ตอนที่ 509 คำถามและคำตอบ
ปัง
รังสีประกายเจิดจ้าทะลุทะลวงที่เขาคิดว่าจะปรากฏกลับไม่ปรากฏ กระบี่แสงนวลตาหายไปเหมือนฟองน้ำแตก
เย่เฉาเกอสะดุ้งอย่างเห็นได้ชัด เขาเตรียมตัวรับแรงระเบิดไว้แล้ว แม้ว่าแสงสางจะดูนวลตาก็ตาม แต่เมื่อมันระเบิด จะมีความรุนแรงมาก
ผลที่เกิดขึ้นต่อหน้าของเขาไม่ใช่สิ่งที่เขาคาดไว้
สำหรับถังเทียนที่มีสัญชาตญาณน่าทึ่ง เพราะคู่ต่อสู้แสดงอาการสะดุ้งในเวลาเช่นนั้น เขาจะยอมพลาดได้ยังไง?
ร่างของเขาหายวับไปเหมือนภูตพรายในพริบตา ขณะเดียวกันฝ่ามือของเขายื่นออกมาที่ด้านหลังเย่เฉาเกอ เย่เฉาเกอรู้สึกเหมือนตื่นจากฝัน ก่อนที่เขาจะได้ปล่อยม่านพลัง เขาเกิดอาการแน่นคอเนื่องจากปราณของเขาปั่นป่วน ม่านพลังยังไม่เสร็จสมบูรณ์ก็หายไป เขาสูญเสียพลังที่จะต่อต้าน
แต่เขาไม่กลัวหน้าของเขายังมีท่าทางเหลือเชื่อ มีเพียงความคิดเดียวอยู่ในใจของเขา
อะไรกัน, มันคืออะไร...
รอบด้านเงียบเป็นป่าช้าขนาดที่เข็มร่วงก็ยังได้ยินเซียนทุกคนตกใจสีหน้าเปลี่ยนจนไม่อาจปกปิดไว้ได้
ตอนแรกพวกเขาคิดว่าการต่อสู้จะต้องดุเดือดรุนแรง และสำหรับพวกเขา เย่เฉาเกอมีโอกาสชนะสูง เพราะการต่อสู้ครั้งล่าสุดที่ถังเทียนเอาชนะต่อหน้าต่อตาพวกเขาได้ เย่เฉาเกอประมาทเขา
ครั้งนี้เย่เฉาเกอไม่ได้ประมาทเขาแน่นอน ไม่เพียงแต่เพียงแค่นั้น กระบี่ที่เขาใช้ออกก็พิสูจน์ได้ว่าเย่เฉาเกอก้าวหน้าอีกอย่างเห็นได้ชัด! พรสวรรค์ที่น่ากลัวเช่นนั้นทำให้ทุกคนตกใจ และทำให้พวกเขามั่นใจว่าเย่เฉาเกอจะคว้าชัยชนะไปจนได้
แต่ภาพที่เพิ่งเกิดขึ้นกระจ่างชัดต่อทุกคน
“นั่นมันอะไร?” ถงเก๋อพึมพำ
บุรุษร่างกายกำยำที่อยู่ข้างเขาก็ตกตะลึงไปด้วยเหมือนกัน แม้ว่าเขาจะพูดถึงเย่เฉาเกอไว้ก่อนนั้นว่าไม่ได้อาศัยชื่อตนเอง แต่กระบี่ของเย่เฉาเกอก็ทำให้เขาเปลี่ยนใจ เขาเป็นนักสู้ระดับเซียนมาถึงยี่สิบปีแล้ว เนื่องจากมีแหล่งทรัพยากรจำกัด เขาจึงไม่ก้าวหน้า แต่ความรู้ของเขาลึกซึ้งและกว้างไกลสูงส่งกว่าคนธรรมดาทั่วไป
แสงสางของเย่เฉาเกอไม่ได้อ่อนแอแม้แต่น้อย
แต่สิ่งที่ทำให้เขาตกใจไม่ได้มาจากแสงสาง แต่เป็นความเปลี่ยนแปลงหลังจากนั้น มันคือสิ่งที่เขาไม่สามารถเข้าใจได้
เปลวเพลิงสีแดง....
