ตอนที่ 25 ยินดีต้อนรับ มุไก
อิทาจิอดไม่ได้ที่จะนึกถึงเหตุผลที่เขาโหยหาความสงบสุข
วันที่พ่อของเขาพาเขาไปที่สมรภูมิของสงครามโลกนินจาครั้งที่สามเมื่อเขาอายุได้ 4 ขวบ เขาพยายามช่วยนินจาที่ได้รับบาดเจ็บจากหมู่บ้านอิวะงาคุเระ แต่สิ่งที่เขาได้กลับไม่ใช่คำชื่นชมอย่างที่คิด นินจาคนนั้นกลับมาทำร้ายอิทาจิแทน โชคยังดีที่ฟุงาคุคอยดูอิทาจิอยู่ตลอดเวลาทำให้จัดการนินจาคนนั้นไปได้
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา อิทาจิมีความปรารถนาอย่างมากที่จะนำความสงบสุขมาให้กับหมู่บ้าน เพื่อไม่ให้เรื่องโหดร้ายแบบนั้นเกิดขึ้นอีก
“ใช่ ความสงบสุขอาจถูกทำลายลง แต่สิ่งที่ต้องแลกเพื่อให้ได้มันกลับคืนมาคือการเป็นผู้กระทำความผิด ไม่ใช่เหยื่อ และในตอนนี้ ตระกูลอุจิวะคือเหยื่อ พวกเขาไม่สมควรที่จะถูกป้ายความผิดเพราะความตั้งใจของคนอื่น” บาโคริโอะพูดครั้งนี้ด้วยจิตสังหารที่แผ่ออกมาจากตัวเขา
“กลับไปคิดอีกครั้งสิว่ากำลังทำอะไรอยู่ ไม่ต้องห่วงเรื่องตระกูล เพราะฉันวางแผนใหม่กับฟุงาคุแล้วว่าจะลองแก้ไขปัญาหานี้อย่างสันติ ถ้าอยการู้ก็ไปถามจากปากเขาเอง” อิทาจิดูประหลาดใจกับเรื่องนี้เพราะเขารู้ว่ามันยากที่จะเปลี่ยนแปลงความคิดของพ่อ
"มันเป็นเรื่องจริง รีบกลับไปเดี๋ยวนี้ ฉันมีเรื่องต้องคุยกับมุไค และบอกว่าคุณทำภารกิจนี้ล้มเหลว" บาโคริโอะพูดอีกครั้งก่อนที่จะมีใครได้พูดอะไร
ดังนั้นอิทาจิกับชิซุยจึงพยักหน้าให้บาโคริโอะและชิซุยก็พูดว่า "พวกเราจะคุยกันอีกครั้งที่ศาลเจ้าของตระกูล" ก่อนที่เขาจะมองไปที่มุไกเป็นครั้งสุดท้ายและจากไปพร้อมกับอิทาจิที่ยังไม่ฟื้นสภาพไม่เต็มที่
บาโคริโอะถอนหายใจให้กับความอ่อนต่อโลกของทั้งสองคนนั้น แล้วหันไปมองที่มุไก "คุณจะปล่อยให้พวกเขาจากไปแบบนี้โดยไม่ทำอะไรเลยเหรอ"?
มุไกที่ดื่มเหล้าอยู่เต็มปากและพูดอย่างเฉยเมยว่า "คำถามที่นายต้องกังวลก็คือ นายจะได้กลับไปแบบพวกนั้นหรือเปล่าต่างหาก"
บาโคริโอะหัวเราะเยาะเขา "แน่นอน ยังไงฉันก็กลับไปได้อยู่แล้ว"
“หือ อะไรทำให้นายมั่นใจขนาดนั้น?” มุไกพูดในขณะที่ตาซ้ายของเขาเปลี่ยนเป็นสีขาวซีดอย่างรวดเร็ว เส้นเลือดที่ตึงและโผล่ออกมาจากใต้ใบหน้าของเขา นั่นคือเนตรสีขาวของตระกูลฮิวงะ
"โคอินาตะ มุไก สมาชิกจากตระกูลที่แยกตัวจากตระกูลหลักของฮิวงะเมื่อหลายชั่วอายุคนแล้ว ใครจะคิดว่าคุณจะได้เนตรสีขาวนั้นด้วยสายเลือดที่เจือจาง" บาโคริโอะพูด โดยไม่ใส่ใจกับความพยายามที่ไร้ประโยชน์ของมุไกที่ข่มขู่เขา ก่อนที่เขาจะพูดต่อด้วยความมั่นใจ "ทำไมคุณถึงฆ่าฉันไม่ได้ เพราะฉันมีข้อตกลงที่คุณปฏิเสธไม่ได้ยังไงล่ะ"
เมื่อเห็นว่าเด็กตรงหน้าเขาไม่ได้พูดเล่นเหมือนกัน มุไกถอนหายใจขณะปิดใช้งานเนตรสีขาวและพูดว่า "ฉันจะฟัง แต่ถ้าเกิดมันไม่ถูกใจฉัน นายจะไม่มีวันกลับไปเจอกับพ่อแม่ของนายอีก"
