ตอนที่ 508 - พิทักษ์ความยุติธรรมแบบนี้หรือ?
ติง ติง ติง….
หลังจากเสียงแหลมสูงจากผีผาไหลหลากผ่านแก้วหูของซิวต๋า
ตลอดทั้งร่างของซิวต๋าสั่น ขณะที่เขารู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า แม้จะมีม่านพลังป้องกัน แต่หูของเขาไม่สามารถทนรับสำเนียงปีศาจได้ แก้วหูของเขาแตกและเลือดพุ่งออกมาทันที
เวลาดูเหมือนจะหยุดนิ่งอยู่ ขณะที่ซิวต๋าลอยค้างอยู่กลางอากาศโดยไม่มีการเคลื่อนไหว เย่ว์หยางจ้องมองเขาอย่างเย็นชา แม้แต่นักสู้ปราณก่อกำเนิดอย่างจักรพรรดิสมุทร ก้วนหลานก็ยังตกอยู่ภายใต้การควบคุมของทักษะแฝงเร้นโซ่ล่องหนได้ ไม่ต้องพูดถึงซิวต๋าเลย ภายใต้สถานการณ์ที่บรรยากาศเต็มไปด้วยสำเนียงปีศาจ ซิวต๋าสับสนและไม่สามารถจะป้องกันตนเองได้
“ข้าจะสังหารเจ้าล่ะนะ!” เย่ว์หยางเป็นคนตรงๆ และไม่ถือพิธีรีตอง ยิ่งกว่านั้นก็คือ เขาเตรียมใช้ไม้ตายสังหาร
ด้วยพลังบัวเพลิงฟ้าพิโรธและบุปผาน้ำแข็งในมือของเขา เขาส่งพลังเหล่านั้นไปยังร่างของซิวต๋า แม้ว่าบัวเพลิงฟ้าพิโรธที่ทรงพลังจะไม่กล้าแข็งเท่ากับพลังบุปผาน้ำแข็งในโลกที่แตกออกมานี้ แต่พลังกดดันรุนแรงที่ถาโถมใส่จิตใจมิได้ด้อยกว่าแต่อย่างใด
แม้แต่ราชันย์ปีศาจใต้ที่อยู่ด้านหลังซิ่วต๋ายังรู้สึกกดดันอึดอัดเหมือนกับว่าทั่วทั้งท้องฟ้าถูกบีบอัดด้วยมือยักษ์
นี่คือพลังจู่โจมของเย่ว์หยางที่เกินคาดไปมาก
นางไม่สามารถนึกภาพออกได้เลยว่าซิวต๋าจะทรมานมากแค่ไหนที่ต้องถูกเย่ว์หยางจู่โจมทำร้ายโดยตรงมิอาจจะต่อต้านได้
คลื่นระเบิดกระจายออกไปทั้งสองฟากฝั่งท้องฟ้าราวกับว่าถูกฉีกออกจากกัน ข้างหนึ่งเป็นนรกเพลิง ส่วนอีกข้างหนึ่งเป็นนรกเยือกแข็ง มนุษย์วิหคทุกคนกลิ้งเกลือกอยู่กับพื้นอย่างเจ็บปวด และแม้แต่หมีสะท้านภูผาผู้แข็งแกร่งและเสือดาวสายฟ้าตาทองก็ไม่อาจต้านรับได้ เหมือนกับว่าพวกเขาต้องแนบตัวลงกับพื้นเพื่อป้องกันตนเองจากบัวเพลิงฟ้าพิโรธ วานรดึกดำบรรพ์ หมีปีศาจดึกดำบรรพ์และมังกรน้ำแข็งรีบหนีไปไกล ขณะที่พวกมันนอนกับพื้นอย่างอ่อนแรง ครางออกมาอย่างอ่อนล้า พวกมันดูแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ทั้งที่ก่อนนั้นพวกมันยังแสดงพลังและความหยิ่งยโสอยู่
บึ้ม!