เขาไม่รู้สึกถึงพลังปราณที่อยู่ในนั้นเลยแม้แต่น้อย มันคืออะไร....
ผู้มีพลังสายตากล้าแกร่งรู้ว่าเพลิงสีแดงนั้นประหลาด แต่ไม่มีใครรู้จักจริงๆ ทุกคนยังไม่หายตื่นตกใจ เพราะมีคนที่ถูกทำลายวิชาแสงสาง แสงสางคือวิชาจิตวิญญาณอันดับบรอนซ์หมายเลขหนึ่งของสมาพันธ์ชาวยุทธ!
ถังเทียนไม่สนใจสายตาของผู้คน เขาดีใจมาก
ก่อนนั้นเขามักทำความเข้าใจวิธีใช้ไฟประหลาด แต่หลังจากที่เขาตระหนักได้ว่าเปลวเพลิงนั้นมีความพิเศษมาก มันสามารถทำลายพลังงานได้การค้นพบครั้งนี้เหมือนกับเขาได้รับสมบัติที่ล้ำค่าและเริ่มคิดหาวิธีใช้ประโยชน์ในการต่อสู้
ถังเทียนไม่ได้คิดจริงๆว่าผลจะออกมาดี แต่ในตอนแรกเขาตั้งใจจะใช้ให้คู่ต่อสู้ประหลาดใจจากนั้นก็โค่นคู่ต่อสู้
สามารถทำลายได้กระทั่งแสงสาง ถังเทียนไม่เคยคิดไว้เลย แต่ด้วยสัญชาตญาณที่เฉียบแหลมของเขา ทำให้เขาตอบสนองตามสัญชาตญาณเมื่อโอกาสเปิดขึ้นเอง
ภายใต้สายตาที่จับจ้องของคนอื่น ถังเทียนใช้มือเดียวคว้าคอของเย่เฉาเกอไว้และร่างของเขาหายวับไปในทันใด
เย่เฉาเกอรู้สึกแต่เพียงว่าฉากภาพต่อหน้าของเขาพร่าเลือนและเขาปรากฏตัวอยู่ในห้องหนึ่ง แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ตอบสนอง พวกเขาก็หายตัวอีกครั้งหนึ่ง หลังจากหายตัวสองสามครั้ง เย่เฉาเกอก็ลืมเลือนไปอย่างสิ้นเชิงว่าเขาอยู่ที่ใด ความคิดของฝ่ายตรงข้ามเจตนาจะทำให้เขาประหลาดใจ วิธีการหลบหนีอย่างนั้นคือสิ่งที่คิดมาอย่างรอบคอบ
ทุกครั้งที่คนหายตัววับ พวกเขาจะอยู่ในห้องหนึ่ง หายตัวได้ในระยะห้าร้อยเมตร แต่โครงสร้างที่ซับซ้อนของเมืองช่วยเหลือเขาได้มาก แม้แต่เขาก็ไม่รู้ว่าตนเองอยู่ที่ใด แล้วคนภายนอกจะหาเขาพบได้ยังไง?
เดี๋ยวก่อน...
นี่คือจวนเจ้าเมือง
หัวใจของเย่เฉาเกอตกใจ เขาไม่เคยคิดว่าตนเองจะตกไปอยู่ในจวนเจ้าเมือง คนลึกลับผู้นี้เป็นคนของสำนักชางหยางหรือนี่
“เย่เฉาเกอ!” ฟู่จือหงกระโดดผางตกใจ ฟู่จงซานและหยางเฮ่าหรันสะดุ้งทั้งคู่พวกเขาได้ยินความเคลื่อนไหวข้างนอกจวน แต่พวกเขาไม่เคยคิดว่าเป็นการกระทำของถังเทียน เขานำเย่เฉาเกอเข้ามาข้างใน...
ฟู่จงซานและคนที่เหลือมักจะคอยสังเกตสถานการณ์ในเมืองหานกู่ ดังนั้นเขาจะไม่รู้จักอัจฉริยะอย่างเย่เฉาเกอได้ยังไง? แค่พวกเขาคาดไม่ถึงว่าถังเทียนออกไปรอบหนึ่งก็ได้เชลยกลับมา นอกจากนี้ยังเป็นอัจฉริยะที่มีชื่อเสียงมาก
ปั้ก!
