคู่จะมีพลังงานที่กดดันมาก แต่ระดับของทั้งสองกลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือว่าผนึกจักรพรรดิให้ความรู้สึกถึงพลังผนึกที่ไม่สามารถต่อต้านได้
อย่าว่าแต่อสูรในหุบเขาน้ำแข็งแห่งนี้เลย แม้แต่จักรพรรดิฟ้าและราชาเฮยอวี้ก็ยังตกตะลึงจนแทบจะหลบหนี เมื่อเผชิญหน้ากับแรงกดดันและพลังผนึก ความกลัวเกิดขึ้นในใจพวกเขาอย่างมิอาจควบคุมได้
นี่คือของจริงโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ราชาเฮยอวี้ผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นขุนพลเทพของจักรพรรดิอวี้
เขาเป็นคนที่เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าผนึกจักรพรรดิที่เย่ว์หยางถืออยู่เป็นสมบัติชนิดไหน นี่คือสิ่งที่เขากลัวที่สุด “ผนึกเทพแห่งจักรพรรดิอวี้” เทียบกับดาบเทพจักรพรรดิอวี้และคทาเทพจักรพรรดิอวี้แล้ว ผนึกเทพจักรพรรดิอวี้คือสิ่งที่น่ากลัวที่สุดสำหรับราชาเฮยอวี้
ทั้งนี้เพราะ ถ้าเขาพ่ายแพ้คนที่อยู่ต่อหน้าเขาทั้งสองคน เขาก็ยังมีโอกาสรอดชีวิตอยู่ได้
แต่ถ้าเขาพ่ายแพ้ผนึกเทพจักรพรรดิอวี้ อย่างนั้นสิ่งที่รอเขาอยู่ก็คือความตายอย่างสมบูรณ์หรือไม่ก็ถูกผนึกอย่างถาวร
“ผนึกเทพของจักรพรรดิอวี้ เจ้าได้เข้าไปในวังเทพจักรพรรดิอวี้มาก่อนนี้หรือ?” หัวใจราชาเฮยอวี้ตกวูบ ถ้าเย่ว์หยางได้รับมรดกตกทอดเป็นดาบเทพจักรพรรดิอวี้และคทาเทพจักรพรรดิอวี้ ด้วยความก้าวหน้าที่รวดเร็ว ก็จะกลายเป็นจักรพรรดิอวี้รุ่นต่อไป ในฐานะขุนพลผู้ทรยศ ถือได้ว่าเขาตกอยู่ในอันตรายร้ายแรง
“เป็นสมบัติระดับเทพจริงๆ หรือ?” ม่านตาของจักรพรรดิฟ้าหดตัวอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้เขาไม่เคยนึกภาพออกเลยว่าเย่ว์หยางจะเอาสมบัติระดับเทพออกมาได้จริงๆ ยิ่งกว่านั้นกลับเป็นสมบัติเทพที่มีคุณภาพระดับสูง!
อสูรดึกดำบรรพ์จากที่เห็นไกลๆ หมอบลงกับพื้น เนื่องจากแรงกดดันและความกลัวต่อสมบัติระดับเทพ และไม่กล้าจะขยับไปไหน นักรบมนุษย์วิหคที่อยู่ด้านหลังจักรพรรดิฟ้าปาอี้หวาดกลัว แต่ก็ยังกลืนน้ำลายด้วยความโลภ สมบัติชั้นเทพในตำนานอยู่ต่อหน้าพวกเขา ต่อให้พวกเขาไขว่คว้าหามา ก็ยังไม่มีทางได้รับมา แล้วจะไม่ให้พวกเขาคลั่งได้อย่างไร?