ซิวต๋าสะดุ้ง
ร่างครึ่งซีกของเขากำลังเผาไหม้ ขณะที่ร่างอีกครึ่งซีกถูกแช่แข็งจากความเย็นยะเยียบ
เย่ว์หยางเตะใส่หน้าอกของซิวต๋าเต็มแรงอย่างไม่มีความปราณีหรือสงสาร และใช้สายฟ้าม่วงโจมตีเข้าใส่หัวใจของเขา
หากปราศจากร่างอย่างไตตันโบราณ อูซูและยังถูกล่ามไว้ด้วยแล้ว ไม่เพียงแต่ซิวต๋าหัวหน้าหน่วยมนุษย์วิหคที่เป็นแค่เพียงนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับแปด แม้แต่จักรพรรดิฟ้าผู้แข็งแกร่งที่สุดก็คงบาดเจ็บอย่างรุนแรง
โดยไม่ต้องมีการแทรกแซงเพิ่มเติมจากราชันย์ปีศาจใต้ เย่ว์หยางหมุนตัวขณะที่ใช้วงจักรล้างโลกของเขาตัดศีรษะของซิวต๋าผู้สูญเสียพลังต่อสู้ไปทั้งหมด
“ไวมาก!” ราชันย์ปีศาจใต้ดูเหมือนจะเข้าใจบางอย่างขึ้น นางรู้ดีว่าทำไมราชาเฮยอวี้ถึงได้ระวังเย่ว์หยาง เหตุผลก็คือขอเพียงเขามีโอกาสครั้งเดียว เขาจะเปลี่ยนเป็นนักฆ่าผู้น่ากลัวและสังหารคู่ต่อสู้ได้ทันที ถ้าเป็นศัตรูที่มีพลังระดับเดียวกันแทนที่จะเป็นเย่ว์หยาง ซิวต๋าอาจอยู่ได้อย่างน้อยครึ่งชั่วโมง แต่เมื่อเผชิญหน้ากับเย่ว์หยาง เมื่อพวกเขาเผชิญหน้ากันเอง เขาจะถูกสังหารทันทีก่อนจะทันได้ตอบโต้
ซิวต๋าเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับแปด เป็นหนึ่งในห้าสุดยอดฝีมือของเผ่ามนุษย์วิหค
ใครเลยจะคิดกันว่าเขาจะถูกเย่ว์หยางฆ่าตายอย่างง่ายดายเช่นนั้น?
นี่คือพลังของเย่ว์หยาง!
และยังคงเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ราชาเฮยอวี้กังวล
ราชันย์ปีศาจใต้ยังคงรู้ว่าเย่ว์หยางยังไม่ได้โจมตีอย่างเต็มกำลัง ยังคงมีเพลิงอมฤตและปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ที่น่ากลัวซึ่งเขายังมิได้ใช้ออกมา
มิฉะนั้นซิวต๋าคงถูกบดขยี้หนักยิ่งกว่านี้
เย่ว์หยางเก็บศพของซิวต๋าเอาไว้ เนื่องจากเป็นศพของนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับแปด ถือได้ว่ามีค่ามาก เขาไม่อาจปล่อยให้สูญเสียเปล่า เขาชักดาบจันทร์เสี้ยวออกมาและเงื้อดาบขึ้นใช้ออกด้วยวิชาดาบกระบวนท่าแรก ผ่าปฐพี!
“ติง ติง ติง….” ราชันย์ปีศาจใต้นางผู้มีผมยาวดุจไหมยืนสนับสนุนอยู่ด้านหลังเย่ว์หยาง ในพริบตาเดียวนางช่วยเขาโดยใช้สำเนียงเพลงปีศาจ
นิ้วที่ไร้ตำหนิของนางพรมพริ้วบรรเลงท่วงทำนองผีผาอย่างรวดเร็ว
มีเพลงปีศาจบรรเลงอยู่ในระยะห่างและดาบที่คมกริบคอยต่อสู้ระยะใกล้ ร่วมกับพลังโจมตีของบัวเพลิงฟ้าพิโรธและบุปผาเยือกแข็ง
สิ่งที่น่าเศร้าที่สุดก็คือมีกฎจำกัดเฉพาะห้ามบินในหุบเขาธารน้ำแข็ง ทำให้เป็นฝันร้ายของเผ่ามนุษย์วิหค ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีทางหลบ เผ่ามนุษย์วิหคได้แต่ฝืนใจป้องกันต้านรับดาบผ่าปฐพีของเย่ว์หยางพร้อมกัน
บึ้ม!