เย่เฉาเกอถูกฟาดที่หลังศีรษะอย่างหนักเขารู้สึกว่าข้างหน้ามืดมิดและหมดสติทันที
“เจ้าคิดจะทำอะไรกับเขา? ฆ่าเขาหรือ?” ฟู่จือหงชี้ร่างที่หมดสติของเย่เฉาเกอขณะถามถังเทียน
ถังเทียนเริ่มค้นตัวเย่เฉาเกอหาสิ่งของที่มีค่าโดยไม่สนใจภาพลักษณ์ตนเอง เขาตอบโดยไม่เงยหน้า “ฆ่าน่ะเหรอ? ไม่มีทาง! ฆ่าเขาไปก็น่าเสียดาย ข้าตั้งใจเรียกค่าไถ่เขาจากตระกูลเย่ เขาน่าจะมีค่าตัวสัก 100 พันล้านเหรียญดาว”
หลังจากออกไปสำรวจแล้ว ถังเทียนตระหนักได้ถึงสิ่งของต่างๆในโลกเซียนนั้นมีมูลค่าสูงล้ำ และเหรียญดาวใช้ออกไปเหมือนกับน้ำไหล ถังเทียนไม่ได้ขาดแคลนเงินมานานแล้วก็ยังรู้สึกกดดัน
ถังเทียนยังคงเข้าใจตรรกะของสินค้ากักตุนหายากย่อมมีค่าสูง เซียนอัจฉริยะ คนแบบนั้นก็มีมูลค่ามหาศาล
ทรัพย์สินในตัวของเย่เฉาเกอทำให้ถังเทียนรู้สึกสุดผิดหวัง เขาเป็นอัจฉริยะของสมาพันธ์ชาวยุทธแท้ๆแต่ทำไมถึงได้จนกรอบนัก? นั่นเหมาะสมกับฐานะของเขาแล้วหรือ?
เขาโยนร่างเย่เฉาเกอให้ฟู่จือหงและคนที่เหลือ
การสู้รบจะยังไม่เริ่มเร็วๆนี้ ฟู่จือหงพูดไว้ก่อนแล้ว ป้อมปราการประตูเดี่ยวเสียเวลาสร้างหลายปี ฝ่ายตรงข้ามจะไม่บุ่มบ่ามเข้ามาแน่นอน ช่วงเวลาอย่างนี้ถังเทียนมีคำถามมากมายที่เขาต้องการถามชางหยางหวี่
เขาไปที่ใต้ดิน
ชางหยางหวีกำลังยิ้ม “เจ้ามีข้อสงสัยอยู่ในใจใช่ไหม?”
“ใช่!” ถังเทียนพยักหน้า “ดวงตาเซกซ์แทนส์ใช้ทำอะไรกันแน่?”
“มันคือสมบัติที่ตั้งค่าพิกัด” ชางหยางหวี่อธิบาย “แต่มันไม่ใช่สมบัติที่ถูกตกทอดมาจากภายนอก เป็นบางอย่างที่เขาทิ้งเอาไว้ให้เจ้า มีแต่เพียงเจ้าเท่านั้นที่สามารถเปิดสถานที่พิกัดของดวงตาเซกซ์แทนส์ได้”
“บางอย่างที่เขาทิ้งไว้ให้ข้า...” ถังเทียนงง “ทำไมเขาถึงไม่ให้ข้าโดยตรง?”