ด้วยเหตุผลบางอย่าง บาโคริโอะนึกถึงพ่อแม่ที่แท้จริงของเขาอีกครั้งทำให้เขาถอนหายใจ "ไม่ต้องห่วงพวกนั้นไม่กล้าทำอะไรหรอก" บาโคริโอะพูด มุไกดูประหลาดใจกับคำตอบนี้และเข้าใจความหมายอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรและรอให้เขาพูดต่อ
"ฉันต้องการให้นายทำงานให้ฉัน เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน ฉันจะยืนยันความปลอดภัยครอบครัวของคุณที่โคโนฮะให้ รวมถึงลูกที่ป่วยของนายด้วย" บาโคริโอะพูดอย่างจริงจัง
สีหน้าของมุไกเปลี่ยนไปอย่างมากก่อนที่จะถามกลับมาว่า "แล้วฉันจะเชื่อนายได้ยังไง เพราะนายเองก็บอกว่าดันโซอาจใช้ครอบครัวของฉันเพื่อเป็นเหยื่อล่อ"
“ในขณะเดียวกัน ฉันเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่านายจะไม่หักหลังฉัน มันเป็นการเดิมพันที่เราสองคนต้องเผชิญ และฉันก็เสี่ยงไปมากแล้วด้วยการเปิดเผยตัวเองให้อิทาจิกับชิซุยเห็น ดังนั้นนายจงเลือกทางของนายเอง” บาโคริโอะพูดอย่างเฉยเมย
มุไกตกอยู่ในห้วงความคิด แต่ไม่ว่าเขาจะคิดอย่างไร นี่เป็นโอกาสเดียวที่เขามีในการปกป้องครอบครัวของเขาและรับประกันความอยู่รอดของลูกชาย
เมื่อนึกถึงลูกชายของเขา เขาอดไม่ได้ที่จะเห็นภาพของลูกเขาในหัวที่กำลังดิ้นรนอยู่ในโรงพยาบาลโดยไม่มีใครจ่ายค่ารักษาราคาสูง มันเป็นภาพที่บีบหัวใจของมุไกมากๆ
'ฉันทรยศโคโนฮะเพื่อลูกของฉัน การตามเด็กคนนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรถ้าฉันสามารถช่วยครอบครัวได้ด้วยตัวฉันเอง' มุไกคิดและตัดสินใจ
“ฉันตกลง แต่ฉันต้องการการรับประกันว่านายจะรักษาสัญญา” มุไกพูดอย่างจริงจัง
บาโคริโอะส่ายหัวและพูดว่า "ฉันไม่สามารถรับประกันเรื่องนั้นกับนายได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนนี้ ฉันต้องการให้นายทำงานนอกหมู่บ้าน แต่นายสามารถส่งร่างแยกของนายเพื่อมาตรวจดูครอบครัวของนายได้ทุกเมื่อที่นายต้องการ เพราะถ้าไม่เป็นแบบนั้น มันจะส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของนาย"
“ก็ได้ แต่ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเขา ฉันจะฆ่านายเป็นคนแรก” มุไกพูดด้วยสีหน้าที่น่ากลัว
"อย่ากังวลไปเลย ฉันไม่ผิดสัญญากับใครง่ายๆในตอนนี้ เพื่อสิ่งที่ฉันต้องการให้นายทำ อย่างแรก ฉันต้องการให้นายตามหา เซ็นจู สึนาเดะ นี่อาจเป็นประโยชน์ต่อนายด้วยซ้ำ เพราะเธออาจสามารถช่วยรักษาลูกชายของนายได้ อย่างที่สองฉันต้องการให้นายติดต่อกับกลุ่มพ่อค้าซาคางามิ "บาโคริโอะพูด
มุไกดีใจกับภารกิจแรกเพราะมันเป็นหนึ่งในเป้าหมายของเขา แต่ก่อนหน้านี้เขาไม่มีเวลาระหว่างหน้าที่และภารกิจเป็นสายลับสองหน้า ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถไปตามหาเธอได้
สำหรับภารกิจที่สอง เขาสงสัยจึงถาม "กลุ่มพ่อค้าซาคางามิไม่ได้ใกล้ชิดกับตระกูลอุจิวะของนาย ทำไมนายถึงต้องการติดต่อกับพวกเขาแบบนี้"?