สิ่งที่โชคร้ายที่สุดก็คือคนเหล่านี้พูดว่าถ้าอีกฝ่ายสามารถเอาสมบัติชั้นเทพออกมาให้ดูได้ พวกเขาจะยอมรับว่าเป็นขโมย… พวกเขาไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไป
ราชันย์ปีศาจใต้ก็แปลกประหลาดใจเช่นกัน
ต้องใช้เวลาชั่วขณะ นางถึงเรียกความรู้สึกกลับมาได้
นางดูแคลนนักรบมนุษย์วิหคที่แสดงอาการโลภออกมา พวกเขาไม่มีพลังคู่ควรแม้แต่น้อย แต่ก็ยังต้องการมัน
ต่อให้เย่ว์หยางมอบสมบัติชั้นเทพให้พวกเขาก็ตาม แต่พวกเขาก็ไม่มีทางได้รับสมบัติชั้นเทพได้ สมบัติชั้นเทพมีวิญญาณและเลือกเจ้าของๆ มันเอง มันคงไม่มีทางเลือกเจ้าของที่อ่อนแออย่างแน่นอน
สำหรับสาเหตุที่เย่ว์หยางนำสมบัติชั้นเทพออกมาแสดง นางสามารถคาดเหตุผลไว้ได้สองจุด
ประการแรกคือเพื่อให้นางใจเย็น ประการที่สอง เพื่อเอาชนะวาทะฝ่ายตรงกันข้าม
เพียงแค่เอาผนึกเทพจักรพรรดิอวี้ออกมา ก็เท่ากับว่าเขากำลังตบหน้าราชาเฮยอวี้และจักรพรรดิฟ้าอย่างไม่ต้องสงสัย
วายร้ายที่เดิมทีสมรู้ร่วมคิดกันจะแตกแยกกันเนื่องจากสมบัติชั้นเทพ ถ้าสมบัติชั้นเทพเลือกเจ้าของแล้ว อย่างนั้นย่อมไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้ายังไม่มีเจ้าของล่ะ นี่ก็หมายความจักรพรรดิฟ้าและราชาเฮย์อวี้จะได้โอกาสดีแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นราชาเฮยอวี้หรือจักรพรรดิฟ้า ผนึกเทพของจักรพรรดิอวี้ถือว่าเป็นสมบัติที่ดีที่สุด แม้จะผ่านไปพันปีหรือหมื่นปี บางทีพวกเขาอาจไม่พบสมบัติที่ดีกว่า
ฆ่าเย่ว์หยางและชิงผนึกเทพเป็นเรื่องต้องทำแน่นอน
คำถามก็คือ ใครควรจะได้ผนึกเทพไปกันแน่?
ถ้าราชาเฮยอวี้ยอมให้ผนึกเทพกับจักรพรรดิฟ้า อย่างนั้นเขาก็เป็นเพียงตัวโง่งมคนหนึ่ง จะมอบให้ราชาเฮยอวี้น่ะหรือ? จักรพรรดิฟ้าอ่อนแอกว่าราชาเฮยอวี้อยู่แล้ว ถ้าราชาเฮยอวี้ได้รับผนึกเทพอีก อย่างนั้นทั่วทั้งทวีปหมิงกวงก็จะกลายเป็นสนามหลังบ้านของเขา และจักรพรรดิฟ้าจะกลายเป็นนักโทษของเขา ไม่ใช่พันธมิตร!
ผนึกเทพจักรพรรดิอวี้มีอยู่เพียงหนึ่งเดียว คู่หูทั้งสองจะแบ่งกันได้อย่างไร?
ยิ่งกว่านั้น คุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์ไม่ใช่ไก่อ่อน
แม้ว่าเขาจะไม่ได้รับการยอมให้เป็นเจ้าของผนึกเทพจักรพรรดิอวี้ แต่ดาบเทพจักรพรรดิอวี้และคทาเทพจักรพรรดิอวี้ก็มีโอกาสยอมรับเขาเป็นเจ้าของมากที่สุด…
ในที่สุด ราชันย์ปีศาจใต้ก็เข้าใจถึงเหตุผลที่เจ้าเด็กนี่ไม่หลบหนีและยังรั้งอยู่กับคนทะเยอทะยานสองคน เขามีพลังแบบนี้จริงๆ เมื่อนางคิดเรื่องนี้แล้ว นางยิ้มและเดินออกมาสองก้าวและช่วยสาดน้ำมันเข้ากองไฟ “โอว! นี่คือสมบัติชั้นเทพหรือนี่? ช่างเป็นสมบัติที่สวยงามจริงๆ คุณชายสาม ท่านยังมีพิเศษอีกชิ้นหรือเปล่า ให้เป็นของขวัญข้าสักชิ้นได้ไหม?”