ชางหยางหวี่พึมพำ “ข้าไม่เข้าใจความตั้งใจและเรื่องราวอย่างชัดเจนนัก แต่จากสิ่งที่ข้าเห็นในช่วงเวลานั้น เขายังคงทำการตระเตรียมเพื่อเขาเอง เหตุผลที่เขาไม่มอบให้เจ้าโดยตรงคนแก่อย่างข้าไม่สามารถเข้าใจได้เหมือนกัน ถ้าข้ามีสมบัติที่สำคัญแต่ว่าอันตราย ข้าก็หวังว่าลูกของข้าจะสามารถรับมันเอาไว้ได้ แต่ขณะเดียวกัน ข้ายังคงกังวลห่วงใยความสามารถของเขา มันจะกลายเป็นว่ายื่นความตายให้เขา เมื่อเป็นอย่างนั้น ถ้าเจ้าไม่มีความสามารถพออย่างนั้นมันก็จะหายสาบสูญไป ถ้าเจ้ามีความสามารถพอ อย่างนั้นเจ้าจะมีโอกาสพบมัน นั่นเป็นสิ่งเดียวที่ข้าคาดเดาได้”
ถังเทียนยังคงเงียบหลังจากนั้นชั่วขณะเขาก็เงยหน้าขึ้น “เขาเป็นคนแบบไหน?”
ชางหยางหวี่พยายามทบทวนความทรงจำ“นี่ ข้าอธิบายได้ยากจริงๆ บางคนก็บอกว่าเขาทะเยอทะยานและใจอำมหิต บางคนก็พูดว่าเขาจริงใจ แต่ในใจข้าเขาคือคนที่ช่วยชีวิตข้าไว้ และให้ความหวังในการมีชีวิตของข้าต่อไป”
“หรือว่าเขาตั้งใจให้สินบนเจ้า” เสียงปิงดังลอยออกมา
ชางหยางหวีหัวเราะ “คนที่อยู่ในสภาพสิ้นหวังคนไหนถึงยินดีรับสินบนอย่างนั้น”
“ขุนพลวิญญาณที่อยู่ข้างตัวเขาเหมือนกับอะไร?” ปิงถามขึ้นบ้าง
“ข้าไม่แน่ใจ” ชางหยางหวี่พูดต่อ “ร่างของเขามักจะมีควันดำปกคลุมอยู่ตลอด เขาไม่ค่อยได้พูด แต่เขาแข็งแกร่งมาก”
ปิงผิดหวังเล็กน้อย เขาหันไปมองถังเทียน “เจ้ามีอะไรอย่างอื่นที่อยากถามอีกไหม?”
ถังเทียนเงยหน้าทันที “เขาพูดอะไรเกี่ยวกับแม่ข้าบ้างไหม?”
“ไม่” ชางหยางหวี่ส่ายหน้า “ช่วงเวลานั้นเขาดูไม่ค่อยดีนัก เนื่องจากเขาได้รับบาดเจ็บ เขาบอกว่าเขาต้องทำอะไรบางอย่างที่สำคัญมากและไม่พูดอะไรอื่นมากไปกว่านั้น ข้าคิดเอาเองว่า เขาต้องดำเนินการด้วยตัวเองและทำการเคลื่อนไหวสองสามเรื่องโดยตรง มันเป็นเรื่องที่อันตรายมากและเป็นเรื่องที่ต้องทำให้สำเร็จ”
คำพูดของชางหยางหวี่เหมือนค้อนหวดลงที่หัวใจของถังเทียน เขากำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว
บัดซบเอ๊ย! คิดว่าเจ้าเป็นใครกันแน่?
เจ้าทำอะไรลงไปกันแน่...
ปิงมองดูถังเทียนและลอบถอนใจ คำพูดของชางหยางหวี่ได้แจกแจงความคิดต่อพวกเขาซึ่งนับเป็นเรื่องดี จิตใจของจอมห้าวถังจะได้ไม่ต้องยึดมั่นมาก
“เกิดอะไรขึ้นกับร่างกายเจ้า?” ปิงมองดูชางหยางหวี่
“มันคือการเปลี่ยนแปลงจิตวิญญาณ” ชางหยางหวี่อธิบาย “คลื่นความเย็นที่นี่หนักหน่วงมาก แม้ว่าจะมีประโยชน์ต่อจิตวิญญาณยุทธ แต่สำหรับมนุษย์ มันเป็นลางร้าย ข้าอาจเปลี่ยนตัวเองไปเป็นสภาพวิญญาณ หลังจากเปลี่ยนวิญญาณแล้ว ข้าจะกลายเป็นพวกขุนพลวิญญาณและสามารถฝึกอยู่ที่นี่ได้แทน”
ปิงปากอ้าค้าง เขาไม่สามารถพูดอะไรได้สักคำหลังจากนั้นชั่วขณะ เขาถามต่อ “จะคุ้มกันหรือ?”