บาโคริโอะมองเขาอย่างเย็นชา "นายไม่จำเป็นต้องรู้เหตุผล แค่พาร่างแยกของฉันไป แล้วร่างแยกฉันจะจัดการต่อเอง"
มุไกตอบว่า "ได้" และไม่ได้ถามอะไรไปมากกว่านี้ ในฐานะมืออาชีพ เขารู้ว่าจะไม่เจาะลึกในสิ่งต่างๆมากเกินไปและทำเพียงแค่ภารกิจที่ได้รับมอบมาเท่านั้น
"เอาอันนี้ไปใช้ติดต่อฉันสิ ถ้านายต้องการอะไร ฉันจะได้รู้" บาโคริโอะพูดและยื่นอุปกรณ์ที่มีรูปร่างเหมือนต่างหูที่ทำขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้โดยความร่วมมือระหว่างบาโคริโอะกับมินาโตะและคุชินะ
อุปกรณ์นี้คล้ายๆผนึกและทำหน้าที่เป็นวิทยุสองทาง บาโคริโอะขอให้มินาโตะและคุชินะช่วยเขาสร้างหลังจากที่อธิบายให้พวกเขาฟังว่าความถี่ทำงานอย่างไร
ส่วนที่ยากที่สุดคือการจำลองความถี่มอดูเลตและดีโมดูเลตเพื่อให้สามารถส่งความถี่เหล่านั้นไปยังระยะไกลได้ แล้วในที่สุดก็สามารถทำได้สำเร็จ แล้วยังสร้างอุปกรณ์ที่ทำงานเป็นเครื่องส่งสัญญาณเพื่อขยายขอบเขตของการสื่อสาร บาโคริโอะจะปล่อยให้พวกมันติดมากับร่างแยกของมุไก เพื่อวางมันไว้ในที่ซ่อนต่างๆตลอดการเดินทางเพื่อสร้างเครือข่ายการสื่อสารขนาดใหญ่
มุไกตรวจสอบอุปกรณ์สักครู่เพื่อหากับดักที่ซ่อนอยู่เพราะเขายังไม่ไว้วางใจมันก่อนที่จะทดสอบ
มันใช้งานง่ายแค่เพิ่มจักระเข้าไประหว่างที่นายพูด เขาจึงพูดว่า "มันใช้งานได้จริงเหรอ?" ในขณะเดียวกัน อุปกรณ์ที่คล้ายกันอีกชิ้นที่บาโคริโอะถืออยู่ก็เริ่มสั่น หลังจากที่เขาเพิ่มจักระเข้าไป เสียงของมุไกก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ก็ยังได้ยินชัดเจน "มันใช้งานได้จริงเหรอ?"
มุไกไม่สามารถเก็บความประหลาดใจไว้ได้ เพราะหากมีอุปกรณ์นี้ เขาก็ไม่จำเป็นต้องพบกับพวกนินจาคิรินินเหล่านั้นเพื่อบอกข้อมูล และเป็นไปได้ว่าโคโนฮะจะไม่มีทางรู้เกี่ยวกับการทรยศของเขาด้วย
บาโคริโอะทำให้เขาหายจากความงงด้วยการเรียกร่างแยกเงาที่รู้ว่าภารกิจของเขาคืออะไร ร่างแยกนั้นจึงพยักหน้าให้มุไกและเริ่มออกเดินทางพร้อมกับเขาในขณะที่บาโคริโอะคิดเกี่ยวกับการเดินทาง 3 ชั่วโมงอันยาวนานที่ใช้ในการกลับบ้าน
'มาดูกันว่านายจะผ่านบททดสอบนี้ไหม อิทาจิ จะทรยศต่อความเชื่อใจเล็กๆน้อยๆที่ฉันมีให้ หรือจะเก็บเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ไว้เป็นความลับ วิธีที่ฉันจะจัดการกับนายขึ้นอยู่กับเรื่องนี้' บาโคริโอะคิด
ถูกต้อง นี่คือการทดสอบเพื่อดูว่ามันคุ้มค่าที่จะเสี่ยงกับอิทาจิหรือไม่ การมีคนเก่งก็เป็นเรื่องดี แต่ถ้าเขากำลังจะเป็นศัตรูของตัวบาโคริโอะเอง ก็ควรจัดการกับเขาก่อนที่เขาจะแข็งแกร่งขึ้นในอนาคต
'หวังว่าครั้งนี้นายกับชิซุยจะใช้สมองเพื่อคิดอย่างถูกต้องและเลิกทำตัวเป็นเด็กได้แล้ว' บาโคริโอะคิดในขณะที่รีบเดินทางกลับโคโนฮะ....