โดยการประกาศสถานะนางอย่างนี้ จักรพรรดิฟ้าและราชาเฮยอวี้ถึงกับเครียดทันที
เมื่อสมบัติชั้นเทพปรากฏ ดูเหมือนว่าหญิงสาวเผ่าปีศาจบูรพาจะพลอยถูกล่อลวงไปด้วย ชายหนุ่มหล่อเหลาผู้มีสมบัติชั้นเทพระดับสูง เมื่อเหตุทั้งสองนี้รวมกัน ไม่มีสตรีคนใดที่จะไม่ปันใจให้เขา
“ให้ไม่ได้ แม่สี่บอกว่าสมบัติทั้งหมดควรเก็บไว้ดึงดูดลูกสะใภ้” เย่ว์หยางระบุว่าของทุกอย่างเก็บไว้เป็นของสินสอด
“ขี้เหนียว…” ราชันย์ปีศาจใต้แกล้งทำเป็นหยอกล้อเขาและมือขาวผ่องของนางตีเขาเบาๆ
ราชาเฮยอวี้และจักรพรรดิฟ้ามองหน้ากัน
พวกเขาจะต้องชิงมาให้ได้ แต่พวกเขาจะทำได้อย่างไร
ยิ่งกว่านั้น ถ้าพวกเขาลงมือตอนนี้ ราชันย์ปีศาจใต้จะต้องช่วยคุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์ทันที นี่เป็นการกระทำที่ไม่ฉลาดอย่างไม่ต้องสงสัย
จักรพรรดิฟ้ารู้สึกว่าร้อนท้องด้วยความริษยา เมื่อเขาอ้าปากโต้ตอบเย่ว์หยาง เขาลอบภูมิใจตนเองและรู้สึกว่าเขาสามารถวางกับดักกับผู้เยาว์ที่มาใหม่ผู้นี้ เขาไม่เคยนึกภาพออกเลยว่าอีกฝ่ายจะตบหน้าเขาคืนได้อย่างงดงาม ไม่เพียงแต่เขาต้องรู้สึกขมขื่นเท่านั้น แต่เขายังปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามหว่านความขัดแย้งในความสัมพันธ์ระหว่างพันธมิตรของพวกเขาด้วย
แม้ว่าราชาเฮยอวี้จะเป็นพันธมิตรคนหนึ่ง แต่เขาไม่อาจปล่อยให้ได้รับสมบัติชั้นเทพคุณภาพสูงแน่นอน
ขณะเดียวกัน ราชาเฮยอวี้ก็ไม่มีทางยอมให้เขาได้ไปครอบครอง
ไม่ต้องคำนึงถึงอนาคต วิธีการของเย่ว์หยางประสบความสำเร็จแล้วในวันนี้
สำหรับความร่วมมือในอนาคตของพวกเขา จักรพรรดิฟ้าคงไม่เชื่อใจราชาเฮยอวี้เต็มร้อย และราชาเฮยอวี้ก็คงไม่เชื่อจักรพรรดิฟ้าเต็มร้อย ทั้งหมดนี้เพียงเพราะเหตุที่เย่ว์หยางนำผนึกเทพของจักรพรรดิอวี้ออกมาแสดงเท่านั้น
รู้อย่างนี้ จักรพรรดิฟ้าคงไม่มีทางยอมให้เย่ว์หยางนำผนึกเทพของจักรพรรดิอวี้ออกมาแสดงแน่ ถ้าเป็นอย่างนั้น ความร่วมมือของพวกเขาคงไม่มีความผิดพลาดใดๆ
“ขอข้าแตะผนึกเทพนี้หน่อยได้ไหม แค่ครั้งเดียวเอง” ราชันย์ปีศาจใต้ยื่นมือนางออกไปตั้งใจจะแตะ แต่เย่ว์หยางไม่ยอม
“ไม่ได้ เมื่อช่วงที่ผ่านมา มีคนไม่ดีขโมยคทาเทพจักรพรรดิอวี้ของข้าไป ถ้าข้าสูญเสียผนึกเทพจักรพรรดิอวี้ไปด้วย ก็แย่ยิ่งขึ้นไปอีก ถ้าเด็กน้อยที่บ้านข้าต้องการกินเกาลัดคั่ว เราจะไม่มีอะไรใช้กระเทาะเปลือกมันอีกต่อไป” คำพูดของเย่ว์หยางเกือบทำให้จักรพรรดิฟ้าและราชาเฮยอวี้กระอักเลือด ใช้ผนึกเทพของจักรพรรดิอวี้ทุบเปลือกเกาลัด ยังจะมีเรื่องไร้สาระอะไรอีกไหมที่เจ้าเด็กคนนี้ก่อขึ้น?