ชางหยางหวี่หัวเราะ “มีอะไรที่ไม่คุ้มเล่า? ก็เหมือนสหายของท่าน ยังมีหลายอย่าง ถ้าท่านคิดว่ามันคุ้ม อย่างนั้นมันก็คุ้ม ถ้าท่านไม่คิดว่าคุ้ม อย่างนั้นก็ไม่มีอะไรสำคัญ”
ปิงหัวเราะเบาๆ “นั่นก็จริง”
เขาหันไปถามถังเทียน “เฮ้, เสี่ยวถังถัง, เจ้าซื้อของมาหรือเปล่า?”
ถังเทียนค่อยรู้สึกตัว “ข้าซื้อมาแล้ว!”
“ก็ได้ มาลองกันเถอะ” ปิงกระตือรือร้น
ภายในห้องจิตวิญญาณยุทธ เสี่ยวเอ้อเหยียดมือน้อยๆออกเพลิงสีขาวก็ลุกโชนทันที เพลิงสีขาวปลดปล่อยความรู้สึกที่เย็น นั่นคือเพลิงเย็นของกลุ่มดาวหงส์
ตาของหยาหยากลมโตขณะที่มันจ้องดูเพลิงขาว
มันยื่นฝ่ามือออกไปสัมผัสเปลวเพลิงชั้นน้ำแข็งเกาะอยู่ที่นิ้วของมันอย่างรวดเร็ว หยาหยาสั่น ร่างของมันเริ่มสะท้าน มันร้องลั่นและกระโดดออกห่าง
มันมองเสี่ยวเอ้อด้วยสีหน้านับถือ
เสี่ยวเอ้อทรงพลังมาก...
เสี่ยวเอ้อโถมตัวไปที่หนังสือจิตวิญญาณที่กล่าวถึงการปรับแต่งสมบัติวิญญาณและพลิกอ่านจากนั้นเสี่ยวเอ้อโยนหนังไปที่มุม ด้วยความรู้ของเขาเนื้อหาทั้งหมดก็เข้าใจได้ง่าย
เศษหักพังของสมบัติวิญญาณห้าร้อยชิ้น เขากวาดมองทั้งหมดรวดเดียว
เสี่ยวเอ้อตรวจสอบจนแน่ใจว่าเขาเหมาะสมจะทำสมบัติวิญญาณแล้ว ด้วยพลังวิญญาณที่บริสุทธิ์มากของเขา รวมทั้งการควบคุมเปลวเพลิงทำให้เขาควบคุมพลังได้อย่างไม่น่าเชื่อ กระบวนการปรับแต่งสมบัติวิญญาณรวมทั้งการควบคุมเปลวเพลิง การสร้างการแก้ไของค์ประกอบของสมบัติดวงดาวต้องมีความสามารถในการควบคุมอย่างพิถีพิถันมาก และบังเอิญที่เสี่ยวเอ้อเป็นผู้เชี่ยวชาญมากที่สุด ถ้าเขารู้และเข้าใจกฎวิญญาณได้มากขึ้น เขาจะกลายเป็นเจ้าสมบัติวิญญาณที่ทรงพลังได้
ก่อนหน้านี้หัวหอกแห่งดาวเบเรนิสก็ดูตื้นในสายตาของเขาแล้วและหลังจากการผ่านข้อมูลในรวดเดียว เขาก็ไม่ชอบมัน ความจริงเพลิงเย็นยังนับว่าอ่อนสำหรับเขา มันต้องการค่าวิญญาณสิบจุดและวิชาปรับแต่จิตวิญญาณระดับเริ่มต้น ต้องการค่าพลังวิญยาณสิบจุด หมายความว่าสมบัติวิญญาณปรับแต่งทำกันไม่ง่ายเลย
เสี่ยวเอ้อตัดสินใจปรับสร้างสมบัติวิญญาณชิ้นแรก