นักสู้เผ่ามนุษย์วิหคจำนวนหนึ่งกระอักโลหิตได้รับบาดเจ็บภายในจากคลื่นกระแทกของพลังดาบของเย่ว์หยาง
เย่ว์หยางพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้ายืมพลังกดดันจากขีดจำกัดการบินและดิ่งตรงใส่ธารน้ำแข็ง นี่คือกระบวนท่าที่สองซึ่งบัญญัติโดยเย่ว์ชิว ฟ้าถล่ม ดินทลาย
พลังถูกปลดปล่อยในมือของเขา
ด้วยพลังไม้ตายที่เย่ว์ชิวคิดค้นขึ้นมาผนวกกับพลังรู้แจ้งของเย่ว์หยางได้สร้างผลกระทบที่สั่นสะเทือนโลกได้
เป็นแรงฟันที่ไม่มีอะไรหยุดยั้งได้
พวกมนุษย์วิหคไม่สามารถป้องกันตนเองจากพลังนั้นได้ แม้ว่าพวกเขาจะรวมพลังกันสร้างพลังกระบี่ขนาดยักษ์ กระบี่ยักษ์แตกทำลายเป็นเสี่ยงๆขณะที่เผ่ามนุษย์วิหคที่ใกล้ๆ ล้วนกระเด็นออกไปทั้งหมด พวกเขาปะทะกระแทกกับธารน้ำแข็งและกระอักโลหิตกองใหญ่ พวกที่บาดเจ็บหนักยิ่งกว่ากลับมีเศษอวัยวะภายในปนออกมาด้วย แรงฟันของดาบสามารถเห็นจากตรงนี้ สมาชิกเผ่ามนุษย์วิหคแถวหน้าถูกเย่ว์หยางผ่าครึ่งตั้งแต่หัวยันเท้า ราชันย์ปีศาจใต้ถึงกับตะลึงเมื่อได้เห็น นางเคยเห็นการโจมตีที่ทรงพลังแบบนี้ แต่นางไม่เคยเห็นสมบัติระดับแพลตตินัมจะมีพลังรบในระดับเดียวกับสมบัติศักดิ์สิทธิ์เลย
ถ้าตัดสินโดยเทียบพลังและความโอ่อ่าระหว่างพลังที่คล้ายๆ กันแล้ว ราชันย์ปีศาจใต้เชื่อว่าเย่ว์หยางอยู่ในระดับสุดยอด
อย่าว่าแต่เย่ว์หยางยังซ่อนพลังที่แท้จริงของเขาไว้ แค่พลังปราณก่อกำเนิดระดับสามหรือจะว่าให้ถูกก็คือพลังปราณก่อกำเนิดระดับแปดที่เขาแสดงออกมาก็ยังเหนือกว่านักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับแปดอย่างซิวต๋า แม้แต่นักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับเก้าอย่างซุ่นเทียนและองค์ชายเงาดำก็ไม่สามารถปลดปล่อยพลังได้มากขนาดนั้น
“อีกครั้ง!” เย่ว์หยางกระโดดอีกครั้ง ภายใต้ขีดจำกัดห้ามบิน ความสูงที่เขากระโจนขึ้นไปเกือบราวๆ ร้อยเมตร แม้แต่ราชันย์ปีศาจใต้ก็ยังต้องยอมรับว่านางไม่สามารถทำได้
ท่าที่สาม : จ้าวสายน้ำและภูผา
หลังจากฟันไปสองดาบก่อนหน้านั้น เย่ว์หยางตัดสินใจสังหารศัตรูเพื่อป้องกันเรื่องกังวลในอนาคต
ท่าที่สามมีพลังมากกว่าสองท่าดาบก่อนนั้นถึงสิบเท่า และเย่ว์หยางเชื่อว่าไม่มีศัตรูคนใดสามารถหนีพ้นจากท่าดาบที่สาม
บนยอดเขาไกลออกไป พายุหมุนเหมือนมังกรน้ำแข็ง พุ่งตรงเข้ามาด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ
ขณะที่เย่ว์หยางเตรียมตัวฟันดาบลง นักรบมนุษย์วิหคหลับตารอความตายมาถึง มังกรน้ำแข็งก็เพิ่มความเร็วเหนือเสียงจนเกิดระเบิดคลื่นเสียงตรงมาอย่างรวดเร็ว
ในท่ามกลางพายุหิมะ เงาร่างสูงที่มีปีกอยู่ข้างหลังยื่นมือออกมากันดาบผ่าสวรรค์ของเย่ว์หยางไว้ ฝ่ามือทองของเขาปะทะกับดาบโค้งจันทร์เสี้ยวอย่างไร้เสียง
แต่ทันทีจากนั้น ศูนย์กลางการปะทะก็มีการระเบิดตามมา
เป็นเหมือนกับว่าพื้นที่ทั้งหมดระเบิดเป็นรูปวงกลมแผ่ขยายออกไปก่อนจะมีเสียงตาม พื้นและผนังธารน้ำแข็งในหุบเขาสั่นสะเทือนจากคลื่นระเบิดขณะที่มันถล่มลงมา มังกรน้ำแข็งในท้องฟ้าถูกคลื่นระเบิดท่วมทับและหิมะที่กระเด็นกระจายไปบนท้องฟ้ากระแทกใส่ ก่อนที่พวกมันจะกางปีกแล้วบินหนีออกไป ลิงและหมีปีศาจดึกดำบรรพ์ไม่อาจยืนต้านรับโดยตรงได้พากันกลิ้งไปตามๆ กัน
มีเพียงคนเดียวที่สามารถยืนหยัดได้มั่นคงด้วยตัวเองก็คือราชันย์ปีศาจใต้
แม้ว่าด้วยการป้องกันด้วยผีผาหยก นางก็ยังไถลถอยหลังออกไปสามเมตรก่อนจะตั้งหลักมั่นคงได้ด้วยตัวนางเอง
อสูรหมีสะท้านภูผากระแทกกับผนังน้ำแข็งทะลุเป็นช่อง ไม่มีใครรู้ว่าเสือดาวสายฟ้าตาทองกระเด็นไปตรงไหน บางทีอาจอยู่ห่างออกไปเป็นร้อยเมตร
นักรบมนุษย์วิหคที่อยู่บนพื้นไม่ได้รับความกระทบกระเทือน เนื่องจากพวกเขาได้รับการปกป้องจากโล่พลัง ซึ่งมาจากมือซ้ายของบุรุษลึกลับ ขณะที่มือขวาของเขาป้องกันต้านรับพลังดาบจันทร์เสี้ยวอย่างมั่นคง
“ฮ่าห์” เย่ว์หยางปลดปล่อยพลังของเขา ดาบจันทร์เสี้ยวไม่สามารถฟันใส่ฝ่ามือของบุรุษลึกลับให้ขาดครึ่งได้ กลับเป็นเย่ว์หยางที่กระเด็นขึ้นไปในอากาศจากแรงสะท้อนกลับ
จนเขาต้องหมุนตัวเขาจึงสลายพลังสะท้อนให้ลดลงไปได้
เขาตระหนักได้ว่าบุรุษลึกลับเป็นนักรบมนุษย์วิหคที่มีปีกแปดข้างอยู่บนหลังของเขา
เขามีรูปร่างสูงโปร่งประมาณสองเมตร ขาของเขายาวกว่าปกติแต่ในสายตาคนภายนอกดูแล้วหล่อเหลา ประกอบกับผิวพรรณเรียบเนียนไร้ตำหนิ จนดูเหมือนกับสตรี ปีกแปดข้างบนหลังของเขามีขนสีขาวหิมะซึ่งขยับได้โดยตัวมันเอง นอกจากนั้นยังมีกระบี่แก้วผลึกสีรุ้งคาดอยู่ที่เอว เขาไม่ได้ใช้อาวุธอื่น ไม่ได้แม้แต่จะสวมเกราะ
เขาใช้ร่างกายล้วนๆ สลายท่าดาบที่สาม จ้าวสายน้ำและภูผาได้อย่างง่ายดาย
และเขายังมีพลังเหลือเฟือป้องกันท่าตามหลังของเขา
เป็นบุรุษที่ทรงพลังขนาดนั้นเชียวหรือนี่?
เขาเป็นใครกันแน่?
