ตอนที่ 26 การประชุมด่วนภายในตระกูล
ขณะที่บาโคริโอะกำลังกลับไปที่โคโนฮะ อิทาจิและชิซุยก็ย้อนกลับมาหาเขาภายในไม่กี่นาทีเช่นกัน และตอนนี้พวกเขากำลังสงสัยว่าเขาคุยอะไรกับมุไก
“ฉันไม่เคยคิดเลยว่าเด็กคนนี้จะน่ากลัวได้ขนาดนี้” ชิซุยพูดติดตลกกับอิทาจิที่ยังเงียบอยู่ข้างๆ เพื่อทำให้อารมณ์สงบลงขณะที่พวกเขากำลังวิ่งผ่านที่ราบ
"จริงๆแล้ว เด็กคนนั้นยังซ่อนความสามารถของเขาไว้อีก แต่มันก็แปลกที่เขารู้ความลับมากมายขนาดนั้น" อิทาจิตอบขณะที่เขามองตรงไปยังชิซุย
ชิซุยถอนหายใจ "ฉันรู้ว่านายหมายถึงอะไร แต่ฉันไม่สามารถบอกนายได้ในตอนนี้ พูดตรงๆ มันคงดีกว่าถ้านายไม่ต้องรู้แต่นายพูดถูก ถ้าสิ่งที่เขาพูดเป็นความจริง ดูเหมือนว่าเราต้องคิดใหม่ถึงเรื่องความฝันของเราและการไว้ใจที่มีต่อโฮคาเงะที่มากเกินไป"
อิทาจิตอบอย่างเศร้าใจ "ใช่ ถ้าทุกคนทำภารกิจเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองและไม่ลงโทษคนใกล้ชิดเมื่อพวกเขาทำผิด สุดท้ายหมู่บ้านนี้จะถูกทำลายแม้จะไม่มีเรื่องความขัดแย้งกับตระกูลของเรา"
"ฉันสงสัยว่าสิ่งที่เด็กคนนั้นพูดเกี่ยวกับการวางแผนบางอย่างเพื่อสร้างความสงบสุขกับคุณฟุงาคุ และแก้ไขสถานการณ์ในหมู่บ้านจะเป็นจริงได้หรือไม่"? ชิซุยพูดเพื่อยกระดับอารมณ์ของอิทาจิและมันก็ได้ผลเพราะหมอกควันที่ปกคลุมภายในหัวใจของอิทาจิค่อยๆจางหายไปเล็กน้อย
"ฉันเองได้แต่หวังว่ามันจะเป็นความจริง แต่ไม่ว่าด้วยวิธีใด มันจะไม่เปลี่ยนคำถามที่ทำให้ฉันหนักใจว่า เราจะทำอย่างไรถ้าความขัดแย้งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้นี้เกิดขึ้น เราจะอยู่ฝั่งเดียวกับตระกูลหรือหมู่บ้าน"? อิทาจิถาม หวังว่าเขาจะได้รับคำตอบจากเพื่อนสนิทของเขา
ชิซุยยิ้มอย่างมั่นใจและพูดว่า "ถ้าความฝันของเราที่จะรักษาความสงบสุขในหมู่บ้านเป็นไปไม่ได้ เราแค่ต้องทำให้แน่ใจว่าเราจะทำให้มันกลับมาสงบสุขได้อีกครั้ง หลังจากที่เรารวมพลังกัน ฉันเชื่อว่าพวกเราสามารถทำได้นะ"
อิทาจิยังคงคิดซ้ำๆอยู่ในใจ 'ถ้าเราทำบางอย่างหายก็แค่หามันเอามาคืนกลับมา' และหมอกควันในใจของเขาก็หายไปจนหมดสิ้น และเขายิ้มอย่างสดใสให้กับชิซุย "ขอบคุณ"
และการเดินทางของพวกเขาก็ดำเนินต่อไปโดยไม่รู้ว่ากระแสน้ำอันเชี่ยวกรากบางสายกำลังทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายในหมู่บ้าน...