“เราไม่ได้ขโมย…” เผ่ามนุษย์วิหคอยากจะร้องแทบตาย
พวกเขาไม่เคยได้ยินชื่อคทาเทพจักรพรรดิอวี้มาก่อน
ยิ่งกว่านั้น สมบัติระดับเทพมีวิญญาณกันทั้งหมด พวกเขาจะขโมยมาได้อย่างไร?
คุณชายสามตระกูลเย่ว์กล่าวหาพวกเขามากเกินไปหรือเปล่า ถ้ายังเป็นอย่างนี้ต่อไป คุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์อาจต้องการให้เขากระอักเลือดออกมาเป็นเลือดเทพและวิญญาณยุทธ ถึงตอนนั้น แม้ว่าพวกเขาต้องการจะแขวนคอตาย ก็คงไม่อาจหาเชือกมาผูกคอได้
ยิ่งกว่านั้น แม้แต่พวกเขายังบอกว่า ถ้าอีกฝ่ายหนึ่งมีสมบัติเทพจริงๆ พวกเขาจะยอมรับว่าเป็นขโมยจริงๆ
มนุษย์วิหคสองสามคนทิ้งตัวลงกับพื้นแกล้งทำเป็นลม
“ใครกัน?” ราชาเฮยอวี้คำรามไปรอบๆ เขามองไปทางท้องฟ้าทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
“คุณชายสามตระกูลเย่ว์ เป็นไปตามคาดจริงๆ เจ้าคู่ควรต่อการเป็นยอดอัจฉริยะที่หมื่นปีจึงจะมีปรากฏในหอทงเทียนครั้งหนึ่ง ข้าคาดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะมีสมบัติชั้นเทพนับไม่ถ้วนที่หาได้ยากในโลก” ภาพของบุรุษที่มองดูไม่ชัดเจนค่อยๆ ลอยลงมาจากท้องฟ้า ภาพนี้มีความเคลื่อนไหวเล็กน้อย เหมือนกับว่าเป็นการทักทายราชาเฮยอวี้และจักรพรรดิฟ้า จากนั้น ก็ส่งคำทักทายไปที่เย่ว์หยางและราชันย์ปีศาจใต้ “ข้าโยวหมิงเลื่อมใสชื่อเสียงคุณชายสามมานานแล้ว เมื่อได้พบเจ้าในวันนี้แล้ว นับว่าเป็นมังกรในมวลหมู่มนุษย์อย่างแท้จริง! และราชาเฮยอวี้ในฐานะเป็นผู้ตัดสิน โยวหมิงและราชันย์ปีศาจใต้ในฐานะที่เป็นพยาน บริวารของจักรพรรดิฟ้าได้ขโมยสมบัติชั้นเทพของคุณชายสามไป ถ้านี่เป็นเรื่องจริง อย่างนั้นก็จะแปดเปื้อนชื่อของทวีปกวงหมิง ทำไมไม่ปล่อยให้บริวารของเจ้าคืนสมบัติชั้นเทพให้คุณชายสามเล่า?”
“เจ้า…” เมื่อจักรพรรดิฟ้าปาอี้มองเห็นผู้มาถึง สีหน้าเขาเปลี่ยนทันที และความมั่นใจของเขาพลันหายไป
***************