สีหน้าของราชันย์ปีศาจใต้เปลี่ยนไป เมื่อนางเห็นคนผู้นี้มา
แน่นอนว่านางจำบุรุษแปดปีกผู้คล้ายกับผู้หญิงนี้ได้ นางคิดไม่ถึงว่าเขาจะมาปรากฏตัวที่นี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่พิเศษอย่างหุบเขาธารน้ำแข็งแห่งนี้
“อา.. เป็นจักรพรรดิฟ้านี่เอง ถวายบังคมฝ่าบาท” ราชันย์ปีศาจใต้เปลี่ยนสีหน้าขณะที่นางยิ้มให้จักรพรรดิฟ้าอย่างเป็นธรรมชาติ
“เจ้าก็อยู่นี่ด้วยหรือ?” เมื่อจักรพรรดิฟ้าปาอี้เห็นราชันย์ปีศาจใต้ เขาวิตกบ้างเล็กน้อย ดูเหมือนข้อมูลที่เขาได้รับเกี่ยวกับนางจะมีความคลาดเคลื่อนน้อยมาก อย่างไรก็ตาม เขาค่อนข้างสุภาพขณะทักทายนาง ก่อนจะมองไปที่เย่ว์หยางและถามว่า “ชายหนุ่มคนนี้เป็นใคร? ข้าสงสัยจริงว่า เจ้าจงเกลียดจงชังเรื่องอะไรถึงกับจะฆ่าคนของข้ ที่เป็นลูกหลานทูตสวรรค์? หรือว่าเจ้าข่มเหงเราเพราะเราเป็นคนกลุ่มน้อย?”
“จักรพรรดิฟ้า บุรุษหนุ่มผู้นี้คือคุณชายสามตระกูลเย่ว์จากทวีปมังกรทะยาน เขาคือไตตันน้อยผู้ลือชื่อแห่งหอทงเทียน” ราชันย์ปีศาจใต้ช่วยแนะนำตัวเย่ว์หยงต่อจักรพรรดิฟ้า ปาอี้
“แม้เพราะเจ้าคือไตตันน้อยผู้มีชื่อ แต่เจ้าก็ไม่อาจฆ่าคนโดยไม่มีเหตุผลจริงไหม?” จักรพรรดิฟ้าปาอี้เผชิญหน้ากับเย่ว์หยางอย่างเยือกเย็น
“ฆ่าโดยปราศจากเหตุผลน่ะหรือ? จักรพรรดิฟ้า, แม้ว่าท่านจะเป็นส่วนหนึ่งของห้าจักรพรรดิของหอทงเทียน ท่านไม่ควรจะโกหก” เย่ว์หยางหัวเราะลั่นขณะที่เขาใช้ดาบจันทร์เสี้ยวชี้ไปที่นักรบมนุษย์วิหคที่อยู่แทบเท้าของจักรพรรดิฟ้า “พวกเขาขโมยสมบัติเทพของข้าไปยามกลางวันแสกๆ จากนั้นก็กินมุกเต่าดำของข้า คงไม่มีใครที่ต้องการให้คนอุกอาจเช่นนั้นอยู่ใกล้ๆ เป็นไปได้ไหมว่าจักรพรรดิฟ้าอย่างท่านลำเอียงเข้าข้างคนของท่าน ขณะที่เด็กผู้เยาว์อย่างข้าทำได้เพียงใช้ประโยชน์จากการไม่มีพลังใดๆ ไล่ล่าหาสมบัติ? มีความยุติธรรมอยู่ในโลกนี้ ถ้าท่านต้องการปกป้องคนของท่านจากความผิดดังกล่าว ก็บอกมาตามตรงเลย ถ้าท่านจะบังคับให้ข้ายอมรับ อย่างนั้นข้าจะกลับไปโดยไม่ต้องคิดเลย
“ถุย..” นักรบมนุษย์วิหคที่เย่ว์หยางใช้ดาบจันทร์เสี้ยวชี้พ่นเลือดด้วยความโกรธ
ราชันย์ปีศาจใต้ทำเหมือนกับว่านางไม่รู้จักเขา
นางเคยเห็นคนหน้าด้านมามาก แต่เคยมีใครหน้าด้านเท่าเย่ว์หยาง เป็นเขาต่างหากที่ฆ่าคนชิงสมบัติคนอื่น และตอนนี้เขาพยายามผลักไสความผิดไปให้คนอื่น เรื่องนี้อาจทำให้มนุษย์วิหคตกเป็นแพะรับบาป และโกรธจนแทบกระอักโลหิตตาย
จักรพรรดิฟ้าหัวเราะเช่นกัน “เป็นแบบนี้นี่เอง ไตตันน้อยถ้าคนของเราขโมยสมบัติชั้นเทพและมุกเต่าดำของเจ้าจริงๆ ข้าจะฆ่าพวกเขาด้วยตนเองเพื่อป้องกันพวกเขาไม่ให้มีมลทินแปดเปื้อนในนามของเทพแห่งทวีป แต่ถ้าพวกเขาไม่ได้ทำ และถ้าข้าพบว่าเจ้าโกหกแล้วจะเป็นยังไง? ข้าจะฆ่าเจ้าด้วยตัวเองเพื่อล้างความอัปยศที่เจ้าใส่ความเราดีไหม?