------------------------------
กลับมาที่โคโนฮะ บาโคริโอะมาถึงหน้าทางเข้าตระกูลอุจิวะ และรู้สึกว่ามีการสอดแนมเพิ่มขึ้น ทำให้เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย
เดิมทีภายใต้ข้อกล่าวหาที่ว่าตระกูลอุจิวะเป็นต้นเหตุของเหตุการณ์เก้าหาง ดันโซเลยสั่งให้ตระกูลอุจิวะทั้งหมดย้ายไปอยู่ที่ชานเมืองเพื่อให้ง่ายต่อการเฝ้าดู แต่พวกเขาสอดแนมที่ทางเข้าหลักของตระกูลเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ตอนนี้บาโคริโอะรู้สึกได้ว่าการสอดแนมของพวกเขาเพิ่มขึ้นมาก
เมื่อเขาเดินเข้าไป เขาเห็นว่าสีหน้าส่วนใหญ่ของนินจาอุจิวะและแม้แต่ชาวบ้านบางคนดูไม่ดีนัก อาจเป็นเพราะสิ่งที่เขาเพิ่งสังเกตเห็น บาโคริโอะจึงตรงไปที่บ้านของฟุงาคุเพื่อถามเหตุผลในขณะที่คิดว่า ' เรื่องราวกำลังจะเปลี่ยนไป....' แต่เขาไม่พบฟุงาคุที่นั่น
อิทาจิไม่ได้อยู่ที่นี่ อาจจะกำลังรายงานภารกิจที่ล้มเหลวของเขาอยู่ แต่ซาสึเกะก็ไม่อยู่เหมือนกัน ดังนั้นเขาจึงถามมิโคโตะคนเดียวที่ยังอยู่ที่บ้าน ซึ่งเขาสังเกตเห็นว่ามิโคโตะกำลังกังวลอะไรบางอย่างเกี่ยวกับตัวเขา ดูเหมือนเธออยากจะบอกแต่ก็ลังเล “มิโคโตะซัง คุณฟุงะคุซังกับซาสึเกะคุงอยู่ที่ไหนครับ?”
มิโคโตะถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเขามีเรื่องที่อยากคุยกับเธอ เธอจึงยิ้มและพูดว่า "ตอนนี้เป็นเวลา 15:50 น. มีการประชุมด่วนภายในตระกูลที่จะเริ่มขึ้นตอน 4 โมงเย็นที่ศาลเจ้านากะ และฟุงาคุก็พาซาสึเกะไปที่นั่นด้วย"
'โฮ่ สถานการณ์เลวร้ายถึงขนาดนี้เลยหรือ? ฉันหวังว่าร่างแยกของฉันที่อยู่กับนารูโตะและซาสึเกะคงไม่ทำให้ถูกสลายไปแล้วนะ' บาโคริโอะคิด
สำหรับมิโคโตะ เธอดูลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายเธอก็พูดขึ้นว่า "ฟุงาคุอยากพาเธอ(บาโคริโอะ)ไปประชุมด้วย แต่เมื่อเขาหาเธอไม่เจอ เขาก็เลยพาซาสึเกะไปคนเดียว"
“ผมเข้าใจแล้ว ขอบคุณที่บอก ผมจะไปที่นั่นเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น และ…” บาโคริโอะหยุดและมองเธอด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ทุกอย่างจะเรียบร้อยดี”
มิโคโตะงุนงงเล็กน้อย มองเด็กที่พยายามปลอบเธอ เธอรู้สึกอบอุ่นในใจ เธอจึงบีบแก้มของเขาและพูดด้วยรอยยิ้ม "อย่าลืมกลับมากินอาหารเย็นกับพวกเรานะ"
"แน่นอนครับ" บาโคริโอะพูดในขณะที่เขาวิ่งออกไปทำให้เธอหัวเราะและหัวใจที่หนักอึ้งของเธอเบาลงเล็กน้อย
ขณะที่บาโคริโอะออกจากบ้านสีหน้าของเขาก็กลับมาเรียบเฉยและเดินตรงไปยังศาลเจ้าซึ่งใช้เวลาไม่นาน
เมื่อเขาไปถึงที่นั่น ไม่มีใครมาขวางเขาและดูเหมือนว่าพวกเขากำลังมองมาที่บาโคริโอะด้วยสายตาที่ซับซ้อน