เย่ว์หยางยักไหล่ “รีบไปตรวจดูเลย พวกเขาขโมยเลือดเทพและวิญญาณยุทธไป ทำให้พวกเขากระอักเลือดเลย”
ราชันย์ปีศาจใต้พูดไม่ออก
โอ้อวดพอแล้วที่พูดถึงเรื่องสมบัติชั้นเทพและมุกเต่าดำ ตอนนี้เขายังเน้นคำว่าเลือดเทพและวิญญาณพลังยุทธอีกหรือ? เขาไม่ควรพูดโอ้อวดเกินไป ไร้สาระจริงๆ แล้วเขาจะปกปิดมันภายหลังได้อย่างไร?
นางใช้นิ้วสะกิดเร่งรัดส่งสัญญาณให้เย่ว์หยาง “คนทึ่ม, หนีไปเดี๋ยวนี้ ทำไมเจ้าถึงมัวเสียเวลากับพวกเขา เห็นได้ชัดว่าเขาพยายามถ่วงเวลา มันจะสายเกินไปถ้าเจ้าไม่ทำในตอนนี้..”
มีแววยิ้มลี้ลับฉายลึกอยู่ในดวงตาของเย่ว์หยาง เขาตอบราชันย์ปีศาจใต้ “เจ้าหนีสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้หรอก ต้องเลือกเวลาให้เหมาะสมด้วย”
ในท้องฟ้า เงาดำที่มีขนาดใหญ่พอๆ กับมังกรปีศาจกำลังเลื่อนลงมา
ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากราชาเฮยอวี้
เขาทักทายเย่ว์หยางด้วยมารยาทที่สุภาพและนุ่มนวลผิดปกติ “อย่ากลัวเลย คุณชายสาม ข้าจะสนับสนุนความยุติธรรมให้เจ้า จักรพรรดิฟ้าจะเห็นแก่หน้าข้า ถ้าเผ่าพันธุ์มนุษย์วิหคขโมยสมบัติเทพของเจ้าจริงๆ จักรพรรดิฟ้าจะพิทักษ์ความยุติธรรมให้เจ้าด้วย”
ราชันย์ปีศาจใต้พูดไม่ออกอีกครั้ง
นางต้องการพูดถึงระดับความสัมพันธ์ของราชาเฮยอวี้กับจักรพรรดิฟ้าที่สนิทสนมกันเป็นพิเศษ แล้วยังจะกล้าพูดถึงเรื่องพิทักษ์ความยุติธรรมอีกหรือ
นางเข้าใจเดี๋ยวนี้เองว่ามีความเกี่ยวพันกันระหว่างราชาเฮยอวี้และจักรพรรดิฟ้าและพวกเขาไวพอจะฉวยโอกาสหาเรื่องลำบากใจให้เย่ว์หยาง นางไม่รู้ว่าเย่ว์หยางจะจัดการเรื่องนี้ได้อย่างไร มีโอกาสสูงที่เขาจะหนีไป แต่นางไม่มั่นใจว่าเขาจะทำได้อย่างไร ราชันย์ปีศาจใต้รู้สึกสงสัยขึ้นมาทันทีและต้องการเห็นว่าเย่ว์หยางจะโต้ตอบได้อย่างไร
เขาจะจัดการเรื่องนี้ได้อย่างไร?
*********************