'โดยปกติแล้วมีเพียงเกะนินขึ้นไปเท่านั้นที่เข้าร่วมการประชุมตระกูลได้โดยไม่มีข้อยกเว้น อิทาจิเองก็เช่นกันแม้ว่าเขาจะมีพรสวรรค์ขนาดไหน เขาก็ได้รับอนุญาต (บังคับโดย Fugaku) ให้เข้าร่วมหลังจากที่เขาเป็นเกะนินไปแล้ว ดังนั้นสำหรับซาสึเกะที่ถูกพามาที่นี่ หมายความว่ามันเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเขา เป็นเพราะฉันหรือนารูโตะ'กันแน่นะ บาโคริโอะคิดอย่างรวดเร็วเมื่อเข้าไปในศาลเจ้านาคะ
ตอนที่บาโคริโอะอยู่ในห้องโถงใหญ่ของศาลเจ้า ทุกคนมองมาที่เขารวมทั้งฟุกาคุรวมถึงทั้งสองคนที่อยู่ข้างๆฟุงาคุก็เหมือนกัน ซึ่งบาโคริโอะเชื่อว่าเป็นผู้ช่วยของเขาและเป็นสมาชิกระดับสูงของกองกำลังตำรวจอุจิวะ
ด้านซ้ายคือ อุจิวะ ยาชิโระ เขาเป็นผู้ชายที่มีผมสีเทาขี้เถ้าและตาเหล่ ในขณะที่อุจิวะ อินาบิ นั่งอยู่ทางขวามือ เขามีผมสีดำยาวประบ่าและดวงตาสีดำเข้ม
บาโคริโอะไม่ได้สนใจสายตาพวกนี้และเห็นว่าซาสึเกะนั่งอยู่แถวหน้า เขาเลยไปนั่งข้างๆเขาทันที ใบหน้าที่เย็นชาของบาดคริโอะก็หายไปเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทางที่มีความสุขของซาสึเกะ "ในที่สุดนายก็มา" ซาสึเกะพูดก่อนที่เขาจะ โดนฟุงาคุดุจนต้องเงียบ
บาโคริโอะลูบหน้าซาสึเกะที่กำลังเศร้าสร้อยและส่งสัญญาณให้เขาว่าเราจะคุยกันในภายหลัง ก่อนที่เขาจะหันกลับไปหาฟุงาคุและใบหน้าของเขาก็กลับมานิ่งอีกครั้งเมื่อเขาพูดว่า "เกิดอะไรขึ้น"
“เจ้าหนู นายคิดว่านายกำลังคุยกับใครอยู่?” ยาชิโระพูด
"อย่ามาพูดกับฉันแบบนี้ ถ้าไม่อยากตาย" บาโคริโอะพูดขณะที่จิตสังหารเริ่มแผ่ออกมาจากร่างกาย และดวงตาของเขาก็กลายเป็นเนตรวงแหวนสามขีดอย่างรวดเร็ว
แน่นอนว่าบาโคริโอะไม่ได้โกรธ แต่จะดีกว่าถ้าแสดงจุดยืนของตัวเองตั้งแต่แรกกับคนแบบนี้ได้ มิฉะนั้นพวกเขาจะคอยรังแกในครั้งต่อไปที่พวกเขาเจอตัวบาโคริโอะแต่ผู้ชายคนนี้สมควรตายจริงๆ...
ทุกคนแปลกใจกับเนตรของบาโคริโอะแต่สงสัยอะไรมากเพราะมีอีกคนที่เป็นเหมือนกันตอนอายุ 5 ขวบ เธอเป็นแฟนของอิซึมินั่นคือ อุจิวะ อิทาจิ แต่พวกเขาตกใจกับจิตสังหารที่บาโคริโอะปล่อยออกมามากกว่า
ขณะที่ยาชิโระพยายามถามกลับว่า "นาย- ทำอะไร" แต่ฟุงาคุรีบตัดบทเขาทันที "พอได้แล้ว ยาชิโระ นายด้วย บาโคริโอะ"
บาโคริโอะมองชายคนนั้นเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ดวงตาของเขาจะกลับมาเป็นปกติ และเขาก็ถามฟุงาคุอีกครั้งว่า "เกิดอะไรขึ้น"?
บาโคริโอะสังเกตเห็นใครบางคนในกลุ่มคนมองมาที่เขาอย่างสงสัย แต่บาโคริโอะไม่ได้มองเขากลับไป 'ชิซุยอยู่ที่นี่เหรอ'? บาโคริโอะคิด
"ฉันจะอธิบายเมื่ออิทาจิมา ฉันแจ้งใครบางคนให้เชิญเขามาที่นี่แล้ว และเขาจะมาเมื่อเสร็จสิ้นการรายงานภารกิจของเขา" ฟุงาคุพูดขณะที่เขามองมาที่บาโคริโอะอย่างประหลาดเมื่อเขาพูดประโยคสุดท้าย
'โอ้ พวกเขาบอกนายด้วยเหรอ ดีเลย' บาโคริโอะคิดขณะที่เขาทำท่าทางให้ฟุงาคุอย่างลับๆว่ารู้แล้ว และในขณะนั้นเอง อิทาจิก็เข้ามาพร้อมกับบุคคลที่ส่งคำเชิญไปให้เขามาที่นี่ ...